ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
รวม เตือนภัย "ปัญหาพระภิกษุ" เอ๊ย ไม่ใช่ ต้องเป็น "พระภิกษุที่มีปัญหา"
sithiphong:
เจ้าคณะอุบลฯ ลงนาม พระเณรคำ พ้นความเป็นพระในปกครองแล้ว
-http://hilight.kapook.com/view/88537-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
เจ้าคณะจังหวัดอุบลฯ ลงนามให้ พระเณรคำ พ้นความเป็นพระในปกครองแล้ว หลังเจ้าตัวไม่มาพบเพื่อชี้แจงข้อมูลตามเวลาที่กำหนด
หลังจากที่ พระวิรพล ฉัตติโก หรือ พระเณรคำ ฉัตติโก แห่งสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ถูกกล่าวหาละเมิดพระธรรมวินัย, เสพเมถุนกับสีกา , ฟอกเงิน และเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งทางคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดอุบลราชธานี ได้กำหนดเวลาให้พระเณรคำเข้าชี้แจงก่อนเวลา 24.00 น. วันที่ 12 กรกฎาคม แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวไม่เข้ามาชี้แจงนั้น
ล่าสุดวันนี้ (13 กรกฎาคม 2556) พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งให้ พระเณรคำ พ้นจากการเป็นพระในปกครองของของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว พร้อมกันนี้ พระราชธรรมโกศล ยังได้ลงนามคำสั่งให้มีการตรวจสอบที่พักสงฆ์ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอวารินชำราบ , อำเภอพิบูลมังสาหาร และอำเภอสิรินธร เพื่อตรวจสอบสภาพที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของพระเณรคำอีกด้วย และมีการแต่งตั้งสอบถามเจ้าของที่ดินที่บริจาค ซึ่งหากยังมีความประสงค์ให้ใช้ตั้งเป็นวัด ก็ให้ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ขออนุญาตมายังสำนักงานพุทธศาสนาเพื่อดำเนินตามขั้นตอนให้ถูกต้องต่อไป
ส่วนสถานภาพความเป็นพระของเณรคำนั้น หากพระเลขาคณะสงฆ์นำหนังสือการตัดขาดจากการเป็นศิษย์กับอาจารย์ ให้พระสุนาถมุนี เจ้าอาวาสวัดศรีนวลและเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระเณรคำ ลงนาม จะมีผลให้พระเณรคำต้องหาพระอุปัชฌาย์ใหม่ภายใน 3 วัน มิฉะนั้นก็จะสิ้นสภาพการเป็นพระโดยปริยาย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://news.thaipbs.or.th/content/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%AF-%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B3-%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94-
.
sithiphong:
มีมติ"เณรคำ"เสพเมถุน-ปาราชิก
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2556 เวลา 11:50 น.
-http://www.dailynews.co.th/thailand/218790-
คณะสงฆ์ศรีสะเกษ ประชุมแล้วมีมติขับพ้นจากความเป็นพระแล้ว
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่วัดป่าศรีสำราญ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธ) ได้มอบหมายให้พระครูสิริวินัยวัฒน์ รักษาการ เจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ (ธ) พระครูวัชรสิทธิธรรมคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธ) และคณะกรรมการสงฆ์ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีข่าวฉาวของพระวิรพล ฉัตติโก หรือ "หลวงปู่เณรคำ" ได้ประชุมพิจารณาข้อสรุปเกี่ยวกับวินัยสงฆ์
ทางด้าน พระครูสิริวินัยวัฒน์ กล่าวว่า จากข้อมูลที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมายื่นประกอบการพิจารณานั้น เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ คณะกรรมการสงฆ์จึงได้พิจารณาตามเอกสารหลักฐานแล้ว มีมติให้พระวิรพล พ้นจากความเป็นพระ ปาราชิก ตั้งแต่วันนี้ (13 ก.ค.) เป็นต้นไป ในความผิดพระธรรมวินัยว่าด้วยการเสพเมถุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (13 ก.ค.) รอฟันธงสถานะ “เณรคำ”
-http://www.dailynews.co.th/crime/218779-
เปิดกรุสมบัติ ‘เณรคำ’ รวยโคตร!
