ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
sithiphong:
เปิดจดหมายถึง คสช.-รฟท. จากเหยื่อถูกข่มขืนบนรถไฟ 13 ปีก่อน
-http://hilight.kapook.com/view/104840-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สาว ป.โท เหยื่อที่ถูกพนักงานการรถไฟข่มขืนบนรถไฟเมื่อ 13 ปีก่อน ร่อนจดหมายถึง คสช. และ รฟท. ถามความรับผิดชอบและเรียกร้องให้มีมาตรการลงโทษคนร้ายคดีข่มขืนอย่างจริงจัง
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ได้มีการนำเสนอจดหมายเปิดผนึกจากผู้เสียหายที่ถูกพนักงานการรถไฟฯ ข่มขืนบนรถไฟเมื่อ 13 ปีก่อน ส่งตรงจากกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ถึง หัวหน้า คสช. และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อเรียกร้องให้มีมาตรการลงโทษคนร้ายคดีข่มขืนอย่างจริงจัง รวมถึงถามหาความรับผิดชอบจากการรถไฟที่คดีของเธอยังไม่สิ้นสุด และไม่ได้รับการเยียวยาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก โดยมีข้อความทั้งหมด ดังนี้
เรียน ท่านสื่อมวลชน ผ่านไปยัง หัวหน้า คสช./การรถไฟแห่งประเทศไทย
เรื่อง ความรับผิดชอบต่อผู้โดยสาร ในคดีข่มขืนบนรถไฟ
วันนี้ ดิฉันได้รับข่าวสารจากทางเมืองไทย แค่ได้อ่านหัวข้อข่าวว่า มีเหตุข่มขืนแล้วฆ่าบนรถไฟสายใต้ ดิฉันก็รู้สึกเจ็บและปวดที่หัวใจผู้ถูกกระทำอย่างรุนแรง "มันเกิดขึ้นอีกแล้วหรือ ?" "ทำไมฉัน ไม่เป็นคนสุดท้าย ? ทำไมต้องเป็นน้องเขา ? ทำไม ?"
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเอง เมื่อ 13 ปีที่แล้ว หากท่านยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2544 เกิดคดีข่มขืนหญิงสาวปริญญาโทบนตู้นอน บนขบวนรถไฟสายใต้ คดีนี้เป็นข่าวครึกโครม การรถไฟฯ ได้ไล่ผู้กระทำผิดออกจากงาน และศาลอาญาได้ตัดสินจำคุกจำเลยเป็นเวลา 9 ปี ส่วนในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ได้ตัดสินให้การรถไฟฯ และจำเลย ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดให้แก่โจทก์ นับจากวันนั้นถึงวันนี้ 13 ปีผ่านไปแล้ว แต่คดีก็ยังไม่ถึงที่สุด ดิฉันก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย เพราะการรถไฟฯ ได้ยื่นฎีกาขอทุเลาคดี และทำให้การเยียวยาของดิฉันได้รับความล่าช้าออกไปเรื่อย ๆ
หลายท่านคงไม่รู้ว่า หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น มีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนชีวิต และสุขภาพดิฉันไปตลอดกาลอย่างสิ้นเชิง ท่านรู้หรือไม่? ดิฉันต้องถูกบีบบังคับให้ออกจากงานที่กำลังไปได้ดี เพราะในสายตาของผู้บริหาร ดิฉันได้นำความเสื่อมเสียมาสู่องค์กร เพราะในการเดินทางครั้งนั้น ดิฉันไปทำงานในนามของบริษัท ดิฉันต้องเข้าโรงพยาบาลทางจิตติดต่อกันมาหลายปี มีอาการประสาทหลอน ควบคุมสติไม่ได้ ต้องเข้าบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง ทุกคืนวัน ดิฉันมีอาการฝันร้าย ผวาและหวาดกลัวคนรอบข้าง ไม่ไว้วางใจผู้คน
วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า นานนับหลายปี ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีอาการสั่นของมือ และเมื่อมีเหตุการณ์อะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจ แม้แต่เพียงเล็กน้อย ดิฉันจะมีภาวะตระหนก ควบคุมตนเองไม่ได้ และหลายต่อหลายครั้งถึงกับหน้ามืดเป็นลมหมดสติ ซึ่งอาการเหล่านี้แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานถึง 13 ปี ดิฉันก็ยังประสบความยากลำบากที่จะมีชีวิตเยี่ยงคนปกติ ด้วยความอ่อนแอทางสุขภาพจิตและการต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องหลายปี ทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การต้องประสบกับความอับอายในสังคม ทำให้ดิฉันต้องระเห็จมาตั้งต้นชีวิตใหม่ในต่างประเทศอย่างยากลำบาก และรอคอยกระบวนการยุติธรรมที่ถูกทำให้ล่าช้า อย่างไม่เห็นแก่มนุษยธรรมของท่าน
