[๑๒๑] ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว หลีกไปด้วยกรณียะบางอย่าง โดย
ไม่ตั้งใจ คือ เธอไม่ได้คิดว่าจักกลับมา และไม่ได้คิดว่าจักไม่กลับมา เธอ
อยู่นอกสีมา มีความหวังว่าจะได้จีวร จึงเข้าไปยังที่ซึ่งมีหวังว่าจะได้จีวรนั้น
ได้ไม่สมหวัง ไม่ได้ตามหวัง เธอติดอย่างนี้ว่า จักให้ทำจีวรนี้ ณ ภายนอก
สีมานี้แหละ จักไม่กลับ จึงให้ทำจีวรนั้นเสร็จ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น
กำหนด ด้วยทำจีวรเสร็จ.
ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว หลีกไปด้วยกรณียะบางอย่าง โดยไม่ดังใจ
คือ เธอไม่ได้คิดว่าจักกลับมา และไม่ได้คิดว่าจักไม่กลับมา เธออยู่นอกสีมา
มีความหวังว่าจะได้จีวร จึงเข้าไปยังที่ซึ่งมีหวังว่าจะได้จีวรนั้น ได้ไม่สมหวัง
ไม่ได้ตามหวัง เธอคิดอย่างนี้ว่า จักไม่ให้ทำจีวรนี้ จักไม่กลับละ การเดาะ
กฐินของภิกษุนั้น กำหนดด้วยตกลงใจ.
ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว หลีกไปด้วยกรณียะบางอย่าง โดยไม่ตั้งใจ
คือ เธอไม่ได้คิดว่าจักกลับมา และไม่ได้คิดว่าจักไม่กลับมา เธออยู่นอกสีมา
มีความหวังว่าจะได้จีวร จึงเข้าไปยังที่ซึ่งมีหวังว่าจะได้จีวรนั้น ได้ไม่สมหวัง
ไม่ได้ตามหวัง เธอคิดอย่างนี้ว่า จักให้ทำจีวรนี้ ณ ภายนอกสีมานี้แหละ จัก
ไม่กลับ แล้วให้ทำจีวรนั้น จีวรของเธอที่ทำอยู่นั้นได้เสียหรือหาย การเดาะ
กฐินของภิกษุนั้น กำหนดด้วยผ้าเสียหาย.
ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว หลีกไปด้วยกรณียะบางอย่าง โดยไม่จงใจ
คือ เธอไม่ได้คิดว่าจักกลับมา และไม่ได้คิดว่าจักไม่กลับมา เธออยู่นอกสีมา
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 217
มีความหวังว่าจะได้จีวร จึงคิดอย่างนี้ว่า จักเข้าไปยังที่ซึ่งมีหวังว่าจะได้จีวรนี้
ณ ภายนอกสีมานี้แหละ จักไม่กลับละ แล้วเข้าไปยังที่ซึ่งมีหวังว่าจะได้จีวร
นั้น เธอสิ้นหวังที่จะได้จีวรนั้น การเดาะกฐินของภิกษุนั้น กำหนดด้วยสิ้น
หวัง.
กรณียะ ๑๒ หมวด จบ
หวังได้ส่วนจีวร ๙ วิธี
[๑๒๒] ๑. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ประสงค์จะไปสู่ทิศ จึงหลีกไป
แต่ยังหวังได้ส่วนจีวร เธอไปสู่ทิศแล้ว ภิกษุทั้งหลายถามว่า อาวุโส จำ
พรรษาที่ไหน และส่วนจีวรของท่านอยู่ที่ไหน เธอตอบอย่างนี้ว่า ผมจำพรรษา
ในอาวาสโน้น และส่วนจีวรของผมก็อยู่ที่อาวาสนั้น ภิกษุเหล่านั้นกล่าวอย่างนี้
ว่า อาวุโส ท่านจงนำจีวรนั้นมา พวกผมจักทำจีวรให้ ณ ที่นี้ เธอกลับไป
สู่อาวาสนั้นแล้วถามภิกษุทั้งหลายว่า อาวุโส ส่วนจีวรของผมอยู่ที่ไหน ภิกษุ
เหล่านั้นตอบอย่างนี้ว่า อาวุโส มีส่วนจีวรของท่าน ๆ จักไปไหน เธอตอบ
อย่างนี้ว่า ผมจักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ภิกษุทั้งหลายในอาวาสนั้น จักทำจีวรให้
ผม ภิกษุเหล่านั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ไม่ควร อาวุโส อย่าไปเลย พวกผม
จักช่วยทำจีวรให้ ณ ที่นี้ เธอคิดอย่างนี้ว่า จักให้ทำจีวรผืนนี้ ณ ภายนอก
สีมานี้แหละ จักไม่กลับ แล้วให้ทำจีวรนั้นเสร็จ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น
กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ.
