ผู้เขียน หัวข้อ: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก  (อ่าน 89762 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #90 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2012, 09:02:03 pm »


           

๗๒. ๑ ตะแกรงสามอัน

มีคนคนหนึ่งกระหืดกระหอบไปหานักปรัชญาท่านหนึ่ง
แล้วพูดขึ้นมาว่า “ข้ามีข่าวจะมาบอกกับท่าน”
นักปรัชญาชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า
“เรื่องที่ท่านจะเล่าร่อนผ่านตะแกรงมาสามครั้งแล้วหรือยัง?”
ชายคนนั้นไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร? จึงถามขึ้นว่า
“ตะแกรงสามอัน ตะแกรงสามอันไหน?”

“ตะแกรงอันแรกคือ ความจริง ข่าวที่ท่านจะเล่าเป็นความจริงหรือเปล่า?”
ชายนั้นตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ข้าฟังมาจากที่เขาเล่า”

นักปรัชญาพูดต่อว่า “ตอนนี้เจ้าไปลองใช้ตะแกรงอันที่สองไปตรวจสอบดู
ข่าวที่ท่านจะบอกข้า แม้จะไม่ใช่ความจริง แต่ก็ควรจะเป็นข่าวที่มีเจตนาดี”
ชายนั้นลังเลสักครู่แล้วพูดว่า “ไม่ เป็นเจตนาตรงข้ามกันเลย”

นักปรัชญาพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นเราใช้ตะแกรงอันที่สาม
ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ข่าวที่ทำให้เจ้าเร่งรีบอย่างนี้เป็นข่าวสำคัญหรือเปล่า?”
ชายคนนั้นรู้สึกเขินนิดๆ แล้วตอบว่า “ไม่ได้สำคัญอะไร?”

นักปรัชญานั้นพูดต่อว่า “เรื่องที่เจ้าจะเล่าให้ข้าฟัง ไม่ใช่เรื่องจริงแล้วก็
ไม่ได้มีเจตนาดี แล้วก็ไม่สำคัญ งั้นก็อย่าเล่าเลย ข่าวนั้นจะได้ไม่รบกวนจิตใจ
ทั้งของเจ้าและของข้า”

อย่าได้เชื่ออะไรง่ายๆต่อคำพูดที่มีผู้พูดให้ร้ายคนอื่น
นอกจากเจ้าจะรู้จริงๆว่าสิ่งนั้นเป็นความจริง
และไหนๆถ้าเจ้ารู้ความจริงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง
นอกจากเจ้าจะคิดว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องบอกให้ผู้อื่นรับรู้
และขณะที่เจ้าพูด พึงนึกไว้เสมอว่า เบื้องบนก็กำลังฟังเรื่องราว
จากปากของเจ้าเหมือนกัน

มีคำพังเพยบทหนึ่งกล่าวว่า
“คำพูดดีๆหนึ่งคำอาจทำให้คนหัวเราะได้
คำพูดร้ายๆหนึ่งคำก็อาจทำให้คนกระโดดขึ้นมาได้เหมือนกัน”

บ่อยครั้งที่คำพูดของเราทำให้ผู้อื่นได้รับผลประโยชน์หรือเปล่า?
หรือทำความเสียหายให้ผู้อื่น? หากก่อนจะพูดได้ผ่านการไตร่ตรอง
มาครั้งหนึ่งก่อนแล้วเจ้าจะรู้ว่า มีหลายๆคำพูดที่ไม่มีความจำเป็นต้องพูดออกมา

การฝึกฝนเช่นนี้บ่อยๆจะทำให้เราสามารถควบคุมลิ้นของเรา
ไม่ให้พูดเพ้อเจ้อออกมา
แล้วไปทำร้ายผู้อื่น เมื่อคนเราสามารถควบคุมลิ้นได้
ก็สามารถควบคุมทุกอย่างในตัวได้

ในคัมภีร์ก็มักพูดว่า
“พูดมากอาจผิดพลาดได้ง่าย รู้จักสงบวาจาคือการมีปัญญา
ต่อแต่นี้ไป ขอให้เจ้าระวังสิ่งที่เจ้าจะพูดออกมา
ก็จะทำให้นาวาชีวิตของเจ้ามุ่งหน้าไปสู่ทิศทางที่ต่างจากเดิม

           


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #91 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2012, 09:03:21 pm »

           

๗๒. ๒ ยืนหยัดอยู่ในคุณค่าของตัวเอง

มีลูกศิษย์คนหนึ่งมักจะคอยถามพระอาจารย์ด้วยคำถามเดิมๆทุกวัน
“อาจารย์ครับ อะไรคือคุณค่าของชีวิตที่แท้จริงครับ?”
วันหนึ่งพระอาจารย์นำก้อนหินก้อนหนึ่ง แล้วพูดกับศิษย์ว่า
“เจ้าจงนำก้อนหินก้อนนี้ไปขายที่ตลาด แต่ไม่ต้องขายจริงๆหรอกนะ
เพียงแต่ให้คนตีราคาก็พอ แล้วคอยดูว่า แต่ละคนจะตีราคาก้อนหิน
ก้อนนี้สักเท่าไร?”

