ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ

เตือนใจ ให้ระมัดระวังและเป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันตนเองสำหรับผู้หญิง

<< < (23/36) > >>

sithiphong:
ต้องมีในเมืองไทยด้วย ถึงจะดีครับ



---------------------------------------------------------------------------------


อินเดียจับคนร้ายข่มขืนแก้ผ้ามัดเสา ให้ผู้หญิงรุมประชาทัณฑ์

-http://hilight.kapook.com/view/106025-








เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Kanendath.com สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          คลิปชาวอินเดียจับคนร้ายข่มขืนแก้ผ้า มัดเสาประจาน ให้ผู้หญิงรุมประชาทัณฑ์ ดูซิยังกล้าทำอีกไหม ?

          วันที่ 28 กรกฏาคม 2557 ผู้ใช้ชื่อ Kanendath.com สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม ได้เผยแพร่คลิปกลุ่มสตรีชาวอินเดียในหมู่บ้านหนึ่งของรัฐอานธรประเทศ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย กำลังรุมประชาทัณฑ์คนขับแท็กซี่ 2 ราย ที่พยายามก่อเหตุรุมโทรมหญิงสาวในหมู่บ้าน

          โดยจากคลิปดังกล่าว คนขับแท็กซี่ทั้ง 2 รายได้ถูกคนในหมู่บ้านจับถอดเสื้อผ้า ผูกประจานไว้ที่เสา ก่อนปล่อยให้ผู้หญิงสูงวัยในหมู่บ้านเข้ามาตบตีและด่าทอเป็นการลงโทษ ต่อหน้าคนในหมู่บ้านที่มายืนล้อมดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสะใจและส่งเสียงเชียร์ให้ทำโทษคนร้ายหนักขึ้น ซึ่งแม้ว่าการลงโทษดังกล่าวจะไม่เป็นการกระทำรุนแรงจนถึงชีวิต แต่ก็ทำให้ชายคนร้ายได้รับความอับอายอย่างมาก

          ทั้งนี้ เจ้าของคลิปเปิดเผยว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นเนื่องจากรัฐบาลอินเดียไม่มีมาตรการที่รุนแรงมากพอในการหยุดการก่อคดีข่มขืน และผู้ก่อเหตุอาจต้องคิดหนักก่อนลงมือ หากทุก ๆ คนทำการลงทัณฑ์โจรข่มขืนในลักษณะนี้ทุกราย ขณะที่ไม่มีการเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจัดการเหตุที่เกิดขึ้นหลังจากนี้หรือไม่


Auto drivers who tried to rape a woman in AP.
-http://www.youtube.com/watch?v=dXOpytKwJfo-

คลิป Auto drivers who tried to rape a woman in AP. โพสต์โดยคุณ  Kanendath.com สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม







sithiphong:

น่าจะใช้ M16 จับ






--------------------------------------------------------------------


โจ๋ฉุดสาว16 ข่มขืนยับ ล่อเพื่อนอีกคนมาไถ่ตัวหวังรุมโทรมซ้ำ

-http://news.sanook.com/1641105/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%89%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A716-%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B9%89%E0%B8%B3/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(1 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ศูนย์วิทยุ 191 รับแจ้งว่ามีเหตุวัยรุ่น 2 คนฉุดนักเรียนหญิงขึ้นรถจักรยานยนต์ คาดว่าน่าจะพาไปทำมิดีมิร้าย เหตุเกิดบนถนนทางหลวง 401 สายนคร-สุราษฎร์ ม.6 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา ตำรวจสภ.ท่าศาลา จึงพร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสายตรวจและชุดสืบสวน รีบรุดไปที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบนายโหน่ง (นามสมมติ) อายุ 16 ปี สาวประเภทสองเพื่อนของเด็กนักเรียนหญิงที่โดนฉุด ให้การกับตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับ น.ส.หมวย (นามสมมติ) อายุ 16 เพื่อนนักเรียนระดับชั้น ปวช. ขับขี่รถ จักรยานยนต์มาจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช จะไปหาเพื่อนที่ ม.วลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่เปลี่ยว ปรากฏว่ามีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสี ยี่ห้อ ทะเบียน ไล่ตามประกบรถของตน แล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับไม่ให้ขัดขืนต่อสู้ ก่อนให้จอดที่ริมถนน จากนั้นคนร้ายก็ได้ฉุด น.ส.หมวย เพื่อนของตนไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของคนร้ายพาหลบหนีหายไปทันที ตนจึงโทรศัพท์แจ้งญาติและเพื่อนๆ และโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาช่วยเหลือเพื่อนของตนดังกล่าว