๒. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ประสงค์จะไปสู่ทิศ จึงหลีกไป . . .
การเดาะกฐินของภิกษุนั้น กำหนดด้วยตกลงใจ.
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 218
๓. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ประสงค์จะไปสู่ทิศ จึงหลีกไป. . .
การเดาะกฐินของภิกษุนั้น กำหนดด้วยผ้าเสียหาย.
[๑๒๓] ๔. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ประสงค์จะไปสู่ทิศ จึงหลีกไป
แต่ยังหวังได้ส่วนจีวร เธอนั้นไปสู่ทิศแล้ว ภิกษุทั้งหลายถามว่า อาวุโส
จำพรรษาที่ไหน และส่วนจีวรของท่านอยู่ที่ไหน เธอตอบอย่างนี้ว่า ผมจำ
พรรษาในอาวาสโน้น และส่วนจีวรของผมก็อยู่ที่อาวาสนั้น ภิกษุเหล่านั้น กล่าว
อย่างนี้ว่า อาวุโส ท่านจงไปนำจีวรนั้นมา พวกผมจักทำจีวรให้ ณ ที่นี้ เธอ
กลับไปสู่อาวาสนั้นแล้ว ถามภิกษุทั้งหลายว่า อาวุโส ส่วนจีวรของผมอยู่ที่
ไหน ภิกษุเหล่านั้นตอบอย่างนี้ว่า อาวุโส ในส่วนจีวรของท่าน เธอถือจีวรนั้น
ไปสู่อาวาสแห่งนั้น ภิกษุทั้งหลายในระหว่างทางถามเธอว่า อาวุโส จักไปไหน
เธอตอบอย่างนี้ว่า ผมจักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ภิกษุทั้งหลายในอาวาสนั้น จักทำ
จีวรให้ผม ภิกษุเหล่านั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ไม่ควร อาวุโส อย่าไปเลย พวกผม
จักทำจีวรให้ ณ ที่นี้ เธอคิดอย่างนี้ว่า จักให้ทำจีวรนี้ ณ ภายนอกสีมานี้แหละ
จักไม่กลับ แล้วให้ทำจีวรนั้นเสร็จ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น กำหนดด้วยทำ
จีวรเสร็จ.
๕. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ประสงค์จะไปสู่ทิศ จึงหลีกไป แต่ยิ่ง
หวังได้ส่วนจีวร เธอนั้นไปสู่ทิศแล้ว ภิกษุทั้งหลายถามว่า อาวุโส
จำพรรษาที่ไหน และส่วนจีวรของท่านอยู่ที่ไหน เธอตอบอย่างนี้ว่า ผม
จำพรรษาในอาวาสโน้น และส่วนจีวรของผมก็อยู่ที่อาวาสนั้น ภิกษุเหล่านั้น
กล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส จงไปนำจีวรนั้นมา พวกผมจักทำจีวรให้ ณ ที่
นี้ เธอกลับไปสู่อาวาสนั้นแล้ว ถามภิกษุทั้งหลายว่า อาวุโส ส่วนจีวรของผม
อยู่ที่ไหน ภิกษุเหล่านั้นตอบอย่างนี้ว่า อาวุโส นี้ส่วนจีวรของท่าน เธอถือ
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 219
จีวรนั้นไปสู่อาวาสแห่งนั้น ภิกษุทั้งหลายในระหว่างทางถามเธอว่า อาวุโส
จักไปไหน เธอตอบอย่างนี้ว่า ผมจักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ภิกษุทั้งหลายใน
อาวาสนั้นจักทำจีวรให้ผม ภิกษุเหล่านั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ไม่ควร อาวุโส อย่าไป
เลย พวกผมจักทำจีวรให้ ณ ที่นี้ เธอคิดอย่างนี้ ว่าจักไม่ให้ทำจีวรนี้ จักไม่
กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น กำหนดด้วยตกลงใจ.