-http://www.dailynews.co.th/crime/218304-
.
sithiphong:
สั่งปาราชิกแล้ว เณรคำจบ ล่าผู้ร้ายข้ามแดน
-http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEUwTURjMU5nPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE15MHdOeTB4TkE9PQ==-
คณะสงฆ์ชี้ชัด-ผิดเสพเมถุน 'พระผู้ใหญ่'แห่ขอคืนรถหรู ดีเอสไอลุยต่อ-ฟันคดีอาญา
สึกเณรคำ - พระครูจิตวิสุทธิญาณคุณ เจ้าคณะอำเภอม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ลงนาม ขับหลวงปู่เณรคำออกจากสังกัด ขณะที่คณะสงฆ์จ.ศรีสะเกษ แถลงให้ต้องปาราชิกพ้นจากความเป็นพระ ตามข่าว
เณรคำปิดฉาก คณะสงฆ์สั่งให้ปาราชิกขาดจากความเป็นพระ กรณีเสพเมถุน ดีเอสไอเตรียมขออนุมัติออกหมายจับคดีอาญา ประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนทันที คณะสงฆ์ศรีสะเกษ-อุบลฯ ประชุมกรณีอธิกรณ์พิจารณาพยานหลักฐานทั้งทางโลกและทางธรรม กระทั่งมีมติลงโทษสถานหนัก เจ้าคณะจังหวัดอุบลฯ ลงนามขับออกจากสังกัด พร้อมให้พระอุปัชฌาย์ตัดขาดความเป็นศิษย์-อาจารย์ สั่งตรวจสอบสมบัติที่พักสงฆ์ซ้ำ ผงะพบซื้อรถหรูกว่า 100 คัน มีพระผู้ใหญ่ติดต่อขอคืนแล้ว 3
ดีเอสไอจ่อออกหมายจับ
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการสอบสวนพฤติกรรมและการกระทำโดยมิชอบของนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ว่า ในวันจันทร์ที่ 15 ก.ค. จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาออกหมายจับเณรคำ ในคดีความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยหญิงผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศจนมีลูกกับเณรคำ 1 คน จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างเป็นทางการ กับพนักงานสอบสวนดีเอสไอด้วย สำหรับการติดตามทรัพย์สินที่มีจำนวนมากนั้นอาจล่าช้าบ้าง เพราะทรัพย์สินถูกยักย้ายถ่ายโอนออกไป แต่ดีเอสไอยืนยันจะพยายามติดตามกลับมาให้ได้มากที่สุด
ประสานส่งผู้ร้ายข้ามแดน
นายธาริตกล่าวต่อว่า ส่วนการนำตัวเณรคำกลับมาดำเนินคดีในประเทศนั้นได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการคดีต่างประเทศและอาชญา กรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ เป็นผู้รับผิดชอบประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่เณรคำจะถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เพราะในต่างประเทศให้ความสำคัญกับคดีที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กและคดีความผิดฐานฟอกเงิน
ติดต่อขอคืนรถหรู 3 รายแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ. สำนักคดีความมั่นคง กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากพระชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับถวายรถยนต์จากนายวิรพลแสดงเจตนาจะขอคืนรถแล้ว 3 คัน โดยอ้างว่าไม่สบายใจ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดีเอสไอพยายามให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายในการชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวนพยายามติดต่อขอเข้าไปสอบปากคำที่บ้านหลายครั้ง แต่ญาติไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ยินยอมให้ตรวจดีเอ็นเอ ดังนั้น การดำเนินคดีดังกล่าวไม่ได้เป็นการสอบปากคำเพียงฝ่ายเดียว แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ให้ความร่วมมือและไม่ใช้โอกาสในการชี้แจงข้อเท็จจริงเอง
ผงะพบซื้อรถกว่า 100 คัน