จากนั้นกำลังตำรวจได้ออกไล่ล่าคนร้ายทันที และได้รับแจ้งประสานจากน.ส.ก้อย เพื่อนนักเรียนหญิงของน.ส.หมวย ว่า มีโทรศัพท์จากคนร้าย บอกให้นำเงิน 1,000 บาทไปไถ่ตัว น.ส.หมวย จึงนำกำลังตำรวจไปดักซุ่มแล้ววางแผนให้น.ส.ก้อยเอาเงินไปให้ ปรากฏว่ามีวัยรุ่นชาย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์มายังที่นัดหมาย โดยมี น.ส.หมวย มาด้วย

จากนั้นคนร้ายวัยรุ่นก็ใช้อาวุธปืนจี้บังคับนักเรียนเพื่อน น.ส.หมวย ขึ้นรถจักรยานยนต์ขับออกไปทันที กำลังตำรวจที่ซุ่มอยู่จึงรีบออกไล่ติดตาม เมื่อคนร้ายทั้งสองเห็นตำรวจไล่ติดตาม ได้ไหวตัวรีบปล่อยนักเรียนหญิงทั้งสองคนทิ้งไว้ริมถนน แล้วรีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็วจนตามไม่ทัน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ น.ส.หมวย ผู้เสียหาย ให้การว่าหลังจากถูกคนร้ายฉุดไปแล้ว คนร้ายได้พาตนไปที่ป่าละเมาะริมถนนห่างออกไปประมาณ 100 เมตรเท่านั้น แล้วคนร้ายทั้งสองได้รุมข่มขืนตน จนสำเร็จความใคร่คนละ 1 ครั้ง ก่อนโทรศัพท์ลวงให้น.ส.ก้อย นำเงินมาไถ่ตัว เพื่อวางแผนที่จะฉุดเพื่อนของตนไปข่มขืนอีกคน

เบื้องต้นตำรวจได้สืบทราบว่าคนร้ายทั้งสอง นายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และนายสมบูรณ์ สัจจารัก อายุ 20 ปี จึงนำภาพประวัติของทั้ง 2 คน มาให้ผู้เสียหายดู และยืนยันว่าเป็นคนร้ายที่รุมข่มขืนจริง กำลังตำรวจจึงบุกเข้าจับกุมนายเอไว้ได้ที่บ้านพัก ส่วนนายสมบูรณ์ไหวตัวหลบหนีไปได้

จากการสอบปากคำนายเอ ให้การรับสารภาพว่า ได้เสพยาบ้าจนเมาและเกิดอารมณ์ทางเพศ ก่อนขับรถจักรยานยนต์มาพบเหยื่อผู้เสียหาย จึงได้ฉุดไปข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ หลังจากนั้นตนและเพื่อนได้วางแผนโทรศัพท์ล่อให้ให้เพื่อนผู้เสียหายมาไถ่ตัว เพื่อฉุดทั้ง 2 สาวไปให้กลุ่มวัยรุ่นแก๊งยาเสพติดในหมู่บ้านจำนวนประมาณ 5 คนรุมโทรมอีกรอบ เพื่อแลกกับยาบ้าจำนวน 5 เม็ด

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำไปตรวจฉี่ พบฉี่ม่วง จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และจะได้ออกติดตามตัวนายสมบูรณ์ เพื่อนร่วมแก๊งอีกคนหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



sithiphong:
ถ้าหลักฐานชัดเจน 

ผมว่า ให้มีโทษประหารชีวิตสถานเดียว

ดีที่สุดครับ



-------------------------------------------------------------------------------


การข่มขืนครั้งสุดท้าย?

