ข้อห้ามการกินเจ หลักปฏิบัติง่าย ๆ กินเจห้ามกินอะไรบ้าง
-http://health.kapook.com/view49094.html-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก Glitter.kapook.com
สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งจะเข้าร่วมเทศกาลกินเจในปี 2555 เป็นปีแรกนั้น อาจจะยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อห้ามการกินเจเท่าใดนัก หรือยังไม่ทราบข้อปฏิบัติในการกินเจอย่างถูกวิธี ดังนั้น เพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลกินเจ 2555 ในวันที่ 15-23 ตุลาคมนี้ ทีมงานกระปุกดอทคอม จึงได้รวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับ ข้อห้ามการกินเจ มาฝากกันค่ะ มาดูกันว่า กินเจห้ามกินอะไรบ้าง
ข้อห้ามการกินเจ
1. งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์
2. งดนม เนย หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์
3. งดอาหารรสจัด หมายถึง อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก
4. งดผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด คือ กระเทียม, หัวหอม, หลักเกียว, กุยช่าย และใบยาสูบ
5. ไม่ใช้จานชามปะปนกัน และต้องกินอาหารที่คนกินเจด้วยกันเป็นผู้ปรุงขึ้นมา (สำหรับคนที่เคร่ง)
ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงการกินเจ หรือ อาหารเจ หลายคนมักนึกถึงแต่การหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ทุกชนิด ซึ่งบางคนอาจสงสัยว่า ทำไมข้อห้ามการกินเจ จึงต้องห้ามกินผักบางประเภทด้วย โดยเฉพาะผักฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม, หัวหอม, หลักเกียว, กุยช่าย, ใบยาสูบ หรือบางครั้งอาจรวมถึงเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน
ซึ่งสาเหตุที่ห้ามกินผักฉุนทั้ง 5 ชนิดนั้น เป็นเพราะผักฉุนดังกล่าว เป็นผักที่มีรสหนัก มีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง ดังนั้นจึงอาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของผู้กินเจได้ นอกจากนี้ ชาวจีนยังเชื่อกันว่า ผักฉุนดังกล่าวมีพิษทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย ส่งผลให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ โดยสามารถแจกแจงรายละเอียดของผักแต่ละประเภทได้ ดังนี้
1. กระเทียม ทั้งหัวกระเทียม ต้นกระเทียม อาจส่งผลกระทบต่อธาตุไฟของร่างกาย แม้ว่ากระเทียมจะมีสารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล แต่กระเทียมมีความระคายเคืองสูง อาจไปทำลายการทำงานของหัวใจได้ ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือโรคตับ ไม่ควรรับประทานกระเทียมมาก
2. หัวหอม รวมไปถึงต้นหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ่ ซึ่งตามหลักการแพทย์โบราณของจีนเชื่อว่า หัวหอม จะกระทบกระเทือนต่อธาตุน้ำในร่างกาย และไปทำลายการทำงานของไต แม้ว่าหอมแดง จะมีฤทธิ์ช่วยขับลม แก้ท้องอืด แก้ปวดประจำเดือน แต่ไม่ควรบริโภคมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดอาการหลงลืมได้ง่าย นอกจากนี้ อาจส่งผลให้มีอาการตาพร่ามัว รวมทั้งมีกลิ่นตัวแรงกว่าปกติด้วย