๖. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ประสงค์จะไปสู่ทิศ จึงหลีกไป แต่
ยังหวังได้ส่วนจีวร เธอนั้นไปสู่ทิศแล้ว ภิกษุทั้งหลายถามว่า อาวุโส
จำพรรษาที่ไหน และส่วนจีวรของท่านอยู่ที่ไหน เธอตอบอย่างนี้ว่า ผม
จำพรรษาในอาวาสโน้น และส่วนจีวรของผมก็อยู่ที่อาวาสนั้น ภิกษุเหล่านั้น
กล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส จงไปนำจีวรนั้นมา พวกผมจักทำจีวรให้ ณ
ที่นี้ เธอกลับไปสู่อาวาสนั้นแล้วถามภิกษุทั้งหลายว่า อาวุโส ส่วนจีวรของ
ผมอยู่ที่ไหน ภิกษุเหล่านั้นตอบอย่างนี้ว่า อาวุโส นี้ส่วนจีวรของท่าน เธอ
ถือจีวรนั้นไปสู่อาวาสแห่งนั้น ภิกษุทั้งหลายในระหว่างทางถามเธอนั้น ว่าอาวุโส
จักไปไหน เธอตอบอย่างนี้ว่า ผมจักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ภิกษุทั้งหลาย
ในอาวาสนั้นจักทำจีวรให้ผม ภิกษุเหล่านั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ไม่ควร อาวุโส
อย่าไปเลย พวกผมจักทำจีวรให้ ณ ที่นี้ เธอคิดอย่างนี้ว่า จักให้ทำจีวรนี้ ณ
ภายนอกสีมานี้แหละ จักไม่กลับ แล้วให้ทำจีวรนั้น จีวรของเธอที่ทำอยู่นั้น
ได้เสียหรือหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยผ้าเสียหาย.
[๑๒๔] ๗. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ประสงค์จะไปสู่ทิศจึงหลีกไป
แต่ยังหวังจะได้จีวร เธอนั้นไปสู่ทิศแล้ว ภิกษุทั้งหลายถามว่า อาวุโส
จำพรรษาที่ไหน และส่วนจีวรของท่านอยู่ที่ไหน เธอตอบอย่างนี้ว่า ผม
จำพรรษาในอาวาสโน้น และส่วนจีวรของผมก็อยู่ที่อาวาสนั้น ภิกษุเหล่านั้น
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 220
กล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส จงไปนำจีวรนั้นมา พวกผมจักทำจีวรให้ ณ ที่
นี้ เธอกลับไปสู่อาวาสนั้นแล้ว ถามภิกษุทั้งหลายว่า อาวุโส ส่วนจีวรของ
ผมอยู่ที่ไหน ภิกษุเหล่านั้นตอบอย่างนี้ว่า นี้ส่วนจีวรของท่าน เธอถือจีวรนั้น
มาสู่อาวาสนั้น เมื่อเธอมาถึงอาวาสนั้นแล้ว ได้คิดอย่างนี้ว่า จักให้ทำจีวรนี้
ณ ภายนอกสีมานี้แหละ จักไม่กลับละ เธอให้ทำจีวรนั้นเสร็จ การเดาะกฐินของ
ภิกษุนั้น กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ.