ขณะที่ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ. สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กล่าวว่า จากการแกะรอยการจัดซื้อรถยนต์หลายคันของเณรคำคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100 คัน ซึ่งดีเอสไอ จะลงพื้นที่ติดตามข้อมูลให้ได้ครบทุกคัน รวมถึงเรียกตัวบุคคลที่เป็นคนใกล้ชิดหรือลูกศิษย์ที่เป็นธุระจัดการหาซื้อรถตามคำสั่งของเณรคำ มาสอบปากคำให้ได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินคดี เนื่องจากทราบว่าในการจัดซื้อรถแต่ละครั้งเณรคำจะใช้งานลูกศิษย์คนสนิทรายหนึ่งเป็นผู้จัดหาตามที่ กำหนดสเป๊กไว้ โดยเณรคำมีหน้าที่เพียงจ่ายเงินสดให้เท่านั้น ส่วนประเด็นการครอบครองเรือหรูนั้นในส่วนนี้ยังไม่มีความชัดเจน คงต้องตรวจสอบต่อไป
รอดีเอ็นเอ'เณรคำ'เทียบ
นพ.เอนก ยมจินดา ผอ.สถาบันนิติวิทยา ศาสตร์ เปิดเผยถึงการตรวจสอบดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ความเกี่ยวข้องทางสายเลือดของ เด็กชายที่อ้างว่าเกิดจากหญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับเณรคำ ว่า ขณะนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยังรอวัตถุพยานของเณรคำ เพื่อนำมาเปรียบเทียบหาดีเอ็นเอพิสูจน์ความสัมพันธ์พ่อ แม่ ลูก เช่น แปรงสีฟัน หรือของใช้ส่วนตัวอื่น ซึ่งทราบว่าเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลไม่อนุมัติหมายค้นภายในกุฏิ ทำให้การตรวจสอบยังไม่คืบหน้า แต่ในส่วนของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้เริ่มตรวจดีเอ็นเอที่ได้จากเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มของหญิงสาวคนดังกล่าวและลูกชายไปล่วงหน้าแล้ว เพื่อยืนยันความเป็นแม่ลูกให้ชัดเจน สำหรับดีเอ็นเอจากพี่ชายต่างพ่อที่ยินยอมให้นำไปตรวจสอบนั้นอยู่ระหว่างรอผล
ศรีสะเกษประชุมอธิกรณ์
เวลา 10.30 น. ที่วัดป่าศรีสำราญ อ.เมืองศรีสะเกษ พระครูสิริวินัยวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ ประธานคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ พร้อมด้วยพระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสอบสวน เรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวน เพื่อร่วมกันพิจารณาอธิกรณ์หลวงปู่เณรคำ ซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดพระธรรมวินัยในเรื่องเสพเมถุน ฟอกเงิน และฉ้อโกงประชาชน โดยคณะกรรมการมีการนำเอาเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ได้รับมาจากสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และจากสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ มาประกอบในการประชุม โดยใช้เวลาพิจารณาประมาณ 40 นาที ก่อนเปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน เพื่อให้ทราบถึงมติในครั้งนี้
ต้องปาราชิก-ถอดผ้าเหลือง
พระครูวัชรสิทธิคุณกล่าวภายหลังประชุม ว่า คณะสงฆ์นำเอกสารหลักฐานที่ได้จากการสอบสวน ทั้งฝ่ายบ้านเมือง สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ มาประมวลพบว่ามีความผิดจริง เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงพระธรรมวินัย ซึ่งเป็นข้อประพฤติ ของพระภิกษุสงฆ์ ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อพระธรรมวินัย ข้อเสพเมถุนธรรม ซึ่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสว่า ถ้าเกิดว่าภิกษุรูปใดนั้นได้เสพเมถุนธรรม ก็ถือว่าพระภิกษุรูปนั้นต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุในขณะนั้นทันที และถือว่าในวันนี้เป็นการลงมติและพิจารณาจากเอกสารหลักฐานการประชุม นำเอามาประชุมพิจารณากัน ซึ่งมติของคณะกรรมการเป็นเอกฉันท์ว่าให้เณรคำ ขาดจากความเป็นพระภิกษุด้วยต้องอาบัติปาราชิกในการเสพเมถุนตั้งแต่บัดนี้
ลบทิ้ง - ป้ายวัดขันติบารมีสาขา 6 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หนึ่งในวัดสาขาของหลวงปู่เณรคำ ถูกตัวแทนชาวบ้านและกก.วัดลบชื่อทิ้ง ก่อนส่งเรื่องไปยังสำนักพุทธจังหวัด เพื่อขอตั้งเป็นวัดใหม่ เมื่อ 13 ก.ค.
