แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น

นิทานปู่ลิง :โลกมีสอง....ธรรมมีหนึ่ง?

<< < (3/5) > >>

ฐิตา:


เซน มีฌานทุกขณะจิต
//-ชาวเซน มักจะถูกมองว่า"เพี้ยน"
หลักของเซน มีสี่ข้อ
1.-ไม่เกี่ยวกับตัวอักษร
เว่ยหล่าง ปริสังฆนายก องค์ที่หก ของเซน
อ่านหนังสือไม่ออก แต่บรรลุ"เซน"
ในขณะทำงานตำข้าวในครัว
2.-ตรงเข้าสู่จิต
ชาวเซน จะใช้สติ สมาธิ วิริยะ ปัญญา ส่องดูพฤติจิต ทุกลมหายใจเข้าออก
3.-บรรลุโดยฉับพลัน
จริงๆน่าจะเป็นบรรลุโดยไม่เนิ่นช้า ตามหลัก นิปปปัญจธรรมหรือธรรมะ ภาพปฏิบัติ
โพธิปักขิยธรรม37 ประการ เรี่มจากฝึกปลุกสติตื่น
ดู กาย เวทนา จิต ธรรม ทำงาน
4.-ทุกคนมีธาตุ"พุทธะ" ต่องที่มีคนรู้วิธีปลุกให้ตื่น กับไม่รู้
.......................



การฝึกเพื่อบรรลุเซน หรือมีฌานทุกขณะจิต
ทั้ง รูปฌาน อรูปฌาณ โลกุตระฌาน อันมีวิปัสสนาญาน เป็นต้น
จน มีความหนักแน่นใน
-อารมณ์ เหลือแค่ ปิติ สุข อุเบกขา เอกจิต
พวก รัก โกธ โลภ หลง กลัว อิจฉา บ้าอำนาจ ขจัดทิ้งหมดเชื้อบ้า
-วิสัยทัศน์(จักขุมา)
มองโลกด้วยตาปัญญาทั้งสี่
พุทธจักขุ ธรรมจักขุ สมันตะจักขุ(ความรู้รอบตัวหลากหลายวิชาการ) ทิพย์จักษ์ เห็นความละเอียดอ่อน ลึกซึ้งเกินมนุษย์ธรรมดา
-ความคิดหนักแน่น คิด10มิติเป็น
-สติปัญญาตัดสินใจ พึงใจในปัจจุบันธรรมหนักแน่น
(ไม่รำพึงอดีตด้วยอาลัย ไม่กังวลอนาคต ที่มาไม่ถึง มีสติพร้อมในปัจจุบัน ทุกลมหายใจเข่้าออก)
..................................



การฝึกเซน
-ทำหน้าที่ ประจำวัน วัตร ที่สมณะ หรือคนมีครอบครัว พึงทำเป็นปกติวิสัย
(การทำงานที่มีสัมมาสติโพธิปัญญากำกับคือการปฏิบัติธรรม)
-ทำซาเซน สมาธิแบบลืมตา
เห็นโลกข้างนอก เห็นพฤติจิตตนข้างใน)
-ขบคิดโกอาน หรือคิดปริศนาธรรมที่อาจารย์มอบให้เช่น
"เสียงจาก การตบมือข้างเดียว"
.....................................



นิทานเซน มีเรื่องขำๆ มากมายเช่น
วันหนึ่งศิษย์เซน ผ่านศาลเจ้า มีงานประจำปี
ศิษย์ศาลเจ้า กำลังแจกยันต์กันภัย
"กันผี กันโจร กันอัคคีภัย เป็นมงคล รำรวย รุ่งเรือง"
ศิษย์เซนก็ ถามว่า"กันไฟได้จริงเหรอ?"
ถามซำๆ จน คนแจกยันต์ชักยัวะ เสียงดัง คนมามุงกันเต็ม
"เอารับก็ได้" คนแจกยันต์ยิ้ม
ศิษย์เซน เอายันต์โยนเข้ากองไฟ ที่เผากระดาษเงินกระดาษทอง ไฟก็ไหม้
ของดี เอาไปเผาไฟทำไม?
ก็จะดูว่า ยันต์วิเศษจะเอาตัวรอดจากไฟได้อย่างไร?
ช่วยตัวเองก่อนนะยันต์ศักดิ์สิทธิ์
นึกถึง คนแขวนพระเครื่องดังราคาสิบล้าน
ถูกทุบเอาพระไป เวรกรรม
......................................
พระนั้นรอด แต่คน ที่แขวนพระอาจไม่รอด



