ในหลวง คุณยายไข่ และไม้กวาดทางมะพร้าว ผมอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์เมื่อตอนเช้าของวันที่ 23 กันยายน 2552 เห็นข่าวว่า พระอาการ "ในหลวง" ดีขึ้น ทำให้นึกถึงเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ... ตอนนั้นผมทำงานเป็นนักข่าวใหม่ ๆ มีอยู่วันหนึ่งพี่นักข่าวมอบหมายให้ไปสังเกตการณ์ที่โรงพยาบาลศิริราช
วันนั้น เป็นวันที่ ในหลวง ทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับพระราชวังหลังจากที่ทรงฟื้นพระวรกายจากอาการประชวร จำได้ว่า ผมไปโรงพยาบาลศิริราชในวันนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ เห็นผู้คนมากมายที่มาเข้าเฝ้าจนทำให้นักข่าวใหม่อย่างผมเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก เลยค่อย ๆ เลียบเคียงพูดคุยกับลุงป้าน้าอาที่อยู่ในบริเวณนั้น จนผมได้พบกับ ... ยายไข่
ด้วยความที่ผมเป็นคนติดคุณยายตั้งแต่ยังเด็ก การนั่งคุยกับยายไข่จึงทำให้รู้สึกอบอุ่นคล้ายกันกับนั่งคุยกับยายของตัวเอง ผมเลยนั่งคุยกับคุณยายคนนี้เรื่อย ๆ จนคิดว่า น่าจะนำเรื่องคุณยายไข่มาเขียนลงในหนังสือพิมพ์ดีกว่า บทความที่ชื่อ "ในหลวง คุณยายไข่ และไม้กวาดทางมะพร้าว" จึงเกิดขึ้นและได้ลงใน DLife นิตยสารที่แนบในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
สำหรับนักข่าวใหม่แล้ว การเขียนบทความดี ๆ ที่อยากเขียนสักบทความลงในหนังสือพิมพ์ เพียงเท่านี้ก็อิ่มใจแล้ว แต่หลังจากที่บทความนี้ลงในหนังสือพิมพ์สักระยะ มีพี่นักข่าวคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะทำงานผมแล้วเล่าให้ฟังว่า "เพื่อนพี่เขาได้อ่านงานชิ้นนี้ของแก พออ่านจบแล้ว พี่เขาน้ำตาซึมเลย"
ผมได้ยินประโยคนี้แล้ว ความรู้สึกบางอย่างท่วมท้นอยู่ในหัวใจ ในฐานะนักข่าวผู้พยายามถ่ายทอดเรื่องราวของคน ๆ หนึ่งออกมาเท่าที่จะสามารถจะทำได้ ผมจึงดีใจในฐานะที่เป็น "ผู้เขียน" เท่านั้น เพราะฉะนั้น คำชมทั้งหมดนี้ ผมอยากจะมอบให้ยายไข่ทั้งหมด ในฐานะคนที่มีชีวิตจริงที่มอบความภักดีทั้งหมดให้กับ "พ่อหลวง" ของเรา
ตอนนี้ผ่านมา 2 ปีแล้ว ผมยังเป็นนักข่าวอยู่ ไม่ได้เจอยายไข่อีกเลย แต่คิดถึงยายไข่ครับ... จึงขอนำเรื่องราวของยายไข่ มาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันอีกครั้งครับ
ณ โรงพยาบาลศิริราช ราว ๆ ใกล้เที่ยงของวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 ... ภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์สีชมพูกำลังเสด็จพระราชดำเนินกลับพระราชวังหลังจากที่ทรงฟื้นพระวรกายจากอาการประชวร คงจะเป็นภาพแห่งความทรงจำของชาวไทยทุกคน ประชาชนจำนวนมากที่มาชมพระบารมีของพระองค์ท่านที่โรงพยาบาลศิริราชต่างน้ำตานองหน้าด้วยความดีใจ เสียงตะโกนว่า "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องโรงพยาบาล
ใครจะรู้บ้างว่า ขณะที่ทุกคนกำลังปลาบปลื้มใจอยู่นั้น ณ มุมเล็ก ๆ ตรงนั้น ยังมี คุณยายไข่ หม่อมสระ...หญิงแก่อายุ 77 ปี จากดินแดนที่ราบสูงกำลังซับน้ำตาแห่งความยินดีหลังจากที่คุณยายปักหลักเอาใจช่วยพระองค์ท่านอยู่ที่โรงพยาบาลถึง 9 วัน
เรื่องราวเริ่มต้นจาก ณ บ้านโคกหมากเหลี่ยม ต.หนองคูขาด อ.บรบือ จ.มหาสารคาม คุณยายไข่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์แล้วได้ยินข่าวว่า ในหลวงทรงพระประชวร ด้วยความเป็นรักและเป็นห่วงในหลวง น้ำตาของคุณยายเริ่มกลั่นออกมาทันที
