ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
เตือนใจ ให้ระมัดระวังและเป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันตนเองสำหรับผู้หญิง
sithiphong:
สลด สาว 17 ถูกข่มขืนมาราธอนตั้งแต่ 9 ขวบ จนตั้งครรภ์
-http://hilight.kapook.com/view/95948-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
แม่โร่แจ้งความ ลูกสาว วัย 17 ปี ถูกข่มขืนมาราธอนตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนตั้งครรภ์และคลอดลูก โดยคนร้ายเป็นลูกพี่ลูกน้องกับยายของเด็ก
เมื่อเวลา 07.30 น. ของวันนี้ (9 มกราคม 2557) พ.ต.ท.อัมรินทร์ ถ่ายสูงเนิน พนักงานสอบสวน สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้ควบคุมตัว นายสมัย พุฒบุรี อายุ 57 ปี ชาว จ.นครราชสีมา มาสอบสวน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 มกราคม เวลา 16.30 น. นางสงวน อายุ 45 ปี ได้นำ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี บุตรสาว เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องลูกสาวถูกนายสมัยบังคับข่มขืนจนตั้งครรภ์และคลอดลูกได้ 1 เดือนแล้ว ภายหลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปควบคุมตัวนายสมัยที่บ้านพัก
ทั้งนี้ นางสงวน เล่าว่า ตนมีลูก 2 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน ส่วนสามีเสียชีวิตตั้งแต่ลูกสาว อายุ 4 ขวบ หลังจากสามีเสียชีวิต ตนได้เดินทางไปทำงานอยู่ที่ จ.ปทุมธานี โดยปล่อยให้ลูกทั้ง 2 คน อาศัยอยู่กับปู่และย่า ส่วนตนก็จะส่งเงินมาให้ทุกเดือน และกลับมาเยี่ยมลูกในช่วงเทศกาลต่าง ๆ
สำหรับลูกชายคนโตได้ไปเป็นทหารเกณฑ์ ส่วนลูกสาวซึ่งมีลักษณะนิสัยคล้ายทอม เมื่อเรียนจบชั้น ม.3 ก็ไม่ได้เรียนต่อ จนเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2556 ลูกสาวได้เดินทางไปหาตนที่ จ.ปทุมธานี และบอกว่า อยากจะมาหางานทำอยู่กับแม่ ตนจึงนำไปฝากให้ทำงานในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง โดยระหว่างที่ลูกพักอาศัยอยู่ด้วย ตนก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะลูกเป็นคนที่มีรูปร่างอวบ
กระทั่งวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 ลูกสาวของตนเกิดมีอาการปวดท้องอย่างหนัก ตนจึงพาไปโรงพยาบาล ปรากฏว่า ลูกสาวของตนได้คลอดลูกออกมาเป็นเพศชาย ตนจึงพยายามสอบถามความจริง จนทราบว่า ลูกสาวถูกนายสมัยซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับยายลงมือข่มขืน ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.3 ซึ่งขณะนั้นลูกสาวมีอายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น และนายสมัยได้ลงมือข่มขืนอย่าง ต่อเนื่อง พร้อมทั้งขู่ว่า ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะทำร้ายร่างกาย และไม่ให้เงินใช้จ่าย กระทั่งลูกสาวตนตั้งท้องดังกล่าว
จากการสอบสวน นายสมัย ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวอายุไม่เกิน 18 ปี และจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนเด็กสาวอายุไม่เกิน 13 ปีต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก INN
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1389241480&grpid=00&catid=&subcatid=-
--------------------------------------------------------
ฆ่าโหด 3 ศพ สยองวันเด็ก!! หนุ่มหื่นจะข่มขืนสาว 19 น้องชายตื่นมาเจอ ถูกปาดคอตายหมู่