หลังจากอ่านหัวข้อข่าว ดิฉันรู้สึกแย่มาก น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าหัวใจถูกบีบอย่างแรง มันเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เพิ่งเกิดขึ้น และมันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ดิฉันไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนี้เป็นตัวอักษรได้ เพราะมันเจ็บปวดเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้ ดิฉันทราบข่าวเวลา 3 ทุ่มของประเทศกรีซ หลังจากนั้น ดิฉันหมดสติ มาเริ่มรู้สึกตัวประมาณเที่ยงคืน แต่ดิฉันก็พยายามฝืนที่จะพิมพ์จดหมายฉบับนี้ เพราะต้องการสื่อสารถึงคนในสังคมไทย ว่าถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สังคมนี้มีความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ต้องคอยระแวงว่า "ใคร คือรายต่อไป"
จากคดีของดิฉัน ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทางการแพทย์ ทางกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม แต่นั่นก็ยังไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เพราะคดีข่มขืนก็ยังเกิดขึ้นอีกแทบทุกวัน
ดิฉันคาดหวังให้มีบทลงโทษที่รุนแรง ในคดีข่มขืน และมีการป้องกัน บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจัง เพราะมันอาจจะเป็นหนทางที่ทำให้เหตุนี้เกิดขึ้นน้อยลง จนไม่เกิดขึ้นเลย........จะเป็นไปได้มั้ยคะ ขอฝากไปถึงท่านผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่จะสามารถทำให้เกิดบทลงโทษที่รุนแรงมากกว่านี้ หรือว่าต้องรอให้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของท่านก่อน
ดิฉันขอแสดงความเสียใจกับบิดาและมารดาของน้องที่เสียชีวิต ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสีย เพราะดิฉันก็ได้เสียมารดา เนื่องจากผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดิฉันเช่นกัน ดิฉันอยากจะบอกว่าน้องเขาไปดีแล้ว น้องเขาโชคดีกว่าดิฉันเยอะ เพราะทุกวันนี้ดิฉันมีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น 10 กว่าปีที่ผ่านมา ดิฉันไม่เคยนอนหลับตอนกลางคืนเลย มันยากที่จะลืม
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอฝากข้อความไปถึงท่านผู้มีอำนาจในบ้านเมือง, ผู้ว่าการการรถไฟฯ คนปัจจุบัน ว่า ท่านมั่นใจเหรอคะ ว่า 117 ปี ของการรถไฟฯ ไม่เคยมีคดีร้ายแรง มีแต่อนาจาร ดิฉันไม่ทราบว่า ท่านมาบริหารองค์กรนี้ได้อย่างไร ท่านไม่เคยทราบเลยหรือคะ ว่า องค์กรของท่านเคยเกิดเหตุคดีข่มขืนบนรถไฟสายใต้ ขณะที่รถไฟยังวิ่ง โดยผู้ก่อเหตุเป็นพนักงานขององค์กรของท่านเอง ท่านไม่เคยทราบเลยหรือคะ ท่านคิดว่า ท่านสมควรที่จะเป็นผู้บริหารองค์กรนี้ต่อไปหรือคะ คดีของดิฉัน 13 ปีแล้วค่ะ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรคะ ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างตลอดกาลของดิฉัน การรถไฟฯ เห็นว่า การเยียวยาชดใช้ช่วยเหลือความเสียหายมันตีเป็นตัวเงินเมื่อเทียบกับชีวิตของดิฉันได้หรือคะ ทำไมต้องใช้เวลาเตะถ่วงถึง 13 ปี จนบัดนี้ ดิฉันมีลูกชายวัยเด็กที่ดิฉันต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู ด้วยสุขภาพทั้งกายทั้งจิตที่บอบช้ำอย่างหนัก แต่สำหรับท่าน เงินเพียงเล็กน้อยเท่านี้เท่าที่ศาลท่านสั่งให้ชดใช้ ท่านคิดว่ามากไปหรือคะ ช่วยกรุณาตอบดิฉันด้วย
และเหตุการณ์ของน้องแก้มที่เพิ่งเกิดขึ้น ท่านจะพูดว่าอะไรคะ ท่านจะดำเนินการอย่างไร ไล่พนักงานคนนั้นออก แล้วก็จบ เหมือนคดีของดิฉันใช่มั้ยคะ คำว่า "ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" ที่ท่านผู้ว่าฯ คนก่อนโน้นเคยกล่าวกับดิฉัน ท่านก็กำลังจะกล่าวคำนี้เช่นกัน กับมารดาของน้องแก้มใช่มั้ยคะ .....ดิฉันอยากถามว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของท่าน ท่านจะกล่าวคำว่าอะไร ????????????
