อริยะสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมอันดี > พระอริยบุคคล
۞ ๚ เถรีคาถา ๚ะ๛ ۞
ฐิตา:
เมื่อกาลจวนเข้ามาแล้ว ลำดับนั้น นางสุเมธาราชกัญญา ได้ทรงสดับว่า
พระเจ้าอนิกรัตต์เสด็จมา จึงเอาพระขรรค์ตัดพระเกศาอันดำสนิท อ่อน
สลวย งดงาม ปิดปราสาทแล้วเข้าปฐมฌาน นางสุเมธาราชกัญญาเข้า
สมาบัติเจริญอนิจจสัญญาอยู่ในปราสาทนั้นนั่นเอง และพระเจ้าอนิกรัตต์
ได้เสด็จมาถึงพระนคร และนางสุเมธาราชกัญญากำลังมนสิการถึงอนิจจ-
สัญญาอยู่ พระเจ้าอนิกรัตต์มีพระองค์อันประดับด้วยแก้วมณีและทองคำ
ได้รีบเสด็จขึ้นสู่ปราสาท ทรงทำอัญชลีอ้อนวอนนางสุเมธาราชกัญญา
ว่า อำนาจ ทรัพย์ อิสริยยศ โภคะ ความสุข ในราชสมบัติ
หม่อมฉันขอมอบให้พระน้องนาง พระน้องนางยังเป็นสาว ขอจงบริโภค
กามสุขเถิด กามสุขเป็นของหาได้ยากในโลก ราชสมบัติหม่อมฉัน
ยอมสละให้น้องนาง ขอพระน้องนาง จงบริโภคโภคะทั้งหลาย จงให้
ทานเถิด อย่าทรงโทมนัสเลย พระชนกชนนีของพระน้องนางทรงเป็น
ทุกข์ นางสุเมธาราชกัญญาผู้ไม่มีความต้องการด้วยกามทั้งหลาย ปราศ-
จากโมหะ กราบทูลพระเจ้าอนิกรัตต์ว่า พระองค์อย่าทรงเพลิดเพลิน
ในกาม จงทรงเห็นโทษในกามทั้งหลาย พระเจ้ามันธาตุผู้เป็นใหญ่ใน
ทวีปทั้ง ๔ เป็นผู้เลิศกว่าบุคคลผู้บริโภคกามทั้งหลาย ยังไม่ทรงอิ่มด้วยกาม
ทั้งหลาย ก็สวรรคตไป ความปรารถนาของท้าวเธอก็ยังไม่ทันบริบูรณ์
เลย เทวดาผู้เป็นเจ้าแห่งฝน พึงบันดาลรัตนะ ๗ ประการให้ตกโดยรอบ
ทั่วทิศ ๑๐ ทิศ ความอิ่มด้วยกามทั้งหลายมิได้มี นรชนทั้งหลายผู้ไม่อิ่ม
ด้วยกามพากันตายไปหมด กามทั้งหลาย เปรียบด้วยดาบและหลาว
เหมือนหัวงูเห่า เปรียบดังคบเพลิงเผาอยู่เนืองๆ เหมือนร่างกระดูก
กามทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีทุกข์มาก เหมือนงูที่มีพิษ
มาก เหมือนก้อนเหล็กอันไฟติดทั่ว เป็นรากเหง้าแห่งทุกข์ มีทุกข์
เป็นผล กามทั้งหลายเปรียบเหมือนผลไม้อันเป็นพิษ เหมือนชิ้นเนื้อ
นำมาซึ่งทุกข์ กามทั้งหลายเปรียบเหมือนความฝันเป็นของหลอกลวง
เหมือนของที่ยืมเขามา เปรียบด้วยหอกและหลาว เป็นโรค เป็น
ดังหัวฝี เป็นความทุกข์ยาก เป็นความลำบาก เช่นดังหลุมถ่านเพลิง
เป็นรากเหง้าแห่งความทุกข์เป็นภัย เป็นนายเพชฌฆาต กามทั้งหลาย
บัณฑิตกล่าวว่ามีทุกข์มาก มีอันตรายมากอย่างนี้ เชิญพระองค์เสด็จ
กลับเสียเถิด หม่อมฉันไม่มีความคุ้นเคยในสมบัติของตนเลย เมื่อไฟ