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE9UUXlNamM1Tmc9PQ==§ionid=-
เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 13 ม.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.อ.ธีทัต ดรุณจันทร์ พนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตาย 3 ศพ เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 245/194 หมู่บ้านพาราไดซ์ฮิล 2 ซอยบุญสัมพันธ์ หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก. พ.ต.ต.สิริบัญชา ขอบใจ สว.สส. ร.ต.อ.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รอง สว.สส. นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน แพทย์เวร ร.พ.บางละมุง เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 2 (ชลบุรี) และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว 3 ห้องนอน พื้นที่กว่า 60 ตร.ว. ภายในบ้านบริเวณห้องโถงพบศพ เด็กชาย อายุ 2 ขวบ นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงในสภาพสวมเสื้อและกางเกงสีเขียวลายการ์ตูน ลำคอถูกรัดด้วยผ้าขนหนูสีขาว ส่วนในห้องนอนบริเวณปลายเตียงพบศพ เด็กชาย อายุ 7 ปี ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน นักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนมารีวิทย์ สภาพสวมชุดสไปรเดอร์แมน ลำคอและชายโครงขวา ถูกของมีคมแทงจนเป็นแผลฉกรรจ์ ศีรษะด้านขวามีร่องรอยถูกทุบจนกะโหลกแตก
บนเตียงพบศพ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นอนหงายอยู่ในสภาพเปลือยกาย ถูกของมีคมปาดเข้าที่ลำคอ 4 แผล และแทงเข้าที่หน้าท้อง 3 แผล จนเหวอะหวะเลือดไหลอาบร่างเป็นที่น่าสยดสยอง โดยมีนางวิไลวรรณ ลิเบอร์แมน อายุ 32 ปี มารดาของ 2 เด็กชาย และน้าสาวของ น.ส.บี นั่งร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจ
ตรวจสอบภายในบ้านพบมีร่องรอยการรื้อค้นจนข้าวของกระจัดกระจาย และคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ทั่วบริเวณ นอกจากนี้ที่หน้าบ้านพบขวดสุรายี่ห้อหนึ่งตกแตกอยู่ที่พื้น ใกล้กันมีสร้อยคอทองเค ตกอยู่ 1 เส้น ส่วนข้างกำแพงตรงข้ามบ้าน พบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กวางอยู่ในป่า 1 เครื่อง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบปากคำนางวิไลวรรณ ให้การว่า ตนมีสามีเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน และมีลูกชายด้วยกัน 2 คน และปัจจุบันสามีทำงานอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ตนจึงไปรับ น.ส.บี หลานสาว มาจาก จ.สกลนคร เพื่อให้ช่วยดูแลลูก ก่อนหน้านี้ น.ส.บวรรัตน์ หรือ มิ้ล สุขศรี อายุ 17 ปี ที่พักอยู่บ้านหลังติดกัน ได้พา น.ส.ป๊อบ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) อายุประมาณ 17 ปี เพื่อนสาว กับแฟนหนุ่มชื่อนายนายออฟ อายุประมาณ 30 ปี ชาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี มาทำความรู้จักและให้ช่วยหางานทำ ตนจึงฝาก น.ส.ป๊อบ ให้เข้าทำงานเป็นพนักงานโคโยตี้ที่บาร์แห่งหนึ่งย่านพัทยาใต้
โดยก่อนเกิดเหตุตอนเวลาประมาณ 18.30 น. วันที่ 11 ม.ค. ตนได้พา น.ส.ป๊อบ นั่งรถยนต์ไปทำงาน กระทั่งกลับมาบ้าน ช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 11 ม.ค. พบนายออฟ นั่งคร่อมรถ จยย. รอรับแฟนสาวอยู่หน้าบ้านของตน แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งเข้ามาในบ้านหัวใจแทบสลาย เมื่อพบศพลูกชายทั้ง 2 คน และหลานสาว ถูกฆ่าตายอย่างสยดสยอง ส่วนสร้อยทองเคกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กที่คนร้ายทิ้งไว้นั้นเป็นของตน
