วิถีธรรม > แนวทางปฏิบัติธรรม
ทรงแสดงซึ่งกรรมทั้งหลาย ทั้ง ใหม่และเก่า
(1/1)
ฐิตา:
อะไรคือกรรมเก่าและกรรมใหม่
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เราจักแสดงซึ่งกรรมทั้งหลาย ทั้ง
ใหม่และเก่า (นวปุราณกัมม) กัมมนิโรธ และกัมมนิโรธ-
คามินีปฏิปทา. .....
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! กรรมเก่า (ปุราณกัมม) เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! จักษุ (ตา) .... โสตะ (หู) .... ฆานะ
(จมูก) .... ชิวหา (ลิ้น) .... กายะ (กาย) ..... มนะ (ใจ) อันเธอ
ทั้งหลาย พึงเห็นว่าเป็นปุราณกัมม (กรรมเก่า) อภิสังขตะ
(อันปัจจัยปรุงแต่งขึ้น) อภิสัญเจตยิตะ (อันปัจจัยทำให้เกิด
ความรู้สึกขึ้น) เวทนียะ (มีความรู้สึกต่ออารมณ์ได้).
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! นี้เรียกว่า กรรมเก่า.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! กรรมใหม่ (นวกัมม) เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ข้อที่บุคคลกระทำกรรมด้วยกาย
ด้วยวาจา ด้วยใจ ในกาลบัดนี้ อันใด, อันนี้เรียกว่า กรรมใหม่
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! กัมมนิโรธ (ความดับแห่งกรรม) เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ข้อที่บุคคลถูกต้องวิมุตติ เพราะ
ความดับแห่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันใด, อันนี้
เรียกว่า กัมมนิโรธ.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! กัมมนิโรธคามินีปฏิปทา (ข้อปฏิบัติ
ให้ถึง ความดับ แห่งกรรม) เป็นอย่างไรเล่า ?
กัมมนิโรธคามินีปฏิปทานั้น คือ อริยอัฏฐังคิกมรรค
(อริยมรรคมีองค์แปด) นี้นั่นเอง ได้แก่...
สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)
สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ)
สัมมาวาจา (การพูดจาชอบ)
สัมมากัมมันตะ (การทำการงานชอบ)
สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีวิตชอบ)
สัมมาวายามะ (ความพากเพียรชอบ)
สัมมาสติ (ความระลึกชอบ)
สัมมาสมาธิ (ความตั้งใจมั่นชอบ).
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! นี้เรียกว่า กัมมนิโรธคามินีปฏิปทา.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ด้วยประการดังนี้แล (เป็นอันว่า) กรรมเก่า
เราได้แสดงแล้วแก่เธอทั้งหลาย กรรมใหม่ เราก็แสดงแล้ว,
กัมมนิโรธ เราก็ได้แสดงแล้ว, กัมมนิโรธคามินีปฏิปทา
เราก็ได้แสดงแล้ว.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! กิจใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดู แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล
อาศัยความเอ็นดูแล้ว จะพึงทำแก่สาวก
ทั้งหลาย, กิจนั้น เราได้ทำแล้วแก่พวกเธอ.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! นั่นโคนไม้, นั่นเรือนว่าง. พวกเธอ
จงเพียรเผากิเลส, อย่าได้ประมาท, อย่าเป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ
ในภายหลังเลย.
นี่แล เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนของเรา แก่เธอทั้งหลาย.
สฬา. สํ. ๑๘/๑๖๖/๒๒๗ - ๒๓๑.
-http://www.facebook.com/pages/พระพุทธเจ้า/
ฐิตา:
สฬา. สํ. ๑๘/๑๖๖/๒๒๗ - ๒๓๑.
ได้ทราบความหมายของ 4 คำที่ควรทราบเรื่องกรรมไปแล้ว
คงทำให้ชาวพุทธรู้เรื่องๆ กรรมได้มากขึ้น และรู้ต่อไปว่าจะต้องจัดการกับกรรมอย่างไร
วันที่ : 28 กันยายน 55 9:40
-http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?Mbrowse=8&QNumber=340253
...................................
