ผู้เขียน หัวข้อ: จิตเป็นสภาพรู้อารมณ์ :หลวงปู่ดูลย์ อตุโล  (อ่าน 2077 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด




พระอรหันต์ไม่รับรู้อะไรจริงหรือ ?
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล อธิบายว่า :

"จิตเป็นสภาพรู้อารมณ์ ตราบใดที่มีจิต การรับรู้อารมณ์ก็ย่อมมีเป็นธรรมดา โดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้นบุคคลธรรมดารับรู้อารมณ์อย่างไร พระอรหันต์ก็ย่อมจะต้องรับรู้อารมณ์อย่างนั้น และการรับรู้อารมณ์ของท่านน่าจะเป็นไปด้วยดี ยิ่งเสียกว่าคนธรรมดาสามัญด้วยซ้ำ เพราะจิตของท่านไม่มีเมฆหมอกคือกิเลสปกคลุมอยู่ อันจะทำให้ความสามารถรับรู้อารมณ์ลดลง"

ดังนี้ การกล่าวหาว่าพระอรหันต์ไม่รับรู้อะไร ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น จึงไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ส่วนการที่ท่านหมดความยึดมั่นถือมั่นโดยสิ้นเชิงนั้น ย่อมหมายความว่าแม้กระทั่งความไม่ยึดมั่นในสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ย่อมไม่มีแก่ท่าน

กล่าวคือ ท่านหมดทั้งความยึดมั่นถือมั่น และความไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่มีทั้งความพอใจในสิ่งใด ทั้งความรังเกียจในสิ่งใด ดังนี้จึงจะเรียกว่า "โดยสิ้นเชิง" ได้ จิตของท่านจึงลอยเด่นเหนือความดึงดูดและผลักดันต่อสรรพสิ่งเป็นอิสระชั่วนิรันดร

หลวงปู่ได้ชี้แนวทางพิจารณาว่า :
"อย่าพยายามทึกทักเอาเองตามความรู้สึกของตนว่า พระอริยบุคคลไม่ว่าในลำดับใด เป็นบุคคลที่มีอะไรผิดแปลกไปจากคนธรรมดาสามัญ ท่านก็มีอะไรทุกอย่างเหมือนๆ กับคนธรรมดาสามัญ ทั้งร่างกายและจิตใจ หรือถ้าจะว่าให้ถูก ท่านเสียอีกเป็นธรรมดาสามัญ ปุถุชนต่างหากที่มีอะไรผิดธรรมดาวิปริตไปด้วยการปรุงของกิเลสตัณหาอันเป็นเหตุแห่งทุกข์



พระอรหันต์ท่านเป็นปกติธรรมดา พ้นจากการปรุงแต่ง
จึงอยู่อย่างไม่มีทุกข์
พระอริยบุคคลที่รองๆ ลงมา ก็มีการดำรงอยู่อย่างมีทุกข์
มากขึ้นตามลำดับ
และกำลังดำเนินไปสู่การดำรงอยู่อย่างไม่มีทุกข์ต่อไป ก็แล
การดำรงอยู่อย่างไม่มีทุกข์นี้
ย่อมเป็นยอดปรารถนาของสัตว์โลกทั้งมวล

สรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่าที่วิ่งเต้นดิ้นรนอยู่...
ด้วยประการต่างๆทุกวันเวลานี้
ก็ล้วนแต่เพื่อจุดประสงค์ที่จะ..
ระงับดับทุกข์ของตนๆ อย่างเดียวเท่านั้น มิได้เป็นไป
เพื่อประการอื่นใดเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหิวก็เสาะแสวงหาอาหาร เมื่อเกิดโรคภัย
ก็วิ่งหายารักษาโรค เป็นต้น"


-http://www.facebook.com/