ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ

รวม เตือนภัย "ปัญหาพระภิกษุ" เอ๊ย ไม่ใช่ ต้องเป็น "พระภิกษุที่มีปัญหา"

<< < (21/27) > >>

sithiphong:

--- อ้างจาก: sithiphong ที่ สิงหาคม 18, 2014, 09:58:23 pm ---ชาวเน็ตระอา! พระโชว์เสพยาคาผ้าเหลือง ตร.รู้ตัวแล้ว

-http://news.sanook.com/1650957/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(18 ส.ค.) จากกรณีที่โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กเผยแพร่คลิปวิดีโอชื่อว่า "พระกาฬสินธุ์เสพยาบ้า" เป็นภาพชายคล้ายพระสงฆ์กำลังเสพยาชนิดหนึ่งอยู่ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมอย่างหนัก ล่าสุดพบแล้วว่าเป็นพระที่อยู่วัดแห่งใด เชื่อปล่อยคลิปเพราะไม่พอใจเจ้าอาวาสวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีคลิปชายคล้ายพระเสพยา นายบัณฑิต ชนะกาญจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ชี้แจงว่า คลิปภาพดังกล่าวคือพระสงฆ์จริง เป็นพระลูกวัดที่วัดชัยสมุทร อ.เมืองกาฬสินธุ์ ล่าสุด ทางเจ้าอาวาสวัดได้สั่งขับไล่ออกไปแล้วเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน

ขณะที่รายละเอียดอื่นๆ ทราบว่า คลิปดังกล่าวมีการบันทึกเอาไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนกระทั่งเจ้าอาวาสวัดทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าว จึงได้เรียกพระลูกวัดมาว่ากล่าวตักเตือน เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผิดวินัยสงฆ์ชั้นต้น แต่ปรากฏว่าพระลูกวัดยังคงมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่เช่นเติม จนว่ากล่าวตักเตือนไม่ไหวและตัดสินใจขับไล่ออกจากวัดไปในที่สุด

ทั้งนี้ ทางสำนักงานพระพุทธฯ เชื่อว่า คลิปภาพที่หลุดเผยแพร่ออกมาดังกล่าว น่าจะถูกปล่อยออกมาเพื่อดิสเครดิตเจ้าอาวาสวัด เนื่องจากไม่พอใจที่โดนขับไล่ออกจากวัด ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว อดีตพระอุเทน ไชยสุด อายุ 24 ปี อดีตพระสมศักดิ์ คำเนตร อายุ 36 ปี และ อดีตพระอรัญ ดลอารมณ์ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว โดย อดีตพระอุเทน เป็นผู้ถ่ายคลิปและนำไปเผยแพร่ หลังถูกขับออกจากวัดชัยสมุทรและไปจำวัดอยู่ที่วัดป่าบึงอร่าม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบกัญชาแห้ง น้ำหนัก 0.70 กรัม อยู่ภายในกุฏิด้วย




.

--- End quote ---


รวบ 3 พระฉาวกาฬสินธุ์เสพยาบ้า จับสึกยัดคุก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    18 สิงหาคม 2557 21:26 น.

-http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000094322-

กาฬสินธุ์ - ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนากาฬสินธุ์ จับสึกแล้ว 3 อดีตพระลูกวัดดังจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เสพยาบ้าและเผยแพร่ในยูทูป แฉพระอุเทน มือแพร่คลิปพระกาฬสินธุ์เสพยาบ้าในยูทูบ อ้างทำไปเพราะน้อยใจเจ้าอาวาสวัดชัยสุนทรที่ขับออกจากวัด และต้องการให้คนที่ทำผิดด้วยกันถูกลงโทษเหมือนกัน
       
       จากกรณีคลิปฉาวสะเทือนวงการพระพุทธศาสนา “พระกาฬสินธุ์เสพยาบ้า” ที่เผยแพร่บนยูทูบ และถูกแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย ถึงความไม่เหมาะสมและสร้างความเสื่อมเสีย ให้กับวงการพระพุทธศาสนาอย่างมาก ตามที่ได้ปรากฏในสื่อออนไลน์นั้น ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้า
       
       ล่าสุดวันนี้ (18 ส.ค.57) ได้เข้าพบเพื่อสอบถามกับนายบัณฑิต ชนะกาญจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ เบื้องต้นทราบว่า พระในคลิปนั้นเป็นอดีตพระลูกวัดชัยสุนทร ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ โดยสำนักพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ติดตามสอบถามอย่างเร่งด่วนทราบว่าพระรูปนั้นได้ถูกพระอธิการปริญญา ปริญญาโณ เจ้าอาวาสวัดชัยสุนทร ที่ให้ความร่วมมือดี โดยระบุว่าได้ขับออกจากวัดเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว
       