ด้านนายประสิทธิ์ สิทธิ์ อายุ 36 ปี รปภ.ของหมู่บ้าน ให้การว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.45 น. นายออฟ ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ได้ขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน ขมม-251 สุพรรณบุรี เข้ามาในหมู่บ้านแล้วกลับออกไป จนเวลาประมาณ 03.00 น. นายออฟ ขับ จยย.เข้ามาอีกครั้งพร้อมกับถือขวดสุราติดมือมาด้วย ตนพยายามขอให้แลกบัตรแต่นายออฟ ไม่ยอมให้ จึงเกิดการโต้เถียงกันเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้เข้ามา จากนั้นนายออฟ จึงมาจอดรถนั่งรออยู่ที่หน้าบ้านเกิดเหตุ กระทั่งแฟนสาวกลับมาพร้อมกับนางวิไลวรรณ จึงซ้อนท้ายพากันขับออกไปอย่างรวดเร็ว
พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภจว.ชลบุรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องจรปิดที่อยู่บริเวณป้อมยาม สามารถจับภาพของผู้ต้องสงสัยไว้ได้อย่างชัดเจน เช็คประวัติพบว่ามีหมายจับในคดีพยายามฆ่าและลักทรัพย์รวม 2 หมาย และเพิ่งเดินทางมาพัทยาได้เพียง 3 วัน ส่วนสาเหตุของการฆาตกรรมในครั้งนี้ คาดว่าคนร้ายน่าจะโกรธแค้นนางวิไลวรรณ ที่พาแฟนสาวไปทำงานเป็นสาวโคโยตี้แล้วกลับผิดเวลา จึงไปซื้อสุรามานั่งดื่มย้อมใจและรออยู่หน้าบ้านเกิดเหตุ
ก่อนบุกเข้าไปพยายามจะปลุกปล้ำข่มขืน น.ส.บี แต่เด็กตื่นขึ้นมาเลยถูกฆ่าตายทั้ง 3 คน จากนั้นจึงรื้อค้นเอาทรัพย์สินภายในบ้านแล้วหลบหนีไป เบื้องต้นได้ส่งชุดสืบสวนติดตามไปที่บ้านเพื่อนของผู้ต้องสงสัยในซอยหนองไม้แก่น 11 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง พบว่านายณัฐวุฒิ กับแฟนสาว ขนเสื้อผ้าหลบหนีไปแล้ว อย่างไรก็ตาม คดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน เพราะคนร้ายลงมือฆ่าเด็กอย่างโหดเหี้ยม ทั้งๆ ที่วันนี้ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
sithiphong:
อย่าเก็บไว้ อยู่ไปรกแผ่นดิน และเสียดายเงินภาษีที่ต้องเลี้ยงมัน
แบบนี้ ต้องจับตาย
----------------------------------------------------------
ไอ้หื่นหวังข่มขืนสาว 19 เด็กตื่นมาเจอ ฆ่า 3 ศพรวด
-http://news.sanook.com/1394295/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7-19-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD-%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2-3-%E0%B8%A8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%94/-
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (11 ม.ค.) สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย 3 ศพ ที่บ้านเลขที่ 245/194 หมู่บ้านพาราไดซ์ฮิล 2 ซอยบุญสัมพันธ์ หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่เกิดเหตุในบ้านพบศพ ด.ช.ไมเคิล (ขอสงวนชื่อจริง) อายุ 2 ขวบ ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน สภาพศพลำคอถูกรัดด้วยผ้าขนหนู ในห้องนอนพบศพ ด.ช.โจเซฟ (ขอสงวนชื่อจริง) อายุ 7 ปี สภาพศพลำคอและชายโครงถูกของมีคมแทงจนเป็นแผลฉกรรจ์ ศีรษะด้านขวามีร่องรอยถูกทุบ บนเตียงพบศพ น.ส.