๘. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ประสงค์จะไปสู่ทิศจึงหลีกไป. . . .เธอคิด
อย่างนี้ว่า จักไม่ให้ทำจีวรผืนนี้ จักไม่กลับละ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น
กำหนดด้วยตกลงใจ.
๙. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ประสงค์จะไปสู่ทิศจึงหลีกไป . . . เธอคิด
อย่างนี้ว่า จักให้ทำจีวรผืนนี้ ณ ภายนอกสีมานี้แหละ จักไม่กลับละ เธอให้
ทำจีวรผืนนั้นเสร็จ จีวรของเธอที่ทำอยู่นั้นได้เสียหรือหาย การเดาะกฐินของ
ภิกษุนั้น กำหนดด้วยผ้าเสียหาย.
หวังได้ส่วนจีวร ๙ วิธี จบ
ผาสุวิหาร คือ อยู่ตามสบาย ๕ ข้อ
[๑๒๕] ๑. ภิกษุใดกรานกฐินแล้ว ต้องการจะอยู่ตามสบาย จึงถือ
จีวรหลีกไปด้วยตั้งใจว่า จักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบาย
จักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เราจักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้า
ในอาวาลนั้น ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เรา
จักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้า
ความสบายไม่มีแก่เรา เราจักกลับ เธออยู่นอกสีมาเกิดความคิดอย่างนี้ว่า จัก
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 221
ให้ทำจีวรผืนนี้ ณ ที่นี้แหละ จักไม่กลับละ เธอให้ทำจีวรผืนนั้นเสร็จ การ
เดาะกฐินขางภิกษุนั้น กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ.
๒. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ต้องการจะอยู่ตามสบาย จึงถือจีวรหลีก
ไปด้วยตั้งใจว่า จักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่เรา
เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เราจักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น
ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เราจักไปสู่อาวาส
ชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่
มีแก่เรา เราจักกลับ เธออยู่นอกสีมาเกิดความคิดอย่างนี้ว่า จักไม่ให้ทำจีวร
ผืนนี้ จักไม่กลับละ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยตกลงใจ.
๓ ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ต้องการจะอยู่ตามสบาย จึงถือจีวรหลีก
ไป ด้วยตั้งใจว่า จักไปสู่อาวาลชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่
เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เราจักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาส
นั้น ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เราจักไปสู่
อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้าความ
สบายไม่มีแก่เรา เราจักกลับ เธออยู่นอกสีมาเกิดความติดอย่านี้ว่า จักให้ทำ
จีวรผืนนี้ ณ ที่นี้ แหละ จักไม่กลับละ เธอให้ทำจีวรผืนนั้นเสร็จ จีวรของเธอ
ที่ทำอยู่นั้น ได้เสียหรือหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยผ้าเสียหาย
๔. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ต้องการจะอยู่ตามสบาย จึงถือจีวรหลีก
ไป ด้วยดังใจว่า จักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่
เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เราจักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าใน
อาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เราจัก
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 222
ไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้า
ความสบายไม่มีแก่เรา เราจักกลับ เธออยู่นอกสีมา ให้ทำจีวรผืนนั้น ครั้น
ทำจีวรเสร็จแล้ว คิดว่าจักกลับ จักกลับ จนล่วงคราวกฐินเดาะ ณ ภายนอก
สีมา การเดาะกฐินของภิกษุนั้น กำหนดด้วยล่วงเขต.
๕. ภิกษุได้กรานกฐินแล้ว ต้องการจะอยู่ตามสบาย จึงถือจีวรหลีก
ไป ด้วยตั้งใจว่า จะไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่เรา
เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เราจักไปสู่อาวาสชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น
ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่มีแก่เรา เราจักไปสู่อาวาส
ชื่อโน้น ถ้าในอาวาสนั้น ความสบายจักมีแก่เรา เราจักอยู่ ถ้าความสบายไม่
มีแก่เรา เราจักกลับ เธออยู่นอกสีมา ให้ทำจีวรผืนนั้น ครั้นทำเสร็จแล้ว
คิดว่าจักกลับ จักกลับ กลับมาทันกฐินเดาะ การเคาะกฐินของภิกษุนั้น
พร้อมกับภิกษุทั้งหลาย.