       ทั้งนี้ จากการสอบถามทราบว่าคลิปดังกล่าว มีการถ่ายไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 57 และเมื่อทางเจ้าอาวาสทราบพฤติกรรมของพระรูปนี้ ได้ว่ากล่าวตักเตือนด้วยเป็นความผิดวินัยชั้นต้น แต่ยังไม่หยุดพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้กล่าวเตือนอีกครั้งจนถึงขั้นขับออกจากวัดในเวลาต่อมา คาดว่าการเผยแพร่คลิปบนสื่ออินเตอร์เน็ตครั้งนี้ น่าจะเพราะความโกรธแค้นเจ้าอาวาสที่ได้ว่ากล่าวและทำการลงโทษ
       
       ทางสำนักพุทธศาสนา ได้มอบหมายให้นายสมใจ เจริญราช นักวิชาการชำนาญการพิเศษ ในฐานะฝ่ายวินยาธิการ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งจะต้องตามตัวพระในคลิปมาดำเนินคดีเป็นการด่วน เนื่องจากเป็นการกระทำที่ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย จากการสืบหาข้อมูลทราบว่า พระรูปดังกล่าวมีชื่อว่า อุเทน ชื่อเล่น เยา เป็นชาว อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ได้มาจำพรรษาที่วัดชัยสุนทรนานถึง 2 พรรษา และเมื่อถูกขับออกจากวัดยังไม่ได้ลาสิกขาบท และไปจำพรรษาที่วัดแห่งหนึ่งในเขต อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว
       
       ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.มนธน ทิพย์จันทร์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ชุมพล หันชะนา ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้พ.ต.ท.อุทัย เพ็งธรรม รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ ร.ต.ท.ณัฐพงศ์ บึงบัว รอง สว.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แบ่งออกเป็น 2 ชุดออกติดตามและจับกุมผู้กระทำผิดในครั้งนี้ โดยนายบัณฑิต ชนะกาญจน์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายสมใจ เจริญราช นักวิชาการชำนาญการพิเศษในฐานะฝ่ายวินยาธิการ จ.กาฬสินธุ์ ร่วมทีมจับกุมในครั้งนี้ด้วย
       
       ทราบว่ามีทั้งหมด 3 คนประกอบด้วยอดีตพระสมศักดิ์ คำเนตร อายุ 36 ปี อดีตพระอรัญ ดลอารมณ์ อายุ 42 ปี ซึ่งจากการตรวจปัสสาวะทั้งสองพบฉี่เป็นสีม่วง และพระอุเทน ไชยสุด อายุ 24 ปี อดีตพระลูกวัดชัยสุนทร ถูกจับกุมตัวไว้ทั้งหมดแล้ว โดยพระสมศักดิ์ และพระอรัญ ที่ปรากฎเป็นภาพขณะเสพยาบ้าในคลิปนั้น ได้ถูกเจ้าอาวาสวัดชัยสุนทร จับสึกตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่พระอุเทน มือแพร่คลิป ถูกจับกุมที่บขส.กาฬสินธุ์ หลังเสร็จกิจและกำลังเดินทางกลับวัดป่าบึงอร่าม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
       
       เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวพระอุเทน ธฺมมทินฺโน ไปที่วัดป่าบึงอร่าม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นกุฎิพระอุเทน มีตัวแทนชาวบ้านเจ้าอาวาสวัดชัยสุนทรและเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนาฯ เป็นพยานตรวจค้น พบกัญชาแห้งหนัก 0.70 กรัม อยู่ในกุฎิจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยพระอุเทนยอมรับว่า เป็นเจ้าของกัญชา และรับว่าเป็นผู้ถ่ายคลิปพระกาฬสินธุ์เสพยาบ้าไว้ตั้งแต่เดือนมี.ค. 57 ด้วยความน้อยใจที่ถูกขับออกจากวัด จึงเผยแพร่คลิปนี้สู่สาธารณะชน ไม่คิดให้รอบครอบถึงผลเสียที่จะตามมา
       
       ด้านนายสมใจ เจริญราช ในฐานะพระวินยาธิการจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การกระทำครั้งนี้ถือเป็นความผิดร้ายแรงแล้ว ทำลายพระพุทธศาสนา ทั้งใส่ร้ายป้ายสีพระผู้ปกครอง และยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะต้องนำพระอุเทนไปสึก และมอบตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
       