จี้เอาผิดทางกฎหมายต่อ
พระครูวัชรสิทธิคุณกล่าวว่า การที่พระขาดจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้วก็ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่มีสมณภาวะ ในส่วนของบ้าน เมืองก็ดำเนินการไปตามกระบวนการ ซึ่งในส่วนของคณะสงฆ์ศรีสะเกษได้วินิจฉัยอาบัติตามพระธรรมวินัย ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มีการแสดงไว้ในฝ่ายสงฆ์ศรีสะเกษ ถือว่าจบสิ้นกระบวนการ ซึ่งจะได้รายงานให้คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ได้รับทราบตามลำดับ ต่อไป ส่วนกรณีของสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ นั้น คณะสงฆ์ศรีสะเกษจะมีการประชุมพิจารณากันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยจะดำเนินการให้มีการตั้งเป็นวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบดูว่าขณะนี้มีการดำเนินการตั้งวัดไปถึงขั้นตอนใดแล้ว
สงฆ์อุบลฯขับออกจากวัด
วันเดียวกัน ที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พระครูจิตวิสุทธิญาณคุณ เจ้าคณะอำเภอม่วงสามสิบ และเป็นพระเลขาฯ คณะสงฆ์จังหวัด นำหนังสือคำสั่งที่ 1/2556 ให้พระวิรพล ฉัตติโก หรือพระเณรคำ พ้นจากการเป็นพระในปกครองของวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ และการปกครองของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตจังหวัดอุบลราชธานี เสนอให้พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัด และ เจ้าอาวาสวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อลงนาม
เสพเมถุน-ฟอกเงิน-ยาบ้า
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ก.ค. คณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานีมีหนังสือสั่งให้พระวิรพลเข้ามารายตัวชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาละเมิดพระธรรมวินัย เสพเมถุนกับสีกา ฟอกเงิน และเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่พระวิรพลไม่มารายงานตัวตามคำสั่งภายในวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงถือว่าพระวิรพลไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าอาวาส และไม่มีความประสงค์อยู่ในสังกัดของคณะสงฆ์จังหวัดแล้ว จึงให้ขับออกจากวัดและพ้นจากการปกครองของคณะสงฆ์ด้วย
สั่งลุยสำนักสงฆ์อีก 3 สาขา
นอกจากนี้ พระครูจิตวิสุทธิญาณคุณ ยังนำหนังสือการตัดขาดจากการเป็นศิษย์กับอาจารย์ให้พระสุนาถมุนี เจ้าอาวาสวัดศรีนวล เจ้าคณะอำเภอพิบูลมังสาหาร ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระเณรคำ ลงนามขับพ้นจากความเป็นพระในวันเดียวกัน ซึ่งจะมีผลให้พระเณรคำต้องหาพระอุปัชฌาย์ใหม่ภายใน 3 วัน ไม่เช่นนั้นก็จะสิ้นสภาพการเป็นพระโดยปริยาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พระราชธรรมโกศลลงนามในคำสั่งให้มีการตรวจสอบที่พักสงฆ์สาขาของพระเณรคำ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดรวม 3 แห่ง คือ ที่ อ.วารินชำราบ อ.พิบูลมังสาหาร และ อ.สิรินธร เพื่อตรวจสอบสภาพที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยให้กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งสอบถามเจ้าของที่ดินที่บริจาค ยังมีความประสงค์จะให้ใช้ตั้งเป็นวัดต่อไปหรือไม่
รายงานมหาเถรรับทราบ
ส่วนพระสงฆ์ที่อยู่ในสังกัดของพระเณรคำ ซึ่งคาดว่ามีประมาณ 10 รูป ให้เข้ามารายงานตัวต่อเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อแสดงความประสงค์อยู่ในการปกครองของ คณะสงฆ์จังหวัดต่อไปด้วย โดยหนังสือคำสั่งที่ขับพระเณรคำออกจากการปกครอง คณะสงฆ์จังหวัดจะส่งไปให้เจ้าคณะจังหวัด ทั้งมหานิกายและธรรมยุต ทั้ง 77 จังหวัด รับทราบ รวมทั้งรายงานให้มหาเถรสมาคมทราบต่อไป
'เณรคำ'ยังล่องหนไร้ร่องรอย
พระราชธรรมโกศลกล่าวถึงการบวชใหม่หลังถูกขับของพระเณรคำ ว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อมีพระถูกขับจากการปกครองและตัดขาดจากการเป็นลูกศิษย์-อาจารย์ จะไม่มีพระรูปใดรับเป็นพระอุปัชฌาย์ เนื่องจากขัดธรรมเนียมปฏิบัติของมหาเถรสมาคม ส่วนพระเณรคำจะไปบวชกับนิกายอื่นที่ไม่อยู่ในสังกัดของพระไทยหรือไม่อาตมาตอบไม่ได้ จนถึงตอนนี้เณรคำก็ยังไม่ได้ติดต่อมาจึงมีหนังสือคำสั่งขับให้พ้นจากปกครองในวันนี้