-http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3481-


          เหตุการณ์ข่มขืนเด็กหญิงวัย ๑๓ ปีบนรถไฟไทยถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งความโหดร้ายของผู้กระทำความผิด และความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัวเด็กหญิง จนมีคนจำนวนไม่น้อยอยากให้เกิดการตัดสินประหารชีวิตผู้กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา เพื่อปลอบขวัญครอบครัวผู้สูญเสียและชดเชยชีวิตให้แก่ผู้ที่ถูกข่มขืน

           

          ประเด็นการตัดสินประหารชีวิตตกเป็นข้อถกเถียงจากหลายฝ่ายว่า การประหารชีวิตจะสามารถยุติการข่มขืนครั้งต่อไปได้แน่หรือ  หรือจะยิ่งเป็นการสนับสนุนให้เกิดการ “ปิดปาก” ผู้ถูกข่มขืน

           

          ข้อถกเถียงดังกล่าวยังไม่อาจได้ข้อสรุปในตอนนี้ว่า หากต้องการให้คดีข่มขืนครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย  เราจะต้องทำอย่างไร จะต้องแก้ไขที่ใดบ้าง


          บางทีเหตุการณ์ข่มขืนครั้งนี้อาจไม่ต่างจากเหตุการณ์ครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป  รอเวลาได้รับรายงานการข่มขืนครั้งใหม่ในจอโทรทัศน์และหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง


            icon แต่…เราจะยอมให้เป็นเช่นนั้น จริงๆ หรือ icon


          นักวิชาการและผู้ที่ขับเคลื่อนงานด้านสตรีหลายคนกล่าวคล้ายกันว่า  การประหารชีวิตเป็นเพียงการกำจัด “ผู้ที่กระทำความผิด” ออกไปจากสังคมเท่านั้น แต่ผู้ที่กำลังคิดหรือคิดจะใช้ความรุนแรงทางเพศเหนือผู้อื่นในอนาคตยังคงอยู่ในสังคม การประหารชีวิตจึงอาจเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะแนวคิดเรื่องความไม่เท่าเทียมกันทางเพศระหว่างชายและหญิงยังคงฝังลึกในสังคมไทย และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการข่มขืนทุกวันนี้

           

          แนวคิดบทบาทเรื่องเพศของผู้ชายไทยมักถูกนำเสนอว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง มีพละกำลังอำนาจเหนือเพศอื่น ขณะเดียวกันก็เป็นผู้นำที่มี “ความเชี่ยวชาญ” ในเรื่องเพศ  ความเชื่อดังกล่าวนี้ถูกตอกย้ำจากสื่อต่างๆ ทั้งละครโทรทัศน์ ข่าวหนังสือพิมพ์ หรือกระทั่งหนังสือนวนิยาย จนก่อให้เกิดมายาคติว่า ผู้ชายมีอำนาจที่จะใช้กำลังข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่าได้  ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจว่า การใช้อำนาจของผู้ชายเหล่านั้นเป็นเรื่องที่น่ายกย่องในหมู่ผู้ชายด้วยกันเอง

           

          ขณะที่ผู้ชายถูกพร่ำสอนให้เป็นผู้นำนั้น ผู้หญิงไทยเองก็ถูกอบรมให้เป็นผู้ตามที่ดี  โดยเฉพาะในเรื่องเพศว่า  หญิงที่ดีจะต้องรักนวลสงวนตัว เหนียมอายในเรื่องเพศ และไม่พูดเรื่องเพศในที่สาธารณะ เมื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือกระทั่งข่มขืนจึงไม่กล้าบอกกล่าว เพราะแม้ในความสัมพันธ์แบบสมยอมบางกรณี ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก

           

          icon แล้วนับประสาอะไรกับการถูกข่มเหงที่ไม่ยินยอมแม้สักนิดเดียว  icon

           

          หรือการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อคุ้มครองสิทธิของตนนั้น ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากจะทำ เพราะการสอบสวนข้อเท็จจริงแต่ละครั้ง แทบไม่ต่างจากการถูกข่มขืนครั้งที่สอง สาม และสี่ และยังอาจเสี่ยงกับการถูกกล่าวหาว่า ต้นเหตุของการถูกข่มขืนนั้นคือตัวเธอเองที่ “แต่งกายยั่วยุอารมณ์ผู้ชาย”

             