Suraphol Kruasuwan
สนทนาธรรมตามกาล  -  10:35 AM 27.6.56

             
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Jul 6, 2015
 
55555+
สอนแบบชาวเซน
ลูกศิษย์ไปพบอาจารย์เซน
ถามอาจารย์เซน
"ทำอย่างไร จะทำให้ใจสงบ"
อาจารย์โยนมีดให้
"ควักใจออกเจ้ามา ข้าจะทำให้สงบ"
สักพักศิษย์ตอบว่า"ข้าหาใจข้าไม่เจอ"
อิๆ ขืนเจอ ก็หยุดหายใจไปแล้ว อิๆ
ขอบคุณครับ

          เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER

ฐิตา:



 
คำสั่งสอน พุทธเจ้าถ่ายทอด
-ธรรมธิษฐาน.......สอนเป็น หลักการเหตุผล
-บุคลาธิษฐาน.....เป็นวรรณกรรมสมมุติเป็นบุคคลเรื่องราว เช่นชาดก
-อวจนะภาษา...ภาษาที่ไม่ใช่คำพูด แบ่งออกเป็นสอง
....ภาษาสัญลักษณ์....เช่นวันหนึ่งพุทธเจ้า ยกดอกบัวชูในหมู่สงฆ์
มีแต่พระมหากัสสปะ ยิ้มอยู่...จึงทรงมอบดอกบัวไว้
คนที่ธาตุเสมอกัน จึงเข้าใจ
...ภาษาศิลป์ เป็นพุทธศิลป์
เช่นพระปฏิมา งานลวดลายศิลป์ ตามศาสนสถาน



//-วัด ภาคเหนือส่วนมากจะมีสิงห์ เฝ้าประตู มีผู้ถอดความหมายไว้สาม
1.พุทธเจ้า ประกาศศาสนา(บรรลือสีหนาถ)
-เราตัรสรู้ชอบด้วยตนเอง
-เราทำอาสวะสิ้นแล้ว
-ผู้ปฏิบัติตามเรามีอยู่(มีพระอริยบุคคลอยู่ในโลก เพราะปฏิบัติตามคำสั่งสอน)
-ธรรมะเราจำแนก แจกแจงไว้ดีแล้ว
ด้วยเหตุทั้งสี่ เราจึงประกาศธรรมด้วยความกล้าหาญดังราชสีห์ คำรน ฉนี้
2.พระเจ้าอโศก ทรงใช้ประกาศธรรมจักร แทนพิชิตด้วยอาวุธ
ธงประจำพระองค์ คือราชสีห์
3.นามธรรมคือความคิด ต้องเฝ้าคัดเลือก สิ่งดีๆ เย็น
ให้แก่ชีวิต
สาธุ


                        Suraphol Kruasuwan
                        สนทนาธรรมตามกาล

ฐิตา:


 
 //-ทศพลญาณ เป็นกำลังของปัญญาพุทธธรรม
ที่มองเห็นความจริงของธรรมชาติ
ปู่มักเอามาใช้เป็นแว่นส่องโลก
(ในแง่มุมอารมณ์ทุกข์ ของมนุษย์ที่แตกต่างกัน)เสมอ
และไม่ได้จดจำแบบเรียงลำดับในตำรา แต่ก็ครบถ้วน สิบประการเช่นกัน อิๆ

1.-มนุษย์ ประกอบ ด้วย"ธาตุ"ต่างกัน
ทั้งธาตุ ที่เป็นองค์ประกอบเคมีแบบวิทยาศาสตร์ ธาตุที่เป็นคุณภาพของจิต
คุณภาพระดับความเป็นมนุษย์(มนุษย์ธรรม)

2.-มนุษย์ ประกอบด้วย "อินทรีย์ "ต่างกัน
หรือความสามารถ กาย จิต สติ ปัญญา สมาธิไม่เท่ากัน

3.-มนุษย์ มีอัธยาศัยต่างกัน
รวมทั้ง ความสามารถพ้นอุปทานทุกข์

4.-มนุษย์มี"กรรม" ต่างกัน
ด้วยผลของ การกระทำของ
-บิดามารดา
-กรรมพันธุ์
-สิ่งแวดล้อม
-และเจตนาทุกครั้งที่คิด
ปรุงเป็นอารมณ์ อุดมการณ์จุดมุ่งหมายในชีวิต องค์ความรู้

