ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
รวม เตือนภัย "ปัญหาพระภิกษุ" เอ๊ย ไม่ใช่ ต้องเป็น "พระภิกษุที่มีปัญหา"
sithiphong:
จับพระเก๊ตระเวนเรี่ยไรเงิน ย่านราม 2
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 4 พฤษภาคม 2557 18:06 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000049511-
จับพระปลอมแต่งกายคล้ายพระภิกษุสงฆ์ 4 คน ตระเวนเรี่ยไรเงินย่านตลาดราม 2 โดยอ้างหนังสือรับรองจากสำนักสงฆ์เขาใหญ่ จ.กาญจนบุรี จากการสอบปากคำรับสารภาพทางวัดไม่มีส่วนรู้เห็น และพยายามติดสินบนตำรวจ จึงถูกจับกุมแจ้ง 3 ข้อหา
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่ สน.อุดมสุข พ.ต.อ.สมพร กฤษณะพิพัฒน์ ผกก.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.สมปอง สำราญใจ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม สว.สส. ร่วมกันแถลงการจับกุมตัวนายสมปอง มะโนรัมย์ อายุ 48 ปี น.ส.แพงศรี มะยม อายุ 51 ปี นายสำเริง น้อยพันธุ์ดี อายุ 35 ปี นายกิตติชัย เครือศรี อายุ 23 ปี และเยาวชนอีก 2 ราย พร้อมของกลางตู้รับบริจาค ระบุสำนักสงฆ์เขาใหญ่ ภายในมีเงินสด 1,483 บาท บาตรพระ จำนวน 5 ใบ (ใช้ในการเรื่ยไร) จีวร 4 ชุด หนังสือรับรองจากสำนักสงฆ์เขาใหญ่ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี และเอกสารในการขอความร่วมมือจากสถานที่ต่างๆ โดยสามารถจับกุมได้ที่ตลาดราม 2 แขวงและเขตประเวศ กทม.
พ.ต.อ.สมพร กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีชายแต่งกายคล้ายพระภิกษุ 4 คน เดินเรี่ยไรเงินในตลาดราม 2 จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาไม่ใช่พระภิกษุสงฆ์ แต่ได้รับการว่าจ้างจาก นายสมปอง และ น.ส.แพงศรี มาเรี่ยไรเงินเพื่อแลกกับค่าจ้างวันละ 100 บาท ซึ่งภายหลังการจับกุมผู้ต้องหาได้ยื่นเงินให้ จำนวน 5,000 บาท เพื่อแลกกับการถูกจับกุม แต่ตำรวจทำทีรับเงินเพื่อถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานแจ้งข้อหาดำเนินคดี
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมอ้างว่า กล่องรับบริจาค พร้อมหนังสือรับรองตราประทับสำนักสงฆ์เขาใหญ่ จ.กาญจนบุรี ลงวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นของวัดจริง โดยจะแบ่งเปอร์เซ็นต์รายได้ที่มาจากการบริจาคแก่กรรมการวัด อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ทางวัดไม่มีส่วนรู้เห็น รวมถึงเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวที่ผู้ต้องหาได้กล่าวอ้าง เป็นโรคเบาหวาน พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 3 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันเรี่ยไรในถนน หรือทางสาธารณะด้วยการใช้เครื่องเปล่งเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.แต่งกาย หรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นพระภิกษุสามเณรโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อ และ 3.ร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
sithiphong:
ร้อง ป.ตรวจสอบสำนักอาจารย์พรตหลอกทำเสน่ห์
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 16 พฤษภาคม 2557 16:39 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000054460-
ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้องกองปราบฯ ตรวจสอบสำนักอาจารย์พรต ย่านรามคำแหง หลอกผู้หญิงทำเสน่ห์
