ผู้เขียน หัวข้อ: พลังแห่งจิตเงียบ :กฤษณมูรติ  (อ่าน 23597 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
พลังแห่งจิตเงียบ :กฤษณมูรติ
« เมื่อ: มีนาคม 18, 2013, 01:23:18 pm »




พลังแห่งจิตเงียบ - กฤษณมูรติ
เมื่อคุณชะโงกมองลงไปในบ่อซึงเปี่ยมด้วยน้ำและความนิ่งสงัดเงียบ คุณเห็นดวงหน้าของตนเอง เห็นเงาสะท้อนของใบหน้าคุณในน้ำนั้น คุณสามารถที่จะปรับปรุง ปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลงแต่งเติมเงาสะท้อนนั้นได้เรื่อยๆ แต่ในความเงียบนั้นไร้เงาสะท้อนใดๆ เพราะผู้คิดและความคิดหาได้มีอยู่ไม่ มันว่างจากประสบการณ์ทั้งมวล แต่มันเป็นพลังงานและเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาอันมหันต์ ไม่ใช่ความเสื่อมสลายหรือความตาย

การจะเคลื่อนต่อไปในพลังของความเงียบอันพิเศษสุดนี้ เราไม่สามารถนำถ้อยคำมาใช้อธิบายได้ คุณไม่เพียงต้องเคลื่อนไปโดยปราศจากถ้อยคำ ปราศจากทฤษฎี แต่เคลื่อนอยู่จริงๆ แต่คุณจะไม่สามารถก้าวต่อไปได้จริงๆ เว้นเสียแต่ว่าคุณได้ก้าวมาแล้วทีละก้าวๆ จนมาถึง ณ ที่ที่คุณอยู่ในขณะนี้ บางทีพวกคุณบางคนได้ก้าวล่วงมาแล้ว และคุณก็เริ่มเข้าใจธรรมชาติและความหมายของสมาธิ และมีสมรรถนะที่จะอยู่ในความสงบเงียบนั้นจริงๆ ไม่ใช่เป็นจินตนาการ หรือถูกปลุกกระตุ้นขึ้น หรือครุ่นคิดไว้ก่อนแล้ว ... ทว่ามันอยู่ที่นั่น


ในความเงียบนั้นไร้ผู้ดู ไม่มีตัวตนที่พูดว่า “ฉันเงียบ” มีอยู่เพียงความเงียบเท่านั้น ซึ่งมีที่ว่างอันแผ่ไพศาลและภายในนั้นว่างเปล่า เพราะนอกเสียจากว่าจิตว่างเปล่า มันไม่มีศักยภาพที่จะมองเห็นอะไรใหม่ เมื่อจิตนั้นว่าง ทว่าไม่ใช่เป็นความว่างที่ทำให้เกิดขึ้น แต่เป็นความว่างที่สมบูรณ์ เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ทรงพลังสั่นสะเทือน เข้มแข็ง แกร่งกล้า จากนั้นคุณจะมองเห็นกระแสแห่งพลังอันสร้างสรรค์ที่แตกต่างออกไปทีเดียว

ที่เราพูดเป็นเพียงถ้อยคำเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งสิ่งนั้น คำว่า ต้นไม้ ไม่ใช่ ต้นไม้ ผู้พูดเพียงพรรณนา แต่ถ้อยคำคำพรรณนาไม่ทำให้เกิดผลกระทบ ฉะนั้นคุณลืมถ้อยคำหรือลืมคำพรรณนาเสียให้สิ้น แล้วอยู่ในภาวะนั้นจริงๆ

หากคุณอยู่ในภาวะนั้น และจิตตระหนักรู้อยู่เต็มเปี่ยมในคุณภาวะแห่งความกระจ่างแจ้ง จากนั้นพลังสร้างสรรค์จะอุบัติขึ้น พลังสร้างสรรค์มิใช่ในความหมายตามวิสัยทั่วๆ ไปของโลก เช่น การเขียนภาพ เขียนบทกวี ฯลฯ และในภาวะความเงียบอันพิเศษยิ่งนี้เท่านั้น ความเงียบอันไร้พรมแดน ไร้ความสูงความลึก มิอาจหยั่งวัดได้
จากความเงียบอันไพศาลนี้ บุคคลจะล่วงรู้ถึงต้นกำเนิดอันเป็นจุดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง

พลังแห่งจิตเงียบ – กฤษณมูรติ
ถอดความโดย - หิ่งห้อย ณ ภูเขา
มูลนิธิอันวีกษณา -http://www.anveekshana.org/th/


ขอขอบพระคุณภาพประกอบจาก ~~ L o v e ~~ และ Blue Buddha Quote Collective เป็นอย่างยิ่ง
ท่านหิ่งห้อย ณ ภูเขา ถอดความ - มูลนิธิอันวีกษณา - http://www.anveekshana.org/th/
โดย: Isara Tong



ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: พลังแห่งจิตเงียบ :กฤษณมูรติ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 19, 2013, 12:14:06 am »
 :13: ขอบคุณครับพี่แป๋ม
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: พลังแห่งจิตเงียบ :กฤษณมูรติ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2013, 07:09:49 pm »




สัจจะไม่ใช่สิ่งที่รู้ได้ สิ่งที่รู้แล้ว.. เป็นอดีต
เป็นสิ่งตายซากแล้ว
แต่สัจจะเป็นสิ่งมีชีวิตชีวาไม่คงที่
ดังนั้นคุณจะรู้จักสัจจะไม่ได้
สัจจะเปลี่ยนแปลงไม่หยุดยั้ง ไม่มีที่พักพิง

ดังนั้นจิตที่ถูกตรึงไว้ด้วย ความเชื่อ
ความรู้ ด้วย.. อิทธิพลอย่างใดอย่างหนึ่ง
จึงไม่สามารถเข้าใจสัจจะได้


>>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: พลังแห่งจิตเงียบ :กฤษณมูรติ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2013, 06:17:26 pm »




ก่อนที่เราจะพูดถึงการปฏิวัติ เพื่อนำสังคมอันสันติสุขมาสู่มนุษย์ เราจำเป็นอย่างที่สุดที่ต้องปฏิวัติความคิดของเราเองเสียก่อน และไม่ใช่สิ่งที่ค่อยเป็นค่อยไป หากต้องกระทำอย่างจริงจัง รวดเร็ว และก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ด้วย

เราไม่อาจเข้าใจชีวิตได้โดยการปลีกตัวออกจากสังคม เพราะในความสัมพันธ์กับชีวิตอื่นและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของเรา ด้วยความรู้สึกที่เปิด ด้วยความรักและความเคารพเท่านั้น ที่เราจะเข้าใจธรรมะอันมีอยู่ในสรรพสิ่งได้

เราต้องกล้าที่จะปฏิเสธสถาบัน ประเพณีพิธีกรรมต่าง ๆ ที่งมงาย ไม่ปล่อยตัวให้ตกไปอยู่ในความเชื่อ กล้าที่จะเผชิญกับความตายด้วยความสงบ เพราะสัจจะธรรมนั้นอยู่เหนือศีลธรรม จริยธรรม และการใช้เหตุผลทางตรรกะ

เมื่อเธอเข้าใจแก่นแท้ของการมีชีวิต อย่างน้อยมนุษยธรรมความเป็นมนุษย์และความรัก ก็คงไม่ใช่สิ่งเลื่อนลอยสำหรับพวกเราอีกต่อไป และบางทีนี่อาจเป็นคำตอบหนึ่ง สำหรับปัญหาของเราและของมนุษย์ชาติก็ได้

กฤษณมูรติ
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา

                   


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ดวงตาเห็นธรรม “มองอย่างพุทธะ” :กฤษณมูรติ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2013, 07:27:37 pm »