วิภาวี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี นอนอยู่ในสภาพเปลือย ถูกของมีคมปาดเข้าที่ลำคอ 4 แผล และแทงที่หน้าท้อง 3 แผล ตรวจสอบบ้านพบร่องรอยการรื้อค้นและคราบเลือด ข้างกำแพงตรงข้ามบ้านพบโน้ตบุ๊ควางอยู่ในป่า 1 เครื่อง ที่หน้าบ้านพบสุราตกแตกอยู่ที่พื้น และสร้อยคอทองเค 1 เส้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นางวิไลวรรณ ลิเบอร์แมน อายุ 32 ปี มารดาของ ด.ช.ไมเคิล และ ด.ช.โจเซฟ ทราบว่า ปัจจุบันสามีทำงานอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ จึงให้หลานสาว น.ส.วิภาวี มาช่วยดูแลลูก โดยก่อนหน้านี้มีคนรู้จักพา น.ส.ป๊อบ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 17 ปี พร้อมแฟนหนุ่มชื่อ นายออฟ อายุประมาณ 30 ปี มาทำความรู้จักและให้ช่วยหางาน จึงพา น.ส.ป๊อบ ให้เข้าทำงานที่บาร์เบียร์พัทยาใต้ ก่อนเกิดเหตุวันนี้ (11 ม.ค.) เวลา 04.00 น. ตนได้พา น.ส.ป๊อบ นั่งรถยนต์กลับจากทำงาน โดยมีนายออฟ ขี่จยย. มารอรับที่หน้าบ้าน แต่ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อเข้ามาในบ้านก็ตกใจสุดขีด เมื่อพบศพหลานสาวและลูกชาย 3 ศพในบ้าน
ด้านนายประสิทธิ์ สิทธิ์ อายุ 36 ปี รปภ.ของหมู่บ้าน ให้การว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.45 น. นายออฟ ได้ขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน ขมม-251 สุพรรณบุรี เข้ามาในหมู่บ้านแล้วกลับออกไป จนเวลาประมาณ 03.00 น. นายออฟ ขับ จยย.เข้ามาอีกครั้งพร้อมกับถือขวดสุราติดมือมาด้วย ตนพยายามขอให้แลกบัตรแต่นายออฟ ไม่ยอมให้จึงเกิดการโต้เถียงกันเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้เข้ามา จากนั้นนายออฟ จึงมาจอดรถนั่งรออยู่ที่หน้าบ้านเกิดเหตุ กระทั่งแฟนสาวกลับมาพร้อมกับนางวิไลวรรณ จึงซ้อนท้ายพากันขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าผู้ต้องสงสัยคือ นายณัฐวุฒิ แซ่เตี๊ยะ หรือ ออฟ อายุ 30 ปี เมื่อเช็คประวัติพบว่ามีหมายจับในคดีพยายามฆ่าและลักทรัพย์รวม 2 หมาย คาดว่าคนร้ายน่าจะมานั่งดื่มสุรารอแฟนสาว ก่อนบุกเข้าไปข่มขืน น.ส.วิภาวี แต่เด็กๆ ตื่นมาเห็นเลยฆ่าพร้อมกัน 3 ศพ ก่อนรื้อค้นสิ่งของในบ้านและหลบหนีไป
http://news.sanook.com/1394295/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7-19-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD-%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2-3-%E0%B8%A8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%94/
sithiphong:
รวบแล้ว! หนุ่มอาสาฯหื่นลวนลามสาวพีอาร์จนต้องโดดน้ำตาย
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 15 มกราคม 2557 17:52 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000005527-
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสภ.บางพลี คุมตัวนายธวัชชัย หรือ เต้ แซ่ซิ้ม อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาคดีพยายามข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตน โดยใช้กำลังหรือขู่เข็ญด้วยประการใด
สมุทรปราการ - สภ.บางพลี ติดตามจับกุมหนุ่มอาสาสมัครกู้ภัยแห่งหนึ่ง สารภาพหมายข่มขืนสาวประชาสัมพันธ์ แต่เหยื่อฟื้นฮึดสู้ตาย หนีลงรถก่อนวิ่งไปโบก จยย.สองสามีภรรยาที่ขับผ่านมา ก่อนขอลงจากรถกลางทาง แล้ววิ่งไปกระโดดน้ำตายหนีความอับอาย
