คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ > ธรรมะเสวนา

เล่าให้ฟัง-มนุษย์แท้? :PULING的主頁 [1]

<< < (2/9) > >>

ฐิตา:




วันสำคัญ ของชาวพุทธ
คือวัน วิสาขบูชา
วันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน
คำสอนสำคัญ ในวันนี้คือ
"ธรรมจักรกัปวัตนสูตร"
การหมุนของ วงล้อแห่งอริยะธรรม
หมุนเพื่อทำลาย อวิชชา ความไม่รู้ สามประการ
-ไม่สามารถ จำอดีต เอามาตกผลึกชีวิตได้
-ไม่รู้ว่า การปรุงแต่ง วจี จิต กาย จะนำไปสู่อนาคตอย่างไร?
-ไม่รู้วิธี ตั้งสติกุมสภาพจิต ทุกปัจจุบันขนณะ
............................................

-ทุกอารมณ์ทุกข์...........................................ต้องกำหนดรู้
-เหตุแห่งการปรุงอารมณ์ทุกข์......................ต้องละให้สิ้น
-ความเย็นแห่งชีวิต เพราะการเข้าใจแจ้ง.....ต้องทำเป็นประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง
-วิถีชีวิต ที่เดินด้วยปัญญา ศีล สมาธิสู่วิมุติ.....ต้องเจริญให้ยิ่ง




//-ปฏิบัติธรรม ไปทำไม?
-เพื่อฝันถึงสวรรค์ หนีจากนรก
-เพื่อเอา "ความจริงของธรรมชาติ ที่มีอยู่แล้ว
"มาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน
ให้เราเบียดเบียน ซึ่งกันและกันน้อยลง
ระบบชีวาลัยน่าอยู่ สมดุลย์ยั่งยืนขึ้น
และไม่เป็นทาส กิเลส ตัณหาอุปทาน




//-เลือกทางเอาเอง อิๆ
-บางคนชอบ ไหลตามกระแสโลก
-บางคนชอบ ทวนกระแสโลก
-บางคนชอบ ขวางโลก
-บางคนชอบ ข้ามและอยู่เหนือกระแสโลก
แต่ลิง ยังเต็มไปด้วยความรักใน
กิเลส ตัณหาอุปาทาน ว่าเป็น"แรงขับของชีวิต"
จึงชอบขี่มัน ไปทำสิ่งดีๆให้แก่ตนและระบบชีวาลัย อิๆ



G+ Suraphol Kruasuwan

ฐิตา:


                 

//-กิจกรรม มนุษย์ ที่ต้องแสวงหา
ตามสายตาฤๅษี วัฒนธรรมภารตะ
1."กิจกรรม มนุษย์ใน กามาฉวจรภูมิ"
คือยังอาศัย กิเลสกาม วัตถุกาม เสพ ปรุงแต่งชีวิต
" อบายภูมิ มนุษย์ เทวภูมิ " ต่างต้อง มี"กามเป็นเครื่องอยู่"



จึงต้องแสวงหา
-ชีวิตที่ เอาตัวรอด ดี สะดวกสบาย เป็นที่ยอมรับ มีผู้ชื่นชม(ชีวะ)
-ผลประโยชน์(อรรถะ)
-ความติดใน หรรษาธรรม(กาม)
2."กิจกรรม ของ รูปาวจร อรูปาวจรภูมิ"
คือผู้เปลี่ยน ความต้องการ กาม เป็น พลังจิต พลังสติปัญญา
-เป็นนักปรัชญา (ทิฐิ)
-เป็นนักธรรมชาติวิทยา(มายะ)
-เป็นผู้แสวงหาทางสว่างของชีวิต(โมกษะ)
3."กิจกรรม ของผู้พัฒนา เพื่อพ้น อำนาจ กระแสโลก และแรงขับธรรมชาติ"
หรือ อริยะภูมิ