          การหยุดการข่มขืนจึงไม่อาจแก้ไขด้วยการตัดสินประหารชีวิตผู้กระทำความผิด หรือเตือนผู้หญิงเพียงฝ่ายเดียวว่า อย่านุ่งสั้นเอวลอย และเดินไปไหนคนเดียวในยามวิกาล


          การแก้ปัญหาข่มขืนอย่างจีรังคงต้องมองย้อนกลับไปที่การบ่มเพาะเรื่องความเท่าเทียมกันของผู้ชายและผู้หญิง หน่วยทางสังคมที่ใกล้ชิดและมีอิทธิพลหล่อหลอมบุคคลมากที่สุด อย่างโรงเรียนและครอบครัวน่าจะมีส่วนช่วยสร้างความเข้าใจในเรื่องค่านิยมและความเชื่อเรื่องเพศที่เหมาะสมได้ ขณะเดียวกันสื่อมวลชน ในฐานะผู้มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในสังคม น่าจะทบทวนตนเองด้วยว่า พวกเขาอาจกำลังเป็นส่วนหนึ่งของความรุนแรงทางเพศในครั้งนี้และครั้งที่แล้วมาหรือไม่

             

          ครูคงไม่อาจสอนนักเรียนเพียงเรื่องทักษะชีวิตในเรื่องเพศ การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยเท่านั้น การเคารพความเท่าเทียมกันในเนื้อตัวร่างกายของตนเองและผู้อื่น โดยไม่แบ่งแยกเพศสภาพก็เป็นเรื่องที่นักเรียนควรมีครูเป็นผู้ชี้แนะ เช่นเดียวกับพ่อแม่และสมาชิกในครอบครัว การปลูกฝังและเป็นตัวอย่างที่ดีในความเสมอภาคของบุคคลทุกเพศทุกวัยควรเริ่มจากที่บ้าน และน่าจะถึงเวลาที่สื่อไทยจะให้ความเป็นธรรมและปกป้องเรื่องเพศของทุกเพศในสังคมเสียที

             

          เหตุการณ์ข่มขืนครั้งนี้อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้น  แต่นั่นก็ดีกว่าการที่เราได้แต่รอเวลาได้รับรายงานข่าวข่มขืนครั้งต่อไป

             

          icon เพราะเราจะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว.....ใช่ไหม icon


 
ลงประกาศ ณ วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557   

Kapook iCare


sithiphong:
ช็อกรับวันแม่! ลูกสาวบอกแม่ โดนพ่อเลี้ยงข่มขืน 3 ปี

-http://news.sanook.com/1646221/%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99-3-%E0%B8%9B%E0%B8%B5/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ศูนย์พึ่งได้ เด็กและสตรี โรงพยาบาลศูนย์จังหวัดอุดรธานี ได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นางหวาน (นามสมมติ) อายุ 36 ปี ซึ่งพา ด.ญ.ผึ้ง (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้ามาขอความช่วยเหลือและตรวจร่างกายลูกสาว เนื่องจากเพิ่งสืบทราบว่า สามีใหม่ก่อเหตุข่มขืนลูกสาวตอนที่แม่ไม่อยู่บ้าน เป็นเวลากว่า 3 ปี

น.ส.ไขศรี ศิรินำบุญทวี อายุ 43 ปี หัวหน้าศูนย์พึ่งได้ฯ ได้พูดคุยสอบถามกับ ด.ญ.ผึ้ง ซึ่งเปิดเผยว่า ถูก นายถาวร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี พ่อเลี้ยงข่มขืนกระทำชำเรา ตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หรือราวๆ 3 ปีแล้ว ตนจำไม่ได้ว่าถูกข่มขืนมาแล้วกี่ครั้ง แต่ช่วงที่แม่ออกไปทำงานที่ต่างจังหวัด พ่อเลี้ยงจะเรียกเข้าไปหาในห้องนอน ก่อนจะลวนลามและสอดใส่อวัยวะเพศ เมื่อก่อนตนยังไม่รู้เรื่องอะไร คิดว่าพ่อเอ็นดูลูกเฉยๆ จนกระทั่งถูกทำแบบนี้เรื่อยมา