ที่หลังบ้านของคุณยายมีต้นมะพร้าวอยู่ 6 ต้น คุณยายได้ใช้ให้ลูกชายไปตัดทางมะพร้าวเพื่อนำมาเหลาเป็นไม้กวาด คุณยายได้เหลาทางมะพร้าวทีละก้าน ๆ เหลาไปน้ำตาไหลไป เพราะใจนึกถึงแต่ในหลวงตลอดเวลา จนในที่สุด คุณยายได้ไม้กวาดทางมะพร้าวเล็ก ๆ 4 ด้าม
คุณยายไข่เชื่อว่า เวลามีใครป่วย ถ้ามีญาติพี่น้องไปเยี่ยมเยียน ผู้ป่วยจะมีกำลังใจต่อสู้กับอาการป่วยไข้นั้นได้
คิดได้ดังนั้น คุณยายจึงเก็บเสื้อผ้าใส่ลังแล้วตัดสินใจเข้าไปกรุงเทพ เพื่อไปร่วมให้กำลังใจในหลวงพร้อมกับไม้กวาดทั้ง 4 ด้ามนั้นทันที
แม้ว่าลูกหลานจะทัดทานไม่ให้ออกเดินทางไปเมืองกรุง ด้วยเหตุผลทางสุขภาพ เพราะคุณยายไข่ยังเจ็บหลังอยู่จนต้องใช้ผ้ารัดไว้ตลอดเวลา รวมไปถึงเวลาเดินไปที่ไหนคุณยายก็เดินลำบากต้องใช้ไม้เท้าเสมอ แต่ถึงอย่างไร คุณยายไข่ก็เดินทางโดยรถไฟจากมหาสารคามไปยังกรุงเทพแล้ว
หลังจากที่ไม่เคยมาเมืองฟ้าอมรแห่งนี้กว่า 30 ปีแล้ว ตีห้าของวันที่ 30 ตุลาคม รถไฟสายอีสานขบวนหนึ่งจอดที่ปลายทาง นั่นคือ สถานีรถไฟหัวลำโพง หญิงชราค่อย ๆ ลงมาจากรถ แล้วมองหาพาหนะที่จะพาตนเองไปยังโรงพยาบาลศิริราช
คุณยายไข่ตัดสินขึ้นรถตุ๊กตุ๊กด้วยราคารับจ้างที่ตกลงกันไว้ว่า 50 บาท สารถีของรถตุ๊กตุ๊กคันนี้ได้พูดคุยกับยายไข่ในระหว่างทางโดยสาร จนได้ทราบถึงความมุ่งหมายอันแรงกล้าของหญิงชราหัวใจแกร่งผู้นี้
เมื่อถึงโรงพยาบาลศิริราช คนขับรถตุ๊กตุ๊กกลับไม่คิดเงินกับคุณยายไข่สักบาท แถมยังช่วยยกสัมภาระส่วนตัวของคุณยายไปยังเต็นท์สำหรับคนมาเฝ้าในหลวง ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นคนอีสานเหมือนกัน และเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้นก็คือ เขาทั้งสองมีความรักในคนคนเดียวกัน นั่น คือ "ในหลวง" นั่นเอง
คุณยายไข่จึงขอยึดพื้นที่เล็ก ๆ ภายในเต๊นท์ เพื่อเป็นรังนอนชั่วคราวเพื่อเอาใจช่วยจนกว่าในหลวงจะหายจากอาการประชวร
ไม่ใช่ว่าคุณยายมาอยู่ที่โรงพยาบาลโดยไม่ทำอะไรเลย เพราะในทุกเช้า คุณยายจะช่วยกวาดเศษใบไม้ใบหญ้าในบริเวณนั้น ตามแต่กำลังจะอำนวย ด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวของยาย แล้วทั้งวัน กิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงถวายพระพรหรือสวดมนต์ ยายไข่จะเข้าร่วมด้วยเสมอ
หลายวันเข้า คนที่มาร่วมเอาใจช่วยในหลวงเริ่มคุ้นเคยกับคุณยายผู้นี้ แล้วมิตรภาพดี ๆ ก็เกิดขึ้น อย่างเช่น เวลามีแจกอาหาร ตำรวจจะหยิบอาหารมาให้คุณยายไข่เสมอ เพราะคุณยายเดินลำบาก บางคนรู้ว่าคุณยายโปรดปรานอาหารอีสาน ถึงกับกลับบ้านเพื่อไปทำอาหารอีสานมาให้ นอกจากนี้ หลายคนก่อนกลับบ้าน มักจะมาไหว้คุณยายก่อนเสมอ
และแล้ววันที่ 9 ของการอยู่ที่โรงพยาบาลของคุณยายไข่ คำอธิษฐานของคุณยายก็เป็นจริง ในหลวงมีพระวรกายที่แข็งแรงขึ้น จนสามารถกลับพระราชวังได้แล้ว
คุณยายไข่อธิษฐานว่า ถ้าในหลวงแข็งแรงดีแล้ว คุณยายจะนำไม้กวาดทั้ง 4 ด้ามไปทำบุญให้กับโรงพยาบาลศิริราช วัดมหาธาตุ (ท่าพระจันทร์) วัดพระแก้ว และวัดระฆัง โดยที่คุณยายจะช่วยกวาดเศษใบไม้ใบหญ้าในสถานที่แห่งนั้นด้วย
ในวันที่ในหลวงออกจากโรงพยาบาล ผู้เขียนได้พาคุณยายไข่ไปส่งที่วัดมหาธาตุ คุณยายตั้งใจจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งเพราะมีคนที่คุณยายรู้จักอยู่ที่วัดนี้ แล้วคุณยายจะค่อย ๆ เดินทางออกไปทำบุญทีละวัด ๆ เพื่อทำความดีถวายในหลวง
หวังว่าภาพของหญิงชราที่ค่อย ๆ กวาดเศษใบไม้ใบหญ้าคงจะกระตุ้นให้หลายคนอยากจะทำความดีในวันนี้ขึ้นมาบ้าง
บทความโดย คุณ
Coppinocchioคัดมาจาก peentungdoodao.exteen.com
Pic by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอมอนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