//-มนุษย์จะใช้ชีวิต พัฒนาตนเองตามวัย
-วัยเรียน
-วัยล่า
-วัยละ
-วัยหลุด พ้นจาก ความติด
ก็จะได้ความสุข จากกุญแจความสุข
-จาก กามสุข........เสพกิเลสกาม วัตถุกาม
-จากญาณสุข........เสพความรู้เป็นอาหาร
-จากฌานสุข........เสพผลสมาธิ เป็นอาหาร
-จากวิมุติสุข.........เสพ ความหลุดพ้น จาก โลกียะธรรม เป็นอาหาร



//-ชีวิต จึงเฉกเช่น การพัฒนาการของผีเสื้อ
-เป็นไข่หนอน
-เป็นหนอน
-เป็นดักแด้
-เป็นผี้เสื้อ ผู้เสพแต่น้ำหวาน จากดอกไม้ และมีปีกแห่งเสรีภาพ ที่จะโบยบิน



ชีวิต ใครชีวิตมัน เลือกเอาเอง อิๆ
"บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
จงยังกิจของตน(ละอกุศล เจริญกุศล สู่วิมุติชีวิตที่เย็น
ด้วยการ ล้างขยะปรุงแต่งชีวิตให้หมด
หรือ ทำอาสวะให้สิ้น) ด้วยความไม่ประมาทเถิด"
นี่เป็นปัจฉิมวาจา พุทธเจ้า
สาธุ พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น ด้วย กตัญญู




ฝนรั่วรด หลังคาที่มุงไว้ไม่ดีฉันใด
กิเลส ก็ทำให้จิตผู้ประมาทที่ไม่ได้ฝึกแปดเปื้อนฉันนั้น
(พุทธสุภาษิต) สาธุ




Blitz with good eyesight would see everything.
Spiritual practice,
then it's because the emotional distress. And before the fire.!
บรุษสายตาดี เห็นทุกสิ่งกระจ่าง ชั่วที่มีแสงฟ้าแลบ
จิตที่ฝึกดีแล้ว
ย่อมเห็นเหตุ สร้างอารมณ์ทุกข์ และ ดับเหตุชั่วพริบตา!



"การปฏิบัติธรรมคือ ใช้สติปัญญา รักษาใจไม่ให้(อารมณ์)ทุกข์เกิด
เมื่อเกิด ก็กำหนดรู้และละเสีย(โดยฉับพลันทันที)"
.....วรธัมโม สวนโมกข์....

-จิตปถุชน.........คือจิตแบบแผลเก่า เต้นไปตามกระแส อกุศล กุศล กระแสโลก วิบาก กรรม
-จิตพระเสขะ....คือจิตแบบสายฟ้า พลิกสู่ทางกุศล วิมุติ ได้รวดเร็วดุจสายฟ้า
-จิตพุทธะ..........คือจิตแบบเพชร แข็งแกร่ง ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม
ดุจเพชรไม่เก็บแสงใดๆไว้ในตนเลยฯ




พระพุทธเจ้าในอดีต......ปรินิพพานไปแล้ว
พระพุทธะเจ้าอนาคต....ยังมาไม่ถึง
พึ่งแสง สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันติในตน...คือพุทธคุณที่แท้จริง
สาธุ

               
                   G+ Suraphol Kruasuwan

ฐิตา:



ความจริง ของผู้ชนะศัตรูภายในตนเอง
-ทุกข์...ต้องกำหนดรู้
-เหตุแห่งทุกข์ คือ อุปาทานในตัณหา และ อุปาทานในขันธ์ห้า..ต้องละ
-ความเย็นที่เกิดจากความดับไม่เหลือเหตุทุกข์..ต้องทำประจักษ์ด้วยตนเอง
-วิถีชีวิตเพื่อชนะอุปสรรค์ภายใน..มี ปัญญา ศีล สมาธิ วิมุติ ต้องเพียรเจริญให้ยิ่ง
...............................................



