ผู้เขียน หัวข้อ: โดย การล่วงไปแห่งกาล  (อ่าน 1264 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
โดย การล่วงไปแห่งกาล
« เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2012, 06:02:19 pm »

       

ธรรมะกับชีวิต :สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง
โดย การล่วงไปแห่งกาล

ภิกษุทั้งหลาย !สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง(อนิจฺจ).
ภิกษุ ทั้งหลาย !สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน (อธว).
ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้ (อนสฺสาสิก).
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ ก็พอแล้ว เพื่อจะ เบื่อหน่าย ในสังขารทั้งปวง
พอแล้ว เพื่อจะ คลายกำหนัด พอแล้ว เพื่อจะ ปล่อยวาง
.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! ขุนเขาสิเนรุ โดยยาว ๘๔,๐๐๐โยชน์ ๑ โดยกว้าง ๘๔,๐๐๐ โยชน์
หยั่งลงในมหาสมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ สูงขึ้นจากผิวพื้นสมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ :-
ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี
หลายพันปี หลายแสนปี ที่ฝนไม่ตกเลย. เมื่อฝนไม่ตก
(ตลอดเวลาเท่านี้) ป่าใหญ่ ๆ อันประกอบด้วยพีชคาม
ภูตคาม ไม้ หยูกยา และ หญ้าทั้งหลาย ย่อมเฉา ย่อมเหี่ยวแห้ง
มีอยู่ไม่ได้ (นี้ฉันใด) ;

ภิกษุ ทั้งหลาย !
สังขาร ทั้งหลาย ไม่เที่ยงฉันนั้น,
สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น,
สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ หวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้
ก็พอแล้ว เพื่อจะ เบื่อหน่ายใน สังขารทั้งปวง
พอแล้ว เพื่อจะ คลายกำหนัด
พอแล้ว เพื่อจะ ปล่อยวาง.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่ง ในกาล บางครั้ง บางคราวโดย
การล่วง ไปแห่ง กาลนานไกล อาทิตย์ ดวงที่สอง ย่อมปรากฏ.

เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงที่สองปรากฏ, แม่น้ำน้อย หนองบึง
ทั้งหมดก็ งวดแห้งไป ไม่มีอยู่ (นี้ฉันใด) ;
ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขาร ทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น,
สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืนฉันนั้น,
สังขาร ทั้งหลาย เป็นสิ่งหวัง อะไรไม่ได้ ฉันนั้น.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ ก็พอแล้ว
เพื่อจะ เบื่อหน่าย ในสังขารทั้งปวง
พอแล้ว เพื่อจะคลาย กำหนัด พอแล้ว เพื่อจะปล่อยวาง.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาล บางครั้ง บางคราวโดย
การล่วงไปแห่ง กาลนานไกล อาทิตย์ ดวงที่สาม ย่อมปรากฏ.
เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงที่สามปรากฏ, แม่น้ำสายใหญ่ ๆ เช่น
แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ ทั้งหมดก็งวดแห้งไป
ไม่มีอยู่ (นี้ฉันใด);

ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น,
สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น,
สังขาร ทั้งหลายเป็น สิ่งหวังอะไร ไม่ได้ ฉันนั้น.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้
ก็พอแล้ว เพื่อจะ เบื่อหน่ายใน สังขารทั้งปวง
พอแล้ว เพื่อจะคลาย กำหนัด พอแล้ว เพื่อจะปล่อยวาง.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่ง ในกาล บางครั้งบางคราวโดย
การ ล่วงไปแห่ง กาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่สี่ ย่อมปรากฏ.

เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงที่สี่ปรากฏ, มหาสระทั้งหลาย อันเป็น
ที่เกิดแห่งแม่น้ำ ใหญ่ ๆ เช่นแม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู
มหิ มหาสระเหล่านั้น ทั้งหมดก็ งวดแห้งไป ไม่มีอยู่ (นี้ฉันใด);
ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขาร ทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น,
สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น,
สังขาร ทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็
พอแล้วเพื่อ จะเบื่อหน่ายใน สังขารทั้งปวง
พอแล้ว เพื่อจะ คลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะ ปล่อยวาง.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่ง ในกาลบางครั้ง บางคราวโดย
การล่วงไป แห่งกาลนานไกล อาทิตย์ ดวงที่ห้า ย่อมปรากฏ.

เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงที่ห้าปรากฏ, น้ำในมหาสมุทร อันลึกร้อยโยชน์ ก็งวดลง
น้ำในมหาสมุทรอันลึก สอง - สาม - สี่ - ห้า - หก - เจ็ดร้อยโยชน์ก็งวดลง
เหลืออยู่เพียงเจ็ดชั่ว ต้นตาล ก็มีเหลืออยู่เพียงหก - ห้า - สี่ - สาม -สอง
กระทั่งหนึ่ง ชั่วต้นตาลก็มี งวดลงเหลืออยู่เพียงเจ็ดชั่วบุรุษ ก็มี เหลืออยู่ เพียง
หก - ห้า - สี่ - สาม – สอง-หนึ่ง กระทั่งครึ่งชั่วบุรุษ ก็มี งวดลง
เหลืออยู่เพียงแค่สะเอว เพียงแค่เข่า เพียงแค่ข้อเท้า กระทั่ง
เหลืออยู่ ลึกเท่าน้ำ ในรอยเท้าโค ในที่นั้น ๆ เช่นเดียวกับน้ำ
ในรอยเท้าโคเมื่อ ฝนเม็ดใหญ่เริ่มตก ในฤดูสารท ลงมา ในที่นั้น ๆ.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพราะ การปรากฏ แห่งอาทิตย์ดวงที่ห้า
น้ำในมหาสมุทร ไม่มีอยู่แม้สักว่า องคุลีเดียว(นี้ฉันใด);
ภิกษุ ทั้งหลาย !สังขาร ทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น,
สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น,
สังขาร ทั้งหลาย เป็นสิ่งหวัง อะไรไม่ได้ ฉันนั้น.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็
พอแล้ว เพื่อจะ เบื่อหน่ายใน สังขารทั้งปวง
พอแล้ว เพื่อจะ คลายกำหนัด พอแล้ว เพื่อจะ ปล่อยวาง.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งใน กาลบางครั้งบางคราวโดย
การล่วงไปแห่ง กาลนานไกล อาทิตย์ ดวงที่หก ย่อมปรากฏ.

เพราะความปรากฏ แห่งอาทิตย์ดวงที่หก, มหาปฐพีนี้และ
ขุนเขาสิเนรุ ก็มีควันขึ้น ยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น เปรียบเหมือน
เตาเผาหม้อ อันนายช่างหม้อสุมไฟแล้ว ย่อมมีควันขึ้นโขมงยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น
ฉะนั้น (นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย
ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขาร
ทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียง
เท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้ว
เพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดย
การล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่เจ็ด ย่อมปรากฏ.
เพราะความปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่เจ็ด, มหาปฐพีนี้และ
ขุนเขาสิเนรุ ย่อมมีไฟลุกโพลง ๆ มีเปลวเป็นอันเดียวกัน.
เมื่อมหาปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุ อันไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่อย่างนี้
เปลวไฟถูกลมซัดขึ้นไป จนถึงพรหมโลก.

ภิกษุ ทั้งหลาย !
เมื่อขุนเขาสิเนรุถูกไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่ วินาศอยู่ อันกองไฟ
ท่วมทับแล้ว, ยอดทั้งหลายอันสูงร้อยโยชน์บ้าง สอง - สาม -
สี่ - ห้าร้อยโยชน์บ้าง ก็พังทำลายไป. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เมื่อ
มหาปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุอันไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่, ขี้เถ้าและ
เขม่าย่อมไม่ปรากฏ เหมือนเมื่อเนยใส หรือน้ำมันถูกเผา
ขี้เถ้าและเขม่าย่อมไม่ปรากฏ ฉะนั้น(นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย !
สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืนฉันนั้น,
สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขาร
ทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! ในข้อความนั้น ใครจะคิด ใครจะเชื่อ
ว่า “ปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุจักลุกไหม้ จักวินาศ จักสูญสิ้น
ไปได้
” นอกเสียจาก พวกมีบทอันเห็นแล้ว.
-สตฺตก. อํ๒๓/๑๐๒ - ๑๐๕/๖๓



-http://www.facebook.com/pages/พระพุทธเจ้า/166387296709841?fref=ts

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 05, 2012, 11:31:58 am โดย ฐิตา »