ดวงตาเห็นธรรม
มองอย่างพุทธะ




เมื่อคุณดูดอกไม้
มองดูสีสันโดยไม่ตั้งชื่อให้มัน
ไม่มีชอบหรือไม่ชอบเข้ามาเกี่ยว
ไม่มีสิ่งบดบังระหว่างตัวคุณกับ
สิ่งที่คุณเห็นว่าเป็นดอกไม้
ปราศจากถ้อยคำ ปราศจากความคิด
เมื่อนั้นเองที่ดอกไม้จะมีสีสัน
และความงามเป็นพิเศษ

แต่เมื่อคุณมองดอกไม้ผ่านความรู้ทางพฤษศาสตร์
เมื่อคุณพูดว่า "นี่คือกุหลาบ"
คุณได้จำกัดการมองดูไว้ภายใต้เงื่อนไขแล้ว

การมองดูและการเรียนรู้ค่อนข้างเป็นศิลปะ
แต่คุณไม่จำเป็น ต้องเข้าวิทยาลัยเพื่อเรียนศิลปะ
การมองดูและการเรียนรู้ คุณสามารถเห็นและเรียนรู้ได้ที่บ้าน
คุณสามารถมองดูต้นไม้ และค้นหาว่าคุณมองดูมันอย่างไร

ถ้าคุณรู้สึกไว้ ตื่นตัวที่จะมองดู
คุณจะพบว่า
"ช่องว่างระหว่างคุณกับดอกไม้ได้หายไป"
และเมื่อช่องว่างหายไป
คุณย่อมมองเห็น
“สิ่งที่ยิ่งใหญ่” เด่นชัดเหลือเกิน...

กฤษณะมูรติ




ดวงตาเห็นธรรม นั้นไซร้
คือดวงใจอันประจักษ์แล้ว ซึ่งความจริง...

โดย: New Heart New World
- โลกเปลี่ยนไป เมื่อใจเปลี่ยนแปลง



>>> F/B Isara Tong :กลุ่มธรรมดีที่น่าทำ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2013, 09:10:29 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: บทเพลงแห่งภาวนา :กฤษณมูรติ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2013, 06:04:10 pm »



บทเพลงแห่งภาวนา
“ ภาวนา “ ไม่มีใครสามารถทำลายมันได้ แต่มันก็ไม่สามารถเรียนได้จากผู้อื่น ท่านต้องเริ่มต้นอย่างไม่มีความรู้ใด ๆ ในเรื่องของมัน และดำเนินจากความใสสะอาดไปสู่ความใสสะอาด

เนื้อดินที่ภาวนาจะสามารถเริ่มต้นงอกงามได้ คือเนื้อดินของชีวิตทุก ๆ วัน จากความดิ้นรน จากความเจ็บปวดรวดร้าว จากความสุขที่หายไป และจากความขัดแย้งทั้งหลาย ภาวนาเริ่มต้นที่นั่น นำระเบียบให้เกิดขึ้น และดำเนินต่อไปไม่สิ้นสุด

แต่หากท่านสนใจเพียงแค่การจัดระเบียบ การจัดระเบียบโดยตัวของมันจะทำให้เกิดความจำกัดคับแคบ และความรู้สึกนึกคิดก็จะถูกจองจำ กังขัง ในการดำเนินไปแห่งภาวนา

บางทีท่านอาจจะเริ่มต้นจากปลายข้างหนึ่ง จากฝั่งอีกฝั่งหนึ่ง และไม่ต้องสนใจในอีกฝั่งหนึ่ง หรือไม่ต้องสนใจวิธีที่จะข้ามแม่น้ำ แต่ท่านต้องยินดีที่จะกระโจนลงไปในแม่น้ำ แม้ไม่รู้วิธีการว่ายน้ำ
ความงดงามของการภาวนาคือ การที่ท่านไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน ท่านจะไปไหน และปลายทางคืออะไร

บทเพลงแห่งภาวนา - กฤษณมูรติ
สำนักพิมพ์ มูลนิธิโกมลคีมทอง
8 / 23 ซอยบ้านช่างหล่อ ถนนพรานนก บางกอกน้อย กรุงเทพ ฯ 10700
โทรศัพท์ 02 – 411 – 0774 , 412 – 0744