5.-มนุษย์มี"กิเลส" ต่างกัน
และความสามารถหลุดพ้น
อำนาจอุปทานในกิเลสไม่เท่ากัน(วิมุติ)
ไม่ว่ากิเลส ระดับสั่งการ ความคิด อภิสังขาร อารมณ์ มานะ ทิฎฐิ
กิเลส ระดับก่อกวน คือประสพการณ์ การเรียนรู้เดิม ในการแก้ปัญหายามผัสสะโลก
กิเลสระดับ แรงขับ คือพลังสิ่งมีชีวิต คือความอยาก ชนะ ยิ่งใหญ่ อมตะ กลัว



6.-มนุษย์ มีการผุด"เกิดขึ้น"
ในภูมิจิต ธรรม ปัญญาต่างกัน ยามผัสสะโลก ไม่เท่ากัน

7.-มนุษย์มีความสามารถ "ระลึกภูมิ จิต"
ที่ ความรู้สึกว่า ตนมีอยู่เคยอาศัย ไม่เท่ากัน

8.-มนุษย์มีความสามารถ" ทำลายอาสวะ"
ที่เป็นขยะปรุงจิต ที่มาจาก
-การเก็บไว้ในความทรงจำ
-ที่เก็บเข้ามาใหม่
-ที่คิด
-ที่สร้างอารมณ์
-ที่สร้างเจตนา
และสติในการรู้ว่า
คิดอย่างไร จะได้จิตปรุงแต่งภูมิไหน
เป็นภัยต่อชีวิตร่างกายกันหรึอไม่
(พิษเกิดจาก อารมณ์ ที่ร่างกายสร้าง
หรือ มะเร็งในอารมณ์
จนเกิดสารเคมีพิษ กระตุ้นให้เกิดมะเร็งทางสมอง
ร่างกายจริงๆ)

9.มนุษย์ มีความ"ฉลาดในการ ฝึกฝนตน"
-ทั้งทางวจี
-จิต
-บุคลิก
-อารมณ์
-ปฏิสันฐานธรรม
เพื่อพ้นจากอุปทานทุกข์ไม่เท่ากัน

10.มนุษย์มีความสามารถ รับรู้ขีดจำกัด
"ความเป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้"
ของมนุษย์ และธรรมชาติ ไม่เท่ากัน
ที่มีต่อ กฎธรรมชาติ วิวัฒน์ พัฒนาการ
ความเป็นเหตุผลต่อเนื่องของการปรุงแต่ง
และการหมุน จิตพ้นจาก
-จิตวิปลาส
-ทิฎฐิวิปลาส
-คติวิปลาส
-สัญญาวิปลาส
ไม่เท่าเทียมกัน



//-ความรู้ที่เป็นทศพลญาณ นี้
ปู่จึงใช้เป็นสิ่งพิจรณาจิตตน และพฤติกรรม ที่ต่างกันของ
เพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ด้วยเมตตาธรรม
ปู่จึงเคารพตนเอง เพราะเป็นผู้ใฝ่รู้ เคารพความดี และเคารพผู้อื่นเพราะเขาไม่เหมือนเรา"อิๆ
เพราะ "เราเหมือนกันในความเป็นมนุษย์
แต่ไม่เท่าเทียม ใน
-ความสามารถ
-โอกาส
-ระดับภูมิจิต ธรรม ปัญญา

"(จาก 108ปัญหาพุทธธรรม ที่ถูกถามมากที่สุด ของปู่ลิง)
Suraphol Kruasuwan
originally shared to ชาวพุทธ (สนทนาธรรมตามกาล):


:http://puling-222.blogspot.com/

ฐิตา:
"คนที่น่าสงสาร ในโลก
-คนที่ไม่รู้
-คนที่รู้แต่คิดไม่เป็น
-คนที่พบผู้รู้มีคุณธรรมเตือน แต่ไม่รับฟัง
-คนที่อัตตาใหญ่เกินไป จนไม่มีใครมาสั่งสอน
-คนที่ใกล้หมดลม
จนไม่มีเวลาเปลี่ยนวิสัยทัศน์ นิสัยสู่ทางสว่างฯ"

Suraphol Kruasuwan

คนที่น่าสงสารที่สุดในโลก คือ
-เกิดในชัยภูมิที่ดี แต่ไม่รู้ว่าดี
-พบคนดี มีมโนธรรมดี แต่ลบหลู่คุณท่าน
-ไม่ได้ มีจุดยืนที่เหมาะสม เอาอัตตาเลวตนเป็นที่ตั้ง
-ไม่สร้างคุณความดี
แต่เรียกร้องให้ทุกคนให้สิ่งดีๆให้ตน และพวก
**************