ลูกศิษย์นั้นจึงนำก้อนหินไปขายที่ตลาด บางคนก็บอกว่าก้อนหินก้อนนี้
ใหญ่ดี สวยดีให้ราคาสองบาท บางคนก็บอกว่าก้อนหินก้อนนี้มาทำเป็น
ลูกตุ้มชั่งน้ำหนักได้ ก็ตีราคาให้สิบบาท ที่สุดแต่ละคนก็ตีราคาไปต่างๆ
นานา แต่ราคาที่ให้สูงสุดคือสิบบาท ลูกศิษย์รู้สึกดีใจ กลับไปบอกอาจารย์ว่า
“ก้อนหินที่ไม่มีประโยชน์อะไรนี้ ยังขายได้ถึงสิบบาท น่าจะขายออกไปจริงๆ”
อาจารย์พูดขึ้นว่า“อย่าเพิ่งรีบขายก่อน ลองพาไปขายในตลาดทองคำดู
แต่ก็อย่าขายออกไปจริงๆ”

ลูกศิษย์จึงนำก้อนหินก้อนนั้นไปขายในตลาดทองคำ เริ่มต้นมีคนตีราคาให้
หนึ่งพันบาท คนที่สองตีราคาให้หนึ่งหมื่นบาท สุดท้ายมีคนให้ถึงหนึ่งแสนบาท
ลูกศิษย์รู้สึกดีใจ รีบกลับไปรายงานพระอาจารย์ถึงผลพลอยได้ที่นึกไม่ถึง
พระอาจารย์กล่าวต่อไปอีกว่า “นำก้อนหินนี้ไปตีราคาที่ตลาดเพชร”
ลูกศิษย์จึงนำไปที่ตลาดค้าเพชร คนแรกให้ราคาหนึ่งแสน สองแสน
สามแสน ไปเรื่อยๆ เมื่อพ่อค้าเห็นไม่ยอมขายสักที จึงให้เขาตีราคาเอง
แต่ลูกศิษย์นั้นกล่าวว่า “พระอาจารย์ไม่ให้ขาย” จึงนำก้อนหินนั้นกลับไป
พูดกับพระอาจารย์ว่า “ก้อนหินก้อนนี้คนให้ราคาถึงเรือนแสนแล้ว”

“ใช่แล้ว ตอนนี้อาจารย์ไม่อาจสอนเจ้าถึงเรื่องคุณค่าของชีวิตเพราะ
เพราะเจ้ามองชีวิตของเจ้าเหมือนกับการตีราคาของตลาด คุณค่าของชีวิต
คนเรา ควรจะอยู่ในจิตใจของตนเอง ต้องมีสายตาของนักค้าเพชรที่เก่งที่สุด
เสียก่อน จึงจะมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตคนเรา”

คุณค่าของคนเรา ไม่ได้อยู่ที่ราคาที่อยู่ข้างนอก แต่อยู่ที่เราให้ราคาของตัวเอง
ราคาของเราทุกคนเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบ ยอมรับตัวเอง ฝึกฝนตัวเอง
ให้ช่องว่างกับตัวเองได้เติบโต พวกเราก็จะกลายเป็น “สิ่งที่มีค่าจนประเมินไม่ได้”

อุปสรรคทุกอย่างที่เกิดขึ้น ความปวดร้าวที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ความทุกข์ที่โหม
กระหน่ำ ก็มีความหมายอยู่ในตัวของมัน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2014, 04:44:23 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #92 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2012, 09:40:50 pm »

                   

๗๒. ๓ แม่ไก่ที่มีปัญญาและเมตตา

ศูนย์วิจัยเกี่ยวกับสัตว์แห่งหนึ่งของยุโรป มีอาจารย์ท่านหนึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับ
ไก่ เขาเอาใจใส่และเฝ้าสังเกตชีวิตความเป็นอยู่ของไก่แต่ละชนิดอย่างละเอียด
วันหนึ่ง เขาได้พบไข่ของไก่ป่าหลายฟองในป่า เขาจึงพาไข่ของไก่ป่านั้นกลับไป
พอดีมีแม่ไก่ตัวหนึ่งออกไข่มาหลายใบ เขาจึงหยิบไข่ของแม่ไก่นั้นออกไป แล้ว
หยิบไข่ของไก่ป่าใส่แทน แม่ไก่นั้นเห็นแล้วก็ลังเลสักครู่ แต่ก็รีบไปฟักไข่
นั้นอย่างเดิม ดูแล้วอ่อนโยนและระมัดระวังยิ่งนัก เหมือนกับกำลังฟักไข่
ของตนเองปานนั้น

ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ไก่ป่าน้อยก็แตกออกมาจากไข่ แม่ไก่ก็พาพวกเขา
ไปในป่าใกล้ๆ ใช้ตีนคุ้ยเขี่ยดินให้ร่วนออกมา เพื่อหาหนอนที่อยู่ใต้ราก
แล้วร้องเรียกให้ไก่ป่าน้อยเหล่านั้นมากิน

นักวิจัยนั้นรู้สึกตกตะลึง เพราะเมื่อก่อนนั้นลูกไก่ของแม่ไก่นี้ เคยกินแต่อาหารสัตว์
ที่คนนำมาให้กิน แต่ครั้งนี้แม่ไก่กลับรู้ว่า ไก่ป่าน้อยไม่กินอาหารสัตว์
กินแต่อาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ

                 

อีกครั้งหนึ่งที่นักวิจัยนั้นทดลอง นำเอาไข่เป็ดมาให้แม่ไก่นั้นฟัก
แม่ไก่นั้นก็ยังคงฟักไข่ออกมาอย่างระมัดระวัง จนกลายเป็นลูกเป็ดน้อย
แล้วก็พาลูกเป็ดน้อยนั้น ไปที่ริมสระ แล้วให้ลูกเป็ดเหล่านั้นได้ว่ายน้ำ