เรื่องเล่าเช้านี้ ผู้เสียหายคดีพนง.รถไฟล่วงละเมิดปี44 ส่งจม.เปิดผนึกวอนเพิ่มบทลงโทษ (9ก.ค.57)
-http://www.youtube.com/watch?v=nrKZ-XhF8W8-
คลิป เรื่องเล่าเช้านี้ ผู้เสียหายคดีพนง.รถไฟล่วงละเมิดปี44 ส่งจม.เปิดผนึกวอนเพิ่มบทลงโทษ (9ก.ค.57) โพสต์โดยคุณ เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
.
sithiphong:
หวั่นถูกจับมา! แชร์ภาพชายขอทานอุ้มเด็กลูกครึ่ง
-http://news.sanook.com/1628157/%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87/-
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (10 ก.ค.) ทวิตเตอร์ @bromeen35 ได้ทวีตภาพพร้อมข้อความว่า เราเจอเด็กคนนี้ที่โชคชัย 4 หน้าตาลูกครึ่งแต่งตัวดีร่างกายดูอ่อนเพลีย เรากลัวว่าจะถูกจับมา ฝากรีต่อด้วยค่ะ โดยเป็นภาพชายขอทานรูปร่างผอม ผิวคล้ำ อุ้มเด็กหน้าตาคล้ายลูกครึ่งซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ ซึ่งข้อความดังกล่าวถูกชาวเน็ตรีทวีตต่อไปแล้ว 1 หมื่นกว่าครั้ง
ล่าสุด นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @EakMirror ว่า กรณีเด็กขอทานหน้าตาคล้ายลูกครึ่งที่โชคชัย 4 มูลนิธิกระจกเงา รับดำเนินการรับดำเนินการตรวจสอบติดตามต่อไปครับ
sithiphong:
.
พลิกแฟ้ม...5นักโทษประหารคดีฆ่าข่มขืน : ทีมข่าวอาชญากรรม
-http://www.komchadluek.net/detail/20140711/188005.html-
หลัง ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) นักเรียนหญิงชั้น ม.2 ถูก นายวันชัย แสงขาว พนักงานของการรถไฟฆ่าข่มขืนแล้วโยนศพออกจากขบวนรถไฟ ทำให้ประชาชนจำนวนมากโดยเฉพาะเหล่าดารา มีการใช้โซเชียลมีเดียและร่วมเคลื่อนไหวให้มีการแก้กฎหมายลงโทษสถานหนักกับคนร้ายที่ก่อคดี โดยแสดงสัญลักษณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ข่มขืน=ประหารชีวิต บางรายถึงขนาดรวมตัวกันชูป้ายสนับสนุนให้นักโทษในเรือนจำรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาทันทีที่เข้าสู่ประตูเรือนจำ
ทีมข่าวเนชั่นทวี ได้ตรวจสอบคดีข่มขืนย้อนหลัง พบว่า ในอดีตมีการลงโทษประหารชีวิตผู้ก่อเหตุน้อยมาก ซึ่งเท่าที่ตรวจพบมีเพียง 5 คดีที่ท้ายที่สุดแล้วคนร้ายถูกประหารชีวิต คดีแรก สมศักดิ์ พรนารายณ์ ก่อคดีข่มขืนแล้วใช้สายไฟรัดคอเด็กหญิงวัย 15 ปี เสียชีวิต เหตุเกิด ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2538
คนร้ายนี้เป็นเพื่อนกับอาของผู้ตาย เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเหยื่อหลังจากออกจากคุก ได้อาศัยจังหวะฝนตก สมาชิกในครอบครัวกำลังหลับ จึงกระทำกับเหยื่อแล้วพยายามหลบหนี แต่ถูกตำรวจเชียงคานจับกุมได้ระหว่างรอรถโดยสารใน อ.เชียงคาน หลังถูกจับกุมนายสมศักดิ์ รับสารภาพว่า นอกจากเด็กหญิงวัย 15 ปี รายนี้แล้ว ก่อนหน้านั้นเพียง 1 เดือนได้ก่อเหตุข่มขืนและพยายามฆ่าคนขับรถสามล้อเครื่องในเขต อ.เมือง จ.เลย คดีของนายสมศักดิ์เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาลนาน 4 ปี หลังคดีสิ้นสุดเขาถูกประหารชีวิตไปเมื่อปี 2542
