แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น
@ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
ฐิตา:
๕๖. ชาวนาซื้อที่ดิน
มีชาวนาคนหนึ่งได้ข่าวว่ามีผู้จะขายที่ดิน จึงไปถามหาเจ้าของที่ว่าขายอย่างไร?
เจ้าของที่บอกว่า “เพียงแค่จ่ายเงินมาหนึ่งพันบาท หลังจากนั้นให้เวลาหนึ่งวัน
ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนตกดิน หากสามารถใช้เท้าเดิน วนจนกลับมาที่จุดตั้งต้น
เดินวนได้กว้างแค่ไหนก็จะได้ที่ดินมากเท่านั้น แต่ถ้าพระอาทิตย์ตกดินแล้ว
ยังกลับมาที่เดิมไม่ได้ เงินที่จ่ายไปก็จะสูญเปล่า
ชาวนานั้นคิดว่า “หากวันนั้นเดินให้ได้มากที่สุด ก็คงจะได้ที่ดินมากยิ่งขึ้น
ทำการค้าอย่างนี้ช่างคุ้มค่าจริงๆ” จึงเซ็นสัญญาที่จะซื้อที่นั้น
วันที่ตามนัดในสัญญา ชาวนาจึงรีบเดินกึ่งวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเท้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่ยอมหยุดแม้แต่วินาที มุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ พลางคิดในใจว่า “อดทน
วันนี้สักหน่อย ต่อไปจะได้เสวยสุขจากความเหนื่อยในวันนี้ที่นำสุขมาให้”
ขณะที่จะวกกลับไปที่เดิมนั้น ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว เขาจึงเร่งฝีเท้าอย่าง
รวดเร็วเพื่อที่จะกลับที่เดิม เมื่อใกล้เวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ความเหนื่อย
บวกกับความเร่งรีบที่เดินไม่ได้หยุดพัก ทำให้เขาล้าลงและเดินช้าลงเรื่อยๆ
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเขาเหลือไม่กี่ก้าวก็จะถึงที่เดิม ขณะที่เขาล้มลงมือสอง
ข้างมาล้มลงตรงจุดตั้งต้นพอดี แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะชีวิตของเขาสูญสิ้นไปแล้ว แล้วจะมีความหมายอะไร
ฐิตา:
๕๗. เจ้าแม่ไม่ช่วย
มีอุบาสกท่านหนึ่งศรัทธาและนับถือพระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิมมาก
ครั้งหนึ่งเมื่อประสบกับอุทกภัย น้ำท่วมจนถึงหลังคาบ้าน เขาจึงปีนขึ้น
ไปบนหลังคาเพื่อรอคนมาช่วยเหลือ ขณะที่น้ำเจิ่งนองขึ้นมาเรื่อยๆ
จนถึงข้อเท้าแล้ว เขาจึงวิงวอนอธิษฐานว่า “เจ้าแม่กวนอิมผู้เปี่ยมล้น
ด้วยความเมตตาและปรานี โปรดรีบมาช่วยเหลือด้วยเถิด”
ผ่านไปไม่นานก็มีเรือลำหนึ่งผ่านมา จะแวะรับเขาไปด้วย แต่เขาพูดว่า
“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า เดี๋ยวเจ้าแม่กวนอิมจะมาช่วย
เหลือข้าเอง” เรือลำนั้นเลยผ่านเลยไป
น้ำยังคงเจิ่งนองเพิ่มขึ้นเรื่อยจนถึงเอวของเขาแล้ว เขารู้สึกร้อนรนใจขึ้น
ไปอีกมากแล้ววิงวอนอธิษฐานต่อว่า “เจ้าแม่กวนอิมมาช่วยข้าพเจ้าเร็วๆ
ด้วยเถิด” ชั่วขณะนั้นก็มีเรือลำหนึ่งผ่านมาอีก เรือลำนั้นก็จะมาช่วย
เหลือพาเขาไปที่ปลอดภัย แต่เขาพูดว่า “ข้าไม่ชอบเรือลำนี้ เดี๋ยว
เจ้าแม่กวนอิมจะมาช่วยข้าเอง” เรือลำนั้นจึงเลยผ่านไป
เวลาผ่านไปน้ำก็ยังทวีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงหน้าอกแล้ว เขาได้แต่
เร่งรีบวิงวอนต่อไป แล้วก็มีเรือลำหนึ่งบรรทุกคนมาเต็มลำเรือ
ผ่านมาจะช่วยเหลือ แต่เขาปฏิเสธบอกว่า คนมากไปแล้ว ข้าไม่ขึ้น
อีกสักประเดี๋ยวเจ้าแม่กวนอิมจะมาช่วยเอง
ขณะที่น้ำท่วมจนถึงจมูกแล้ว จนเขาแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
พระอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านมาพอดี มาช่วยเขาได้ทันท่วงที
เขาพูดกับพระอาจารย์อย่างน้อยอกน้อยใจว่า
“ข้าศรัทธาและยึดมั่นนับถือเจ้าแม่กวนอิมมากทำไมเจ้าแม่ไม่มาช่วย
ข้าพเจ้า “
“เจ้าช่างใส่ร้ายพระโพธิสัตว์เสียจริง เจ้าแม่ได้ช่วยให้มีเรือหลายลำมา
ช่วยเจ้า แต่เจ้าก็บ่ายเบี่ยง ติโน่นตินี่ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมรับ
การช่วยเหลือ ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าแม่แล้ว
และข้าก็ไม่ควรจะช่วยเจ้า ปล่อยให้เจ้าพบกับยมบาลคงจะดีกว่า”
ฐิตา:
๕๘. การนำวิธีการของเซนไปใช้
พระอาจารย์ท่านหนึ่งขณะที่จะไปแสดงธรรมในที่แห่งหนึ่ง
ระหว่างทางเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง กำลังทะเลาะกันอยู่
ภรรยา : เจ้าเป็นสามีภาษาอะไร? ไม่เหมือนผู้ชายสักนิด
สามี : ด่าซี ถ้าด่าอีก ข้าจะตีเจ้า
ภรรยา : ข้าจะด่า เจ้าไม่เหมือนผู้ชาย
พระอาจารย์ได้ยินที่สามีภรรยาทะเลาะกันแล้ว จึงตะโกนบอก
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาว่า “พวกเจ้ามาดูเร็ว เวลาจะดูวัวชนกันก็ต้องซื้อตั๋ว
ดูจิ้งหรีดกัดกัน ดูไก่ชนกัน ก็ต้องซื้อตั๋วทั้งนั้น แต่ตอนนี้ คนกำลังตีกัน
ไม่ต้องซื้อตั๋ว พวกเจ้ามาดูเร็วๆ
แต่สามีภรรยาคู่นั้นก็ยังคงไม่สนใจ และยังคงทะเลาะกันต่อไป
สามี : ถ้าเจ้าพูดอีกคำว่า ข้าไม่เหมือนผู้ชาย ข้าจะฆ่าเจ้า
ภรรยา : ฆ่าซี ฆ่าซี ข้าก็จะพูดอยู่นั่นแหละ เจ้าไม่เหมือนผู้ชาย
พระอาจารย์ : ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ตอนนี้จะมีการฆ่าคนแล้ว มาดูกันเร็ว
คนเดินถนน : หลวงพี่ ตะโกนเสียงดังทำไม สามีภรรยาเขาจะทะเลาะกัน ท่านยุ่งทำไม?
พระอาจารย์ : ทำไมจะไม่เกี่ยวกับอาตมา เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า เขาจะฆ่าคน
เมื่อคนตายแล้วก็ต้องเชิญอาตมาไปสวดศพ เมื่อสวดแล้วก็ย่อมจะต้องได้ซอง
คนเดินถนน : อะไรกันนักหนา เพื่อซองแล้วถึงกับจะอยากให้มีการฆ่ากันตายเลยหรือ?
พระอาจารย์ : หวังจะไม่ให้ตายก็ได้ งั้นอาตมาจะไปเทศน์ก่อนแล้วล่ะ
สามีภรรยาคู่นั้นหยุดทะเลาะกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
และทั้งคู่ก็มาฟังดูว่าพระอาจารย์ทะเลาะกับคนอื่นด้วยเรื่องอะไร?
พระอาจารย์จึงฉวยโอกาสพูดกับสามีภรรยาคู่นั้นว่า
“หิมะที่เกาะกันจนหนาแน่นสักเพียงใด เมื่อพระอาทิตย์
สาดส่องมาก็ย่อมจะละลาย
กับข้าวจะเย็นชืดสักเพียงไหน เมื่ออุ่นด้วยไฟ ก็ยังร้อนขึ้นมา
สามีภรรยา มีบุญสัมพันธ์กันมาก่อนจึงได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ต้องเป็นพระอาทิตย์ ให้ความอบอุ่นแก่ผู้อื่น
เป็นไฟเป็นฟืน ปลุกจิตสำนึกให้ผู้อื่น
หวังว่าท่านทั้งสองจะรักใคร่ปรองดองซึ่งกันและกัน”
ฐิตา:
๕๙. สิ่งที่ต้องบำเพ็ญภาวนา
มีพระรูปหนึ่งเพียรภาวนาอยู่กับพระอาจารย์ท่านหนึ่งมานานหลายปี
ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงหลักธรรมที่ลึกๆได้
ค่ำวันหนึ่งขณะที่กำลังจะนั่งสมาธิ ได้ถามพระอาจารย์ขึ้นว่า
“ศิษย์เพียรภาวนามานานหลายปี ก็ยังหลงวน ไม่รู้แจ้งสักที
เสียแรงที่ฉันบิณฑบาตของชาวบ้านเปล่าๆ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้อะไร
ทั้งยังต้องขอรับความเมตตาจากอาจารย์ช่วยชี้แนะ ทุกวันที่ปฏิบัติธรรม
นอกจากภารกิจที่ต้องปฏิบัติ ยังมีบทเรียนอะไรที่จำเป็นต้องฝึกฝนอีก?”