สองเรื่องราวเหล่านี้ทำให้นักวิจัยนั้นเข้าใจถึงหลักการที่คนเรามักจะนึกว่า
สัตว์นั้นโง่เขลาเบาปัญญา ไม่มีความรู้สึก
แต่จริงๆแล้ว สัตว์ก็มีความรักความเมตตา และมีปัญญาอยู่ในนั้นด้วย

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 21, 2014, 09:10:34 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #93 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2012, 10:05:39 pm »


           

๗๓. เจริญสติในชีวิตประจำวัน

มักจะมีผู้ถามบ่อยๆว่า จะบำเพ็ญภาวนาอย่างไร?
และควรจะปฏิบัติธรรมวิธีไหน?
แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าสามารถปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันได้
ปฏิบัติในสิ่งแวดล้อมที่มีมายาและกิเลสได้

ลูกชายของคนทำขนมปังคนหนึ่ง เป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
และเนื่องจากมีบ้านอยู่ใกล้วัด จึงนำขนมปัง 10 ลูก ไปถวายให้กับ
พระอาจารย์ที่วัดทุกวัน เมื่อพระอาจารย์รับประเคนแล้ว
ก็จะเหลือลูกหนึ่งให้นำกลับไปทุกครั้ง และพูดกับเขาว่า
“ข้ามอบให้กับเจ้า ไว้คุ้มครองลูกหลานของเจ้าต่อไปในภายภาคหน้า”

วันหนึ่ง ชายหนุ่มนั้นคิดในใจว่า “ข้าส่งขนมปังไปให้ ทำไมต้องส่งกลับคืนมาด้วย
ท่านอาจารย์ต้องมีความนัยอะไรแอบแฝงอยู่เป็นแน่”
ดังนั้นชายหนุ่มนั้นจึงถามพระอาจารย์ถึงเรื่องนี้
พระอาจารย์ตอบว่า “ขนมปังเป็นสิ่งที่เจ้านำมา และข้ากลับมอบคืนให้เจ้า
ข้าทำผิดตรงไหน?”

ชายหนุ่มนั้นเคยมีวาสนาต่อการปฏิบัติมาก่อนจึงเข้าใจ
ได้ทันทีว่า เหตุปัจจัยที่ตนเองสร้างมา ย่อมจะต้องเป็นผู้รับผลอันนั้น
คิดได้ดังนั้นแล้ว จึงขอบวชกับพระอาจารย์นั้น

พระอาจารย์พูดต่อว่า “ในอดีตเจ้าเคยสร้างแต่บุญกุศล
และตอนนี้ยังเชื่อฟังคำของข้า ต่อแต่นี้ไปให้เรียนธรรมและอยู่ปฏิบัติใกล้ชิดกับข้า

ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง วันหนึ่ง พระหนุ่มนั้น นำเอาความสงสัยเรื่องหนึ่งไปถาม
พระอาจารย์ว่า “หลังจากที่ศิษย์บวชเรียนมาจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยได้รับคำชี้แนะ
เคล็ดวิธีในการปฏิบัติปฏิบัติธรรมเลย”

พระอาจารย์ตอบด้วยเสียงเรียบสงบว่า “ทำไมจะไม่ได้สอนธรรมะให้เจ้า
เจ้ายกน้ำชามา ข้าก็รับไว้ เจ้ายกข้าวมา ข้าก็กิน เมื่อเจ้าแสดงความคารวะ
ข้าก็พยักหน้ารับ ตรงไหนไม่ใช่เคล็ดวิธีในการปฏิบัติธรรม?
หากอยากจะเห็นจิตของตนเอง ก็จะเห็นได้ทันที
หากย้ำคิด จะเดินผิดทางทันที
พระหนุ่มนั้นเข้าใจถึงคำสอนได้ในทันทีเหมือนกัน

การปฏิบัติธรรมหนีไม่พ้นจากเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
หากให้แยกออกจากชีวิตที่เป็นอยู่ในแต่ละวัน
จะรู้ธรรมได้ยาก การเดิน ยืน นอน นั่ง การเคลื่อนไหวนิ่งเงียบ
ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่ใช่เครื่องมือทำสติ เพียงแค่รู้อยู่ในปัจจุบันขณะ
ใช้จิตรู้ได้ทันท่วงที ทุกๆสิ่งคือหนทางแห่งมรรค

         


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #94 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2012, 10:20:44 pm »


       

๗๓. ๑ รักตัวเองแล้วก็ทำร้ายตนเอง

คนที่เรารักที่สุดไม่มีใครเกินกว่ารักตัวเอง
คนที่เราเกลียดที่สุด ก็คือตัวเอง
ตั้งแต่เล็กจนโต คนส่วนใหญ่มักจะทำอยู่เรื่องหนึ่งคือ
ทำอย่างไรถึงจะให้ตนเองพอใจ


ตั้งแต่วัยทารก เมื่อผ้าอ้อมเปียก ก็จะร้องไห้เพื่อจะบอกให้คนอื่นรู้
เมื่อหิว ก็แสดงออกโดยการร้องไห้ เมื่อเจ็บป่วยก็ร้องไห้อีก
เมื่อผู้อื่นทำให้ตนเองไม่พอใจก็ร้องอีก
ส่วนใหญ่ก็ใช้การร้องไห้ ร้อง ร้อง ร้อง
จนผู้อื่นทำให้ตนเองพอใจจึงจะหยุด