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบสำนักทำไสยศาสตร์มหาเสน่ห์ของอาจารย์พรต หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายผู้หญิงกว่า 20 รายว่าได้เข้าทำพิธีและได้ซื้อเครื่องรางไปใช้แล้วแต่ไม่ได้ผล โดยนายสงกานต์ได้นำภาพถ่ายของ อาจารย์พรตขณะกำลังทำพิธีเสริมเสน่ห์ให้แก่หญิงสาวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายสงกานต์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้รับข้อมูลว่าอาจารย์พรตเป็นหมอทำพิธีทางไสยศาสตร์มหาเสน่ห์ โดยมีการจำหน่ายเครื่องรางของขลังต่างๆ ในหน้าเฟซบุ๊ก ชื่อ “ศูนย์พระเครื่อง พรปู่เจ้า” เช่น รูปปั้นแม่ (อี)เป๋อ ไอ้งั่ง น้ำมันพราย กระดูกผีตายโหง เป็นต้น ซึ่งราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5,000-40,000 บาท ส่วนค่าทำพิธีมหาเสน่ห์นั้น ราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาตนได้รับข้อมูลจากสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ประเทศสิงคโปร์ ว่าอาจารย์พรตได้ไปตั้งสำนักและรับทำพิธีดังกล่าวในต่างประเทศ พร้อมทั้งได้ส่งภาพขณะที่กำลังทำพิธีมาให้เป็นข้อมูล เนื่องจากในการทำพิธีนั้นมีการนำเครื่องรางที่เรียกกันว่าไอ้งั่งมาวางบนหน้าอกและอวัยวะเพศหญิง เพื่อทำพิธี ถือว่าเป็นการทำอนาจาร
นายสงกานต์กล่าวต่อว่า สำนักของอาจารย์พรตมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศไทยนั้นเปิดอยู่ย่านรามคำแหง อีกทั้งยังมีร้านที่ขายเครื่องรางตั้งอยู่ในห้างดังย่านลาดพร้าวอีกด้วย ทั้งนี้ตนได้รับแจ้งจากผู้เสียหายประมาณ 20 คน ทั้งหมดเป็นผู้หญิงที่ได้เข้าทำพิธีและได้ซื้อเครื่องรางไปใช้แล้วแต่ไม่ได้ผล แสดงให้เห็นว่าอาจารย์พรตมีการหลอกลวงผู้ซื้อ อย่างไรก็ดี ทางผู้เสียหายจะเข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินคดีต่ออาจารย์พรตในวันข้างหน้านี้
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า หลังจากนนี้จะนำหลักฐานที่ได้มาส่งไปให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นหากตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายกระทำผิดจริงก็จะดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงประชาชน ส่วนหากมีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมก็จะเพิ่มข้อหาต่อไป
sithiphong:
ระมัดระวังภัยในเรื่องเหล่านี้กันให้มากๆๆๆๆครับ
กลุ่มพระสงฆ์ที่ไม่ดี ที่ทำเรื่องพวกนี้ก็มี
ต้องใช้สติ พิจารณา
และอย่าเข้าไป เพราะเสน่ห์ อยู่ที่เราเองครับ
---------------------------------------------------------------------
--- อ้างจาก: sithiphong ที่ พฤษภาคม 17, 2014, 09:06:46 am ---ร้อง ป.ตรวจสอบสำนักอาจารย์พรตหลอกทำเสน่ห์
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 16 พฤษภาคม 2557 16:39 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000054460-
ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้องกองปราบฯ ตรวจสอบสำนักอาจารย์พรต ย่านรามคำแหง หลอกผู้หญิงทำเสน่ห์
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบสำนักทำไสยศาสตร์มหาเสน่ห์ของอาจารย์พรต หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายผู้หญิงกว่า 20 รายว่าได้เข้าทำพิธีและได้ซื้อเครื่องรางไปใช้แล้วแต่ไม่ได้ผล โดยนายสงกานต์ได้นำภาพถ่ายของ อาจารย์พรตขณะกำลังทำพิธีเสริมเสน่ห์ให้แก่หญิงสาวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายสงกานต์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้รับข้อมูลว่าอาจารย์พรตเป็นหมอทำพิธีทางไสยศาสตร์มหาเสน่ห์ โดยมีการจำหน่ายเครื่องรางของขลังต่างๆ ในหน้าเฟซบุ๊ก ชื่อ “ศูนย์พระเครื่อง พรปู่เจ้า” เช่น รูปปั้นแม่ (อี)เป๋อ ไอ้งั่ง น้ำมันพราย กระดูกผีตายโหง เป็นต้น ซึ่งราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5,000-40,000 บาท ส่วนค่าทำพิธีมหาเสน่ห์นั้น ราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาตนได้รับข้อมูลจากสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ประเทศสิงคโปร์ ว่าอาจารย์พรตได้ไปตั้งสำนักและรับทำพิธีดังกล่าวในต่างประเทศ พร้อมทั้งได้ส่งภาพขณะที่กำลังทำพิธีมาให้เป็นข้อมูล เนื่องจากในการทำพิธีนั้นมีการนำเครื่องรางที่เรียกกันว่าไอ้งั่งมาวางบนหน้าอกและอวัยวะเพศหญิง เพื่อทำพิธี ถือว่าเป็นการทำอนาจาร