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (15 ม.ค.) พล.ต.ต.ธัชชัย หงส์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ รอง ผบก. พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี พ.ต.ท.พ.ต.ท.เชาว์ ป้อมงาม รอง ผกก.ส. พ.ต.ต.ภูวนาถ แก่นจันทร์ สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี คุมตัว นายธวัชชัย หรือ เต้ แซ่ซิ้ม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/2133 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.มาชี้จุดที่ น.ส.ชนัญชิดา เสือซิว อายุ 28 ปี สาวประชาสัมพันธ์บริษัทแห่งย่านทองหล่อ กระโดดลงจากรถหลังถูกลวนลาม บริเวณคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าถนนสุขุมวิท สายเก่า กม.5 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อนจมน้ำเสียชีวิต
พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 13.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งพบศพหญิงสาวจมน้ำเสียชีวิต โดยตามร่างกายพบรอยช้ำคล้ายรอยกัดบริเวณแขนด้านขวา ในตัวไม่พบเอกสารระบุว่าเป็นใคร จึงได้เผยแพร่รูปหญิงสาวคนดังกล่าวลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อตามหาญาติ จนกระทั่งมี นางศรัญญา เสือซิว มารดาของผู้เสียชีวิตเข้าติดต่อว่าเป็นบุตรสาวและหายไปจากบ้านตั้งแต่คืนวันที่ 12 ม.ค.และได้รับการประสานจากอดีตเพื่อนชายคนสนิทของบุตรสาวเช้าวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า มีคนพบบุตรสาวของตน นอนหมดสติอยู่ที่ฟู๊ดแลนด์ สาขารามคำแหง ซ.รามคำแหง 9 และได้ติดต่อให้อาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัย นำส่งไปรักษาตัวที่ รพ.รามคำแหง ตนจึงไปรอแต่ไม่พบ จึงไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สน.หัวหมาก จนกระทั่งมาพบเป็นศพแล้ว
ผกก.สภ.บางพลี กล่าวต่อว่า หลังทราบเรื่องจึงสั่งการฝ่ายสืบสวนเรียกพยานที่เห็นในที่เกิดเหตุก่อนจมน้ำมาสอบปากคำ รวมทั้งติดต่อไปยังฟู๊ดแลนด์ เพื่อตรวจสอบกล้อง วงจรปิด ก็พบนายธวัชชัย เดินทางเข้าไปรับตัวผู้เสียชีวิตที่อยู่ในสภาพหมดสติ นั่งรถเข็นมาขึ้นเบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับรับกระเป๋าสะพายแบบผู้หญิงของผู้เสียชีวิตจากพนักงานห้างฟู๊ดแลนด์ ก่อนขับรถออกไป แต่กล้องวงรจรปิดของ รพ.รามคำแหง บันทึกภาพเห็นนายธวัชชัย ขับรถมูลนิธิหมายเลขทะเบียน 6ฎ-8928 กทม.เข้ามาแต่ไม่ลงและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อทางตำรวจและหัวหน้าติดต่อไปในเบื้องต้นไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งมีคนพบกระเป๋าและเอกสารระบุชื่อผู้เสียชีวิตบริเวณวัดลาดพร้าว เจ้าหน้าที่จึงบุกไปยังห้องพักซึ่งอยู่ใกล้พบตัวนายธวัชชัย จึงควบคุมตัวมาสอบสวน เนื่องจากเชื่อว่านายธวัชชัย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.ชนัญชิดา ที่กระโดดลงน้ำฆ่าตัวตาย
เบื้องต้นนายธวัชชัย ให้การปฏิเสธ และให้การวกไปวนมาคล้ายคนเสพยา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ก็พบว่ามีสีม่วง รวมถึงเมื่อเค้นสอบอย่างหนัก จึงให้การรับสารภาพว่า ทำการลวนลามอนาจารผู้เสียชีวิตจริง แต่ไม่ได้ข่มขืนและฆ่า โดยเมื่อไปรับผู้เสียชีวิตที่ฟู๊ดแลนด์ไปส่ง รพ.รามคำแหง แต่เห็นสภาพสลึมสลือไม่มีสติ และหน้าตาดี ประกอบกับตนเองเพิ่งเสพยาบ้ามา จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงเปลี่ยนใจขับรถออกทางประตูด้านหลังของ รพ.ไปตามถนนหัวหมาก เลี้ยวขวาเข้าถนนศรีนครินทร์ วิ่งตามถนนมอเตอร์เวย์ ออกบางนา-ตราด ลงด่วนบูรพาวิถี แถวบางพลี และกลับรถยูเทิร์นเกือกม้า วิ่งตามถนนเลียบคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ
นายธวัชชัย ให้การต่อว่า ระหว่างทางก็ได้ล่วงละเมิดทางเพศ จับรูปคลำหน้าอก อวัยวะเพศ มาตลอดทาง พอถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ เป็นสถานที่เปลี่ยว จึงคิดจะข่มขืน จึงได้ลงมือถอดเสื้อผ้า แต่ผู้เสียชีวิตมีสติขึ้นมา พยายามต่อสู้ขัดขืนไม่ยอมให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย โดยผู้เสียชีวิตหันไปเห็นมีดที่อยู่ในรถ จึงหยิบมาขู่ตน ตนจึงคว้าไว้และกัดเข้าไปที่แขนเพื่อให้ปล่อยมีด แต่ผู้เสียชีวิตใช้เท้าถีบและเตะตน จนสามารถแย่งมีดกลับคืนไปได้ และเคาะที่กระจกด้านหน้าคนขับ จนตนเกิดความกลัว จึงยอมเปิดล็อกประตูให้ผู้เสียชีวิตวิ่งลงไป ก่อนจะรีบขับรถหนีไป แล้วนำเอาแหวนทองรูปหัวใจมีเพชร 2 วง ไปขายในราคาไม่เกิน 5,000 บาท ก่อนนำไปซื้อยาบ้าเสพ ส่วนกระเป๋าก็เอาไปทิ้งไว้แถววัดลาดพร้าว กทม.เนื่องจากใกล้ที่พักของตนเอง
ด้าน พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า คดีดังกล่าวได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างระมัดระวัง เนื่องจากผู้ต้องสงสัยเป็นอาสาของมูลนิธิแห่งหนึ่ง (ร่วมกตัญญู ขอสงวนชื่อ) ประจำจุดหนองจอก เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืน แต่ยอมรับว่าทำการลวนลามอนาจารจริง และเสพยาบ้าด้วย พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหา พยายามข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตน โดยใช้กำลังหรือขู่เข็ญด้วยประการใด, ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป, มีเครื่องวิทยุสื่อสารคมนาคมใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยา ส่วนผู้เสียชีวิตจะถูกข่มขืนหรือไม่นั้น ต้องรอผลการชันสูตรเพื่อยืนยันอีกครั้ง หากพบว่ามีก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม
sithiphong:
นศ.สาว โดนแท็กซี่ลวนลาม โทรแจ้ง 1584 เจอย้อนถามทำยังไงให้เขาจับ
-http://hilight.kapook.com/view/98974-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
3 นักศึกษาสาว ถูกลุงแท็กซี่หื่นลวนลามด้วยการจับขา ถ่ายรูปเจ้าตัวเอาไว้ได้ จึงโทรไปร้องเรียน 1584 กลับถูกตำหนิกลับมาว่าไปทำยังไงให้เขาจับ
วันที่ 7 มีนาคม 2557 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ นำเสนอข่าว 3 นักศึกษาสาว ขึ้นรถแท็กซี่สีฟ้า หมายเลขทะเบียน ชพ 9610 เพื่อจะไปยังอาคารมาลีนนท์ แต่กลับถูกคนขับรถแท็กซี่ซึ่งเป็นชายมีอายุ พยายามจะลวนลาม และเอื้อมมือมาจับขาของนักศึกษาสาวทั้ง 3 คน จึงถ่ายรูปคนขับรถเอาไว้ได้แล้วขอลงจากรถ โดยขณะที่จ่ายเงินก็ยังถูกลวนลามด้วยการจับมือซ้ำอีก
ทั้งนี้ นักศึกษาจึงโทรไปร้องเรียนที่ สายด่วน 1584 แต่กลับถูกโอเปอเรเตอร์ถามกลับมาว่า ไปทำอย่างไรให้เขาจับ ไปพูดกวนอะไรเขาก่อนหรือเปล่า จึงมีการแจ้งข่าวมายังรายการเรื่องเล่าเช้านี้แทน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://morning-news.bectero.com/social-crime/07-Mar-14/13249-
sithiphong:
ผู้หญิง-เด็กไทยถูกปู้ยี่ปู้ยำมากขึ้น “ข่มขืน-ทุบตี” จากคนใกล้ชิด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2557 15:12 น.