ขอขอบพระคุณเครดิตภาพจาก Blue Buddha Quote Collective เป็นอย่างยิ่ง
เจ. กฤษณะมูรติ – มูลนิธิ เจ. กฤษณะมูรติ อินเดีย /
เอวลีน เบรา (Evelyn Blan) - ผู้คัดเลือกฉบับขยายความ /
โสรีช์ โพธิแก้ว - แปลและเรียบเรียง / สำนักพิมพ์ มูลนิธิโกมลคีมทอง
 8 / 23 ซอยบ้านช่างหล่อ ถนนพรานนก บางกอกน้อย กรุงเทพ ฯ 10700
โทรศัพท์ 02 – 866 - 1557 , 412 – 0744
โดย: Isara Tong

**************************************


"ภาวนานั้นไม่มีการเริ่มต้นหรือการลงท้าย ในภาวนาไม่มีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ไม่มีการมาร่วมกันและไม่มีการประกาศอิสระ มันเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่มีจุดจบ ดังนั้นจึงอยู่เหนือกาลและเวลา การรู้สึกว่ากำลังประสบกับมันอยู่คือการปฏิเสธมัน เพราะผู้รู้สึกประสบนั้นย่อมอยู่ในเงื่อนเวลาและเนื้อที่ ความทรงจำ และการระลึกได้ รากฐานการภาวนาคือการรู้อย่างรับ ซึ่งหมายถึงอิสรภาพอย่างยิ่งจากแหล่งอำนาจหรือความทะเยอทะยาน ความอิจฉาและความกลัว ภาวนาจะไม่มีความหมายอะไรเลยหากปราศจากความอิสระเช่นนี้ หรือปราศจากการรู้ตัวเช่นนี้ ตราบใดที่ยังมีการเลือก ตราบนั้นก็ยังไม่มีความรู้ตัวทั่วพร้อม การเลือกแสดงถึงว่ามีความขัดแย้งดำรงอยู่ ซึ่งเป็นตัวขัดขวางไม่ให้เกิดการประจักษ์แจ้งในความจริง

 การล่องลอยไปกับความเชื่อที่น่าตื่นตาตื่นใจหรือชวนฝันไม่ใช่การภาวนา สมองจะต้องชำระตัวมันเองออกจากตำนาน มายา ความมั่นคง และการเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมากับความบิดเบือนของมันเอง ไม่มีสิ่งใดจะหันเหภาวนาได้ ทุกอย่างล้วนอยู่ในความเคลื่อนไหวของภาวนา
 ดอกไม้เป็นองค์รวมของรูป ของกลิ่น ของสีสัน และความงดงาม เมื่อฉีกดอกไม้ออกเป็นชิ้นๆ จะโดยการกระทำจริงหรือความคิด ดอกไม้ก็จะหายไป เหลือแต่ความจำในสิ่งที่เคยมี ซึ่งนั่นไม่ใช่ดอกไม้แท้ๆ เลย ภาวนาคือองค์รวมของดอกไม้ที่สวยงาม ที่เหี่ยวแห้ง ที่มีชีวิต"

ชื่อหนังสือ : บทเพลงแห่งภาวนา
ชื่อผู้บรรยาย : กฤษณมูรติ
>> F/B โยคาวจร ธรรมธาตุ
9 มีนาคม 2558
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 15, 2015, 04:30:21 am โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: พลังแห่งจิตเงียบ :กฤษณมูรติ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2013, 06:37:54 pm »




บนผืนโลกยังเต็มไปด้วยผู้เผด็จการ ที่ปฏิเสธสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ มีนักคิดที่คอยสร้างกรอบให้แก่จิตใจของมนุษย์ มีนักบวชคอยจองจำมนุษย์ไว้เป็นทาส ด้วยความเชื่อและประเพณีเก่าแก่ มีนักการเมืองพร้อมด้วยคำสัญญาลวง ๆ คอยแบ่งแยกและก่อเกิดความฉ้อฉล

