ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
เตือนใจ ให้ระมัดระวังและเป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันตนเองสำหรับผู้หญิง
sithiphong:
เตือนภัย! โรคจิตหอมแก้มผู้หญิงบนรถตู้
-http://news.sanook.com/1203109/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%89/-
โรคจิตแอบหอมแก้มบนรถตู้
-http://www.youtube.com/watch?v=hkvxb1xMFjI&feature=youtu.be-
ชาวเน็ตเตือนภัย! โรคจิตทำเป็นหลับ แอบหอมแก้มสาวบนรถตู้จากมหาชัย เผยมีเหยื่อแล้ว 2 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (15 ส.ค.) ในเว็บไซต์ยูทูป ได้มีผู้ใช้ชื่อว่า BlurayDiscSale เข้ามาโพสต์คลิปวิดิโอ "โรคจิตหอมแก้มบนรถตู้" โดยเป็นเหตุการณ์ชายคนหนึ่งทำท่ามองว่ามีใครสังเกตอยู่หรือไม่ เมื่อได้จังหวะที่คิดว่าไม่มีใครมองอยู่ ก็ทำทีเป็นนอนหลับ ก่อนจะหอมแก้มหญิงสาวที่หลับสนิทอยู่ด้านข้าง โดยผู้โพสต์คลิปยังโพสต์ข้อความระบุว่า
"ขอเตือนภัยผู้หญิงหลายๆ คนที่กำลังนั่งรถตู้ เหตุเกิด ณ บนรถตู้ครับซึ่งมีอยู่ว่า ผมได้ขึ้นรถตู้จากมหาชัยเพื่อมาลงรังสิตได้มีพวกโรคจิต เป็นชายคนหนึ่งซึ่งมองหาสาวและเข้าไปนั่งใกล้พอสาวหลับ ไอ้โรคจิตคนนี้มันจะแกล้งหลับและแอบห้อมแก้มท่าน ผมสังเกตพฤติกรรมแล้ว 2 คนนี้ไม่ใช่แฟนกันนะครับ กรุณามองให้ดีจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่โรคจิตนั้น มองดูคนอื่นว่ามองดูตัวเองอยู่ไหมก่อนจะจัดการเหยื่อ ผมไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ เพราะผมไม่แน่ใจว่า เขามีอาวุธหรือไม่ เพราะผู้หญิงบนรถตู้โดนมาแล้ว 2 คนครับ ผมจึงฝากเตือนอีกใครหลาย ๆ คนที่อาจจะเป็นเหยื่อของพวกโรคจิต"
โรคจิตแอบหอมแก้มบนรถตู้
ขอขอบคุณข้อมูลจากคลิปวิดิโอ คุณBlurayDiscSale
sithiphong:
รวบแท็กซี่หื่น! ข่มขืน ด.ญ.วัย12 ปี บนรถแท็กซี่ (ไอเอ็นเอ็น)
-http://hilight.kapook.com/view/89899-
รวบแท็กซี่หื่น! ข่มขืนเด็กหญิงวัย 12 ปี บนรถแท็กซี่ พยายามซิ่งรถหนี แต่ไม่รอด
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2556 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน รับแจ้งจากพลเมืองดี เกิดเหตุคนขับรถแท็กซี่ สีม่วงคาดฟ้า ทะเบียน 7404 กรุงเทพมหานคร กำลังพยายามข่มขืนเด็กหญิงอายุ 12 ปี บริเวณเบาะที่นั่งด้านหลัง ริมถนนย่านเตาปูน ก่อนขับรถหลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมประสานสกัดจับแท็กซี่คันดังกล่าว โดยสามารถสกัดจับได้ ขณะกำลังขับรถหลบหนี บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน ทราบชื่อ นายสุทัน โทสระเนิน อายุ 48 ปี จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ พร้อมทั้งตรวจสอบภายในรถ พบกางเกงชั้นในของ นายสุทิน อยู่ที่ช่องเก็บของข้างประตูคนขับ จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน และพบเงิน 300 บาท อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเด็ก
ขณะที่ นายสุทิน ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า รู้จักกับเด็กหญิงคนดังกล่าว และเอ็นดูเหมือนลูกหลาน จึงพามานั่งรถเล่นและจะให้เงินเป็นประจำ รวมทั้งบ้านพักอยู่ใกล้กัน ส่วนกางเกงชั้นในที่พบ นายสุทิน ได้อ้างว่าถอดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้เบื้องต้นตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์และนำเด็กหญิงคนดังกล่าวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลต่อไป
ไอเอ็นเอ็น
sithiphong:
ชายโรคจิตจับก้นสาวจีน บนรถไฟฟ้า ฉาวไกลถึงจีนแล้ว
-http://world.kapook.com/pin/521da78838217a8062000001-
地鐵內直擊變態佬摸下體,那個女的沒感覺嗎?