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000026708-
ผู้หญิงและเด็กไทยถูกปู้ยี่ปู้ยำมากขึ้น พบปี 56 พุ่ง 31,000 ราย เป็นเด็ก 60% ถูกข่มขืนมากที่สุด เหตุเสพสื่อลามก ส่วนผู้หญิงถูกทุบตีจากเหตุหึงหวง โดยคู่สมรส แฟนมากที่สุด สธ.เร่งขยายศูนย์พึ่งได้ลง รพ.สต.จัดอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม.เฝ้าระวัง 7 กลุ่มเสี่ยงถูกทำร้ายใกล้ชิดขึ้น
วันนี้ (8 มี.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 8 มี.ค.ทุกปีเป็นวันสตรีสากล (International Women's Day) ซึ่งการดูแลปัญหาความรุนแรงในเด็กและสตรีนั้น สธ.ได้ตั้งศูนย์พึ่งได้ในโรงพยาบาลในสังกัดตั้งแต่ปี 2542 จัดบริการแบบสหวิชาชีพ ช่วยเหลือดูแลครบวงจรร่วมกันหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านการรักษาพยาบาลร่างกายและจิตใจ ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านกฎหมาย จนปัญหายุติ ขณะนี้ดำเนินการในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปครบ 96 แห่ง ส่วนโรงพยาบาลชุมชนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว 631 แห่งจากทั้งหมด 734 แห่ง ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์การให้บริการพบว่า เด็กและสตรีถูกกระทำความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยปี 2550 ให้การช่วยเหลือ 19,067 ราย เฉลี่ยวันละ 52 ราย ปี 2556 เพิ่มเป็น 31,866 ราย เฉลี่ยวันละ 87 ราย หรือถูกทำร้าย 1 คนในทุกๆ 15 นาที ซึ่งร้อยละ 60 เป็นเด็ก โดย 9 ใน 10 เป็นเด็กหญิง พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 10-15 ปี ร้อยละ 46 อายุ 15-18 ปี ร้อยละ 40 และต่ำกว่า 5 ขวบ ร้อยละ 5 หรือ 1,000 ราย
“ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอันดับ 1 คือ ล่วงละเมิดทางเพศร้อยละ 72 รองลงมาเป็นการทำร้ายร่างกาย ร้อยละ 21 ผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่เด็กรู้จัก ไว้วางใจ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น เพื่อน แฟน ส่วนความรุนแรงในเด็กที่อายุมากขึ้นผู้กระทำมักเป็นแฟนมากที่สุด สาเหตุเกิดมาจากสภาพแวดล้อม ที่สำคัญคือการเสพสื่อลามก ความใกล้ชิดและโอกาสเอื้ออำนวย โดยสถานที่เกิดเหตุเป็นบ้านของผู้กระทำและบ้านที่เด็กอยู่อาศัย สถานที่เปลี่ยว เป็นต้น” ปลัด สธ.กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ส่วนความรุนแรงในสตรี พบมากที่สุดอยู่ในกลุ่มอายุ 35-45 ปี ร้อยละ 39 รองลงมาคืออายุ 18-25 ปี ปัญหาอันดับ 1 คือถูกกระทำรุนแรงทางร่างกาย เช่น ทุบตี จำนวน 9,699 ราย ถูกกระทำทางเพศ จำนวน 2,226 ราย โดยผู้กระทำรุนแรงคือคู่สมรสมากที่สุดร้อยละ 52 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการนอกใจ หึงหวง ทะเลาะวิวาท คาดว่าแนวโน้มของปัญหาดังกล่าวจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ มาจากหลายปัญหา เช่น การใช้สารเสพติด โดยเฉพาะสุรา ทำให้ขาดสติสัมปชัญญะ การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ขาดการคัดกรองอย่างรอบคอบ
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ในปี 2557 สธ.ตั้งเป้าตั้งศูนย์พึ่งได้ในโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง และเร่งขยายในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อดูแลให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการเฝ้าระวังผู้ที่มีความเสี่ยงถูกกระทำรุนแรงในพื้นที่ 7 กลุ่ม ได้แก่ เด็กผู้หญิง ผู้หญิงที่มีความพิการทางสติปัญญา ผู้พิการทางกาย ครอบครัวผู้ที่ติดยาเสพติด ดื่มสุรา พ่อแม่เป็นโรคจิต ครอบครัวแตกแยก เพื่อป้องกันไม่เกิดปัญหา และจัดระบบการทำงานประสานเชื่อมโยงเครือข่ายร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยจัดอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำ รพ.สต.และ อสม.ให้มีความรู้ ตรวจคัดกรองผู้ที่มีปัญหาหรือมีความเสี่ยง และจัดบริการส่งต่อเพื่อรับบริการดูแลเยียวยา ลดปัญหาทางกายและทางจิตใจในเบื้องต้นได้
“หากพบปัญหารุนแรงจะส่งดูแลต่อในโรงพยาบาลที่ใหญ่ขึ้นไป จะช่วยให้ประชาชนได้รับการดูแลความปลอดภัยและมีที่พึ่งใกล้บ้าน และในอนาคตจะเร่งพัฒนาศักยภาพและมาตรฐานการบริการให้ความช่วยเหลือเด็กและสตรี ของสถานพยาบาลต่างๆให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นผู้หญิงหรือเด็กถูกกระทำรุนแรง สามารถโทรศัพท์แจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือได้โรงพยาบาลทุกแห่งหรือ รพ.สต.ทั่วประเทศ” ปลัด สธ.กล่าว
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version