มนุษย์ถูกจองจำอยู่ในความขัดแย้ง และความทุกข์นิรันดร เขาถูกกักขังอยู่ในแสงสว่างไสวของความหฤหรรษ์ ทุกสิ่งทุกอย่างดูไร้สาระจนน่าใจหาย ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวด ความมานะพยายาม และถ้อยคำของนักปรัชญา ความตาย ความตรอมตรมและความตรากตรำดิ้นรนต่อสู้ มนุษย์กับมนุษย์

สิ่งที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าคือเสรีภาพนั้น แท้จริงเป็นเพียงที่คุมขัง ซึ่งทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ในท่ามกลางความเจริญงอกงามของเทคโนโลยี ในที่คุมขังนี้เต็มไปด้วยสงครามซึ่งมีวิทยาการและผลประโยชน์ เป็นแรงเสริมให้เปี่ยมหายนะกันขึ้นทุกที

เสรีภาพมิได้อยู่ในการเปลี่ยนที่คุมขัง เปลี่ยนคุรุ พร้อมอำนาจอันโง่เขลา อำนาจบงการชนิดนั้น ไม่เคยก่อให้เกิดความมีระเบียบเรียบร้อยอย่างแท้จริงได้ ตรงข้ามกลับก่อให้เกิดความระส่ำระสาย และจากความสับสนปั่นป่วนนี้เอง ที่อำนาจถือกำเนิดขึ้น

เสรีภาพมิใช่เศษเสี้ยว แต่อยู่ในจิตใจที่เต็มเปี่ยม จิตใจชนิดนี้มีเสรีภาพ แต่มันก็หารู้ไม่ว่ามันมีเสรี เพราะสิ่งรู้นี้อยู่ในมิติของเวลา จากอดีตมาสู่ปัจจุบันถึงอนาคต กระบวนการทั้งหมดคือกาลเวลา และกาลเวลาหาใช่ส่วนประกอบของเสรีภาพไม่

เสรีภาพในการที่จะเลือกในตัวของมันเองขัดแย้งกับเสรีภาพที่แท้จริง การเลือกมีอยู่ก็ต่อเมื่อ มีความสับสน ปกติสุขอย่างสมบูรณ์คือแสงสว่างแห่งเสรีภาพ ปกติสุขนี้มิใช่บุตรธิดาของความคิด ด้วยเหตุว่ากิจกรรมทั้งมวล ซึ่งผุดขึ้นมาจากความคิด ล้วนเป็นเพียงการแบ่งแยกและเศษเสี้ยว ความรักไม่ใช่เศษเสี้ยวของความคิด ของความพึงพอใจ การหยั่งรู้ถึงสิ่งนี้คือปัญญา ความรักและปัญญาเป็นของคู่กัน จากจุดนี้เองที่ก่อเกิดกิจกรรมซึ่งไม่นำไปสู่ทุกข์ เพราะความเป็นปกติสุขคือรากฐานของมัน


บันทึกของกฤษณมูรติ

สำนักพิมพ์สมิต โดย มูลนิธิ โกมลคีมทอง
ขอขอบพระคุณเครดิตภาพจาก Art is the answer
โดย: Isara Tong


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ในการ.. ฟัง :กฤษณมูรติ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 17, 2014, 01:15:15 pm »


ในการ... ฟั ง
ไม่ว่าฟังใคร
จงอย่ายอมรับสิ่งที่เขาพูดง่าย ๆ
แต่พยายามฟังให้เห็น...ความจริง

หากเธอ...สามารถพบว่า
สิ่งที่ไม่ใช่ศาสนาคืออะไรแล้ว
เมื่อนั้น...จะไม่มีนักบวชหรือ
หนังสือใด ๆ มาหลอกลวงเธอได้ตลอดชีวิต



ก า ร ศึ ก ษ า ...ที่แท้นั้นคือ
การเรียนรู้... วิ ธี คิ ด
ไม่ใช่สนใจแต่เรื่องที่จะคิด
หากเธอรู้วิธีการคิด
หากเธอมีศักยภาพนี้จริง ๆ
เธอ..จะเป็นมนุษย์...อิสระ

เธอ..จะรู้สึกเสรีจากลัทธิความเชื่อต่าง ๆ
ไสยศาสตร์ต่าง ๆ พิธีกรรมต่าง ๆ
และเมื่อนั้นเองที่เธอจะ
สามารถค้นพบว่า...ศาสนา...คืออะไร

กฤษณะมูรติ . . .