地鐵內直擊變態佬摸下體,那個女的沒感覺嗎?
地鐵內直擊變態佬摸下體,那個女的沒感覺嗎?
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=sf3_s-HfCtA-
คลิป ชายโรคจิตจับก้นสาวจีน บนรถไฟฟ้า BTS บ้านเรา ตอนนี้ฉาวไกลไปเมืองจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คลิปนี้เลยอยากเอามาเตือนภัย!! กันอีกสักรอบนึง สาวๆขึ้นรถไฟฟ้า หากต้องยืน ให้พึงระวังพวกโรคจิตเอาไว้ให้ดู ถ้าเกิดโดนลวนลามอย่างในคลิปนี้ ทางที่ดีหันมาตบมันเลยก็ดี แล้วต่อด้วยด่าดังๆ รับรองป้ายต่อไปมันลงแน่นอน
sithiphong:
อุทธรณ์แก้สั่งจำคุก "พ.ต.ท.สมิง" 4 ปี พร้อมพวก 3 คน คดีอุ้มสาวใหญ่ข่มขืน-บังคับให้สารภาพคดียาเสพติด
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377854255&grpid=00&catid=&subcatid=-
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุกคนละ 4 ปี พ.ต.อ.สมิง รอดรัตษะ ผกก.สน.ประชาสำราญ (อดีต สว.สส.สน.พญาไท) พ.ต.ท.พรรณศักดิ์ วรบูลย์สวัสดิ์ สวญ. ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี บก.ตม.3 สตม. (อดีตรอง สว.สส.สน.พญาไท), จ.ส.ต.บุญเรือง บุตรวงศ์ และ จ.ส.ต.วันเผด็จ แท่นรัตน์ อดีตฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท จำเลยที่ 1, 2, 7 และ 10 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯตาม ป.อาญา มาตรา 157 และพิพากษาจำคุกคนละ 3 ปี จ.ส.ต.รุ่ง ทิพย์ขำ และ ส.ต.ท.สุธรรม แย้มช่วย อดีตฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท จำเลยที่ 8, 11 ในความผิดฐานเดียวกัน และพิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.กิตติพงษ์ สิมมาลี สวป. สน.ร่มเกล้า, ด.ต.ภิญโญ แสงทิพย์, ด.ต.อภิทักษ์ แก้วเกลื่อน, ด.ต.อวยชัย ทับสุรีย์ และ จ.ส.ต.หญิงศศิธร ทับสุรีย์ ทั้งหมดเป็นอดีตฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท
โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2548 จำเลยทั้งหมดได้วางแผนจับกุมนางชลลดา ณ เชียงใหม่ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 114,000 เม็ด และรถยนต์ฟอร์ด ทะเบียน ศน 4851 กทม. ของโจทก์ ที่นางชลลดาขอยืมใช้ ที่บริเวณถนนมอเตอร์เวย์ โดยจำเลยเชื่อว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวต้องมีส่วนร่วมในการค้ายาเสพติดด้วย จำเลยจึงให้นางชลลดา โทรศัพท์หาโจทก์เพื่อให้มาหา โดยอ้างว่ารถยนต์ที่ยืมมาเกิดอุบัติเหตุ ต่อมาวันที่ 16 มิถุนายน 2548 โจทก์จึงได้นั่งเครื่องบินจาก จ.เชียงใหม่มาที่สนามบินดอนเมือง จากนั้นจำเลยที่ 2 พร้อมพวกได้เข้าทำการจับกุมโจทก์ก่อนจะพาขึ้นรถยนต์ โดยมีจำเลยอื่นนั่งมาด้วย โดยนำถุงดำคลุมศีรษะและมัดมือโจทก์
จากนั้นพาโจทก์ไปยังค้นห้องพักภายในคอนโดรีเจนท์ ศรีนครินทร์ และห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่พบยาเสพติด ต่อมาจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าได้เดินทางมาข่มขู่โจทก์เพื่อให้บอกเบาะแสที่ซ่อนยาเสพติด ส่วนจำเลยคนอื่นๆ ได้พูดเกลี้ยกล่อมให้ยอมรับสารภาพจากนั้นพาโจทก์ไปที่ สน.พญาไท เพื่อลงบันทึกจับกุมคดีครอบครองยาบ้าจำนวน 100 เม็ด ซึ่งไม่เป็นความจริง และได้นำตัวจำเลยส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.
พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงน่าเชื่อได้ว่าจำเลยไม่มีหมายจับ แต่กลับนำตัวโจทก์ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและบังคับให้รับสารภาพ ซึ่งจำเลยไม่ได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย เพียงแต่จำเลยเชื่อว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจึงต้องการขยายผล แต่ตามกฎหมายนั้นจำเลยไม่สามารถกระทำการดังกล่าวได้ แม้จำเลยจะมั่นใจว่าโจทก์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่การนำตัวโจทก์มาสอบสวนต้องกระทำตามกฎหมาย แต่การกระทำของจำเลยนอกจากไม่ได้กระทำตามขั้นตอนของกฎหมายแล้วยังเป็นการกระทำผิดกฎหมายเสียเอง
โดยขณะที่นำโจทก์ไปตรวจค้นที่ห้องพักก็ไม่ได้มีการปิดตาและเป็นเวลากลางวัน โจทก์จึงสามารถมองเห็นใบหน้าจำเลยได้อย่างชัดเจน โดยจำเลยที่ 2 และ 7 เกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพ และจับกุมใส่กุญแจมือนอนในห้องพักเดียวพร้อมกับจำเลยคนอื่นๆ โจทก์จึงย่อมมองเห็นหน้าจำเลยได้อย่างชัดเจน เห็นว่าจำเลยที่ 2, 7, 8, 10, 11 ได้ร่วมข่มขืนใจโจทก์ให้กระทำการใดๆ และหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ปราศจากเสรีภาพ ส่วนจำเลยไม่อาจนำสืบหักล้างพยานโจทก์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่คนคนหนึ่งจะปั้นแต่งเรื่องใส่ร้ายจำเลยหลายคน
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2-11 ย่อมต้องรู้เห็นด้วยกับการกระทำของจำเลย โดยจำเลยที่ 1 ถือเป็นตัวการ จำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10, 11 จับกุมโจทก์โดยไม่มีหมายจับ และใช้อาวุธปืนบังคับข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวกักขัง จึงมีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 แม้ว่าจำเลยอ้างว่าระหว่างเกิดเหตุติดเวรรับเสด็จแต่ก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10, 11 ที่ว่าทำตามหน้าที่ราชการ มีความขยันขันแข็งไม่เคยต้องโทษมาก่อน ขอให้ศาลรอการลงโทษสถานเบาหรือให้รอการลงโทษนั้นเห็นว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แต่จำเลยกลับละเมิดกฎหมายเสียเอง โดยมุ่งหวังผลงานและความสำเร็จ ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรงจึงไม่สมควรให้รอการลงโทษ อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยที่ 3, 4, 5 ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10, 11 มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุกจำเลยที่ 1, 2, 7, 10 คนละ 4 ปี และจำคุกจำเลยที่ 8, 11 คนละ 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 5, 6 และ 9 ให้ยกฟ้อง ดังกล่าว
คดีนี้ นางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีหมายเลขดำ อ.830/2549 สรุปว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2548 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 11 คน มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีอาญา ตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิด อันเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์โดยไม่มีหมายจับของศาล จับกุมโจทก์ไปจากท่าอากาศยานกรุงเทพดอนเมือง โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับโจทก์ให้ขึ้นรถไปกับจำเลย ในระหว่างอยู่บนรถจำเลยกับพวกใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้ในระหว่างที่นั่งรถยนต์ จำเลยกับพวกได้ข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพ
โดยตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวน 100 เม็ด โจทก์ได้ปฏิเสธ จำเลยไม่ยอมปล่อยตัวโจทก์ และไม่นำส่งพนักงานสอบสวนหรือพาไปยังสถานีตำรวจ ต่อมาจำเลยกับพวกได้ให้โจทก์พาไปที่สถานที่พักของโจทก์เพื่อตรวจค้นแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำเอกสารการจับกุมและเอกสารอื่นๆ อันเป็นเท็จโดยบังคับให้โจทก์ลงลายมือชื่อ โดยเอกสารดังกล่าวได้จัดพิมพ์ไว้แล้ว และมีข้อความว่ารับสารภาพ เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 172, 309, 310 ทวิ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
sithiphong:
แม่ช็อก! ลูกสาว 4 ขวบ โดนรุมโทรมในสถานสงเคราะห์
-http://news.sanook.com/1205830/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7-4-%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%9A-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/-