3. หลักเกียว หรือที่รู้จักว่า กระเทียมโทนจีน ลักษณะคล้ายหัวกระเทียมที่พบเห็นทั่วไป แต่จะมีขนาดเล็ก และยาวกว่า ในทางการแพทย์ของจีนเชื่อว่า หลักเกียว ส่งผลกระทบกระเทือนต่อธาตุดินในร่างกาย และไปทำลายการทำงานของม้าม
4. กุยช่าย เชื่อกันว่า กุยช่าย จะไปกระทบกระเทือนต่อธาตุไม้ในร่างกาย และทำลายการทำงานของตับ
5. ใบยาสูบ ไม่ว่าจะเป็นยาเส้น บุหรี่ หรือของเสพติดมึนเมา เนื่องจากสิ่งเสพติดเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อธาตุโลหะในร่างกาย และทำลายการทำงานของปอด
นอกจากการห้ามกินผักฉุนทั้ง 5 ชนิดแล้ว การให้งดเว้นเนื้อสัตว์นั้น ก็มีที่มาที่ไปเช่นกัน โดยสืบเนื่องมาจากคนจีนเชื่อกันว่า ก่อนตายสัตว์จะอยู่ในอาหารตกใจกลัว เมื่อเรากินมันเข้าไป อาจจะทำให้เรามีบาปติดตัวไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คนจีนถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดมาจนถึงปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน การห้ามรับประทานอาหารรสจัด ทั้งอาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก และเปรี้ยวมาก เนื่องมาจากปกติคนจีนจะไม่กินอาหารรสจัดอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าอาหารรสจัดจะเข้าไปทำลายสุขภาพในร่างกาย เช่น หากกินเผ็ดจัดก็จะไปทำลายกระเพาะ กินเค็มจัดจะไปทำลายไต ซึ่งข้อห้ามเหล่านี้ถือว่าถูกหลักของการแพทย์ แต่บางคนที่ปฏิบัติไม่เคร่งครัดนัก เช่น ชอบรสเค็มจัดก็สามารถใช้เกลือแทนน้ำปลา
ส่วนเรื่องห้ามใช้ถ้วยชามปนกัน สำหรับผู้ที่กินเจอย่างเคร่งครัดนั้น เพราะคนจีนเชื่อกันว่าการใช้ภาชนะใส่อาหารคาว ซึ่งชาวจีนเรียกว่า ชอ นั้น ไม่ควรนำมาปะปนกับอาหารชนิดอื่น แม้จะล้างสะอาดหมดจดแล้วก็ตาม โดยผู้กินเจในปัจจุบัน อาจไม่เคร่งครัดในเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อหลักในการกินเจมากเท่าใดนัก เช่นเดียวกับหลักที่ว่าต้องกินอาหารเจ โดยคนปรุงที่กินเจ ซึ่งนับเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่
ทั้งนี้ สำหรับคอกาแฟทั้งหลายที่กำลังสงสัยว่า ในช่วงกินเจสามารถดื่มกาแฟได้หรือไม่นั้น ในเบื้องต้นมีข้อมูลว่า ในกาแฟสำเร็จรูป ทั้งประเภทซอง หรือประเภทกระป๋อง รวมทั้งครีมเทียม มักมีส่วนผสมของนมผงอยู่ด้วย นอกจากนี้ บางร้าน บางยี่ห้อ อาจมีการนำเมล็ดกาแฟไปคั่วกับเนย เพื่อเพิ่มความหอมมัน ดังนั้น ผู้ที่ไม่เคร่งมาก อาจเลือกดื่มกาแฟที่ชงเอง เช่น กาแฟดำ หรือ โอเลี้ยง หรืออาจใช้กาแฟประเภทซองที่เขียนว่า เจ หรือ การใช้ครีมเทียมที่ทำจากถั่วเหลือง แต่สำหรับผู้ที่เคร่งมาก ๆ อาจต้องงดเว้นกาแฟในช่วงนี้เพื่อความสบายใจ
จากข้อห้ามการกินเจในเบื้องต้นนี้ จะเห็นได้ว่า การกินอาหารเจที่ถูกวิธีนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด และข้อห้ามต่าง ๆ ได้ถูกกำหนดขึ้นจากการคำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคเป็นหลัก ซึ่งผู้ที่กินเจ นอกจากจะได้บุญ จากการลดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแล้ว การกินเจยังถือเป็นช่วงปรับสมดุลในร่างกาย เพื่อให้ผู้กินเจ มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง ในระยะยาวนั่นเอง