14 มกราคม 2557
>>> F/B ติช นัท ฮันห์

****************************************


เรากำลังจะคิดร่วมกันอย่างสมเหตุสมผลเป็นปกติ เฝ้าดูสิ่งหนึ่งด้วยกัน ไม่ใช่คุณดูอย่างไรและผมดูวิธีไหน แต่ร่วมกันสังเกตวิถีชีวิตแต่ละวันของเรา ซึ่งมีความสำคัญมากเหนือสิ่งอื่นใด เราพึงสังเกตดูทุกนาทีในแต่ละวัน แรกสุด เรากำลังจะคิดร่วมกัน ไม่ใช่สักแต่ว่าฟัง เห็นด้วยหรือเห็นต่าง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องง่ายมาก เราหวังอย่างยิ่งว่าคุณจะสามารถละวางการเห็นด้วยและการเห็นต่างลงได้ คุณจะทำเช่นนั้นไหม วางลงให้หมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นข้อคิดเห็นของคุณ ข้อคิดเห็นของผม วิถีการคิดของคุณ วิถีการคิดของคนอื่น แล้วร่วมกันสังเกตเฉยๆ ร่วมกันคิด

การเห็นด้วยและการเห็นต่างแบ่งแยกผู้คนจากกัน การพูดว่า “ใช่ ผมเห็นด้วยกับคุณ” หรือ “ผมไม่เห็นพ้องกับคุณ” เป็นการไร้ตรรกะ เพราะคุณยึดถือ คิดออกจากข้อคิดเห็นของคุณ การตัดสินของคุณ การประเมินค่าของคุณ หรือไม่เช่นนั้นคุณก็ปฏิเสธสิ่งที่ถูกพูดนั้น สำหรับเช้านี้ หากคุณอยากจะลองดู เพื่อความสนุกความบันเทิง ว่าเราจะสามารถลืมข้อคิดเห็นทั้งหลายของเรา การตัดสินต่างๆ ของเรา การเห็นด้วยหรือการเห็นต่างมากมายของเรา แล้วมีสมองที่กระจ่างชัด ไม่ฝักใฝ่ ไม่ลุ่มหลง ไม่ฝันเฟื่อง แต่เป็นสมองที่ไม่ข้องเกี่ยวยุ่งเหยิงด้วยแนวคิดทฤษฎี ข้อคิดเห็น การยอมรับและการคัดค้าน เราทำเช่นนั้นได้หรือ
( กฤษณมูรติ )

>> F/B โยคาวจร ธรรมธาตุ
25 มีนาคม 2558
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 15, 2015, 04:11:16 am โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: พลังแห่งจิตเงียบ :กฤษณมูรติ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 09, 2017, 10:52:06 am »


