บล็อก > บทความ (Blog)

อ่านกี่ครั้งก็รู้สึกดี

(1/1)

คนชล:
                        ยิ้มไว้โลกสดใสได้อีก

ครั้งหนึ่ง ที่บ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆ คนหนึ่ง





อาม่าแก่มากและไม่แข็งแรง  มีอาการมือสั่นตลอดเวลา  ทำให้ถือของลำบาก   



โดยเฉพาะเวลาทานข้าวร่วมกับครอบครัว



อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบากและทำข้าวหกลงบนโต๊ะตลอดเวลา



ลูกสะใภ้อาม่าก็รู้สึกหงุดหงิดและรำคาญกับเรื่องนี้มาก    จึงปรึกษาสามีว่า



นางทนไม่ได้ที่เห็นอาม่าทานข้าวหกเลอะเทอะเกลื่อนโต๊ะ  มันทำให้นาง กินข้าวไม่ลง   



สามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถ หาวิธีทำให้มืออาม่าหายสั่นได้



จากนั้น ไม่กี่วัน ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ว่า จะไม่แก้ไขอะไรเลยหรือ นางทนไม่ได้แล้ว



หลังจากโต้เถียงกันไปสักพัก  สามีก็ยอมแก้ไขตามคำแนะนำของภรรยา   นั่นคือ



เมื่อถึงเวลาทานข้าว   เขาก็จัดโต๊ะให้แม่นั่งแยกต่างหาก ตามลำพังคนเดียว   



โดยใช้ถ้วยข้าวราคาถูก ๆ บิ่น ๆ   เพราะอาม่าชอบทำถ้วยแตกบ่อย ๆ


เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไขอะไรได้



นางนึกถึงอดีตที่นางเคยเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา



นางไม่เคยปริปากบ่น หรือย่อท้อต่อความเหนื่อยยาก



สภาพร่างกายของนางที่ทรุดโทรมเป็นที่รำคาญของลูกสะใภ้ในวันนี้



ก็คือผลจากการอดทน ตรากตรำทำงานหนักมาเป็นเวลายาวนานในวันก่อน ๆ



เพื่อให้ลูกชาย..ได้เล่าเรียน.. มีความรู้..มีอาชีพการงานที่ทำให้ลูกเมียอยู่สุขสบาย



แต่ตอนนี้อาม่าเสียใจมาก..รู้สึกว่า..ตัวเองไร้ค่า..ถูกทอดทิ้ง   



หลายวันผ่านไป..



     อาม่ายังคงเศร้าสร้อย รอยยิ้มเริ่มจางหายจากใบหน้า   



      หลานชายตัวน้อยของอาม่าซึ่งเฝ้าจับตาทุกอย่างมาโดยตลอด



      ก็เข้าไปปลอบใจและบอกคุณย่าว่า เขารู้ว่า..



      คุณย่าเสียใจมากแค่ไหน   ที่ถูกพ่อแม่ของเขาปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้



      และเขาก็บอกท่านว่า   เขามีวิธีที่จะให้อาม่าได้กลับ



      ไปทานข้าวร่วมกับทุกคนได้เหมือนเดิม



      ความหวังเริ่มเบ่งบานขึ้นในหัวใจของหญิงชรา



      นางถามหลานชายว่าจะทำอย่างไร



      เด็กน้อยได้แต่ตอบเพียงว่า  " เย็นนี้ขอให้คุณย่าแกล้งทำชามข้าว



      ของคุณย่าตกให้มันแตก..เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจนะครับ"     



      อาม่าได้ฟังก็แสนจะแปลกใจ



      แต่หลานชายตัวน้อยก็คงยืนกรานให้คุณย่าทำตามที่เขาบอก



       และบอกว่าที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าทีของเขาเอง



       และแล้ว..เมื่อได้เวลาอาหารเย็น



      หญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานพูด   เพื่อจะดูว่า



      หลานชายมีแผนการอะไร   นางจึงยกถ้วยข้าวใบเก่าที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้น



      แล้วแกล้งปล่อยลงบนพื้น   เหมือนกับทำหลุดมือ   



      ถ้วยข้าวเก่าใบนั้นหล่นแตกกระจายไม่มีชิ้นดี!!!!!



      ลูกสะใภ้เห็นดังนั้น    ก็ลุกขึ้น   เตรียมจะด่าว่าอาม่าทันที



      แต่แล้ว..ลูกชายตัวน้อยของเธอ   กลับรีบชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า



     " ว้า..คุณย่าทำไมทำชามแตกซะเละหมดล่ะครับ   



      นี่ผมอุตส่าห์ตั้งใจไว้ว่า..จะเก็บชามใบนี้ไว้ให้คุณแม่ผมใช้ต่อ



      แล้วเนี่ยผมจะเอาชามเก่าที่ไหนมาให้คุณแม่ผมใช้



      ตอนแกแก่เท่าคุณย่าล่ะครับ ??"


      ลูกสะใภ้เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็ถึงกับอึ้งงงงง....หน้าซีด ด่าไม่ออกอีกต่อไป



       นางรู้สึกได้ทันทีว่า...ทุกสิ่งที่นางทำลงไปในวันนี้ย่อมจะเป็นตัวอย่าง



      ให้ลูกชายของนางปฏิบัติต่อนางในวันหน้าเมื่อนางแก่ตัวลงเช่นกัน



      นางรู้สึกอับอายและสำนึกผิดต่อการกระทำของตัวเอง



       ตั้งแต่นั้นมา   ทุกคนในบ้านก็นั่งทานข้าวร่วมกันตลอดมา.    :13: :08: :47: :08: :13:


mmm:
 :45: :45: :45:
 :06: :06: :06:

(〃ˆ ∇ ˆ〃):
ขอบคุณค่ะ คุณคนชล ^^

คำพูดหรือความคิดเห็นแบบใสๆซื่อๆที่ไร้ความเสแสร้งของเด็กๆ
บางครั้งก็สามารถทำให้ผู้ใหญ่ได้ฉุกคิดอยู่เหมือนกันนะ...

กระตุกหางแมว:
ผู้ใหญ่โดนเด็กสะกิด  :25:

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
:27: ส่วนใหญ่แล้วเด็กจะเงียบๆกันครับ หลานคนนี้กตัญญูจังเลยครับ น่าชื่นชมและยกย่อง อนุโมทนาครับผม

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

ตอบ

Go to full version