ผาสุวิหาร คือ อยู่ตามสบาย ๕ ข้อ จบ
ปลิโพธและส้นปลิโพธ
[๑๒๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กฐินมีปลิโพธ ๒ และสิ้นปลิโพธ ๒.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างไรเล่า กฐินมีปลิโพธ ๒ คือ อาวาส.
ปลิโพธ ๑ จีวรปลิโพธ ๑
ปลิโพธ ๒
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อาวาสปลิโพธเป็นอย่างไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยังอยู่ในอาวาสนั้น หรือ
หลีกไปผูกใจอยู่ว่าจักกลับมา อย่างนี้แลชื่อว่าอาวาสปลิโพธ.
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 223
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็จีวรปลิโพธเป็นอย่างไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยังไม่ได้ทำจีวร หรือทำ
ค้างไว้ก็ดี ยังไม่สิ้นความหวังว่าจะได้จีวรก็ดี อย่างนี้แลชื่อว่าจีวรปลิโพธ.
ก่อนภิกษุทั้งหลาย กฐินมีปลิโพธ ๒ อย่างนี้แล.
สิ้นปลิโพธ ๒
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างไรเล่า กฐินสิ้นปลิโพธ ๒ คือสิ้นอาวาส
ปลิโพธ ๑ สิ้นจีวรปลิโพธ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ้นอาวาสปลิโพธอย่างไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ หลีกไปจากอาวาสนั้น ด้วย
สละใจ วางใจ ปล่อยใจ ทอดธุระว่าจักไม่กลับมา อย่างนี้แล ชื่อว่าสิ้น
อาวาสปลิโพธ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ้นจีวรปลิโพธเป็นอย่างไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ทำจีวรเสร็จแล้วก็ดี ทำ
เสียก็ดี ทำหายเสียก็ดี ทำไฟไหม้เสียก็ดี สิ้นความหวังว่าจะได้จีวรก็ดี อย่าง
นี้แล ชื่อว่าสิ้นจีวรปลิโพธ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กฐินสิ้นปลิโพธมี ๒ อย่างนี้แล.
กฐินขันธกะ ที่ ๗ จบ
ในขันธกะนี้มี ๑๒ เรื่อง และเปยยาลมุข ๑๑๘
หัวข้อประจำขันธกะ
[๑๒๗] ๑. ภิกษุชาวปาไฐยรัฐ ๓๐ รูป จำพรรษาอยู่ในเมืองสาเกต
รัญจวนใจ ออกพรรษาแล้วมีจีวรเปียกปอนมาเฝ้าพระพุทธชินเจ้า ๒. ต่อไปนี้
เป็นเรื่องกฐิน คือได้อานิสงส์กฐิน ๕ คือ:-
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 224
ก เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลา ข. เที่ยวไปไม่ต้องถือไตรจีวรครบ
สำรับ ค. ฉันคณโภชน์ได้ ง. เก็บอดิเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา จ. จีวรลาภ
อันเกิดในทีนั้น เป็นของภิกษุผู้ได้กรานกฐินแล้ว.