เมื่ออยู่ในวัยเด็ก จะกินอะไรต้องกินให้ได้ จะเอาก็จะเอาให้ได้
จะทิ้งก็ทิ้งเลย จะคลานก็คลาน ไม่สนใจผู้อื่นว่าจะเป็นอย่างไร
จะทำอะไรก็ทำเลย ก็คือการทำให้ตัวเองพอใจก็แล้วกัน

โตขึ้นมาอีกหน่อย คิดจะเล่น ก็เล่น เล่นของไปชิ้นหนึ่งก็จะเปลี่ยนไป
เป็นอีกชิ้นหนึ่งประเดี๋ยวเล่นกับคนนี้ เดี๋ยวก็ไปเล่นกับคนโน้น
เล่นทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจนค่ำเหมือนกับเล่นได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย
ก็เพื่อสนองความต้องการของตนเอง

เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น รู้สึกสนใจเพื่อนต่างเพศ
มักจะมองครูอาจารย์เหมือนศัตรู
แสดงการต่อต้านออกมาเพื่อแสดงถึงความไม่พอใจ


แสดงกิริยาร้ายๆเพื่อเรียกร้องความสนใจ
หรือปิดกั้นตัวเองเพื่อหลบหลีกปมด้อยในใจของตนเอง
ไม่ว่าจะใช้วิธีการอย่างไรหรือลักษณะอย่างไร ก็เป็นเพื่อเรียกร้อง
ความเอาใจใส่และความสนใจจากคนอื่น
ใช้การแสดงออกลักษณะนี้ ก็เพื่อสนองความพอใจของตนเอง

วัยหนุ่มสาว ก็แย่งชิงสาวกับเพศเดียวกัน ที่ไม่ถูกกันก็กล่าวโทษกันไปมา
แสวงหาความท้าทาย เสกสรรปั้นแต่งให้ตัวเอง แสวงหาความรัก
เต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน เพื่อให้ตนเองก้าวไปข้างหน้า
ไม่ว่าจะจมลงไปสู่สิ่งที่เลว หรือมุ่งข้างหน้า
ทั้งสองสิ่งก็เป็นไปเพื่อสนองความพอใจของตนเอง


เมื่อมาถึงวัยกลางคน ไม่ใช่เพื่อขยายกิจการให้ใหญ่โต
ก็หลีกหนีไปจากโลกของตัวเอง
กระโดดเข้าไปเล่นการเมือง
ลงทุนกิจการต่างๆ เล่นบทนอกใจภรรยา ทำตัวเป็นข่าว
เพราะที่เป็นอยู่ไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการของตนเอง
ดังนั้นจึงไปสร้างกิเลสเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อเข้าสู่วัยชรา หวังจะให้ลูกหลานมาห่วงใย คู่ทุกข์ยากยังอยู่เป็นเพื่อน
และจากโลกนี้ไปอย่างไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
รำพึงรำพันถึงชีวิตที่ผ่านมาเพื่อปลอบประโลมใจให้กับตัวเอง
ใช้ความนับหน้าถือตาของผู้อื่น มายืนยันความความมั่นใจของตนเอง
ไม่ว่าจะปิดบังซ่อนเร้นชีวิตที่ผ่านมาอย่างไร
ก็ยังไม่สามารถทำความพอใจให้กับตนเองได้

ทุกคนย่อมต้องการให้ผู้อื่นมาเติมเต็มให้ อ่อนข้อให้ สร้างความพอใจให้
แต่...ผู้อื่นก็มีความต้องการเช่นนั้นพอๆกับเรา
มีความหวังที่จะอยากได้สิ่งต่างๆมาสนองความต้องการเหมือนกัน
ความต้องการและความหวังจากผู้อื่นเช่นที่ว่านี้ย่อมจะเป็นจริงได้ยาก


ดังนั้นเมื่อต่างฝ่ายเริ่มต้นที่จะอยากได้จากฝ่ายตรงข้าม
ย่อมเกิดความเคืองแค้นทั้งคู่ จากเรื่องของบุคคลต่อบุคคล
ก็กลายเป็นระหว่างกลุ่ม ระหว่างประเทศต่อประเทศ ต่อสู้แย่งชิงกันไปมา
ก็เพื่อมาตอบสนองความพึงใจของตนเอง ของกลุ่ม ของประเทศ


คนมีปัญญาย่อมมีกิเลสน้อย พอใจในสิ่งที่ตนเองมี และสามารถแบ่งปัน
ให้ผู้อื่นได้ตามสมควร แต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
เลยต้องให้ผู้อื่นมาเติมเต็มให้กับความต้องการของตัวเอง สุดท้ายก็มี
แต่ความทุกข์ที่ต้องแบก และกลายเป็นทาสของกิเลสในที่สุด
 
           


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #95 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2012, 10:47:30 pm »


         

๗๓. ๒ จิตที่สะอาดและสงบ

สรรพสิ่งแต่ดั้งเดิมมาล้วนแต่สะอาดและบริสุทธิ์
จิตที่เป็นพุทธะก็ล้วนแต่สะอาดและบริสุทธิ์เช่นกัน
แล้วเหล่าเวไนยทำไมถึงเกิดความวุ่นวายและกังวล
จนเป็นทุกข์อย่างยากที่จะเอ่ยออกมา