สำนักสงฆ์อุบลฯปลดป้าย
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบที่พักสงฆ์ขันติบารมี สาขา 6 บ้านหนองฝาง ต.โพธิ์ใหญ่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หลังเณรคำถูกตัดสินต้องปาราชิก มีความผิดร้ายแรง พบว่าบริเวณถนนทางเข้าวัด ซึ่งเดิมมีป้ายไม้ระบุชื่อเป็นวัดในสาขาของพระเณรคำ มีการรื้อป้ายออกแล้ว ส่วนป้ายไม้ขนาดใหญ่ทางเข้าวัดมีการนำสีแดงมาทาทับชื่อวัดสาขา และยังไม่มีการตั้งชื่อใหม่ ส่วนภายในที่พักสงฆ์ก็เหมือนวัดร้าง เพราะพระที่จำพรรษาอยู่ในสำนักสงฆ์ ต่างเดินทางกลับไปยังต้นสังกัดเดิม เพื่อเตรียมเอกสารการบวชมา แสดงและขอเข้าสังกัดในคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานีตามคำสั่งการ
ตั้งแต่สร้างเคยมาแค่ 2 ครั้ง
นายทอง ทองคำพิมพ์ อายุ 78 ปี ชาวบ้านหนองฝาง โยมอุปัฏฐาก เล่าว่า เดิมมีพระจำพรรษาอยู่ 5 รูป แต่ปัจจุบันเหลืออยู่รูปเดียว เพราะที่เหลือเดินทางกลับไปเตรียมเอกสารมารายงานตัวต่อเจ้าคณะจังหวัด เพื่อขอเข้ามาอยู่ในสังกัดอย่างถูกต้อง ทำให้ชาวบ้านต้องเข้ามาช่วยกันดูแลที่พักสงฆ์แห่งนี้ไว้ก่อน ตั้งแต่ตั้งที่พักสงฆ์แห่งนี้เณรคำเคยเดินทางมาเทศนาประมาณ 2 ครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่เห็นมาอีกเลย สำหรับพระพุทธรูปและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ในวัดชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างเอง เพราะต้องการให้มีวัดอยู่ในหมู่บ้าน โดยเณรคำไม่ได้ช่วยเหลือแต่อย่างใด ส่วนชื่อวัดขณะนี้ยังไม่ได้ตั้ง และจะหารือยื่นเรื่องขอตั้งเป็นวัดอย่างถูกต้อง ต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุบลราชธานีต่อไป
sithiphong:
แพร่คลิปเพลง'อ้ายคำ'ล้อ'เณรคำ'
-http://www.komchadluek.net/detail/20130713/163336/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B3.html#.UeIo7W0h-AI-
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=T0Hgo_8yzok#at=83
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=T0Hgo_8yzok#at=83
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=T0Hgo_8yzok#at=83-
อ้ายคำ (เณรคำ) เพลง อ้ายคำ แก๊งมหาโจรลวงโลก[18มงกุฏ]หลวงปู่เณรคํา ฉัตติโก วิรพล สุขผล อ้ายคำจันรัย 1
13ก.ค.2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการเผยแพร่เพลง "อ้ายคำ" แต่งโดยโอ๋ ฆราวาส ทำนองจรัล มโนเพชร ซึ่งเป็นการล้อเลียนนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ และมีการเผยแพร่ทางยูทูบโดยผู้ใช้นามว่า เกตุแก้ว มณีโชติ
sithiphong:
DSI ล่า เณรคํา ผู้ร้ายข้ามแดน-แฉ สร้างพระแก้วมรกตจำลองเพียบ
-http://hilight.kapook.com/view/88565-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หลวงปู่เณรคํา พ้นสภาพสงฆ์แล้ว DSI เล็งขอหมายจับ ขอส่งตัวกลับไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ด้าน กรมศิลป์ฯ เผย เณรคํา แอบสร้างพระแก้วมรกตจำลองเพียบ
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2556 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีพฤติกรรมและการกระทำโดยไม่ชอบของ นายวิรพล สุขผล หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ว่า ในวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น. จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาออกหมายจับนายวิรพล ในคดีความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยหญิงผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศกระทั่งมีลูกด้วยกัน 1 คน จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างเป็นทางการกับพนักงานสอบสวนด้วย
สำหรับการติดตามทรัพย์สินที่มีจำนวนมากนั้น ยอมรับว่ามีความล่าช้า เพราะทรัพย์สินถูกยักย้ายถ่ายโอนออกไป แต่ดีเอสไอยืนยันจะพยายามติดตามกลับมาให้ได้มากที่สุด ส่วนการนำตัวนายวิรพลกลับมาดำเนินคดีในประเทศนั้น ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการคดีต่างประเทศและอาชญากรรมระหว่างประเทศ เป็นผู้รับผิดชอบประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่นายวิรพลจะถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เพราะในต่างประเทศให้ความสำคัญกับคดีที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กและคดีความผิดฐานฟอกเงิน