ด.ญ.ผึ้ง เปิดเผยอีกว่า ต่อมาตนจึงมาทราบว่า ตัวเองถูกพ่อเลี้ยงลวนลามและข่มขืนกระทำชำเรา หลังจากที่ได้เรียนเรื่องเพศศึกษา ทราบว่าการกระทำนั้นเป็นการมีเพศสัมพันธ์ของชายหญิง ซึ่งสามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ ตนจึงเกิดความกลัว เพราะพ่อเลี้ยงจะสวมใส่ถุงอนามัยเวลาก่อเหตุเพียงแค่บางครั้งเท่านั้น

ขณะที่ทางด้าน นางหวาน ระบุว่า ก่อนหน้านี้เคยแต่งงานอยู่กินกับสามีเก่าและมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน แต่ได้เลิกลากันไปตั้งแต่ ด.ญ.ผึ้ง ยังแบเบาะ ต่อมาได้มาแต่งงานอยู่กินกับ นายถาวร ที่ผ่านมาตนไม่ค่อยมีเวลาให้ทั้งสามีใหม่และลูกสาว เนื่องจากต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด ไม่คาดคิดว่าสามีจะหันไประบายความใคร่กับลูกของตนแทน ตนเพิ่งทราบเรื่องจากลูกสาว หลังไปร่วมกิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียน จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนและแจ้งความดังกล่าว

เบื้องต้นทางศูนย์พึ่งได้ฯ ได้นำ ด.ญ.ผึ้ง เข้ารับตรวจร่างกาย แต่ไม่พบคราบอสุจิหรือร่องรอยการถูกข่มขืนชัดเจนนัก เนื่องจากเด็กหญิงเปิดเผยว่า ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนครั้งล่าสุดเมื่อประมาณเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ได้ดำเนินการจับกุมตัว นายถาวร ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เอาไว้ได้แล้ว

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก อุดรนิวส์


sithiphong:
ด.ญ.วัย 11 ปี วิ่งเปลือยเตลิดเข้ารพ. ถูกอาลวงข่มขืน

-http://news.sanook.com/1647081/%E0%B8%94.%E0%B8%8D.%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2-11-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E.-%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. (11 ส.ค.) สภ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของ รพ.คลองลาน ว่าเมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 10 ส.ค. ได้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาขอความช่วยเหลือ ในสภาพร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนด้านล่างมีผ้าสีเหลืองห่อพันปิดของสงวนไว้ เจ้าหน้าที่จึงรีบให้ความช่วยเหลือและนำตัวมาตรวจร่างกาย พบว่าที่อวัยวะเพศมีร่องรอยฉีกขาด ศีรษะและใต้ตา 2 ข้างมีรอยเขียวช้ำ รวมถึงแผ่นหลังก็มีรอยฟกช้ำ คาดว่าจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ เด็กยังมีอาการหวาดผวาขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบด้วย

จากการสอบสวน ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี ให้การว่า นายสมพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ได้โทรมาหาและบอกให้ไปอยู่เป็นเพื่อนกับอาสาวที่กำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอดแล้ว เมื่อมาถึงก็เห็นนายสมพงษ์นั่งดูทีวีอยู่และอาสาวก็อยู่ในบ้าน จึงเข้าไปนั่งดูทีวีด้วย จากนั้นนายสมพงษ์ออกอุบายชวนไปซื้อขนมที่ร้านค้าข้าง รพ.คลองลาน ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร โดยตนนั่งซ้อนท้ายจักรยานไป กระทั่งระหว่างทางผ่านไร่มันสำปะหลัง นายสมพงษ์ได้จอดรถและตรงเข้าฉุดกระชาก ก่อนจะปลุกปล้ำและทุบตีที่ใบหน้าและศีรษะ แถมเตะเข้าที่ท้องอีก 3 ครั้ง และกระทืบอีกครั้ง ตนเองได้แต่ร้องขอว่าอย่าทำอะไรเลย จากนั้นได้ขัดขืนและผลักนายสมพงษ์จนเสียหลัก ก่อนรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือ

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุนายสมพงษ์กับภรรยาได้หลบอยู่ในเพิงร้างกลางไร่มันสำปะหลัง แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ในที่สุด โดยนายสมพงษ์รับสารภาพว่า ดื่มเหล้าจนเมาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น พร้อมนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป






นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version