ไหม้อยู่ที่ศีรษะของตน ผู้อื่นจักช่วยทำประโยชน์อะไรให้หม่อมฉัน เมื่อ
ชราและมรณะติดตามแล้ว ควรจะพยายามเพื่อทำลายชราและมรณะนั้น
นางสุเมธาราชกัญญา ทอดพระเนตรเห็นพระชนกชนนีและพระเจ้า
อนิกรัตต์เสด็จมายังไม่ทันถึง ประตูปิด ประทับนั่งร้องไห้อยู่ที่แผ่นดิน
จึงได้กราบทูลว่า สงสารของคนพาลทั้งหลายผู้ร้องไห้ถึงมารดา บิดา
พี่ชาย น้องชาย และตนเองซึ่งตายแล้วในสงสาร เป็นสภาพยาว
ขอพระองค์ทรงระลึกถึงน้ำตา น้ำนม เลือด และกองกระดูก ของสัตว์ทั้งหลาย
ผู้ท่องเที่ยวอยู่ไปมา เพราะความที่สงสารมีที่สุดอันบุคคลรู้ไม่ได้
ฐิตา:
ขอจงทรงนึกถึงมหาสมุทรทั้ง ๔ ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงน้อม
เข้าไปเปรียบในน้ำตา น้ำนม และเลือด จงทรงนึกถึงกองกระดูกของ
คนหนึ่งในกัปคนหนึ่งเท่าภูเขาวิบุลบรรพต จงทรงนึกถึงแผ่นดินใหญ่
คือ ชมพูทวีป ที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบด้วยมารดาบิดาของบุคคลผู้
ท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร แผ่นดินใหญ่เมื่อแบ่งออกเป็นก้อนกลมๆ
เท่าเมล็ดพุทรา ยังไม่เพียงพอในมารดาบิดาเลย จงทรงนึกถึงหญ้า ไม้
กิ่งไม้และใบไม้ ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงเปรียบด้วยมารดาบิดาของ
บุคคล ผู้ท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร เพราะสงสารมีที่สุดอันรู้ไม่ได้ หญ้า
ไม้ กิ่งไม้และใบไม้ชิ้นหนึ่งประมาณเท่า ๔ นิ้ว ยังไม่เพียงพอในบิดา
ทั้งหลายเลย และชิ้นหนึ่งมีประมาณเท่านั้น ยังไม่เพียงพอใน ปู่ ย่า ตา
ยาย ทรงนึกถึงเต่าตาบอด และช่องแอกอันหมุนวนไปในทิศบูรพา
และทางอื่นๆ อีก ในมหาสมุทร มาสวมศีรษะเต่าตาบอดตัวนั้น ข้อนี้
อุปมาดังการได้อัตภาพเป็นมนุษย์ จงทรงนึกถึงรูปแห่งโทษ คือการอันหา
สาระมิได้ เปรียบเหมือนก้อนฟองน้ำ จงทรงพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลาย
อันไม่เที่ยง จงทรงคำนึงถึงนรกอันมีความคับแค้นมาก จงทรงนึกถึง
สัตว์ทั้งหลายผู้พอกพูนป่าช้าอยู่บ่อยๆ ในชาตินั้นๆ จงทรงนึกถึงภัย
อันเกิดแต่ท้อง จงทรงนึกถึงอริยสัจ ๔ เมื่ออมตมหานิพพานมีอยู่
จะมีประโยชน์อะไรด้วยของเผ็ดร้อน ๕ ประการ ที่พระองค์ทรงดื่มแล้ว
เพราะว่าความยินดีในกามทั้งปวง มีความเผ็ดร้อน ๕ ประการอีก เมื่อ
อมตมหานิพพานมีอยู่ พระองค์จะต้องการอะไร ด้วยกามทั้งหลายอัน