กฤษณมูรติ Krishnamurti Thailand ได้อัพเดตรูปภาพหน้าปก
22 กรกฎาคม ·
เดวิด โบฮ์ม : ... จริงๆ แล้วความทุกข์คืออะไรกันแน่? ทำไมความทุกข์จึงเข้ามาขวางกั้นหรือทำลายปัญญา? อะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ขณะนี้?
กฤษณมูรติ : ความทุกข์เป็นสภาวะตกใจสะเทือนใจอย่างรุนแรง ฉันเป็นผู้ทุกข์ ฉันเจ็บปวด ความทุกข์เป็นแก่นของสิ่งที่เรียกว่า “ฉัน”
เดวิด โบฮ์ม : ใช่ ปัญหาของความทุกข์อยู่ที่ตัว “ฉัน” เป็นผู้มีความทุกข์ และ “ฉัน” ตัวนี้เองที่โศกเศร้าเสียใจในลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง
กฤษณมูรติ : ความทุกข์ของฉันต่างออกไปจากความทุกข์ของคุณ
เดวิด โบฮ์ม : มันแยกโดดเดี่ยวตัวเองออกไป มันสร้างมายาภาพอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น
กฤษณมูรติ : เรามองไม่เห็นความทุกข์ที่มนุษย์ทุกคนมีส่วนร่วม
เดวิด โบฮ์ม : ใช่ แต่สมมติว่าเราเห็นความทุกข์ว่าพากันทุกข์ร่วมกันในหมู่มนุษย์ล่ะ?
กฤษณมูรติ : ถ้าเห็นอย่างนั้นผมก็จะตั้งคำถามว่า ความทุกข์คืออะไร? มันไม่ใช่ความทุกข์เฉพาะตัวผมแล้ว
เดวิด โบฮ์ม : ตรงนี้สำคัญมาก. การทำความเข้าใจธรรมชาติของความทุกข์ ผมต้องไม่คิดว่านั่นเป็นความทุกข์ของผม เพราะถ้าผมเชื่อว่ามันเป็นความทุกข์ของผม ผมก็จะมีภาพลวงในเรื่องนี้ทั้งหมด
กฤษณมูรติ : และผมก็จะไม่มีวันทำให้ความทุกข์จบสิ้นลงได้
เดวิด โบฮ์ม : ถ้าเราเข้าไปจัดการกับภาพมายา มันทำให้เกิดผลจริงจังขึ้นมาไม่ได้ คุณเห็นไหมล่ะว่าเราต้องย้อนกลับไปเริ่มใหม่โดยถามว่า ทำไมจึงบอกว่าความทุกข์เป็นความทุกข์ของมนุษย์ทั้งหมด? ดูตอนแรกเหมือนกับว่าผมเป็นทุกข์เพราะปวดฟัน เป็นทุกข์เพราะตัวเองสูญเสียอะไรสักอย่าง หรือมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วคนอื่นดูจะสุขสบายกันดี
กฤษณมูรติ : คนอื่นเป็นสุขดี ก็ใช่ แต่คนอื่นก็เป็นทุกข์เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่เหมือนกัน
เดวิด โบฮ์ม : ใช่ ขณะนั้นเขาไม่เห็นมัน แต่เขาก็มีปัญหาของตัวเองมากมาย
กฤษณมูรติ : ความทุกข์เป็นอุบัติการณ์ร่วมกันในมนุษย์ทั้งหมด
เดวิด โบฮ์ม : แต่ความจริงที่ว่ามันเป็นอุบัติการณ์ร่วมกันยังเป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอที่จะบอกว่า ทุกข์เป็นทุกข์เดียวกันสำหรับทุกคน
กฤษณมูรติ : มันเกิดขึ้นจริง
เดวิด โบฮ์ม : คุณกำลังจะบอกว่า ความทุกข์ของมนุษย์เป็นหนึ่งเดียว ไม่แบ่งแยกว่าเป็นทุกข์ของคนนั้นหรือทุกข์ของคนนี้ใช่ไหม?
กฤษณมูรติ : ใช่ นั่นคือสิ่งที่ผมพูด
เดวิด โบฮ์ม : เช่นเดียวกันกับจิตของมนุษย์ที่ไม่แบ่งแยก?
