คลังธรรมปัญญา > ระบาย พรรณาด้วย ฉันทลักษณ์ กาพย์กลอน (อิสระ)

แววชม้อยชม้ายสื่อ..ราวขื่อคา...

(1/2) > >>

ฐิตา:




แววชม้อยชม้ายสื่อ.. ราวขื่อคา...

O แผ่วลมเช้าผ่านรื่นโลมผืนน้ำ
หมอกก็ร่ำไรอยู่ไม่รู้หนี
พุ่มพฤกษ์กิ่งก้านใบ..เคยไหววี-
กลับยืนรูปดุษณี..ในที่นั้น



O ค่อย-ยกก้าวเหยียบย่าง..ในสางตรู่
พรั่งพร้อมอยู่..คือใจที่ไหวสั่น
ด้วยอารมณ์เหนี่ยวดึง..จดถึงกัน
กับเจ้าขวัญอ่อนน้อยผู้กลอยใจ



O แต่เมื่อสบ-รอยพักตร์จำหลักรูป
วิญญาณราวถูกสูบ..จนวูบไหว
แถวผู้ขอก้าวย่างพ้นทางไป
ที่สุดผ่านพ้นได้.. คือใจคน



O จาก-แถวท่านผู้ขอ..หยุด..รอ..เคลื่อน
ใจนั้นเหมือนแกว่งสั่นนับพันหน
จาก-คำข้าวคดพร้อม..แล้วน้อมตน
ก็งดงามเหลือล้น..อยู่บนใจ



O แววในเนตรวับวามด้วยความสุข
ราวจะปลุกปลอบโลก..พ้นโศกไข้
แก้มอิ่มเนียนแต้มเรื่อ..จะเหลือใคร-
อาจฝ่าความแจ่มใส – รูปวัยนั้น



O ทิวแถวท่านผู้ขอ..เคลื่อน..รอ..หยุด
ก็เมื่อสุดต้านงาม-รุกลามขวัญ
จีวรปลิวปัดปลาย..ก็คล้ายทัณฑ์-
จากปางบรรพ์ผูกบ่วง..รัดดวงใจ



O คำข้าว..ช่อดอกไม้..ถวายพระ
ตอบภาวะศรัทธาที่อาศัย
รูปนาม..ทัศนา..สองตาใคร-
ราวจะไหวเวียนอยู่ไม่รู้แล้ว



O สัมผัสบทงดงามแห่งยามเช้า
ของรูปเยาว์, หัตถ์พรหม, สายลมแผ่ว
สบชำเลืองเหลือบมา..เหมือนว่าแวว-
ตาคู่นั้นผ่องแผ้ว..สุดแล้วเลือน



O ปลายปีกนกโบยโบก..สู่โลกไกล
เมื่ออาลัยรำบายลงป่ายเปื้อน-
หัวใจหนึ่งต้องพิษ..จนบิดเบือน
สุดคล้อยเคลื่อนนิรมิตที่ติดตรึง



O ผมหล่นล้อมวงหน้า...เมื่อหน้าน้อม-
ลงจบ-พร้อมอีกใจ..เฝ้าใฝ่ถึง
มีความนัยพร้องพร่ำ..และรำพึง-
แฝงความซึ้งอาลัย..อยู่ในคำ



O ก่อนแฝงฝากสายลม…ให้พรมผ่าน
สู่อีกด้านริมทาง..ผู้ย่างย่ำ-
เหยียบโลกให้ตื่นต้อง..กับจองจำ-
ของลมร่ำงามรูป..เข้าจูบโจม



O มาตักบาตรทำบุญ..เพื่อหนุนชาติ
กลับมาพลาดพลั้งจิต..ด้วยฤทธิ์โฉม-
คราญเจ้านั้นเผยเงามาเล้าโลม
พาคลื่นโสมนัสช่วง..กลางห้วงใจ



O หรือว่าบุญหนุนชาติ..บำราศแล้ว
จากผ่องแผ้วเนตรนั้น..เข้าสั่นไหว
แถวพระก้าวลับล่วง..เมื่อทรวงใคร
ละห้อยเห็นรูปพิไล..อยู่ในวัน

O หล่นลงแล้วรุ้งเรื้องที่เบื้องหน้า
เมื่อรูปปรากฏพร้อม..รอ-ล้อมขวัญ
ข้าวรอพระก้าวผ่าน..เนิ่นนานครัน
เมื่อรูปฝันผ่านผกาย..เนตรพรายยิ้ม



O หล่นลงแล้วรุ้งเรื้องที่เบื้องหน้า
ต่อสายตาเจิดแจร่ม..เนียนแก้มอิ่ม
เหมือนว่านัยแฝงเลศ..ก่อนเนตรพริ้ม
ผ่านลงพิมพ์รอยทั่ว..ทั้งหัวใจ



O แผ่วลมเช้าป่ายริ้วโลมผิวน้ำ
และที่คร่ำครวญอยู่เกินกู้ไหว
คืออกเต็มเสน่หา..ความอาลัย
ด้วยเลศนัยแฝงเร้น...บีบเค้นลง



O ใช่ไหมที่ต้องคิด..รับผิดชอบ
กับล้อมรอบเร้ารุมด้วยลุ่มหลง
ใช่ไหมกับดื่มด่ำ..ที่ดำรง
จำต้องบ่งบอกแล้ว..ทุกแววตา...?



O สายลมเช้าอ่อยเอื่อยยังเฉื่อยโชย
หวานก็โรยตัวหนุนรับคุณค่า
แววชม้อยชม้ายสื่อ...ราวขื่อคา-
ตอกตรึงอาวรณ์ชู้...เกินรู้คลาย

O สายหยุดหยุดกลิ่นหอมรายล้อมถิ่น
เมื่ออีกหอมรวยรินไม่สิ้นหาย
ผ่านแววเนตรแย้มยิ้ม..อันพริ้มพราย
ทอดเอาสายสวาดิรัด..ในบัดนั้น !

รจนา โดย : สดายุ...
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2005&date=25&group=1&gblog=34
Pics by : Google
เรียนขออนุญาต.. นำมาแบ่งปัน..
ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ...


ฐิตา:




 









 :yoyo019:


ฐิตา:



Happy Family


People on The Street








อย่างไรหนอ.. ก็.. แค่ธาตุ...

ฐิตา:


http://www.youtube.com/watch?v=4ZiuXFzEyZQ&feature=player_embedded#!

 :39:   :17:

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
 :13:  ภาพสวยบทความไพเราะ เพลงลึกซึ้ง ปรัชญาชีวิตและสัจธรรม กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวในบทความนี้ ขอบคุณครับพี่แป๋ม^^


ว่าแต่เพลงในยูทูบคุ้นๆแฮะพี่แป๋ม ^^ อนุโมทนาครับผม

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

ตอบ

Go to full version