เป็นเหตุให้เร่าร้อนเล่า เพราะว่าความยินดีในกามทั้งปวง อันไฟ ๑๑
กองให้รุ่งเรืองแล้ว ให้เดือดพล่านแล้ว ให้กำเริบแล้ว ให้ร้อนพร้อม
แล้ว เมื่อการออกจากกามอันไม่มีข้าศึกมีอยู่ ไฉนพระองค์จึงทรงต้องการ
ด้วยกามทั้งหลายอันมีข้าศึกมากเล่า กามทั้งหลายมีข้าศึกมาก ทั่วไปด้วย
พระราชา ไฟ โจร น้ำและบุคคลอันไม่เป็นที่รัก เมื่อความพ้นมีอยู่
ไฉนพระองค์จึงต้องการด้วยกามทั้งหลายอันเป็นเหตุให้ถูกฆ่าถูกจำจองเล่า
เพราะว่าการถูกฆ่าและถูกจำจองก็เพราะกามทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายได้
เสวยทุกข์ต่างๆ เพราะความใคร่ในกาม คบเพลิงหญ้าอันไฟติดโชน
ย่อมไหม้คนผู้ถืออยู่และไม่ทิ้ง เพราะว่ากามทั้งหลายเปรียบดังคบเพลิง
ย่อมไหม้คนผู้ที่ไม่ละ พระองค์อย่าทรงละสุขอันไพบูลย์ เพราะเหตุ
แห่งกามสุขอันเล็กน้อยเลย พระองค์อย่าทรงเป็นเหมือนปลากลืนกิน
เบ็ด แล้วเดือดร้อนในภายหลัง พระองค์อย่าหมุนไปผิด เพราะกาม
ทั้งหลาย ดังสุนัขอันถูกเขาล่ามโซ่ไว้เลย สัตว์ทั้งหลายผู้มีความอยาก
เพราะกามจัด บริโภคกามนั้น เหมือนเสือปลาถูกความหิวครอบงำ
ได้สุนัขแล้ว ถึงความพินาศฉิบหาย ฉะนั้น พระองค์ทรงประกอบด้วย
กาม จักต้องทรงเสวยทุกข์ หาประมาณมิได้ และโทมนัสแห่งจิตเป็น
เป็นอันมาก จงทรงสละกามทั้งหลายอันไม่ยั่งยืนเสียเถิด เมื่อ
นิพพานอันเป็นธรรมไม่แก่มีอยู่ ไฉนพระองค์จึงต้องการด้วย
กามทั้งหลายที่มีความแก่เล่า
ฐิตา:
เพราะการเกิดทุกชาติในภพทั้งปวง ประกอบ
ด้วยความตายและพยาธิ นิพพานนี้ไม่แก่ ไม่ตาย เป็นทางดำเนินถึง
ความไม่แก่ ไม่ตาย ไม่มีความเศร้าโศก ไม่คับแคบเพราะข้าศึก ไม่มี
ความพลั้งพลาด ไม่มีภัย ไม่มีความเดือดร้อน อมตนิพพานนี้ อันพระ
อริยเจ้าเป็นอันมากได้บรรลุมาแล้ว และอมตนิพพานนี้ อันบุคคลผู้
พยายามโดยอุบายอันแยบคายจะพึงได้แม้ในวันนี้ แต่บุคคลผู้ไม่พยายาม
ไม่อาจจะได้แม้ในกาลไหนๆ นางสุเมธาราชกัญญาตรัสอย่างนี้ เมื่อ
ไม่ได้ความยินดีในสังขาร เมื่อจะทรงยังพระเจ้าอนิกรัตต์ให้ทรงยินยอม
จึงทรงโยนผมที่ทรงตัดแล้วด้วยพระขรรค์ไปที่พื้นดิน พระเจ้าอนิกรัตต์
เสด็จลุกขึ้นประคองอัญชลี ทูลขอกะพระบิดาของนางสุเมธาราชกัญญา
นั้นว่า ของจงทรงโปรดปล่อยให้นางสุเมธาบวชเถิด นางจะเป็นผู้เห็น
วิโมกข์และสัจจะ ก็นางสุเมธาราชกัญญา อันพระชนกชนนีทรงปล่อย