มีพระอาจารย์ท่านหนึ่ง เพื่อที่จะสอนศิษย์ที่เบาปัญญาคนหนึ่ง
ให้รู้ว่าจิตเดิมแท้ดั้งเดิมสะอาดและบริสุทธิ์อยู่ในตัวแล้ว
จึงอดทนรอเพื่อให้เกิดเหตุปัจจัยที่พอเหมาะแล้วจะชี้แนะธรรมให้

วันหนึ่งขณะที่เดินไปตามทางกับเหล่าลูกศิษย์ บังเอิญข้างทาง
มีกระดาษที่ห่อน้ำหอม กับเชือกที่มัดปลาตายเส้นหนึ่ง
เมื่อเห็นเป็นโอกาสที่ประจวบเหมาะแล้ว จึงถามลูกศิษย์ว่า
“กระดาษนี้หอมมาแต่แรกหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ แต่หอมเพราะได้ห่อน้ำหอมไว้” ลูกศิษย์ตอบ
“เชือกนี้เหม็นมาตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ ที่เหม็นเพราะไปผูกปลาที่ตายแล้ว”

พระอาจารย์จึงแสดงธรรมให้ฟังว่า “จิตที่เป็นพุทธะของเหล่าเวไนย
แต่ดั้งเดิมมาก็สะอาดบริสุทธิ์ไร้ราคี แต่มาเปรอะเปื้อนเพราะกิเลสต่างๆ
มารุมเร้า ทำให้จิตที่สะอาดต้องมากลายเป็นความโลภ ความโกรธ ความหลง
และถูกสิ่งเหล่านั้นครอบงำจนไม่เห็นจิตเดิมแท้

เพียงแค่รักษาจิตที่สะอาดและสงบนี้ไว้
ก็จะสามารถขจัดความโลภกลายเป็นจิตที่มีศีล
ความโกรธก็จะก็จะกลายเป็นจิตที่นิ่งสงบ
ความหลงก็จะกลายเป็นปัญญา

ทำ โลภ โกรธ หลง ให้กลายเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา”
หลังจากเหล่าลูกศิษย์เมื่อฟังแล้ว ก็เริ่มต้นใช้แนวทางที่ทำให้จิต
สะอาดและสงบมาเป็นวิถีทางแห่งการภาวนา

เมื่อรู้ต้นเหตุที่ทำให้เราทุกข์ รู้มูลเหตุที่ทำให้เรามีความสุข
เพียงแค่ห่างไกลไปจากเหตุต้น-ผลกรรมที่เป็นอกุศล
เหตุต้น-ผลกรรมที่เป็นกุศลก็จะปรากฏขึ้นมาเอง

           


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #96 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2012, 11:30:16 pm »




๗๓. ๓ การเดินทางของสายน้ำ

มีธารน้ำเล็กๆสายหนึ่งไหลมาจากยอดเขาที่ห่างไกลออกไป
ผ่านป่าเขาหมู่บ้านและผ่านในเมืองมาหลายแห่ง
สุดท้ายมาถึงทะเลทรายแห่งหนึ่งสายน้ำคิดในใจว่า
“เราก็ผ่านอุปสรรคและสิ่งกีดขวางต่างๆนานามานับไม่ถ้วน
ครั้งนี้คงจะผ่านทะเลทรายแห่งนี้ไปได้ด้วยดี”

ขณะเมื่อสายน้ำมุ่งมั่นจะผ่านทะเลทรายอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าน้ำของตัวเองค่อยๆ
ซึมหายไปในทรายเหล่านั้น ยิ่งไหลผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งรู้สึกว่าน้ำก็ยิ่งหายไป
เรื่อยๆ จนรู้สึกท้อแท้ “คิดในใจว่า นี่คงจะเป็นชะตาชีวิตของตนเองแล้ว
และคงจะไม่มีทางที่จะได้ไหลไปสู่ทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลตามคำที่เขาเล่าลือ

เมื่อสายน้ำรำพึงรำพันด้วยความเสียใจอยู่นั้น ก็มีเสียงแว่วแผ่วกระซิบมาว่า
“ถ้าหากสายลมสามารถพัดผ่านทะเลทรายได้ สายน้ำก็จะไหลผ่านไปได้เหมือน
กัน” ที่แท้เสียงที่เหมือนกับกระซิบมานั้นเป็นเสียงของทะเลทรายเอง
สายน้ำตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจว่า “นั่นเป็นเพราะลมสามารถบิน
ข้ามทะเลทรายไปได้ แต่ข้าทำไม่ได้”

“เป็นเพราะเจ้ายืนกรานที่จะเป็นสภาพเดิม ลมจึงไม่สามารถพัดพาเจ้าข้ามไปได้
เพียงแต่เจ้ายอมปล่อยวางสภาพที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ให้ตัวเองกลายเป็นไอน้ำ
แล้วหลอมรวมไปกับสายลม” ทะเลทรายกล่าวต่อด้วยเสียงอันแผ่วเบา

สายน้ำไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย คิดในใจว่า
“ปล่อยวางสภาพที่เป็นอยู่ขณะนี้ แล้วสลายรวมไปในสายลม?
ไม่! ไม่! “ สายน้ำไม่ยอมรับคำเสนอแนะที่ให้เป็นลักษณะนั้น
แล้วตัวเองก็ไม่เคยผ่านประสบการณ์ลักษณะอย่างนั้นมาก่อน จะให้ปล่อยวาง
ลักษณะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่เท่ากับเป็นการทำลายล้างตัวเองหรือ?”