       ด้าน พ.ต.อ.ชุมพล หันชะนา ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเข้าจับกุมครั้งนี้มีทั้งความผิดอาญาเรื่องยาเสพติดโดยมีหลักฐานชัดเจนจากภาพที่เผยแพร่ในยูทูบ และการเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์ก็ยังถือเป็นความผิดทาง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีเจ้าทุกข์เป็นสำนักงานพระพุทธศาสนา และวัดชัยสุนทร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานไว้หมดแล้ว และจะขยายผลหาเครือข่ายยาเสพติดที่เข้ามาแพร่ระบาดในวัดต่อไป









.

sithiphong:
บุกจับเจ้าอาวาสวัดดังเมืองกาญจน์ ′เสพ-ขาย′ ยาบ้าคาวัด พบคลิปโป๊ในมือถือเพียบ

-http://news.sanook.com/1657917/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E-%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B9%8A%E0%B9%83%E0%B8%99/-

สนับสนุนเนื้อหา
-http://www.matichon.co.th/index.php-

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

เวลา 11.00 น. วันที่ 29 ส.ค. พ.ท.สุทธิพงษ์ พืชมงคล รองเสนาธิการกรมทหารราบที่ 29 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี ได้นำกำลังทหารเข้าทำการตรวจสอบ วัดดงพง หมู่ 8 บ้านบ้องตี้น้อย ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี หลังได้รับแจ้งว่ามีพระเสพยาบ้า

จากการตรวจสอบภายในวัดพบ พระประสงค์ อนาลโย เจ้าอาวาสวัดดงพง มีอาการคล้ายคนเสพยาบ้า จึงขอตรวจปัสสาวะ ผลออกเป็นสีม่วง จึงได้ทำการอายัดตัว พร้อมได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของ พระประสงค์ พบมีภาพคลิปวีดีโอโป๊เป็นภาพการร่วมเพศจำนวนมาก และคลิปการซื้อขายยาบ้าระหว่างพระประสงค์และผู้ขาย จากภาพคลิปต่างๆ ทำให้พระประสงค์ ได้ยอมรับสภาพว่าตนเองได้ซื้อยาบ้ามาเสพจริง โดยคนในวัดกระแจะมาขายให้

ตรวจค้นภายในกุฏิของ พระประสงค์ พบอุปกรณ์การเสพยาเสพติด แต่ไม่พบยาเสพติด และพบปืนอัดลมยาว 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน เจ้าหน้าที่จึงนำตัว พระประสงค์ ไปทำการสึก กับ พระมหาสุรัตน์ ถาวโร เจ้าคณะตำบลวังกระแจะ เจ้าอาวาสวัดแก่งระเบิด

สำหรับพระประสงค์ เดิมบวชอยู่ที่วัดหนองกระทุ่ม อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ต่อมา ได้ย้ายมาอยู่ที่วัดแก่งระเบิด อ.ไทรโยค และท้ายสุด มาอยู่ที่วัดดงพงเป็นเจ้าอาวาส ได้ 3 ปี เจ้าหน้าที่จึงนำตัว พร้อมของกลาง ส่ง สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีต่อไป



.

sithiphong:
สำหรับพระภิกษุ ที่ปราชิก  ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำสึก

เพราะว่า ขาดจากการเป็นพระภิกษุ ตั้งแต่กระทำการนั้นแล้ว


-------------------------------------------------------------



สิ้นอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง “พระนิกร ธรรมวาที“

-http://news.sanook.com/1666213/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3-%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (12 ก.ย.) นายธรรมรัตน์ ยศคำจู หรือ วงศ์ธรรมชู อายุ 61 ปี อดีตพระครูใบฎีกานิกร ธรรมวาที แห่งวัดสันปง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้เสียชีวิตลงในเวลา 23.05 น. เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ อ.แม่ริม หลังเข้ารับการรักษาตัวตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2557 ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก โดยคณะชาวบ้านสันปง ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางมารับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านพัก บ้านสันปง อ.พร้าว โดยอาจจะตั้งศพเป็นเวลา 7 วัน

สำหรับ นายธรรมรัตน์ หรือชื่อเดิม นายนิกร ยศคำจู เป็นพระนักเทศน์เสียงทองแห่งยุคนั้น มีสำนักปฏิบัติธรรมหลายสิบแห่งทั่วประเทศ แต่ต้องอื้อฉาวไปทั่วประเทศในปี พ.ศ.2533 เมื่อนางอรปวีณา บุตรขุนทอง ออกมาแฉว่ามีความสัมพันธ์ จนมีลูกด้วยกันกับพระนิกร แต่ในตอนนั้นพระชื่อดังตอบโต้ว่ามีผู้อิจฉาในชื่อเสียงของตนใส่ร้าย แต่ในที่สุดด้วยหลักฐานที่แน่นหนาทั้งจดหมายรักที่ส่งถึงกัน ภาพถ่าย ทำให้ศาลสงฆ์ มีมติระบุความผิดพระนิกรว่าเป็น "ปฐมปาราชิก" คือการเสพเมถุนกับอิสตรี ขาดจากความเป็นพระ