นายสงกานต์กล่าวต่อว่า สำนักของอาจารย์พรตมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศไทยนั้นเปิดอยู่ย่านรามคำแหง อีกทั้งยังมีร้านที่ขายเครื่องรางตั้งอยู่ในห้างดังย่านลาดพร้าวอีกด้วย ทั้งนี้ตนได้รับแจ้งจากผู้เสียหายประมาณ 20 คน ทั้งหมดเป็นผู้หญิงที่ได้เข้าทำพิธีและได้ซื้อเครื่องรางไปใช้แล้วแต่ไม่ได้ผล แสดงให้เห็นว่าอาจารย์พรตมีการหลอกลวงผู้ซื้อ อย่างไรก็ดี ทางผู้เสียหายจะเข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินคดีต่ออาจารย์พรตในวันข้างหน้านี้
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า หลังจากนนี้จะนำหลักฐานที่ได้มาส่งไปให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นหากตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายกระทำผิดจริงก็จะดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงประชาชน ส่วนหากมีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมก็จะเพิ่มข้อหาต่อไป
--- End quote ---
sithiphong:
พบพระสงฆ์รับแทงพนันบั้งไฟที่ จ.ศรีสะเกษ ชี้ผิดวินัย-กฎหมาย
-http://hilight.kapook.com/view/102154-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD Thaitv (Official) สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
พบพระสงฆ์รับแทงพนันบั้งไฟที่งานประเพณีบุญบั้งไฟ จ.ศรีสะเกษ ชี้ผิดวินัย-กฎหมาย เตรียมจับสึกเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา
วันที่ 16 พฤษภาคม 2557 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการหมู่บ้านขมิ้นได้ร่วมกันจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ประจำปี 2557 ที่กลางทุ่งนาบ้านขมิ้น ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ โดยภายในบริเวณที่มีการจุดบั้งไฟ มีชาวบ้านและพระสงฆ์จำนวนประมาณ 1,000 คน พากันมาชมและเล่นพนันบั้งไฟกันอย่างคึกคัก
อย่างไรก็ตาม พบว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งไม่ทราบว่าสังกัดวัดใดได้ตั้งตัวเป็นเจ้ามือหรือที่เรียกว่า เซียนยั้ง รับแทงพนันจากชาวบ้านหรือที่เรียกว่า เซียนไล่ โดยไม่สนใจสายตาของประชาชนทั่วไปที่เฝ้ามองดูพระเล่นพนันบั้งไฟอย่างน่าสลดใจ ที่พระสงฆ์มีพฤติกรรมผิดศีล ทำผิดกฎหมายและพระธรรมวินัยอย่างชัดเจน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาปราบปรามจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายแต่อย่างใด
ขณะที่ทางด้าน นายวิรอด ไชยพรรณนา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาศรีสะเกษ กล่าวว่า กรณีพระสงฆ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเล่นพนันบั้งไฟถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายและผิดพระธรรมวินัยอย่างชัดเจน หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ต้องสึกจากความเป็นพระทันทีเพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาอีกต่อไป ซึ่งตนได้นำเรื่องนี้ไปรายงานให้เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ทั้ง 2 นิกายได้รับทราบเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้กำลังดำเนินการวางมาตรการเข้มงวดเพื่อดำเนินการกับพระสงฆ์ที่เล่นพนันบั้งไฟอย่างเร่งด่วน
สุดอนาถ ! พระตำบลทุ่มศรีสะเกษ เป็นเจ้ามือรับแทงพนันบั้งไฟ
-http://www.youtube.com/watch?v=N0SfFLZvh9A-
คลิป สุดอนาถ ! พระตำบลทุ่มศรีสะเกษ เป็นเจ้ามือรับแทงพนันบั้งไฟ : เครดิต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD Thaitv (Official)
sithiphong:
ร้องสอบภาพหนุ่มโล้นแต่งกายคล้ายพระอึ๊บสาว
-http://www.dailynews.co.th/Content/regional/237943/%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B6%E0%B9%8A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7-
อึ้ง! ภาพชายแต่งกายคล้ายพระแอบอึ๊บสาว พศ.เร่งหาข้อมูลใช่พระจริงหรือไม่ ขณะเครือข่ายต่อต้านบ่อนทำลายชาติ ศาสนาฯ เตรียมส่งภาพให้กองปราบตรวจ ตัดต่อหรือไม่
วันเสาร์ 17 พฤษภาคม 2557 เวลา 04:43 น.