“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า นี่เป็นความจริงหรือเปล่า?” สายน้ำถาม
“สายลมสามารถนำไอน้ำรวมเข้ากับตัวเอง แล้วพัดผ่านทะเลทราย เมื่อไปประจวบ
กับสภาพที่เหมาะสม ก็จะคายไอน้ำออกมา แล้วกลายเป็นฝน หลังจากนั้น
น้ำฝนก็จะกลายเป็นสายน้ำ ไหลไปข้างหน้าเรื่อยๆอีก” ทะเลทรายตอบ

“แล้วข้าจะยังคงเป็นสายน้ำดั้งเดิมหรือเปล่า?”
“จะบอกว่าใช่ก็ได้ จะบอกว่าไม่ใช่ก็ได้ และไม่ว่าเจ้าจะเป็นสายน้ำหรือเป็น
ไอน้ำที่มองไม่เห็น แต่ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไม่เปลี่ยนแปลง
เจ้ายืนกรานที่จะเป็นสายน้ำ เพราะเจ้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวตนที่แท้จริง
ของตัวเองคืออะไร”

ช่วงเวลานั้นสายน้ำคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับว่า ก่อนที่ตัวเองจะกลายเป็น
สายน้ำ ก็เคยถูกลมนำตนเอง พัดพาผ่านพื้นดินไปยังยอดเขา
แล้วกลายเป็นฝน แล้วกลายเป็นสายน้ำอย่างทุกวันนี้

เมื่อคิดได้ดังนั้น สายน้ำจึงรวบรวมแรงใจครั้งสุดท้าย
กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนที่อ้าออกมารับของสายลม
แล้วหายไปในสายลมนั้น ให้สายลมนั้นพัดพาผ่านไปใน
ชีวิตทุกขั้นตอนที่จะดำเนินไป



ทุกขั้นตอนของชีวิตคนเราก็เหมือนกับสายน้ำ
หากอยากจะฝ่าฟันให้ผ่านพ้นอุปสรรคขวากหนาม
ก็จำจะต้องปล่อยวางตัวตนที่ยึดมั่นอยู่ พร้อมกับใช้ปัญญา
และความกล้ามุ่งหน้าไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้
ลองถามตัวเองดูบ้างซีว่า ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร?
และสิ่งที่กำลังยึดมั่นถือมั่นอยู่คืออะไร? สิ่งที่ต้องการคืออะไร?




ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #97 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2012, 08:09:40 am »


             

๗๓. ๔ ชีวิตคล้ายดั่งใบชา

ใบชาถูกน้ำร้อนถึงจะออกรสและกลิ่นที่หอมกรุ่นนุ่มลึก
ชีวิตก็ต้องพบกับอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงจะเกิดความหอมกรุ่นของชีวิต

มีชายหนุ่มที่พบกับความผิดหวังคนหนึ่งมาที่วัด พบกับพระอาจารย์แล้ว
เล่าระบายทุกข์ให้ฟังว่า “เฉกเช่นคนอย่างข้าพเจ้าซึ่งผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
มีชีวิตก็เพียงแค่อยู่ไปวันๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”

พระอาจารย์นั่งนิ่งอย่างสงบและสำรวม ฟังชายหนุ่มคนนั้นรำพึง
รำพันและทอดถอนใจ ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่สั่งพระที่เป็นอุปัฏฐากว่า
“ประสกท่านนี้เดินทางมาแต่ไกล ไปหาน้ำอุ่นมาสักกาซิ”
เมื่อพระนั้นยกกาน้ำอุ่นมาให้ พระอาจารย์จึงหยิบใบชามาใส่ไว้ในแก้ว
แล้วรินน้ำอุ่นลงในแก้ว พลางยื่นแก้วนั้นให้กับชายหนุ่ม แล้วพูดว่า
“ประสก เชิญดื่มชาก่อน”

               

ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองแก้วชานั้น เห็นไอความร้องลอยอ้อยอิ่งออกมาเล็กน้อย
มีใบชาลอยขึ้นมาอยู่นิ่งๆ
ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างๆไม่เข้าใจว่า “ทำไมวัดนี้ถึงใช้น้ำอุ่นชงชา?”
พระอาจารย์ไม่พูดอะไร เพียงแต่แสดงทีท่าว่า “ดื่มชาก่อนเถอะ”
ชายหนุ่มนั้นจึงจำใจยกชาขึ้นมาจิบไปสองสามครั้ง”
พระอาจารย์ถามว่า “ชานี้คงจะหอมซินะ”
ชายหนุ่มนั้นจึงค่อยๆยกชาขึ้นมาจิบเพื่อลิ้มรสอย่างช้าๆ พลางส่ายหัวพูดว่า
“นี่เป็นชาอะไรครับ ความหอมสักนิดก็ไม่มี”

                     

พระอาจารย์ยิ้มพลางและพูดว่า
“นี่เป็นใบชาชื่อดังที่ชื่อว่ากวนอิมเหล็ก ทำไมถึงไม่หอมล่ะ”
ชายหนุ่มนั้นเมื่อได้ฟังว่าเป็นใบชารสเลิศที่ชื่อกวนอิมเหล็ก
ก็รีบยกแก้วขึ้นมาแล้วใช้ลมเป่าเศษใบชาที่ลอยอยู่ออก แล้วค่อยๆ
จิบเพื่อลิ้มรสชาติใหม่ แล้ววางแก้วลงพลางยืนยันอีกว่า
“ไม่มีกลิ่นชาแม้แต่สักนิดจริงๆ”