“เจ้าเพียงแต่ดูแลนกอินทรีย์ 2 ตัว กวาง 2 ตัว เหยี่ยว 2 ตัว
และคอยบังคับหนอนในปาก 1 ตัว พร้อมกันนั้นก็คอยต่อกรกับ
หมีตัวหนึ่ง และดูแลผู้ป่วยผู้หนึ่งให้ดีๆ ถ้าหากสามารถทำได้ก็คือสามารถ
ทำหน้าที่ของตัวเองดีที่สุดแล้ว คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยเจ้าได้ดีที่สุด”
“อาจารย์ครับ ศิษย์ตั้งใจแน่วแน่มาฝึกบำเพ็ญภาวนาที่นี่ ไม่ได้นำ
สัตว์ชนิดใดมาด้วย แล้วจะดูแลอะไรอย่างไร? แล้วบทเรียนที่ศิษย์จะ
ต้องเรียน กับสัตว์เหล่านั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร?”
“นกอินทรีย์สองตัว คือตาของเจ้าที่จะต้องคอยระวังสิ่งต่างๆที่กระทบเข้ามา
กวางสองตัวคือขาของเจ้าที่จะต้องระมัดระวังไม่เดินไปสู่หนทางที่ผิดบาป
เหยี่ยวสองตัวคือมือทั้งสองข้างของเจ้าที่จะต้องคอยทำการงานอยู่เสมอ
ทำสิ่งที่เป็นบุญกุศลเสมอ สิ่งที่ไม่ดีก็อย่าไปทำ
หนอนหนึ่งตัวคือลิ้นของเจ้าต้องคอยระวังไว้เป็นอย่างยิ่ง ไม่พูดในสิ่งที่ไม่ดีงาม
หมีหนึ่งตัวคือใจของเจ้าต้องควบคุมอย่าให้เห็นแก่ตัวและวุ่นวาย สิ่งไม่ดีก็อย่าไปคิด
คนไข้ก็คือร่างกายของเจ้าเอง หวังว่าเจ้าจะไม่ให้มันหลงเข้าไปในทางผิดบาป
ในหนทางแห่งการบำเพ็ญภาวนา สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนที่ขาดไม่ได้
ฐิตา:
๖๐. ทุกข์จากการรู้ล่วงหน้า
มีเณรรูปหนึ่ง ทุกๆเช้าจะต้องรับผิดชอบปัดกวาดเศษใบไม้ในบริเวณวัด
การกวาดใบไม้ในตอนเช้าท่ามกลางสายลมเย็นยะเยือกหลังจากที่ตื่นนอน
เป็นเรื่องที่น่าทรมานเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าเป็นช่วงในฤดูหนาวด้วยแล้ว
ทุกครั้งที่สายลมเย็นโชยมา ใบไม้ก็ร่วงหล่นลงมาตามลมเช่นกัน
ทุกๆเช้าต้องเสียเวลาไปไม่น้อยถึงจะเก็บกวาดใบไม้ได้หมด
มันทำให้เณรน้อยหัวเสียทุกวันเณรคิดที่จะหาทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองสบายขึ้น
มีพระรูปหนึ่งพูดกับเณรน้อยว่า “พรุ่งนี้ก่อนที่เจ้าจะเก็บกวาดให้
ใช้แรงเขย่าต้นไม้เสียก่อน เขย่าจนใบไม้ร่วงหล่นลงมาให้หมด
มะรืนนี้เจ้าจะได้ไม่ต้องเก็บกวาดใบไม้ให้ลำบากอีก”
เณรน้อยเห็นด้วยและคิดว่าวิธีการนี้ดีที่สุด ดังนั้นวันรุ่งขึ้นจึงลุกขึ้นมาแต่เช้า
แล้วเขย่าต้นไม้จนสุดแรง ทำอย่างนี้จะช่วยให้ใบไม้ของวันนี้และพรุ่งนี้กวาด
พร้อมกันเลยในครั้งเดียว วันนั้นเณรน้อยครื้มใจไปทั้งวันอย่างมีความสุข
วันรุ่งขึ้นเมื่อไปดูที่ลานวัด ได้แต่กลับกลอกลูกตาไปมา
ที่ลานวัดก็มีใบไม้ร่วงหล่นลงมาเหมือนทุกวัน
พระอาจารย์เดินเข้ามาด้วยความเอ็นดูแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กโง่!
ไม่ว่าในวันนี้เจ้าจะเขย่าต้นไม้ให้สุดแรงอย่างไร
พรุ่งนี้ใบไม้ก็ยังคงร่วงหล่นลงมาเหมือนเดิม”
ที่สุดเณรน้อยก็เข้าใจแล้วว่า เรื่องราวต่างๆในโลกนี้
บางอย่างไม่สามารถทำล่วงหน้าได้ และถ้าจะจริงจังแล้วก็
ชั่วขณะนี้ถึงจะเป็นความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version