สาธุ...ขอบคุณที่ยกมาครับผม...
1. กรรมเก่า (ปุราณกัมม)
พ้นโดยกำหนดสัจจะกริยาว่า "บัดนี้รู้แล้ว จักไม่ทำต่อไป"
2. กรรมใหม่ (นวกัมม)
พ้นโดย ละอกุศล เจริญกุศลให้ยิ่ง ชำระใจให้แจ่มใจ ทุกลมหายใจเข้าออก
3. กัมมนิโรธ (ความดับแห่งกรรม)
ตั้งเป้าหมายชีวิต
-ไม่แบกอารมณ์ทุกข์
-ไม่เป็นทาสกุญแจไขความสุข
- แต่เย็น
4. กัมมนิโรธคามินีปฏิปทา (ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งกรรม)
ฝึกฝนตนตาม นิปปปัญจธรรม
หรือโพธิปักขิยธรรม ธรรมภาคปฏิบัติ 37 ประการ อย่างจริงจัง...สาธุ
Suraphol Kruasuwan
//- เหตุแห่งทุกข์ นอกความเชืื่อ ของพุทธ
ดั้งเดิมคือ
-ไม่ใช่เรื่องของ กรรมเก่า (ข้ามภพชาติ)
-ไม่ใช่เรื่องของ ผู้มีฤทธิ์บันดาล(เป็นกฎธรรมชาติ)
-ไม่ใช่เรื่อง บังเอิญ (มีกฎ เหตุปัจจัยปรุงแต่ง)
-ไม่ใช่เรื่องปฏิกริยาของธาตุ (วัตถุนิยม)
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
101] ลัทธินอกพระพุทธศาสนา 3
(บาลีเรียกว่า ติตถายตนะ แปลว่า แดนเกิดลัทธิ, ชุมนุมหรือประมวลแห่งลัทธิ
— beliefs of other sects; grounds of sectarian tenets; spheres of wrong views;
non-Buddhist beliefs)
1. ปุพเพตกเหตุวาท (ลัทธิกรรมเก่า คือ พวกที่ถือว่า สิ่งใดก็ตามที่ได้ประสบจะเป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ตาม ล้วนเป็นเพราะกรรมที่ได้ทำไว้ในปางก่อน — a determinist theory that whatever is experienced)
2. อิสสรนิมมานเหตุวาท (ลัทธิพระเป็นเจ้า คือ พวกที่ถือว่า สิ่งใดก็ตามที่ได้ประสบ จะเป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ตาม ล้วนเป็นเพราะการบันดาลของเทพผู้ยิ่งใหญ่ — a determinist theory that whatever is experienced is due to the creation of a Supreme Being; theistic determinism) เรียกสั้นๆ ว่า อิศวกรณวาท หรือ อิศวรนิรมิตวาท
3. อเหตุอปัจจัยวาท (ลัทธิเสี่ยงโชค คือ พวกที่ถือว่า สิ่งใดก็ตามที่ได้ประสบ จะเป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ตาม ล้วนหาเหตุหาปัจจัยมิได้ คือ ถึงคราวก็เป็นไปเอง — an indeterminist theory that whatever is experienced is uncaused and unconditioned; accidentalism) เรียกสั้นๆ ว่า อเหตุวาท
ทั้งสามลัทธินี้ ไม่ชอบด้วยเหตุผล ถูกยันเข้า ย่อมอ้างการถือสืบๆ กันมา เป็นลัทธิประเภท อกิริยา (traditional doctrines of inaction) หากยึดมั่นถือตามเข้าแล้ว ย่อมให้เกิดโทษ คือ ไม่เกิดฉันทะ และความพยายาม ที่จะทำการที่ควรทำและเว้นการที่ไม่ควรทำ
A.I.173;
Vbh.367. องฺ.ติก. 20/501/222;
อภิ.วิ. 35/940/496.
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พิมพ์ครั้งที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๔๖
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version