หลังจากนั้นก็ได้เก็บตัวเงียบแต่ยังคงนุ่งขาวห่มขาว อยู่บนสำนักปฏิบัติธรรมดอยนางแล และยังมีลูกศิษย์เป็นชาวต่างประเทศมาเยี่ยมเยือนไปมาหาสู่ตลอด จนล้มป่วยลงและเสียชีวิตดังกล่าว


sithiphong:
พระข่มขืนเด็กหญิงวัย 14 คากุฏิ หลังแม่พามาให้ช่วยไล่ผีปอบ
-http://hilight.kapook.com/view/110058-

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


           รวบพระข่มขืนเด็กหญิงวัย 14 ปี คากุฏิในวัด จ.อุบลราชธานี หลังแม่พามาให้พระช่วยไล่ผีปอบออกจากตัวลูกสาว แต่พระหื่นบอกให้ออกไปรอข้างนอกก่อนพิธีจึงจะขลัง
         
           วันนี้ (22 ตุลาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับพระสงฆ์ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเด็กจนสำเร็จความใคร่ หลังมารดาของเด็กหญิงชื่อ นางเพ็ญ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ชาวบ้านแขมใต้ ต.แขม อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ได้พาบุตรสาวชื่อ ด.ญ.อร (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เข้าแจ้งความว่าบุตรสาวถูกพระบัญชา ประสานพิมพ์ อายุ 35 ปี ข่มขืนในกุฏิวัดบ้านแขมใต้

           ทั้งนี้นางเพ็ญเล่าว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้พาลูกสาวไปพบพระบัญชา ที่วัดบ้านแขมใต้ เพื่อให้พระบัญชารักษาอาการเจ็บป่วยของลูกสาว เนื่องจากพระบัญชาบอกว่าลูกสาวมีอาการผีปอบเข้าและชะตาขาด หากไม่ทำพิธีสืบชะตาและไล่ผีปอบออก จะทำให้เลือดตกยางออกถึงแก่ความตาย ซึ่งชาวบ้านบอกว่าพระบัญชามีความเชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์ สามารถรักษาอาการดังกล่าวได้ จึงได้พาลูกสาวไปพบพระบัญชาที่กุฏิ

          จากนั้นเมื่อไปถึงกุฏิ พระบัญชาบอกว่าตนต้องไปรออยู่ข้างนอก พิธีรักษาจึงจะเกิดความขลัง ตนจึงหลงเชื่อและได้เดินออกมารออยู่ใต้ต้นไม้ ห่างจากกุฏิประมาณ 100 เมตร ซึ่งรออยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงลูกสาวจึงออกมาแล้วพากันกลับบ้าน ต่อมาหลังจากที่กลับมาบ้านลูกสาวมีอาการซึมเศร้า ไม่พูดจากับใคร เอาแต่ร้องไห้ ตนจึงเค้นถามความจริงจนทราบว่าช่วงเวลาที่อยู่กับพระบัญชาในกุฏิ พระบัญชาได้ถอดเสื้อยืดและกางเกงวอร์มออก และใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง

          อย่างไรก็ตาม นางเพ็ญบอกว่า การกระทำของพระบัญชาทำให้ลูกสาวได้รับความเสียหาย จึงได้พาลูกสาวมาแจ้งความ เพื่อให้ดำเนินคดีกับพระบัญชา และเรียกร้องค่าสินไหมจากพระบัญชาเป็นเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมพระบัญชาที่หนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่วัดอ่างหินน้อย พร้อมนำตัวไปทำการสึกเพื่อดำเนินคดี แต่นายบัญชายังคงให้การปฏิเสธ


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

-http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/life/20141022/612720/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%8114%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%9A.html-

sithiphong:
วงการสงฆ์เสื่อมอีก พระฉาวโพสต์ภาพจับของลับชายหนุ่ม ยังกบดานเงียบ!