๓ ญัตติทุติยกรรมวาจา ๔. อย่างนี้กฐินเป็นอันกราน อย่างนี้ไม่เป็นอันกราน
คือ กฐินกรานด้วยอาการ เพียงขีดรอย ชัก กะ ตัด เนา เย็บ ด้น ทำลูกดุม
ทำรังคุม ประกอบผ้าอนุวาต ประกอบผ้าอนุวาตด้านหน้า ดามผ้า ย้อม ทำ
นิมิต พูดเลียบเคียงผ้าที่ยืมเขามา เก็บไว้ค้างคืน เป็นนิสสัคคิยะ ไม่ได้ทำ
กัปปะพินทุ นอกจากไตรจีวร นอกจากจีวรมีขันธ์ ๕ หรือเกินกว่า ซึ่งตัดดี
แล้วทำให้เป็นจีวรมีมณฑลนอกจากบุคคลกราน กรานโดยไม่ชอบ ภิกษุอยู่
นอกสีมาอนุโมทนากฐินอย่างนี้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าไม่เป็นอันกราน
๕. กฐินกรานด้วยผ้าใหม่ ผ้าเทียมใหม่ ผ้าเก่า ผ้าบังสุกุล ผ้าตกตามร้าน
ผ้าที่ไม่ได้ท่านิมิต ผ้าที่ไม่ได้พูดเลียบเคียงได้มา ไม่ใช่ผ้าที่ยืมเขามา ไม่ใช่
ผ้าที่ทำค้างคืน ไม่ใช่เป็นผ้านิสสัคคิยะ ผ้าที่ทำกัปปะพินทุแล้ว ผ้าไตรจีวร
ผ้ามีขันธ์ ๕ หรือเกินกว่า ซึ่งตัดดีแล้วทำให้เป็นจีวรมีมณฑลเสร็จในวันนั้น
บุคคลกราน กรานโดยชอบ ภิกษุอยู่ในสีมาอนุโมทนา อย่างนี้ชื่อว่ากราน
กฐิน ๖. มาติกาเพื่อเดาะกฐิน ๘ ข้อ คือ:-
๑. กำหนดด้วยหลีกไป ๒. กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ ๓. กำหนดด้วย
ตกลงใจ ๔. กำหนดด้วยผ้าเสียหาย ๕. กำหนดด้วยได้ยินข่าว ๖. กำหนดด้วย
สิ้นหวัง ๗. กำหนดด้วยล่วงเขต ๘. กำหนดด้วยเดาะพร้อมกัน.
๗. อาทายสัตตกะ ๗ วิธี คือ:-
๑. ถือจีวรที่ทำเสร็จแล้วไปคิดว่าจักไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุ
นั้นกำหนดด้วยหลีกไป ๒. ถือจีวรไปนอกสีมา คิดว่าจักทำ ณ ที่นี้ จักไม่
กลับละ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ ๓. ถือจีวรไปนอก
สีมา คิดว่าจักไม่ให้ทำ จักไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยตก-
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 225
ลงใจ ๔. ถือจีวรไปนอกสีมา คิดว่าจักให้ทำจีวร ณ ที่นี้ จักไม่กลับละ กำลัง
ทำ จีวรเสียหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้น กำหนด้วยผ้าเสียหาย ๕. ถือจีวร
ไป คิดว่าจักกลับ ให้ทำจีวรนอกสีมา ครั้นทำจีวรเสร็จแล้ว ได้ยินข่าวว่า
ในอาวาสนั้น กฐินเดาะแล้ว การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยได้ยินข่าว
๖. ถือจีวรไปคิดว่าจักกลับ ไห้ทำจีวรนอกสีมา ครั้นทำจีวรเสร็จแล้วอยู่ นอก
สีมาจนกฐินเดาะ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยล่วงเขท ๗. ถือจีวรไป
คิดว่าจักกลับ ให้ทำจีวร ณ ภายนอกสีมาครั้นทำจีวรเสร็จแล้ว คิดว่าจักกลับ
จักกลับ กลับทันกฐินเดาะ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นพร้อมกับภิกษุทั้งหลาย.