แม่ต้องโทษติดคุก พาลูกสาว 4 ขวบ ส่งเลี้ยงสถานสงเคราะห์ แม่รับลูกกลับ ช็อก! ลูกบอกโดนรุ่นพี่ผู้ชายรุมโทรม
(30 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุเด็กหญิงถูกทำร้ายและข่มขืนกระทำชำเรา ถูกนำตัวส่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางละมุง แพทย์ตรวจสอบเบื้องต้นพบร่องรอยการถูกข่มขืนจริง เด็กหญิงมีรอยฟกช้ำตามร่างกายและอาการหวาดกลัว เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ
เจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปสอบถาม น.ส.จอย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี แม่ของเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวตัวเอง เบื้องต้นให้การว่า ปัจจุบันพักอาศัยอยู่กับลูกสาวเพียง 2 คน ก่อนหน้านี้ตนถูกจับในข้อหายาเสพติด ได้รับโทษติดคุก ตนจึงได้นำ ด.ญ.หวาน (นามสมมติ) อายุ 4 ปี ลูกสาวไปฝากเลี้ยงเอาไว้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี อ.บางละมุง
ภายหลังจากตนพ้นโทษออกมา จึงได้ติดต่อกับสถานสงเคราะห์ เพื่อรับตัวลูกสาวกลับมาเลี้ยงดูเหมือนเดิม ต่อมามีเจ้าหน้าที่ได้นำตัว ด.ญ.หวาน มาส่ง ตนก็สังเกตเห็นว่าลูกสาวมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป มีอาการเศร้าซึมและพบรอยฟกช้ำตามร่างกาย จนกระทั่งกลางดึกพบว่าลูกสาวมีอาการเลือดไหลออกมาจากอวัยวะเพศและทวารหนัก จึงได้พยายามเค้นสอบถามความจริงกับลูกสาว
น.ส.จอย เปิดเผยต่ออีกว่า ลูกสาวได้เล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่พักอยู่บ้านพักเด็กฯ ถูกรุ่นพี่ผู้ชายที่สถานสงเคราะห์หลายคน รุมโทรมข่มขืนกระทำชำเรา หากไม่ยินยอมขัดขืนก็จะถูกทำร้ายร่างกาย แม้กระทั่งก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาตัวมาส่งกลับไปหาแม่ ก็เพิ่งถูกรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งข่มขืนมาหมาดๆ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น แพทย์ระบุว่า ด.ญ.หวาน มีร่องรอยการถูกข่มขืนกระทำชำเราจริง อวัยวะเพศมีอาการปูดบวม ช่องทวารหนักฉีกขาด มีแผลและรอยฟกช้ำต่างจุดตามร่างกาย สภาพจิตใจค่อนข้างย่ำแย่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานไปยังบ้านพักเด็กฯ ดังกล่าว เพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------------------
รวบอดีตตร.สันติบาลพิการข่มขืน ด.ญ.4 ขวบ
-http://news.sanook.com/1206023/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%94.%E0%B8%8D.4%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%9A/-
กรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 30 ส.ค.56 น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี พา ด.ญ.บี (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 4 ขวบ แจ้งความกับ พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่า ถูกชายพิการข่มขืนกระทำชำเราภายในบ้านพักเด็กและครอบครัวแห่งหนึ่งใน อ.บางละมุง
ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก. พ.ต.ท.จักรกรินทร์ ทั่วสุภาพ รอง ผกก.สส. และ พ.ต.ท.นิตย์ วิธินันทกิตต์ สว.สส. พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ได้นำเด็กไปที่บ้านพักเด็กและครอบครัว อ.บางละมุง พร้อมกับประสาน น.ส.เสาวนีย์ โขมพัตร ผอ.สำนักป้องกันและแก้ปัญหาการค้าหญิงและเด็ก หัวหน้าบ้านพักเด็กฯ พาไปชี้ตัวชายพิการซึ่งนอนอยู่บนเตียงในหอพักชาย ทราบชื่อต่อมาคือ นายน้อย คำศรี อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/91 หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่เด็กระบุว่าเป็นคนที่ข่มขืนกระทำชำเรา ตำรวจจึงคุมตัวมาที่ สภ.บางละมุง โดยนายน้อยให้การว่าระหว่างที่พักอยู่ ตนก็ได้รู้จักกับเด็กหลายคน หนึ่งในนั้นคือ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 4 ขวบ โดยเกือบทุกคนก็มักจะมาเล่นกับตนและช่วยเข็นรถวีลแชร์ให้ ตนเองก็ไม่เคยคิดอะไรในแง่นั้นกับเด็ก และขอปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอนาจารหรือข่มขืนกระทำชำเราเด็กแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ จึงได้ควบคุมตัวไว้เพื่อรอ นางปวีณา หงสกุล รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------
รับไม่ได้จริงๆ แบบนี้ต้องจับตาย อย่าไปเก็บไว้ในคุก
เสียดายเงินภาษีที่ต้องไปจ่ายเลี้ยงพวกหนักแผ่นดินและพวกรกแผ่นดิน
.
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version