ทุกข์ที่ควรกำหนดรู้ และ พิจารณา เห็นความจริง
มี
1.สภาวะทุกข์(ความเปลี่ยนแปลงไม่อาจทนอยู่ในสภาพเดิม
เพราะต้องเป็นไปตาม กฎเหตุปัจจัยปรุงแต่ง)
2.เวทนาทุกข์ จากระบบประสาททำงาน
ต้องฝึกให้อดทน ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม ได้ดี
3.อารมณ์ทุกข์ ต้องฝึกพลิกจิต สู่กุศลวิมุติ
เลิกชงอารมณ์ทุกข์ซ้ำเติม เวทนาทุกข์
และหวั่นไหวต่อ สภาวะ ทุกข์
.......................................



ทุกข์ทั้งสิบประการที่พระพุทธเจ้าค้นพบ
จากออกบรรพชาจนตรัสรู้คือ
1.เกิดแก่ เจ็บตายเป็นทุกข์
2.ดินฟ้าอากาศแปรปรวน ก็เป็นทุกข์
3.มีพยาธิรบกวน เจ็บไข้ได้ป่วย ก็เป็นทุกข์
4.ความหิว ดิ้นรนหาอาหาร(ปัจจัยดำรงชีพ) ทำมาหากิน ก็เป็นทุกข์
5.สวมหัวโขน(ความแตกต่าง ในฐานะ อาชีพ หน้าที่)ก็เป็นทุกข์จาก( โลกธรรมแปด)



6.ทะเลาะวิวาท สงคราม ก็เป็นทุกข์
7.ระคะ โทสะ โมหะ เผาใจก็เป็นทุกข์
8.วิบาก ผลจาก กิเลส กรรม ตามมาย่ำยี ก็เป็นทุกข์
9.ปรารถนา สิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์
10.อารมณ์ทุกข์ เกิดจาก อุปาทาน ยึดติดว่า ตัณหา
และรูปนามที่ปรุงแต่ง เป็นตนของตนที่แท้จริง ก็เป็นทุกข์




ตัณหาที่ มีอุปาทานไปยึดแล้วเกิด อารมณ์ทุกข์คือ
-ความอยากยึดติดในสิ่งที่ติดหลงใหล(กามตัณหา)
-ความอยากทะยานอยาก เป็นใหญ่ให้ยิ่ง
เป็นทาสความสมใจสะใจ(ภาวะตัณหา)
-ความปรารถนา ทำลายล้างสิ่งที่ไม่ถูกใจ(วิภาวะตัณหา)
.............................



อุปาทาน ในชีวิตที่ประกอบด้วยรูปกับนาม
ทำงานกัน เป็นชีวะยนต์(เครื่องยนต์ คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต)
ว่าเป็นตัวตนที่เที่ยงแท้ถาวร
ซึ่งจริงๆ แปรเปลี่ยนตามเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
เหตุปัจจัยปรุงแต่งชีวิตที่ดีกว่า

พ้นอำนาจอุปาทานคือ 
-รู้ว่าเป็นอกุศล ก็ละ
-รู้ว่าเป็นกุศล ก็ เจริญให้ยิ่ง
-ชำระใจ ให้ วิสุทธิ์ วิเศษ วิเวก วิราคะ
วิสังขาร วิมุติ วิโมกข์ นิพพาน(ไม่ทุกข์ไม่สุข แต่เย็น)
ด้วยการ อยู่ในที่สงบสงัด

-  เอาอดีตมาถอดบทเรียน
-ตกผลึกเห็นเส้นทาง การเกิดดับอารมณ์
-ทิ้งเหตุปรุงแต่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง
-ประกอบจิตใหม่ ที่มีสติปัญญา เห็นกฎเหตุธรรมชาติ
มีสติ สมาธิ เบิกบานในปัญญาเห็นเคารพกฎธรรมชาติ
ฝึกฝน จน
"ผัสสะโลกธรรม.........ด้วยสติ กุมสภาพจิต



จิตยัง...........................เบิกบาน ในปัญญา เสมอนั่น
จิตยังมั่นคง.................อยู่ในมโนธรรม ที่จริงดีงามกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น....ชีวิตย่อมประสบพบโชคดี"



