ผู้เขียน หัวข้อ: คุณค่าอันประเสริฐของการเกิดเป็นมนุษย์ ตอน ๑ :ศานติเมธี  (อ่าน 1147 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด



คุณค่าอันประเสริฐของการเกิดเป็นมนุษย์ ตอน ๑
ศานติเมธี

ผู้คนมักคิดว่า ปริญญาเอกเป็นปัญญาขั้นสูงสุดของมนุษย์นั้น
เป็นความจริง.. ไม่ใช่ ..ความเข้าใจผิดไปยิ่งกว่านั้นยังมี
พุทธปัญญาอันเป็นปัญญาขั้นสูงสุดของมนุษย์ ซึ่งห่างไกลจาก
ปัญญาปริญญาเอกทางโลกอย่างยากที่จะหาอะไรเปรียบเทียบได้
ปริญญาเอกเป็นโลกิยปัญญา คือปัญญาระดับโลก

ที่จำกัดการทำงานอยู่ที่ความเก่งฉลาดของสมอง
ที่มีพัฒนาการสูงขึ้น ทางด้านความนึกคิด
เหตุผลและความจำของมนุษย์ ซึ่งจิตสั่งให้ทำงาน
ตามความต้องการ ที่ยังมีกิเลสตัณหาอันหนาแน่นของจิตปถุชน


พุทธปัญญา เป็นโลกุตตรปัญญา คือ ปัญญาเหนือโลก มีความเป็นปรมัตถธรรมที่ทำงานด้วยพลังจิตอริยชนอันเป็นผู้อยู่ในกระแสธรรมที่เกี่ยวเนื่องกันของ จิต เจตสิก รูปและนิพพาน ปัญญาพุทธะจึงเป็นปํญญาสูงสุดของมนุษย์ที่ควรอบรมพัฒนาจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากโลภ โกรธ หลงเสียก่อนจึงจะถึงโลกุตตรปัญญา เรียกปัญญาพุทธะว่า “ภาวนามยปัญญา” และเรียกปัญญาปริญญาเอกว่า “จินตมยปัญญา

จินตมยปัญญาหรือปริญญาเอก อันเป็นปัญญาระดับความนึกคิด การวิเคราะห์วิจัยหาเหตุผลโดยการศึกษาค้นคว้าในทางลึกอย่างกว้างขวางในศาสตร์ต่าง ๆ จนมีประสบการณ์อันยาวนานกว่าปริญญาโทและปริญญาตรีนั้น หากเป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ก็จะสามารถคิดค้นคว้าหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาช่วยให้มนุษย์มีชีวิตความเป็นอยู่สะดวกสบายขึ้นได้ในทุกเรื่อง ปัญญาความรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้นเป็นไปเพื่อสร้างความก้าวหน้าทางวิชาการ เพื่อความเป็นใหญ่และเพื่อการชิงความเป็นผู้นำ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ความเครียดกับปํญหาต่างๆ ก่อความทุกข์ให้ทั้งสิ้น มนุษย์หลงคิดว่า เป็นความสุขทำให้ต้องแสวงหาวัตถุเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาบำรุงบำเรอกิเลสตัณหาทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้มากที่สุดโดยไม่รู้ตัวว่านั่นเป็นความทุกข์ที่จะตามมา ความสามารถวิชาการทางโลกจึงเป็นไปเพื่อการเพิ่มอัตตาตัวตนให้มากขึ้น

ภาวนามยปัญญาของพุทธศาสน์ มีจุดมุ่งหมายสูงสุดอยู่ที่การดับกิเลส เป็นการเพียรพยายามเอาชนะกิเลสโลภ โกรธ หลง หรือ โลภะ โทสะ โมหะ เพื่อจิตที่ผ่องใสมีรัศมีขาวรอบ เป็นทางแห่งความสงบระงับดับตัณหาที่เกิดทางทวารทั้งหก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพื่อเข้าถึงความสุขที่แท้จริงอย่างถาวร โดยจิตเป็นอิสระจากวัตถุเครื่องร้อยรัดอันเป็นกิเลสทั้งปวง นำไปสู่สังคมทุกระดับที่ไม่แก่งแย่งชิงดี ไม่เบียดเบียนกัน ไม่อาฆาตพยาบาท ไม่ทำร้ายกัน ด้วยเกิดบุคคลบรรลุธรรมมีเมตตากรุณาให้อภัยขึ้นในจิตใจทำให้เข้าถึงความเป็นจริงของชีวิต ปรับเปลี่ยนสังคมที่เร่าร้อนเป็นสังคมที่สงบร่มเย็นเป็นสุขมีความสันติสุขสืบไป

ดังนั้น ร่างกายที่พ่อแม่ให้มานั้นมีคุณค่ามาก หากเรานำมาทำความเพียรฝึกอบรมบ่มจิตให้เข้าถึงทางอริยมรรครู้เห็นกายยาววาหนาคืบนี้ อย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงแล้ว จะบรรลุอริยผลเห็นสัจธรรมอันแท้จริง เห็นอริยสัจสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นสัมมาญาน อันเป็นหนทางสงบระงับดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง

                           
                                 - https://www.facebook.com/groups/317435488299766/