แล้ว เป็นผู้กลัวต่อภัย คือความโศกออกบวชแล้ว เมื่อศึกษาอยู่ ได้
กระทำให้แจ้ง ซึ่งอภิญญา ๖ กระทำให้แจ้งซึ่งผลอันเลิศ คืออรหัตผล
นิพพานของนางสุเมธาราชกัญญา เป็นธรรมน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี
เมื่อจะแสดงวิธีตามที่ตนได้ประพฤติแล้วในปุพเพนิวาสญาณ พระสุเมธา
เถรีจึงพยากรณ์ในเวลาปรินิพพานว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่า
โกนาคมน์ เสด็จอุบัติแล้วในโลก เมื่อสังฆารามตั้งลงใหม่ๆ ข้าพเจ้า
เป็นหญิง ๓ คน เป็นสหายกัน (คือนางธนัญชานี นางเขมา และ
ข้าพเจ้า) ได้ถวายอารามให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ ข้าพเจ้าทั้ง ๓ ได้อุบัติ
ในเทวโลก ๑๐ ครั้ง ๑๐๐ ครั้ง ๑,๐๐๐ ครั้ง และ ๑๐,๐๐๐ ครั้ง ไม่
ต้องพูดถึงการเกิดในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้าทั้ง ๓ เป็นผู้มีมหิทธิฤทธิ์ในเทวโลก
ทั้งหลาย ไม่ต้องกล่าวถึงความเป็นผู้มีมหิทธิฤทธิ์ในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้า
ได้เป็นพระมเหสีนารีรัตน์ของพระเจ้าจักรพรรดิผู้มีรัตนะ ๗ ประการ การ
ที่เราสร้างอารามถวายให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ ในการแห่งพระพุทธเจ้า
พระนามว่าโกนาคมน์นั้นเป็นเหตุ เป็นแดนเกิดแห่งทิพยสมบัติตามที่
กล่าวมาแล้ว ทั้งเป็นรากเหง้า เป็นเหตุให้อดทนในคำสั่งสอน เป็นเหตุ
ให้ตั้งลงมั่นครั้งแรกในพระศาสนา และเป็นที่สุดสิ้นแห่งความเพียรของ
ข้าพเจ้าผู้ยินดีแล้วในธรรม บุคคลเหล่าใดย่อมเชื่อพระดำรัสของพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีปัญญาไม่ต่ำทราม บุคคลเหล่านั้นย่อมกล่าวอย่างนี้
ย่อมเบื่อหน่ายในภพ ครั้นเบื่อหน่ายแล้ว ย่อมคลายกำหนัด.
ในเถรีคาถานี้ รวมเป็นคาถา ๕๘๐ คาถา
พระเถรี ๑๗ รูปนั้น ล้วนแต่เป็น ผู้สิ้นอาสวะ.
: http://agaligohome.fix.gs/index.php?topic=512.75
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม.. บ้าน ที่แท้จริง...
กุศลผลบุญใดที่พึงบังเกิดจากธรรมทานเหล่านี้ ขอจงเป็นบุญเป็นปัจจัย
แด่ท่านผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในธรรมทานเหล่านี้ ทุกๆท่าน
รวมทั้งท่านเจ้าของภาพ ทุกๆภาพ เรียนขออนุญาตใช้ภาพ
ไว้ ณ ที่นี้... นะคะ
อนุโมทนาสาธุ.. ที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version