๘. สมาทายสัตตกะมี ๗ วิธี ๙. อาทายฉักกะและสมาทายฉักกะ คือ ถือจีวรที่ทำ
ค้างไว้ไปอย่างละ ๖ วิธี ในมีการเดาะ กำหนดด้วยหลีกไป ๑๐. อาทายภาณวาร
กล่าวถึงภิกษุถือจีวรไปนอกสีมาคิดว่าจักให้ทำจีวร มี ๓ มาติกา คือ:-
๑. กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ ๒. กำหนดด้วยตกลงใจ ๓. กำหนดด้วย
ผ้าเสียหาย กล่าวถึงภิกษุถือผ้าหลีกไป คิดว่าจักไม่กลับไปนอกสีมาแล้วคิดว่าจัก
ทำมี ๓ มาติกา คือ:-
๑. กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ ๒. กำหนดด้วยตกลงใจ ๓. กำหนดด้วย
ผ้าเสียหาย กล่าวถึงภิกษุถือจีวรหลีกไป ด้วยไม่ได้ตั้งใจภายหลังเธอคิดว่าจักไม่
กลับ มี ๓ นัย กล่าวถึงภิกษุถือจีวรไป คิดว่าจักกลับ อยู่นอกสีมา คิดว่าจัก
ทำจีวร จักไม่กลับ ให้ทำจีวรเสร็จ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยทั้ง
จีวรเสร็จ ด้วยตกลงใจ ด้วยผ้าเสียหาย ด้วยได้ยินข่าว ด้วยล่วงเขท ด้วย
เดาะพร้อมกับภิกษุทั้งหลาย รวมเป็น ๑๕ ภิกษุนำจีวรหลีกไปและนำจีวรทีทำ
ค้างไว้หลีกไปอีก ๔ วาระก็เหมือนกัน รวมทั้งหมด ๑๕ วิธี หลีกไปด้วยสิ้น
หวัง ด้วยหวังว่าจะได้ หลีกไปด้วยกรณียะบางอย่าง ทั้งสามอย่างนั้น นักปราชญ์.
พึงทราบโดยนัยอย่างละ ๑๒ วิธี.
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 226
๑๑. หวังได้ส่วนจีวร ผาสุวิหาร คือ อยู่ตามสบาย ๕ ข้อ ๑๒. กฐินมีปลิโพธ
และสิ้นปลิโพธ นักปราชญ์พึงแต่งหัวขอคามเค้าความเทอญ.
หัวข้อประจำขันกะ จบ
อรรถกฐินขันธกะ
เรื่องภิกษุชาวเมืองปาเฐยยะ
วินิจฉัยในกฐินขันธกะ พึงทราบดังนี้:-
บทว่า ปาเยฺยกา มีความว่า เป็นชาวจังหวัดปาเฐยยะ. มีคำ
อธิบายว่า ทางค้านทิศตะวันตก ในแคว้นโกศล มีจังหวัดชื่อปาเฐยยะ,
ภิกษุเหล่านั้น มีปกติอยู่ในจังหวัดนั้น. คำว่า ปาเยฺยกา นั้น เป็นชื่อของ
พวกพระภัททวัคคิยเถระ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมพระบิดาของพระเจ้าโกศล ใน
พระเถระ ๓๐ รูปนั้น รูปที่เป็นใหญ่กว่าทุก ๆ รูป เป็นพระอนาคามี รูปที่
ด้อยกว่าทุก ๆ รูปเป็นพระโสดาบัน; ที่เป็นพระอรหันต์ หรือปุถุชน แม้
องค์เดียวก็ไม่มี.
บทว่า อารญฺถา มีความว่า มีปกติอยู่ป่า ด้วยอำนาจสมาทาน
ธุดงค์, ไม่ใช่สักว่าอยู่ป่า. ถึงในข้อที่ภิกษุเหล่านั้นเป็นผู้ถือบิณฑบาตเป็นต้น
ก็มีนัยเหมือนกัน.
อันที่จริง คำว่า มีปกติอยู่ป่า นี้ ท่านกล่าวด้วยอำนาจธุดงค์ที่เป็น
ประธาน แต่ภิกษุเหล่านี้ สมาทานธุดงค์ทั้ง ๑๓ ทีเดียว.
-http://www.tripitaka91.com/91book/book07/201_250.htm-
http://www.tripitaka91.com/91book/book07/201_250.htm