กฤษณมูรติ : ถูกแล้ว
เดวิด โบฮ์ม : นั่นคือ เมื่อคนสักคนเป็นทุกข์มนุษย์ทั้งหมดก็เป็นทุกข์
กฤษณมูรติ : จุดสำคัญคือ เริ่มตั้งแต่เวลาอุบัติขึ้นเราก็เป็นทุกข์แล้ว จนบัดนี้เราก็ยังแก้ปัญหาความทุกข์ไม่ได้
เดวิด โบฮ์ม : แต่คุณบอกแล้วว่า เหตุผลที่เราแก้ปัญหานี้ยังไม่ได้เพราะเราเข้าไปจัดการเรื่องของความทุกข์ในฐานะที่เป็นปัญหาส่วนตัว หรือเป็นปัญหาของกลุ่ม และนั่นเป็นภาพลวง ความพยายามใดๆ ในการเข้าไปจัดการกับภาพมายาย่อมแก้ไขอะไรไม่ได้
กฤษณมูรติ : ความคิดนำมาแก้ปัญหาทางด้านจิตใจไม่ได้หรอก
เดวิด โบฮ์ม : และเหตุผลของเรื่องนี้ก็ดังที่คุณพูดไว้ว่าความคิดแบ่งแยก ความคิดมีข้อจำกัดและความคิดไม่สามารถเห็นได้ว่าความทุกข์ของมนุษย์เป็นหนึ่งเดียว ในลักษณะเช่นนี้ความคิด แบ่งแยกให้เป็นความทุกข์ของผม ความทุกข์ของคุณ
กฤษณมูรติ : ถูกแล้ว
เดวิด โบฮ์ม : และการทำเช่นนี้ก่อให้เกิดภาพมายาซึ่งเพิ่มพูนความทุกข์ให้มากขึ้น ถึงตรงนี้ผมคิดว่า คำพูดที่ว่าความทุกข์ของมนุษย์แยกออกจากกันไม่ได้นั้นหาได้ต่างจากที่ได้บอกว่าจิตสำนึกของมนุษย์เป็นหนึ่งเดียว
กฤษณมูรติ : ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งในจิตสำนึกของเรา
เดวิด โบฮ์ม : แต่คุณเห็นไหม เราไม่ได้รู้สึกอย่างปัจจุบันทันด่วนว่ามวลมนุษย์ทั้งหมดเป็นเจ้าของความทุกข์
กฤษณมูรติ : โลกคือผม และผมก็คือโลก แต่เราตัดแบ่งโลกให้เป็นโลกของชาวอังกฤษ โลกของชาวฝรั่งเศส โลกของใครก็แล้วแต่
เดวิด โบฮ์ม : โลกที่ว่านี้คือแผ่นดินโลกหรือโลกที่เป็นสังคมมนุษย์กันแน่?
กฤษณมูรติ : ผมหมายถึงโลกที่เป็นสังคมมนุษย์ โลกทางด้านจิตใจอันเป็นเบื้องต้น
เดวิด โบฮ์ม : ดังนั้นเราบอกว่าโลกของสังคม โลกของมวลมนุษย์เป็นหนึ่งเดียว และเมื่อผมบอกว่า ผมคือโลก นี่หมายความว่าอะไร?
กฤษณมูรติ : โลกไม่ได้ต่างออกไปจากตัวผม
เดวิด โบฮ์ม : โลกกับผมเป็นหนึ่งเดียว ไม่ได้แยกออกจากกันเลย
กฤษณมูรติ : ใช่ นี่คือสมาธิที่แท้จริง คุณต้องรู้สึกมัน มันไม่ใช่เป็นเพียงคำพูดสักแต่จะพูดออกมา แต่เป็นสภาวะจริง ผมคือผู้ปกปักรักษาพี่น้องของผม
เดวิด โบฮ์ม : ศาสนาหลายศาสนาก็สอนอย่างนี้
กฤษณมูรติ : แต่นั่นเป็นเพียงคำพูด คนเหล่านั้นไม่ได้ทำตามสิ่งที่พูด พวกเขาไม่ได้ทำออกมาจากใจจริงๆ
.
คัดสรรข้อความจาก
อนาคตของมนุษย์อยู่ตรงไหน The Future of Humanity
บทสนทนาระหว่าง กฤษณมูรติ กับ เดวิด โบฮ์ม
J. Krishnamurti in Conversation with Dr. David Bohm
พยับแดด แปล, มูลนิธิอันวีกษณา จัดพิมพ์
-https://www.facebook.com/JKcommunion/posts/1393735767389274