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากเครือข่ายโซเชียลมีเดีย ส่งข้อมูลภาพเกี่ยวกับบุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์กำลังมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวมาให้ทางเฟซบุ๊กเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ช่วยตรวจสอบว่า บุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์นั้น เป็นพระจริงหรือไม่ โดยลักษณะของภาพที่เครือข่ายได้ส่งมานั้น บุคคลที่แต่งกายคล้ายพระ เป็นชายหัวโล้น กำลังขึ้นนั่งคล่อมบนตัวของหญิงสาวที่เปลือยกาย และที่ตัวของชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์นั้น มีผ้าสีเหลืองคล้ายจีวรนุ่งอยู่ที่เอว พร้อมกับกอดจูบหญิงสาวลักษณะเหมือนกำลังมีเพศสัมพันธ์กัน โดยในภาพเองหญิงสาวมีสีหน้าเคลิบเคลิ้มจากการถูกกอดจูบดังกล่าว โดยไม่ได้มีพฤติกรรมที่ขัดขืนแต่อย่างใด ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้หากเป็นพระสงฆ์จริง ถือว่าเป็นมารศาสนา ต้องอาบัติปาราชิก จากการเสพเมถุน พ้นจากการเป็น ภิกษุสงฆ์นับตั้งแต่บัดนั้น
นายสงกานต์ กล่าวต่อไปว่า ตนจะต้องดำเนินการส่งภาพดังกล่าวให้กองปราบปรามตรวจสอบว่า เป็นภาพที่ตัดต่อหรือไม่ บุคคลที่อยู่ในภาพเป็นพระจริงหรือไม่ และสังกัดที่ใด รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานแค่ไหน โดยเบื้องต้น ตนจะประสานขอข้อมูลเพิ่มเติมจากเครือข่ายที่ได้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเข้ามา พร้อมทั้งขอให้ผู้ที่มีเบาะแสเกี่ยวกับภาพดังกล่าว ส่งข้อมูลมาให้ตนได้ที่ ตู้ ปณ. 63 ราษฎร์บูรณะ 10140 ซึ่งตนจะนำข้อมูลทั้งหมดให้กองปราบปรามตรวจสอบ และส่งมอบข้อมูลให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อมูลภาพดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าว ตนจะเน้นตัวบุคคล และเป็นการป้องปรามการกระทำผิดที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา
ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ พศ.ได้รับข้อมูลร้องเรียนเรื่องของภาพบุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ มีลักษณะเหมือนมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวแล้ว และกำลังดำเนินการตรวจสอบว่า เป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ข้อมูล เนื่องจากภาพถ่ายไม่สามารถระบุได้ชัดว่า เกิดยังสถานที่ใด ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้ข้อได้ข้อเท็จจริงที่แน่ชัด อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบพระสงฆ์ หรือบุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขอให้ช่วยกันส่งข้อมูลมายัง พศ. เพื่อ พศ.จะได้แจ้งเจ้าคณะปกครองในการแจ้งเตือนหรือดำเนินการตามพระธรรมวินัยต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีการแชร์ผ่านเฟซบุ๊กหนึ่ง เกี่ยวกับภาพหญิงสาวหอมแก้มพระ โดยมีการเขียนไว้ในเฟซบุ๊กที่เผยแพร่ภาพดังกล่าวว่า ช่วยกันแชร์ บุคคลในภาพเป็นผู้หญิงหอมแก้มพระ ซึ่งผิดต่อหลักพระพุทธศาสนา เราชาวพุทธอยากวิงวอนให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียช่วยตีแผ่ให้สังคมรับรู้เผื่อคดีความจะเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเฟซบุ๊กถึงภาพดังกล่าวในหลายทัศนะว่า เป็นพระจริงหรือไม่ ทำไมคิ้วและผมหนา บางรายระบุว่า เขาอาจจะไม่ใช่พระจริงอย่าตกเป็นเหยื่อเขาอยากดัง ซึ่งในความเห็นหนึ่งระบุว่า พระรูปนี้บวชจริงจัดงานใหญ่ด้วยผู้หญิงที่หอมแก้มพระเคยเป็นเพื่อนในเฟซกับเรา เขายังถ่ายรูปตอนงานบวชมาให้ดูเลยพระรูปนี้ ยังไม่สึกอยู่ต่างจังหวัดแถวภาคอีสานด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ มีการนำภาพและคลิปพฤติกรรมไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ทั้งการลงมือเผยแพร่ด้วยตนเองหรือจากประชาชนที่พบเห็น มาเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น..
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version