ผู้เขียน หัวข้อ: 7 บทเรียนดี ๆ ที่ได้รับหลังจากเซ็นใบหย่า  (อ่าน 1372 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
7 บทเรียนดี ๆ ที่ได้รับหลังจากเซ็นใบหย่า
-http://wedding.kapook.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81-47900.html-

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เมื่อถึงเวลาที่คุณทั้งคู่จรดปากกาเซ็นใบหย่า ทั้งคุณและเขาก็คงเสียใจไม่ต่างกัน เพราะจากนี้ถือว่าทุกสิ่งที่สร้างร่วมกันมาได้เดินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วและจากนี้ก็ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง แม้แรก ๆ อาจจะเหงาไปสักนิด แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณก็จะคุ้นชินไปเอง และไม่แน่คุณอาจจะได้เจอกับเนื้อคู่ตัวจริงของคุณก็ได้ ฉะนั้น ทำใจให้สบายแล้วเรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกันดีกว่า

1. ปรับเปลี่ยนคำพูด

          การสื่อสารที่ผิดพลาดเป็นสาเหตุอันดับแรกของการหย่าร้าง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบพูดจาเสียดสี ไม่เกียรติคนรัก หรือพูดจาร้าย ๆ ใส่เขาบ่อย ๆ คงไม่มีผู้ชายคนไหนรับได้หรอกนะคะ ถึงแม้เขาจะเป็นสามีของคุณก็เถอะ แต่ความอดทนของเรานั้นมีจำกัดเหมือนกันนะ ดังนั้น จากนี้ไปก็ลองปรับเปลี่ยนนิสัยดู เอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ และคิดก่อนพูดทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้คำพูดของคุณไปทำร้ายใครอีก

2. ทำความรู้จักกับตัวเองเสียใหม่

          หลาย ๆ คนมักชอบทำตัวติดกับสามี จนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง หรือยอมเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อให้เขาสนใจ จนสุดท้ายลืมไปแล้วว่าความต้องการที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร จากนี้ก็อย่าเพิ่งรีบคว้าหนุ่มคนใหม่มาดามหัวใจ เอาเวลานี้ไปเรียนรู้ตัวเองเสียก่อน ว่าคุณอยากทำอะไร ชอบทำอะไร และชีวิตของคุณต้องการอะไรกันแน่ เพื่อทำให้ชีวิตของคุณเองกลับมามีค่าอีกครั้ง

3. อยู่กับตัวเองให้ชิน

          ไม่ควรพูดจาให้เขารู้สึกผิด หรือใช้คำว่าเพื่อนมายื้อความสัมพันธ์เขาเอาไว้ เพราะเมื่อหย่ากันแล้วเขาไม่ต้องการจะรู้หรอกว่าคุณออกไปกับใคร ทำอะไรที่ไหนบ้าง ฉะนั้น จากนี้คุณก็ควรทำใจให้ชินกับการอยู่คนเดียว ถึงแม้มันจะเหงาบ้างอะไรบ้าง แต่คุณก็ยังมีเพื่อนและคนในครอบครัวที่คอยอยู่ข้าง ๆ คุณอีกนะ

4. เสียใจให้พอ

          อาการคนที่เพิ่งหย่ามาหมาด ๆ ก็คงไม่ต่างอะไรกับคนที่เพิ่งโดนแฟนหักอกมาหรอก ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะออกไปแฮงค์เอ้าท์ หรือร้องไห้ก็ทำซะให้พอ แต่อย่าปล่อยให้ตัวเองเสียใจยืดเยื้อมากนักนะ และเราก็อนุญาตให้คุณระบายทุกความรู้สึกลงไปในสมุดบันทึก เมื่อถึงเวลาที่คุณทำใจได้แล้วและหยิบมันมาอ่านอีกครั้ง คุณจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องตลกขนาดไหน

5. รับความช่วยเหลือซะบ้าง

          เข้าใจนะว่าบางคนที่เสียใจชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว แต่บางครั้งเมื่อความเหงากับความเศร้าเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวคุณ แค่เพียงวินาทีสั้น ๆ ก็อาจทำให้คุณตัดสินใจทำเรื่องโง่ ๆ ได้ ดังนั้น หากมีเพื่อนโทรศัพท์มาหา หรือครอบครัวคุณอยากจะช่วยก็ตอบรับความหวังดีพวกเขาหน่อยก็ดีนะ และถ้ามีอะไรที่รู้สึกอัดอั้นตันใจอยากจะระบายก็พูด ๆ ออกไปบ้างจะได้สบายใจขึ้น

6. อย่าริมีรักใหม่

          อย่างน้อยปล่อยให้ตัวเองโสดไปสักปีก็ดีนะ เพราะหนึ่งปีที่ผ่านไปจะทำให้คุณรู้จักตัวเองมากขึ้น และคิดได้รอบคอบมากขึ้น นอกจากนี้ คุณยังได้ใช้เวลาในช่วงหนึ่งปีนั้นอยู่กับครอบครัวและเพื่อน ๆ ของคุณได้อย่างเต็มที่เลย หลังจากที่ผ่านช่วงหนึ่งปีแรกไป เมื่อหัวใจของคุณแข็งแรงขึ้นแล้ว คุณจะมีรักใหม่หรือติดใจชีวิตโสดก็ไม่มีใครห้ามคุณแล้วล่ะ

7. รักตัวเองมากขึ้น

          ความรักที่คุณเคยทุ่มเทให้คนอื่นมานาน จากนี้คุณก็เอาความรักกลับมาให้ตัวเอง นอกจาก นี้คุณยังมีเวลาเหลือเฟือดูแลใส่ใจตัวคุณเอง ครอบครัว และเพื่อน ๆ คนที่รักคุณอย่างจริงใจมากขึ้น หากใครที่มีลูกจากนี้คิดซะว่าหน้าที่ภรรยาได้หมดลงแล้ว และสามารถทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่

          การหย่าร้างถือเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดของคู่แต่งงาน เพราะนั่นหมายถึงว่าความสัมพันธ์และความรักที่มีให้กันมานานนั้น ได้เดินมาถึงจุดจบแล้ว แต่ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คุณควรทำก็คือเปิดใจและยอมรับกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เก็บเรื่องราวทุกอย่างเอาไว้เป็นประสบการณ์และเรียนรู้กับมัน พร้อมกับเดินก้าวไปข้างหน้าดีกว่า


http://wedding.kapook.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81-47900.html

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)