ผู้เขียน หัวข้อ: ทฤษฎีกบต้ม (The Boiled Frog Theory)  (อ่าน 1217 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ทฤษฎีกบต้ม (The Boiled Frog Theory)
« เมื่อ: ตุลาคม 09, 2012, 09:23:58 pm »
ทฤษฎีกบต้ม (The Boiled Frog Theory)
-http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9550000123057-
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
8 ตุลาคม 2555 08:18 น.

คอลัมน์ มนุษย์หุ้น 2.0
       โดยชัยภัทร เนื่องคำมา
       www.cway-investment.com
       
       เคยได้ยินคำกล่าวของนักลงทุนรุ่นแรกที่ว่า "ถ้าจะเอาตัวรอดจากตลาดหุ้นได้นั้น จำเป็นต้องใช้สัญชาติญาณ" เพราะสัญชาติญาณ เป็นตัวที่บอกเราว่าเมื่อไหร่ไม่น่าวางใจ เมื่อไหร่ที่อันตรายหรือ เมื่อไหร่ที่โอกาสดี แต่ทว่าสัญชาติญาณนั้นไม่ได้เกิดจากการเสียเงินไปอบรม หรือสามารถซื้อหนังสือมาอ่าน แล้วก็จะมี แต่สัญชาติญาณเกิดจากการการสั่งสมชั่วโมงบิน หรือสะสมประสบการณ์ในตลาดหุ้น การเรียนรู้แบบลองผิดลองถูกตรงด้วยตนเอง
       
       การจะวัดว่าใครเก่งหรือไม่เก่ง นั้นไม่ได้ดูที่การพูด ดูที่การนำเสนอตัวเอง ของคนนั้น จริงๆแล้วต้องดูที่ประสบการณ์ ชั่วโมงบิน ซึ่งความรู้และประสบการณ์มันจะตกผลึก ออกมาเป็นวิธีคิดและทัศนคติ มันจะฉายแสงความโดดเด่นหรือความสามารถของตัวตนออกมา เป็นไปไม่ได้เลยที่คนเพิ่งหัดเล่นหุ้นได้ 1 ปีจะเก่งกว่าคนที่เล่นหุ้นทุกวัน 10 ปี ต่อให้ไอคิว 180 จะเป็น อัจริยะ จบดร. จบเมืองนอกหรืออะไรก็ตาม การเอาตัวรอดของมือใหม่ที่เพิ่งเขามาในสนามนี้ยังไงก็ยังไม่ครบถ้วนถึงขนาด ที่สำคัญยังถูกหลอก ถูกชักจูงด้วยกลวิธี 108 ต่างๆนานาในตลาดหุ้น
       
       ทฤษฏีหนึ่งที่ทำให้แมงเม่า โดยเฉพาะมือใหม่ขาดทุนมากๆนั้นคือ ทฤษฏีกบต้ม รูปแบบการทำให้ดูเหมือนจะช่วยเหลือ แต่เอาเปรียบ ดูเหมือนกำไร แต่จริงขาดทุน ดูเหมือนจะชนะแต่จริงๆแพ้ โดยใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงให้ถึงจุดนั้นๆช้าๆ ดังเช่นการต้มกบ มีนักวิทยาศาสตร์ทดลอง นำกบใส่ในหม้อน้ำร้อนเดือดๆ ปรากฏว่า กบตัวนั้นไม่เป็นอะไรเพราะเมื่อมันรู้สึกร้อน มันก็กระโดดออกจากหม้อ ต่างจากอีกตัวหนึ่งที่ถูกนำไปใส่ในหม้อน้ำเย็น จากนั้นๆค่อยๆเร่งไฟให้แรงเรื่อยๆช้าๆ กบชินกับอุณหภูมิน้ำก็ตายใจ จนเมื่อน้ำเริ่มเดือด ปรากฏว่ากบตัวนั้น สุกตายคาหมอ เพราะไม่สามารถหนีได้ทัน
       
       ทฤษฏีนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องในตลาดหุ้น ตั้งแต่การดู ดัชนีตลาด จนถึงการดูหุ้นรายตัว ทุกอย่างมันจะค่อยๆเปลี่ยนแปลง เรื่อยๆจนถึงสถานะหนึ่งการเปลี่ยนแปลงจะรุนแรงและชัดเจนจนยากที่จะเอาตัวรอด แต่ถ้าเราเป็นคนสังเกต ช่างสังเกต มันย่อมมีโอกาสที่จะมองเห็น สิ่งที่ต้องระวังคือ "จิตใจ" เพราะพื้นฐานของคนที่เข้ามาในตลาดหุ้นล้วนมีความโลภและอยากได้กำไรเป็นพื้นฐาน สัญญาณเตือนการขาดทุน หรือสัญญาณในแง่ร้าย ที่ไม่ชัดเจน มักจะถูกปฏิเสธจากจิตใจของเรา ด้วยการสร้างเหตุผลดีๆ ข่าวบวกๆเข้ามา ต่อต้าน จนสุดท้ายก็จบลงที่หายนะ
       
       ตัวอย่างนี้มีให้ชัด เช่นคุณนวย ซื้อหุ้น MDZZZ ตามสัญญาณซื้อเทคนิค ทะยอยขายไปครึ่งหนึ่งเมื่อกำไร แต่แล้วก็มีข่าวเชียร์ พื้นฐานดี งบไตรมาส4แจ่ม ราคาวิ่งแรงสองวัน 15% คุณนวยตัดสินใจเข้าอีกรอบจัดเต็มอีกไม้ ปรากฏว่าราคาเริ่มนิ่ง สลับบวก สามวันต่อมาราคาเริ่มไหลลงช้าๆสลับเด้ง จนคุณนวยขาดทุน สัญญาณขายทางเทคนิค เริ่มมา ด้วยความคิดที่ว่า ราคาเป้าหมายยังสูง พื้นฐานไม่เปลี่ยน เดี่ยวก็เด้ง สุดท้ายคุณนวยติดดอย ขาดทุนไป 30% เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อย เป็นรูปแบบที่พบกันจนเคยชินทั้งหุ้นเล็ก หุ้นกลาง หุ้นใหญ่ไปจนถึงหุ้น IPO
       
       ผมเชื่อว่าทุกคนคงจะต้องเจอ คนที่เข้าใจและปรับตัวได้ เรียนจากความผิดพลาด ยึดมั่นในระบบ ไม่เอาอารมณ์มาใช้ในการซื้อขาย คุณก็จะอยู่รอด ส่วนคนที่ยังไม่ตระหนัก ไม่ยอมแก้ไขก็จะขาดทุน แพ้และตายจากไป การอยู่ในตลาดหุ้นก็เหมือนอยู่ในสนามรบ เราต้องตื่นตัวตลอดเวลา หูตาต้องไว สมองต้องคิด อย่าประมาท อย่าตื่นตระหนก ที่สำคัญอย่าคิดแต่จะเอากำไร ควรรักษาตัวให้อยู่รอดยืนนาน จะดีที่สุดครับ

http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9550000123057
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)