พระอาจารย์จึงสั่งพระอีกรูปหนึ่ง ให้เอาน้ำเดือดมาอีกกา
เมื่อกาน้ำร้อนมาแล้ว พระอาจารย์จึงหยิบใบชาใส่ลงในแก้วอีกใบหนึ่ง
แล้วเติมน้ำร้อนลงไป แล้วยกไปวางไว้ข้างหน้าชายหนุ่ม
ชายหนุ่มนั้นก้มหน้ามองไปที่แก้วน้ำใบนั้น ก็เห็นใบชาในแก้วลอยขึ้นลง
ไปตามแรงวนของใบชา แล้วสักครู่ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของใบชา
ลอยขึ้นมาแตะจมูก ชายหนุ่มนั้นเผลอยกขึ้นมาสูดกลิ่น

                         

พระอาจารย์พูดขึ้นมาว่า “ช้าก่อน พ่อหนุ่ม”
พลางเติมน้ำร้อนลงในแก้วเพิ่มขึ้นอีก ชายหนุ่มนั้นก้มหน้าลงมองแก้วน้ำ
ก็เห็นใบชาเหล่านั้นลอยขึ้นและจมลงหมุนวนคละไปทั่ว พร้อมกับ
ได้กลิ่นหอมอ่อนของใบชาลอยอบอวลขึ้นมานอกแก้วชา
พระอาจารย์เติมน้ำร้อนเพิ่มลงในแก้วอีกหลายครั้ง
จนน้ำเต็มแก้ว พลางถามว่า “ประสก ทำไมใช้ใบชาชนิดเดียวกัน
ทำไมกลิ่นชาถึงแตกต่างกัน?”



“ใบหนึ่งใช้น้ำอุ่นชง อีกใบหนึ่งใช้น้ำเดือดชง เพราะใช้น้ำที่แตกต่างกัน หนุ่มนั้นตอบ
“ใช้น้ำที่ต่างกัน การลอยของใบชาก็แตกต่างกัน ใบชาที่ใช้น้ำอุ่น ใบชาจะ
ลอยเอื่อยๆ ไม่มีการลอยแล้วจม แล้วใบชาจะแผ่กระจายความหอมออกมาได้อย่างไร?
แต่ใบชาที่ชงกับน้ำเดือด ผ่านน้ำร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ใบชาจมแล้วก็ลอย

ลอยแล้วก็จม ลอยๆจมๆใบชาก็จะแผ่ขจายกลิ่นหอมของฝนที่รับมาจากฤดูใบไม้ผลิ
ความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่ได้ในฤดูร้อน ความเย็นสงบในหน้าหนาว

คนมากมายในโลกนี้ มีอะไรไม่เหมือนชาเล่า คนที่ไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาว
ใช้ชีวิตให้ผ่านไปวันๆไปเรื่อยๆ ก็เหมือนกับใช้น้ำอุ่นชงชา ใบชาลอยไปเสมอกัน
ไม่สามารถกลั่นเอาความหอมและปัญญาออกมาได้

               

และคนที่ต้องพบกับอุปสรรคและทุกข์ลำเค็ญอดมื้อกินมื้อ
พบกับความโชคร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เหมือนใบชา
ที่ชงกับน้ำร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาผ่านวันเวลาฝ่าลมฝนพายุที่ขึ้นๆลง
เสมอมา ทำให้ชีวิตของพวกเขาค่อยๆกลั่นความหมายออกมา
สวนกระแสขึ้นมาเหมือนใบชา แล้วพวกเราทำไมจะไม่เหมือนชีวิตของชา
ชะตาชีวิตทำไมจะไม่เหมือนกาน้ำอุ่นหรือน้ำเดือด

ใบชาเพราะถูกน้ำร้อนจัด จึงคายความหอมที่บ่มเพาะอยู่ในตัวออกมา
และชีวิตก็มีแต่พบอุปสรรคและความยากลำบาก
ถึงจะบ่มเพาะความหอมที่มีอยู่ในตัวออกมา

               

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 04, 2012, 07:52:17 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #98 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2012, 08:13:47 am »


             


๗๔. แสงสว่างในดวงจิต

มีพระอาจารย์ท่านหนึ่ง เมื่อเข้าสู่วัยชรา จึงคิดจะมอบบาตรและจีวร
เพื่อให้ลูกศิษย์รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสต่อไป แต่ในบรรดาลูกศิษย์
ทั้งหลายมีอยู่ถึงสามคนที่ค่อนข้างจะเข้าถึงธรรมมากที่สุด จึงค่อนข้างจะ
ลำบากใจที่จะเลือกคนใดคนหนึ่ง

ช่วงเย็นโพล้เพล้ใกล้ค่ำของวันหนึ่ง พระอาจารย์พอจะรู้ว่าอายุขัย
ของตนเองใกล้จะหมดแล้ว ควรจะถึงเวลาแล้วที่จะตัดสินให้คนใด
คนหนึ่งรับตำแหน่งต่อไป จึงเรียกลูกศิษย์ทั้งสามมาแล้วสั่งให้ไปซื้อ
อะไรอย่างหนึ่ง ดูซิว่าใครจะสามารถซื้อของได้ถูกและได้มากจนเต็มกุฏิ

เมื่อศิษย์ทั้งสามรับเงินจากพระอาจารย์แล้ว มีสองคนที่เดินออกไป
แต่มีอีกคนที่ไม่ไป แล้วไปนั่งสมาธิข้างๆพระอาจารย์ ไม่ได้ขยับไปไหน