สาธุ
G+ Suraphol Kruasuwan


ฐิตา:



//-สุขภาพดี........คือประเสริฐลาภ
มีมิตรอุปการะ........เป็นยิ่งกว่า..
..ญาตินั่น




อิ่มใจทุกขณะจิต......คือยอดทรัพย์ที่แท้จริงกัน
พ้นเพลิงทุกข์...
เพลิงกิเลสนั้น... คือยอด บรมสุขเอยฯ




//-สุขภาพดี คือ ไม่เป็น...
-โรคทางกาย....เรียนรู้สุขนิสัย และ..
เอามาปรับใช้
-โรคจิต........เรียนรู้วิธี อบรมจิต..
ให้พ้น อำนาจ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
-โรควิญญาณ.....ปรับปรุงอัพเดทความรู้ใหม่
ทั้งมองโลก และ มองใจปรุงแต่งตน




สันโดษ หรืออิ่มใจทุกขณะจิต..
คือยอดทรัพย์
-ถ้ามีผู้เมตตาให้... ต้องมี ยถาลาภสันโดษ
ไม่เรียกร้อง
-ถ้าทำงาน..........ต้องมี พละสันโดษ
ทำเต็มกำลังความสามารถ




-ถ้ามีครอบครัว..... ต้องมีสาทาระสันโดษ..
อิ่มใจในคู่ครอง บริวารของตน
-ถ้ามีความสามารถไม่จำกัด.. ต้องมี สารุปสันโดษ
ต้องรู้จักพอดี
ไม่งั้นใช้ตนเองเป็นวัว เป็นควายจนตาย
-ถ้าดูแลสังคม มีหัวโขนสวม.. ต้องมี สาธารณะสันโดษ
ไม่โลภ... เอาสาธารณะสมบัติ เป็นของตน.. พวกตน




เพลิงทุกข์เพลิงกิเลส พ้นได้
-รู้ว่าชั่ว......ต้องรีบ ลด ละ เลิก
-รู้ว่าเป็นกุศล..ต้องเร่งเจริญให้เกิดพลังชีวิต
-ชำระจิต.....ให้ สงบ สะอาด สว่าง พ้นอาสวะทั้งปวง




Suraphol Kruasuwan

ฐิตา:




//-ธรรมะของพุทธเจ้า
นอกจากอิงสติปัญญา ที่ฝึกดีแล้ว
ยังมี"ความคิดสูตรสำเร็จ" หลากหลาย




//-หัวใจเศรษฐี
ที่ท่านสาระเนยก มาเป็นตัวอย่างที่ดี
อุ อา กา สะ
..............................




//-สำหรับการทำธุระกิจ ที่ดช.ปู่ลิงใช้ มาตลอดคือ
1.จักขุมา
มีวิสัยทํศน์ จากสี่ตาปัญญา
-พุทธจักขุ
ใช้สติปัญญา แยกแยะ ตรวจสอบ วางแผน




-ธรรมจักขุ
มองธรรมชาติทั้งด้าน คุณ โทษ ธรรมชาติธรรมดา
-สมันตะ จักขุ
มองด้วยความรู้รอบตัวหลากหลายสาขา แบบ"ตาสับประรด"
-ทิพย์จักษุ
ใช้ความละเอียดรอบคอบ มองผลกระทบ ก่อนตัดสินใจ




2.วิธุโร
บริหารจัดการแบบโปร่งใส โปร่งแสง
โดยเฉพาะผลประโยชน์ ต้องตกลงกันก่อนทำงานร่วมกัน
ได้มาต้องแบ่งทันทีไม่มียึกยักอิๆ

3.นิสัยดี จนไม่ขาดผู้อุปถัมภ์
ตามปกติลิงชอบ ยอมเสียเปรียบ
มากกว่า ที่"ชนะ"ทุกเรื่องอิๆ
..................


//-ขอบคุณที่เอาสิ่งดีๆมาฝากกัน
Suraphol Kruasuwan

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version