-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1414155333-


จากการที่มีภาพของชายหัวโล้น รูปร่างท้วม ห่มผ้าเหลืองนอนจับของลับของชายหนุ่มในลักษณะเปลือยท่อนล่าง ปรากฏในโลกโซเซียลเน็ตเวิร์ค จนเป็นกระแสข่าวดังและมีการโพสต์ข้อความด่าอย่างหยาบคายว่าทำให้พุทธศาสนาเสื่อม โดยข้อความในโพสต์ จากเฟซบุ๊ก โดยมีข้อความที่ระบุว่า พระวัดถ้ำผาย้อย บ้านชมภูพาน ตำบลสร้างค้อ อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร ... สุดๆ ขนาดเจ้าคณะอำเภอยังไม่มีปัญญาทำอะไรมัน หรือต้องรอให้มันขึ้นศาลเตี้ย ช่วยแชร์และช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนาด้วยครับ  ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ ภายหลังจากชาวโซเชียลนำข้อมูลต่างๆปแชร์กันและวิจารณ์กันอย่างต่อเนื่องในพื้นที่

ต่อมาร้อยโทปรินชัยสอนซื่อนายอำเภอภูพาน หลังจากทราบเรื่อง ได้เดินทางไปตรวจสอบยัง สำนักสงฆ์วัดถ้ำผาหยาด ม.5 ต.หลุบเลา อ.ภูพาน เนื่องจากพระที่ปรากฏในภาพจำวัดอยู่ที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว แต่ปรากฏว่าพระรูปนี้ไม่อยู่ และไม่ทราบเดินทางไปไหน หรือ ออกจากพื้นที่ไปเมื่อไหร่ จึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.หลุบเลา นำพระเข้าพบ ในวันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม นี้ เพื่อแก้ข้อกล่าวหา เนื่องจากภาพที่ปรากฏนั้นอยู่ในลักษณะของการเสพเมถุน ซึ่งผิดวินัยสงฆ์ถึงขั้นปราชิก ซึ่งนายอำเภอภูพาน กล่าว หากเป็นจริงตนรับไม่ได้ และต่อไปจะต้องมีการตรวจสอบถึงการก่อตั้งสำนักสงฆ์ ว่าได้ขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว พบว่าไม่มีการขออนุญาตใช้พื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ

 

เวลา 14.00น. ผู้สื่อข่าว โทรศัพท์สอบถาม พระครูปคุณสิริธรรม เจ้าอาวาสวัดหลุบเลา และเจ้าคณะอำเภอภูพาน ได้กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ มีผู้ปกครองของสามเณรรูปหนึ่ง เข้าร้องเรียนว่าพระดังกล่าว มีพฤติกรรมชอบ ตุ๋ยพระและเณร จึงเข้าไปสอบสวน ร่วมกับเจ้าคณะตำบล 4 รูป พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานยืนยัน ซึ่งพระรูปดังกล่าวบอกว่า ไม่ใช่ภาพของตนและมีการตัดต่อภาพขึ้นมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของตัวเอง และภาพดังกล่าวไม่ได้ถูกถ่ายในบริเวณวัดหรือสำนักสงฆ์ แต่เป็นการถ่ายที่อื่น อย่างไรก็ตาม การที่พระสงฆ์จะมาตั้งสำนักขึ้นที่ใด จะต้องแจ้งแก่ผู้ดูแล เช่น เจ้าคณะตำบล หรือเจ้าคณะอำเภอก่อน การเข้ามาตั้งสำนักสงฆ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงชมพูพาน จะต้องได้รับการอนุญาตจาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 อุดรธานี ซึ่งดูแลพื้นที่อยู่ “เมื่อสอบถามว่ามีใบสุทธิหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่ามีแต่อยู่ที่อื่น และถามว่าบวชมาแล้วกี่พรรษา ก็ได้รับคำตอบว่า 7 พรรษา อาตมายังสงสัยว่า บวชมาตั้ง 7 พรรษา จะไม่มีใบสุทธิได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งจะต้องค่อยๆ ดำเนินการ เพราะทำให้ศาสนามัวหมอง


เจ้าคณะอำเภอภูพาน กล่าว และว่า เรื่องนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสกลนคร เข้าพบกับตนแล้วและจะหาวิธีดำเนินการต่อไปเพื่อนำความจริงมาเปิดเผย พร้อมกับเรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างๆเข้ามาให้ข้อมูลให้ครบและรอบด้านเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย


อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบในเฟซบุ๊กของผู้ที่นำภาพดังกล่าวมาโพสต์เป็นบุคคลแรกได้ปิดเฟซบุ๊กไปแล้วแต่ยังคงมีการแชร์ข้อมูลดังกล่าวอย่างต่อเนื่องของชาวเน็ตซึ่งยังคงมีการวิจารณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้นกันอย่างแพร่หลายในพื้นที่  โดยในส่วนอื่นๆต้องรอความชัดเจนจากหลายฝ่ายต่อไป




.

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version