ไม่นาน ศิษย์คนหนึ่งเข้ามารายงานว่า ได้ซื้อหญ้าแห้งมาหลายคันรถ
สามารถใส่ให้เต็มกุฏินี้ได้ พระอาจารย์ฟ้งแล้วรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก

และอีกรูปหนึ่งก็กลับมาในเวลาใกล้เคียง มาถึงก็หยิบเทียนเล่มหนึ่ง
ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วก็จุดให้สว่าง พระอาจารย์เห็นแล้วก็รู้สึกพอใจยิ่งนัก



แล้วพระอาจารย์ก็มองไปที่ลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ลูกศิษย์นั้นลุกขึ้น
แล้วคืนเงินให้พระอาจารย์ พนมมือแล้วพูดว่า
“อาจารย์ สิ่งที่ศิษย์สั่งซื้อกำลังจะมาแล้ว” พูดจบก็เป่าเทียนจนดับ
ในห้องจึงมีแต่ความมืด แล้วศิษย์คนนั้นก็ชี้ไปที่นอกหน้าต่างแล้วพูดว่า
“อาจารย์ สิ่งที่ลูกศิษย์ซื้อได้มาถึงแล้ว”
พระอาจารย์มองออกไปที่นอกหน้าต่าง เห็นดวงจันทร์ลอยเด่น
ส่องสว่างเต็มดวงอยู่กลางท้องฟ้า ความสว่างของดวงจันทร์
สาดส่องเข้ามาในกุฏิ จนสว่างไปทั่วห้อง

“เจ้าคิดวิธีนี้ได้อย่างไร?” พระอาจารย์ถาม
“แม้ว่าหญ้าแห้งจะนำมาใส่จนเต็มกุฏิได้ แต่ก็ทำให้กุฏินี้มืดและสกปรก
และเทียนก็ใหญ่เพียงแค่นิ้วมือ ไม่มีราคาค่างวด คนซื้อเทียนก็ไม่เกิดปัญญาขึ้นมาได้
แต่เมื่อดวงจันทร์ลอยเด่นขึ้นมา สามารถทำให้สว่างไปทั่วห้องได้

เมื่อฟ้าสว่างพื้นดินก็ย่อมสว่าง ฟ้าและดินสว่างจิตก็ย่อมสว่างตาม
จิตเดิมแท้ส่องสว่างขึ้นมาในดวงจิต โดยไม่ต้องใช้เงินซื้อหาแต่อย่างไร
เพราะในจิตมีแสงสว่างของจิตเดิมแท้อยู่แล้ว” ลูกศิษย์ตอบ

เมื่อพระอาจารย์ได้ฟังแล้วก็ถอดจีวรไปคลุมให้ลูกศิษย์นั้น
และให้สืบทอดเป็นเจ้าอาวาสต่อไป

               

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2012, 08:03:29 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
« ตอบกลับ #99 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2012, 08:17:23 am »



๗๔. ๑ จำนวนครั้งที่ลุกขึ้นมาสู้

คุณพ่อท่านหนึ่งเป็นกังวลกับลูกชายของตัวเองมาก เพราะอายุถึงสิบห้าสิบหก
ปีแล้ว แต่รู้สึกว่าลูกชายไม่มีความเป็นลูกผู้ชายแม้แต่นิดเดียว

เขาเลยไปหาพระอาจารย์เพื่อให้อบรมสั่งสอนลูกชายของเขา
พระอาจารย์กล่าวว่า “ให้ลูกชายของท่านอยู่ที่นี่สักสามเดือน ภายในสามเดือน
นี้ห้ามท่านมาเยี่ยม ข้ารับรองว่าจะสอนให้ลูกของเจ้าได้เป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริง”

สามเดือนผ่านไป พ่อของเด็กนั้นมารับลูกกลับไป พระอาจารย์จึงจัดให้มีการ
แข่งขันยูโดเพื่อให้เห็นถึงผลการฝึกฝนของสามเดือนที่ผ่านมา คนที่มาแข่ง
กับลูกชายของเขานั้นเป็นครูผู้ฝึกนั่นเอง



เมื่อครูฝึกจู่โจมมา เด็กนั้นก็จะรับไม่ได้แล้วต้องล้มลง แต่เมื่อล้มลงแล้ว
 เด็กนั้นจะลุกขึ้นมาตั้งท่ารับใหม่ทันที เป็นอย่างนี้ผ่านไปถึงสิบกว่าครั้ง

พระอาจารย์ถามพ่อเด็กนั้นว่า “เจ้าว่าการกระทำของลูกท่านพอจะเป็น
ลูกผู้ชายแล้วหรือยัง?”
“ข้าพเจ้ารู้สึกอับอายยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าส่งลูกมาให้ท่านฝึกถึงสามเดือน
สุดท้ายผลที่ข้าพเจ้าเห็นคือ ลูกสู้ไม่เป็น เพียงเขาจู่โจมมาก็ล้มลงทุกครั้ง”

“ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนักที่เห็นเจ้ามองเพียงแค่ผลชนะหรือแพ้ เจ้าไม่เห็น
ความกล้าและความเด็ดเดี่ยวของลูกท่านที่ล้มลงแล้วลุกขึ้นมาทันที
นั่นแหละถึงจะเป็นลูกผู้ชายตัวจริง เพียงแค่จำนวนครั้งที่ลุกขึ้นมาสู้
มากกว่าล้มลงไปหนึ่งครั้งก็นับว่าประสบผลสำเร็จแล้ว

           
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2014, 08:06:20 pm โดย ฐิตา »