๘๐.
๑ อวิชชาปรุงแต่งจนเกิดความกลัวชายหนุ่มคนหนึ่งคิดจะปลีกวิเวกที่ในป่า เมื่อถึงยามค่ำคืนที่เงียบสงัด
ก็คิดจะนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ขณะที่จะนั่งอยู่นั้น ได้ยินเสียงผิดปกติขึ้น
เสียงที่ได้ยินมาจากรอบทิศนั้นเหมือนเสียงผีและเสียงสุนัขจิ้งจอกเห่าหอน
เขารู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที แต่ก็ได้แต่อดทนข่มความกลัวไว้ สักครู่ก็ได้ยิน
เหมือนกับมีเสียงพูดพึมพำๆไม่ได้ศัพท์ เหมือนกับวิญญาณผีดิบจะมาเอาชีวิต
วินาทีนั้นเขารู้สึกทนไม่ไหวต่อไปแล้ว รีบท่องบทสวดในคัมภีร์จินกัง
สวดไปสวดไปจนถึงยามดึกเมื่อรู้สึกเพลียจึงคิดจะเข้านอน
พอถึงวันรุ่งขึ้นจึงได้รีบลงจากเขาไป ขณะที่เดินไปก็คิดในใจว่า
“ข้ามิใช่จะมาบำเพ็ญภาวนาหรือ? ทำไมความกลัวแค่นี้จะสยบลงไม่ได้
แล้วจะหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้อย่างไร?”
ขณะที่ลังเลอยู่นั้น ก็ได้พบกับชายตัดฟืนคนหนึ่ง จึงถามขึ้นว่า
“เจ้าอาศัยอยู่ในป่านี้หรือ?”
“ข้าเกิดที่นี่ เมื่อโตขึ้นก็หาเลี้ยงชีพด้วยการตัดฟืน”
“แล้วเจ้าไม่กลัวหรอกหรือ?”
ชายตัดฟืนหัวเราะแล้วพูดว่า
“เหมือนกับคนที่อยู่ใกล้ทะเล ยังจะกลัวทะเลหรอกหรือ?”
ชายตัดฟืนพูดจบแล้วก็เดินจากไป
ชายหนุ่มนั้นเดินต่อไปพลางคิดไปพลาง คนตัดฟืนไม่กลัว เพราะเขาเกิดในป่า
แล้วก็ไม่เกี่ยวกับการบำเพ็ญภาวนา ขณะที่คิดเพลินอยู่นั้นไม่ทันระวังได้เดิน
ชนกับนายพรานร่างกำยำคนหนึ่ง ชายหนุ่มนั้นรีบขอโทษ แล้วถามขึ้นว่า
“ท่านมีอาชีพล่าสัตว์หรือ?”
“ข้าล่าสัตว์มายี่สิบสามสิบปีแล้ว”
“ท่านล่าสัตว์เวลาไหน?”
“ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเวลากลางคืน”
“เวลากลางคืนแล้วท่านไม่กลัวหรอกหรือ?” ชายหนุ่มถาม
“น่าขัน ถ้าหากปอดแหกอย่างนั้นแล้วจะเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์ได้อย่างไร?”
พูดเสร็จแล้วนายพรานก็เดินจากไป
และชายหนุ่มนั้นก็หาข้ออ้างให้กับตนเองว่า “นายพรานนั้นเคยชินกับ
ล่าสัตว์ในเวลากลางคืน และไม่เกี่ยวกับการบำเพ็ญภาวนา ขณะที่จะ
เดินต่อไป ก็พบกับสตรีวัยกลางคนคนหนึ่ง เลยเข้าไปถามว่า
“ขอถามท่านพี่หน่อยว่า ทำไมถึงได้ขึ้นเขาตามลำพังแต่เพียงผู้เดียว”
“ข้าขึ้นเขาเพื่อมาส่งเสบียงและเสื้อผ้าให้กับสามี”
“ไม่ไกลจากที่นี่หรอกหรือ” ชายหนุ่มถาม
“ไกลมาก ต้องเดินอีกสองสามวันถึงจะถึง”
“แล้วกลางคืนท่านพักอยู่ที่ไหน?”
“ค่ำไหนก็นอนนั่น” หญิงนั้นตอบ
“ท่านไม่กลัวเสียงผีร้องกลางคืนหรอกหรือ?” ชายหนุ่มถาม
“กลัวแต่คนที่จะมาปองร้ายเท่านั้น กลัวอะไรกับผีเร่ร่อน
ดูท่านก็แต่งตัวยังกับบัณฑิต หรือว่าท่านไม่รู้ว่า คนเราตายแล้วก็กลายเป็นผี
คนกับผีแม้จะแตกต่าง แต่เมื่อดั้งเดิมแล้วมีอะไรแตกต่างหรือ?
ในวัฏสงสารมีภพไหนที่ไม่ใช่คนวนเวียนอยู่ในนั้น
แล้วคนที่ประพฤติตนเป็นคนดี
ไหนเลยจะต้องกลัวว่าผีเร่ร่อนเหล่านั้นจะมาเอาชีวิต
โบราณท่านว่า “ผู้ที่มีคุณธรรมสูง แม้แต่ผียังเลื่อมใส”
ผีและเทพมีแต่จะคุ้มครองผู้ที่ประพฤติดี
มีหรือจะมาทำร้ายคนที่มีคุณธรรม”
หญิงนั้นพูดจบแล้วก็เดินจากไป
หลังจากฟังคำกล่าวของหญิงนั้น ชายหนุ่มนั้นได้คิด หยุดปรุงแต่งให้จิตกลัวอีก
เขาตัดสินใจบำเพ็ญภาวนาต่อที่กระท่อมกลางป่า