ส่วนใหญ่ คนเรียนรู้เรื่องเซนจากนิทาน
ซึ่งจริงๆแล้ว เซนนั้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
เพราะจบด้วยคำว่า “ว่าง”
จบด้วยคำว่า “ไม่มีในมี”
คือ มีสภาวะแต่ไม่มีตัวตน

และวิถีชีวิตของเซนจะออกมาในรูปของ
นิทานหรือปรัชญา
จะไม่ต้องการคำอธิบายมากมาย
คือเซนจะให้ใช้ปัญญา คือนิ่งคิด
คือต้องการให้คนนิ่งมากที่สุด และพูดน้อยที่สุด
***************

ฐิตา:


1000นิทานปู่ลิง
วาสนาและวิบาก
พุทธศาสนา จะเชื่อว่า
ใครเจริญ วาจา ใจ กาย ในทางกุศล ย่อมเป็นฤกษ์ดี และเป็นที่มาของวาสนา ของคนนั้น

//-ในกรีก มีนิทาน เปรียบเปรยไว้น่าสนใจ
ในการเสด็จ ท่องชมโลก ของซูส(มหาเทพ ผู้ปกครองสวรรค์)
กับเฮอร์เมส(เทพสื่อสาร)ผู้เป็นบุตร
โดยปลอมตัว เป็น"ผู้เดินทาง ยากไร้"
วันหนึ่งมาถึง บึง อุดม มีนกอินทรีย์ กำลังโศก เฝ้า ซากเต่า
มีสัตว์ในบึง มาร่วมไว้อาลัยไม่น้อย เป็นเรื่องแปลก

จึงถามนกอินทรีย์ว่า อาหารอยู่ตรงหน้าไย ท่านจึงโศกเล่า
-มิใช่อาหาร เป็นสหายรักของข้า
-เรื่องเป็นยังไง?
-"ข้ากับเต่า คบหากันมานาน เต่าเป็นผู้สนใจใฝ่รู้
มักจะให้ข้าพูดถึงโลก อันงดงามกว้างไกล ให้ฟังเสมอ
วันหนึ่งเต่า อยากจะเห็นด้วยตาตนเอง
จึงคิดแผน ให้เต่าคาบไม้ และข้าก็ใช้กรงเล็บ หิ้วท่อนไม้นั้น พาเต่าเหิรฟ้า ชมโลก"
-"แต่ข้าก็ห่วง เพราะเต่า มีนิสัยปากเสีย ชอบด่าว่าผู้อื่น เรื่องวาสนาด้อยกว่าตน
ตนแม้นจะไม่ได้ท่องโลก ก็มีความรู้ยิ่งกว่า สัตว์ทุกตัวในบึง
เพราะฟังเรื่องราวจากข้า"
-จึงตกลงกันว่า ระหว่างข้าพาเหิรฟ้า เต่าต้องสำรวม
ไม่เอ่ยวจีใดๆ
........................................
-เต่าก็ไปคุยโวให้สัตว์ ในบึงว่า"พรุ่งนี้ข้าจะบิน"
สัตว์ในบึง ก็ มาชุมนุม ตั้งใจดู"เต่าบิน"
..................................
แล้วนกอินทรีย์ก็เต่าบิน ตามวิธีที่ตกลงกัน
.............................
ตอนกลับมา จะร่อนลง
พวกสัตว์ในบึง ก็ตะโกน เยาะเย้ยเต่า
"เองถ้าไม่มีนกอินทรีย์วางแผนให้ และพาไป
ปัญญาแค่หางเต่าเอง ไยจะได้ท่องโลก"
เจ้าเต่าปากไว้ เดือดฝุดๆ ตอบสวนไปทันที่
ก็ข้ามีวาสนามากกว่าพวกเอง"
พออ้าปาก เต่าก็ร่วง ลงกระแทกพื้น กระดูกมากองนอกตัว สิ้นชีพ อย่างที่เห็น
...............................
ซูสจึงกล่าวแก่ เฮอร์เมส เป็น เรื่องสอนใจมนุษย์อย่างดี
วาสนามาเพราะปาก(ความฉลาดของเต่า)สนทนากับผู้รู้
วาสนา ก็จากไปเพราะปาก(เสีย)
จึงทรงชุบชีวิตเต่าขึ้นใหม่
เป็นผู้มีกระดูกหุ้มเนื้อ อย่างที่เห็น
และมีปาก งุ้มคม ไว้กัดลิ้นตน หากพูด สิ่งที่ไม่เป็นมงคล
.....................................

วาสนา มาเพราะปาก
ปากก็พาวิบากมาสู่ ชีวิตได้เช่นกัน สาธุ
Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Jun 10, 2014

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version