ทางด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากพระชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับถวายรถยนต์จากนายวิรพลแสดงเจตนาจะขอคืนรถแล้ว 3 คัน โดยอ้างว่าไม่สบายใจ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดีเอสไอพยายามให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายในการชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวนพยายามติดต่อขอเข้าไปสอบปากคำที่บ้านหลายครั้ง แต่ญาติไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ยินยอมให้ตรวจดีเอ็นเอ ดังนั้นการดำเนินคดีดังกล่าวไม่ได้เป็นการสอบปากคำเพียงฝ่ายเดียว แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ให้ความร่วมมือและไม่ใช้โอกาสในการชี้แจงข้อเท็จจริงเอง
ในส่วนของการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองนั้น นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี กล่าวว่า ได้ทำข้อสรุปประเด็นการตรวจสอบการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองที่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมเพิ่มเติม หลังจากสำรวจเบื้องต้นคาดว่าวัสดุที่ก่อสร้างจะเป็นหินชนิดหนึ่ง ส่วนจะเป็นหยกหรือไม่ต้องรอผลการตรวจสอบโดยใช้เทคนิควิธีทางวิทยาศาสตร์จากสถาบันอุดมศึกษาใน จ.อุบลราชธานีก่อน คาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ ได้จัดทำรายงานรายละเอียดทั้งหมดเสนอไปยังนายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากรแล้ว เบื้องต้นสามารถจำแนกพระแก้วมรกตจำลองที่สร้างในสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมไม่ได้มีเฉพาะองค์เดียว แต่จากการตรวจสอบมีทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่
1. พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่มีการกล่าวอ้างว่าใหญ่ที่สุดในโลก 1 องค์
2. องค์ขนาดกลาง คือ ที่อยู่ด้านหน้าองค์ใหญ่ ตรงพื้นราบ 3 องค์ กับที่อยู่ในบริเวณสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมอีกจำนวนหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่สามารถนับได้ว่ามีกี่องค์ แต่พบแม่พิมพ์ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ด้วย
3. องค์ขนาดเล็ก 4 องค์ ประกอบด้วย องค์ทรงเครื่องฤดูร้อน ประดิษฐานในบุษบก 1 องค์ และอีก 3 องค์ ทรงเครื่องแต่ละฤดู ตั้งไว้ให้คนมาคอยทำบุญ โดยจะมีบาตรเจาะรูที่ฝาไว้ให้ใส่เงิน ส่วนพระแก้วมรกตจำลองแต่ละองค์มีขนาดเท่าไหร่คงจะต้องเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.thaipost.net/sunday/140713/76382-
ผู้ร้ายข้ามแดน ‘สมีคำ’พ้นพระ จ่อออกหมายจับ
-http://www.thaipost.net/sunday/140713/76382-
จ่อออกหมายจับ "เณรคำ" คดีล่วงละเมิดทางเพศจันทร์นี้ หลัง "ธาริต" เรียกประชุมพนักงานสอบสวน คาดถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เผยพระชั้นผู้ใหญ่ไม่สบายใจขอคืนรถแล้ว 3 คัน ด้านสำนักพุทธฯ จี้รักษาการเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุตจัดการ กรมศิลป์เผยแอบสร้างพระแก้วมรกตจำลองเพียบ
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีพฤติกรรมและการกระทำโดยไม่ชอบของนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรือ "หลวงปู่เณรคำ" ว่า ในวันจันทร์ที่ 15 ก.ค.56 เวลา 10.00 น. จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาออกหมายจับนายวิรพล ในคดีความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยหญิงผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศกระทั่งมีลูกด้วยกัน 1 คน จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างเป็นทางการกับพนักงานสอบสวนด้วย
สำหรับการติดตามทรัพย์สินที่มีจำนวนมากนั้น ยอมรับว่ามีความล่าช้า เพราะทรัพย์สินถูกยักย้ายถ่ายโอนออกไป แต่ดีเอสไอยืนยันจะพยายามติดตามกลับมาให้ได้มากที่สุด ส่วนการนำตัวนายวิรพลกลับมาดำเนินคดีในประเทศนั้น ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการคดีต่างประเทศและอาชญากรรมระหว่างประเทศ เป็นผู้รับผิดชอบประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่นายวิรพลจะถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เพราะในต่างประเทศให้ความสำคัญกับคดีที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กและคดีความผิดฐานฟอกเงิน
