ผู้เขียน หัวข้อ: ย่อมยุบ ไม่ก่อ ขว้างทิ้ง ไม่ถือเอา ซึ่งขันธ์ 5  (อ่าน 1151 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด




ย่อมยุบ ไม่ก่อ ขว้างทิ้ง ไม่ถือเอา ซึ่งขันธ์ 5
การละนันทิในอารมณ์ รูปแบบต่างๆ (3)
ย่อมยุบ ไม่ก่อ ขว้างทิ้ง ไม่ถือเอา ซึ่งขันธ์ 5

ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้

รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน มีในภายในหรือภายนอกก็ตาม
หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือในที่ใกล้ก็ตาม

รูปทั้งหมดนั้นบุคคลควรเห็นด้วยปัญญาโดยชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า
“นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา” ดังนี้
( ในกรณีแห่ง เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตรัสไว้อย่างเดียวกัน แล้วตรัสต่อไปว่า )

ภิกษุทั้งหลาย ! อริยสาวกนี้ เรากล่าวว่า
เธอย่อมยุบ – ย่อมไม่ก่อ
ย่อมขว้างทิ้ง – ย่อมไม่ถือเอา
ย่อมทำให้กระจัดกระจาย – ย่อมไม่ทำให้เป็นกอง
ย่อมทำให้มอด – ย่อมไม่ทำให้ลุกโพลง

อริยสาวกนั้น ย่อมยุบ-ย่อมไม่ก่อ ซึ่งอะไร ?
เธอย่อมยุบ-ย่อมไม่ก่อ ซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ

อริยสาวกนั้น ย่อมขว้างทิ้ง-ย่อมไม่ถือเอา ซึ่งอะไร ?
เธอย่อมขว้างทิ้ง-ย่อมไม่ถือเอา ซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ

อริยสาวกนั้น ย่อมทำให้กระจัดกระจาย-ย่อมไม่ทำให้เป็นกอง ซึ่งอะไร?
เธอย่อมทำให้กระจัดกระจาย-ย่อมไม่ทำให้เป็นกอง ซึ่งรูป ซึ่งเวทนา…ซึ่งวิญญาณ

อริยสาวกนั้น ย่อมทำให้มอด-ย่อมไม่ทำให้ลุกโพลง ซึ่งอะไร ?
เธอย่อมทำให้มอด-ย่อมไม่ทำให้ลุกโพลง ซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา…ซึ่งวิญญาณ

           

ภิกษุทั้งหลาย ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป แม้ในเวทนา แม้ในสัญญา แม้ในสังขาร แม้ในวิญญาณ

เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด
เพราะความคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น
เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว


อริยสาวกนั้น ย่อมทราบชัดว่า
“ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้สำเร็จแล้ว
กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้

ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุ ( ผู้ซึ่งหลุดพ้นแล้ว ) นี้ เราเรียกว่า
ไม่ก่ออยู่-ไม่ยุบอยู่ แต่เป็นอันว่ายุบแล้ว-ดำรงอยู่
ไม่ขว้างทิ้งอยู่-ไม่ถือเอาอยู่ แต่เป็นอันว่าขว้างทิ้งแล้ว-ดำรงอยู่
ไม่ทำให้กระจัดกระจายอยู่-ไม่ทำให้เป็นกองอยู่ แต่เป็นว่าทำให้กระจัดกระจายแล้ว-ดำรงอยู่
ไม่ทำให้มอดอยู่-ไม่ทำให้ลุกโพลงอยู่ แต่เป็นอันว่าทำให้มอดแล้ว-ดำรงอยู่

ภิกษุนั้น ไม่ก่ออยู่-ไม่ยุบอยู่ แต่เป็นอันว่ายุบ ซึ่งอะไรแล้ว ดำรงอยู่ ?
เธอไม่ก่ออยู่-ไม่ยุบอยู่ แต่เป็นอันว่ายุบ ซึ่งรูป ซึ่งเวทนา…ซึ่งวิญญาณ แล้ว ดำรงอยู่

ภิกษุนั้น ไม่ขว้างทิ้งอยู่-ไม่ถือเอาอยู่ แต่เป็นอันว่าขว้างทิ้ง ซึ่งอะไรแล้ว ดำรงอยู่ ?
เธอไม่ขว้างทิ้งอยู่-ไม่ถือเอาอยู่ แต่เป็นอันว่าขว้างทิ้ง ซึ่งรูป…ซึ่งวิญญาณ แล้ว ดำรงอยู่

ภิกษุนั้น ไม่ทำให้กระจัดกระจายอยู่-ไม่ทำให้เป็นกองอยู่
แต่เป็นอันว่าทำให้กระจัดกระจาย ซึ่งอะไรแล้ว ดำรงอยู่ ?
เธอไม่ทำให้กระจัดกระจายอยู่-ไม่ทำให้เป็นกองอยู่
แต่เป็นอันว่าทำให้กระจัดกระจาย ซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา…ซึ่งวิญญาณ แล้ว ดำรงอยู่

ภิกษุนั้น ไม่ทำให้มอดอยู่-ไม่ทำให้ลุกโพลงอยู่
แต่เป็นอันว่าทำให้มอด ซึ่งอะไรแล้ว ดำรงอยู่ ?
เธอไม่ทำให้มอดอยู่-ไม่ทำให้ลุกโพลงอยู่
แต่เป็นอันว่าทำให้มอดซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ แล้ว ดำรงอยู่

ภิกษุทั้งหลาย ! เทวดาทั้งหลาย พร้อมทั้งอินทร์ พรหม และปชาบดี
ย่อมนมัสการภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้ มาจากที่ไกลเทียว กล่าวว่า
“ข้าแต่ท่านบุรุษอาชาไนย ! ข้าแต่ท่านบุรุษผู้สูงสุด ! ข้าพเจ้าขอนมัสการท่าน
เพราะข้าพเจ้าไม่อาจจะทราบสิ่งซึ่งท่าน อาศัยแล้วเพ่ง ของท่าน” ดังนี้
-ขนฺธ. สํ. 17/105-110/158-164.



หน้าที่ที่พึงกระทำ สำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ ยังไม่หลุดพ้น
* เธอย่อมยุบ – ย่อมไม่ก่อ ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
* ย่อมขว้างทิ้ง – ย่อมไม่ถือเอา ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
* ย่อมทำให้กระจัดกระจาย – ย่อมไม่ทำให้เป็นกอง ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
* ย่อมทำให้มอด – ย่อมไม่ทำให้ลุกโพลง ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

สำหรับผู้ที่หลุดพ้นแล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพราะได้ทำเสร็จจบไปแล้ว-ดำรงอยู่
* ไม่ก่ออยู่-ไม่ยุบอยู่ แต่เป็นอันว่ายุบแล้ว-ดำรงอยู่
* ไม่ขว้างทิ้งอยู่-ไม่ถือเอาอยู่ แต่เป็นอันว่าขว้างทิ้งแล้ว-ดำรงอยู่
* ไม่ทำให้กระจัดกระจายอยู่-ไม่ทำให้เป็นกองอยู่ แต่เป็นว่าทำให้กระจัดกระจายแล้ว-ดำรงอยู่
* ไม่ทำให้มอดอยู่-ไม่ทำให้ลุกโพลงอยู่ แต่เป็นอันว่าทำให้มอดแล้ว-ดำรงอยู่
            facebook.com / พระพุทธเจ้า