ทางด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากพระชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับถวายรถยนต์จากนายวิรพลแสดงเจตนาจะขอคืนรถแล้ว 3 คัน โดยอ้างว่าไม่สบายใจ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดีเอสไอพยายามให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายในการชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวนพยายามติดต่อขอเข้าไปสอบปากคำที่บ้านหลายครั้ง แต่ญาติไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ยินยอมให้ตรวจดีเอ็นเอ ดังนั้นการดำเนินคดีดังกล่าวไม่ได้เป็นการสอบปากคำเพียงฝ่ายเดียว แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ให้ความร่วมมือและไม่ใช้โอกาสในการชี้แจงข้อเท็จจริงเอง
ส่วน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ กล่าวว่า จากการแกะรอยการจัดซื้อรถยนต์หลายคันของนายวิรพล คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100 คัน ซึ่งดีเอสไอจะลงพื้นที่ติดตามข้อมูลให้ได้ครบทุกคัน รวมถึงเรียกตัวบุคคลที่เป็นคนใกล้ชิดหรือลูกศิษย์ที่เป็นธุระจัดการหาซื้อรถตามคำสั่งของนายวิรพลมาสอบปากคำให้ได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินคดี เนื่องจากทราบว่าในการจัดซื้อรถแต่ละครั้ง นายวิรพลจะใช้งานลูกศิษย์คนสนิทคนหนึ่งเป็นผู้จัดหาตามที่กำหนดสเปกไว้ โดยนายวิรพลมีหน้าที่เพียงจ่ายเงินสดให้
ขณะที่ นพ.เอนก ยมจินดา ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยถึงการตรวจสอบดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความเกี่ยวข้องทางสายเลือดของเด็กชายที่อ้างว่าเกิดจากหญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับนายวิรพลว่า ขณะนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยังรอวัตถุพยานของนายวิรพลเพื่อนำมาเปรียบเทียบหาดีเอ็นเอพิสูจน์ความสัมพันธ์พ่อ แม่ลูก เช่น แปรงสีฟัน หรือของใช้ส่วนตัวอื่น ทราบว่าเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลไม่อนุมัติหมายค้นภายในกุฏิทำให้การตรวจสอบยังไม่คืบหน้า แต่ในส่วนของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้เริ่มตรวจดีเอ็นเอที่ได้จากเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มของหญิงสาวคนดังกล่าวและลูกชายไปล่วงหน้าแล้ว เพื่อยืนยันความเป็นแม่ลูกให้ชัดเจน โดยเริ่มตรวจไปเมื่อช่วง 21.00 น. ของวันที่ 12 ก.ค. ซึ่งผลตรวจสอบจะออกภายใน 24 ชม. คือเวลา 21.00 น. ของวันที่ 13 ก.ค.นี้ สำหรับดีเอ็นเอจากพี่ชายต่างพ่อที่ยินยอมให้นำตรวจสอบนั้น ในทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถนำมาตรวจสอบแทนความสัมพันธ์ของนายวิรพลได้ เพราะเป็นพี่ชายคนละพ่อกัน
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ จะนำหนังสือแถลงการณ์ของเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชานี ฝ่ายธรรมยุต แนบไปในหนังสือที่จะส่งไปยังสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต เพื่อแจ้งขอให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอีกรอบ เพราะเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ฝ่ายธรรมยุต มีคำสั่งออกมาแล้ว และจะส่งหนังสือดังกล่าวไปในวันที่ 15 ก.ค.นี้ ส่วนการถอนหนังสือเดินทางของหลวงปู่เณรคำนั้น จะมีการส่งหนังสือแจ้งไปยังพระพรหมเวที เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์ควบคุมการไปต่างประเทศสำหรับพระภิกษุสามเณร (ศ.ต.ภ.) เพื่อแจ้งให้ทราบ ก่อนที่จะมีการทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ดำเนินการถอนพาสปอร์ตของหลวงปู่เณรคำทันทีในวันที่ 15 ก.ค.เช่นกัน
ส่วนกรณีที่ขณะนี้ยังมีกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำเดินทางไปร้องเรียนยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับหลวงปู่เณรคำนั้น ถือว่าเป็นการร้องเรียนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะการที่มาอ้างชื่อว่าเป็นตัวแทนของหลวงปู่เณรคำ แต่เวลาไปร้องเรียนกลับไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากหลวงปู่เณรคำแต่อย่างใด สำหรับความคืบหน้าในการตรวจสอบวัดสาขาของวัดป่าขันติธรรมนั้น พบว่ามีมากกว่า 10 แห่ง ที่จะกำชับให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ตรวจอย่างละเอียด เพราะวัดป่าขันติธรรมยังไม่ได้มีการตั้งเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นการตั้งวัดสาขา ไม่ว่าจะเป็นที่พักสงฆ์หรือสำนักปฏิบัติธรรม จึงถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าศรีสำราญ อ.เมืองฯ จ.ศรีสะเกษ พระครูสิริวินัยวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ ประธานคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยพระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสอบสวน ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวนทั้งคณะ เพื่อร่วมกันพิจารณาอธิกรณ์หลวงปู่เณรคำ ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดพระธรรมวินัยในเรื่องการเสพเมถุน การฟอกเงิน และการฉ้อโกงประชาชน โดยคณะกรรมการฯ ได้มีการนำเอาเอกสารหลักฐานที่ได้รับมาจากสำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ และจากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ จ.ศรีสะเกษ มาประกอบการประชุมพิจารณา
พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสอบสวน กล่าวว่า ตามที่ น.ส.สลักจิต อ่ำพิพัฒน์ ได้กล่าวหาจำเลยคือพระวิรพลว่า ได้มีการคบหากันจนมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันและเกิดบุตรขึ้นมา 1 คน จึงได้เกี่ยวเนื่องไปถึงพระธรรมวินัย ซึ่งเป็นข้อประพฤติของพระภิกษุสงฆ์ ในข้อนี้ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อพระธรรมวินัยข้อเสพเมถุนธรรม ซึ่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสว่า ถ้าเกิดว่าภิกษุรูปใดนั้นได้เสพเมถุนธรรม ก็ถือว่าพระภิกษุรูปนั้นต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุในขณะนั้นทันที และถือว่าในวันนี้เป็นการลงมติและพิจารณาจากเอกสารหลักฐานการประชุมนำเอามาประชุมพิจารณากัน ซึ่งมติของคณะกรรมการฯ เป็นเอกฉันท์ว่า ให้พระวิรพลขาดจากความเป็นพระภิกษุด้วยต้องอาบัติปาราชิกในการเสพเมถุน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ฝ่ายสงฆ์ศรีสะเกษก็ถือว่าจบสิ้นกระบวนการ ซึ่งจะได้รายงานให้คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ได้รับทราบตามลำดับต่อไป
นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี กล่าวว่า ได้ทำข้อสรุปประเด็นการตรวจสอบการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองที่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมเพิ่มเติม หลังจากสำรวจเบื้องต้นคาดว่าวัสดุที่ก่อสร้างจะเป็นหินชนิดหนึ่ง ส่วนจะเป็นหยกหรือไม่ต้องรอผลการตรวจสอบโดยใช้เทคนิควิธีทางวิทยาศาสตร์จากสถาบันอุดมศึกษาใน จ.อุบลราชธานีก่อน คาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ ได้จัดทำรายงานรายละเอียดทั้งหมดเสนอไปยังนายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากรแล้ว เบื้องต้นสามารถจำแนกพระแก้วมรกตจำลองที่สร้างในสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมไม่ได้มีเฉพาะองค์เดียว แต่จากการตรวจสอบมีทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่ 1.พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่มีการกล่าวอ้างว่าใหญ่ที่สุดในโลก 1องค์ 2.องค์ขนาดกลาง คือ ที่อยู่ด้านหน้าองค์ใหญ่ ตรงพื้นราบ 3 องค์ กับที่อยู่ในบริเวณสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมอีกจำนวนหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่สามารถนับได้ว่ามีกี่องค์ แต่พบแม่พิมพ์ตั้งอยู่ใกล้ๆ ด้วย 3.องค์ขนาดเล็ก 4 องค์ ประกอบด้วย องค์ทรงเครื่องฤดูร้อน ประดิษฐานในบุษบก 1 องค์ และอีก 3 องค์ ทรงเครื่องแต่ละฤดู ตั้งไว้ให้คนมาคอยทำบุญ โดยจะมีบาตรเจาะรูที่ฝาไว้ให้ใส่เงิน ส่วนพระแก้วมรกตจำลองแต่ละองค์มีขนาดเท่าไหร่คงจะต้องเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง.
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version