รายต่อมา คือ นายพันธุ์ หรือแหล่ สายทอง วัย 34 ปี ก่อคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ภายในโรงเรียนวัดแห่งหนึ่งย่านบางพลัด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2539 โดยคนร้ายรายนี้ได้ลอบเข้าไปแอบอยู่ในห้องน้ำโรงเรียนฉวยโอกาสที่เด็กเข้าห้องน้ำลงมือ โดยคนร้ายรายนี้เพิ่งพ้นโทษจากคดียาเสพติด ออกมาจากคุกไม่ทันครบเดือนก็ก่อคดีฆ่าข่มขืนเหยื่อรายนี้
นายพันธ์ ถูกตำรวจชนะสงครามจับกุมได้หลังก่อเหตุเพียง 1 วัน ในข้อหาซ่องโจร ก่อนที่ตำรวจบางพลัดจะประสานขออายัดตัวมาให้เพื่อนนักเรียนของเหยื่อชี้ตัว ซึ่งผู้ต้องหาสารภาพในเวลาต่อมาหลังจำนนต่อหลักฐานที่พบในจุดเกิดเหตุ คดีนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาลนาน 4 ปี ก่อนที่คนร้ายรายนี้จะถูกประหารชีวิตไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2542
ถัดมาคือ นายเดชา สุวรรณสุก วัย 49 ปี ก่อคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 4 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรสาวของตัวเอง เหตุเกิดที่โรงไม้แห่งหนึ่งย่านสุวินทวงศ์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2539 ตำรวจจับกุมคนร้ายรายนี้หลังจากตรวจพบตามร่างกายมีรอยขีดข่วน แต่นายเดชากลับอ้างว่า บุตรชายซึ่งเป็นพี่ชายของผู้ตายน่าจะเป็นคนกระทำแต่ต้องจำนนต่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ คืออสุจิที่พบในตัวเด็ก ซึ่งเมื่อนำไปผ่านกระบวนการตรวจสอบดีเอ็นเอแล้วตรงกันกับดีเอ็นเอของนายเดชา
นายเดชา เคยต้องคดีลักทรัพย์ถูกจับกุม 2 ครั้ง มีพฤติการณ์ดื่มสุรามึนเมา และมักทำร้ายคนในครอบครัวเป็นประจำ โดยวันเกิดเหตุนายเดชาดื่มสุราจนเมา แล้วอ้างว่าก่อเหตุข่มขืนลูกสาวเพราะต้องการระบายความแค้นที่ภรรยาหนีไปอยู่กับชายอื่น
นายเดชา ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต และถูกส่งคุมขังในเรือนจำบางขวาง ซึ่งผ่านกระบวนการในศาลอุทธรณ์ ผลการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิต และถูกประหารชีวิตไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2542 หลังก่อเหตุ 4 ปี
รายที่ 4 ต่อมา คือ นายอำไพ ใสโพธิ์ วัย 26 ปี เป็นคนร้ายในคดีข่มขืนฆ่าอีกรายที่ถูกประหารชีวิต โดยคนร้ายรายนี้ลงมือกระทำกับเหยื่อซึ่งเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 2 ขวบ 3 เดือน เหตุเกิดใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2541 คนร้ายรายนี้ได้ขโมยเด็กจากร้านค้าในหมู่บ้าน โดยหลอกจะซื้อขนมให้เด็กแล้วพาไปกระทำในป่าท้ายหมู่บ้าน โดยอ้างว่า ก่อเหตุเพราะเมาสุรา เมื่อล่วงละเมิดแล้วได้ใช้ไม้ตีเด็กจนเสียชีวิต คดีนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี 3 ปี ก่อนศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นประหารชีวิตคนร้ายรายนี้ไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2544
รายสุดท้ายคือ นายเก้า ปั้นหยัด วัย 29 ปี ก่อคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 10 ขวบ ในเขต อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อเดือนเมษายน 2539 โดยคนร้ายรายนี้ได้ฉวยโอกาสขณะเหยื่อออกจากบ้านไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ให้แม่ ผ่านคลองชลประทาน ซึ่งเป็นที่เปลี่ยว จึงถูกคนร้ายรายนี้ที่อาบน้ำอยู่ในคลองลงมือ เสร็จแล้วได้โยนศพลงน้ำอำพรางการตายเบี่ยงเบนคดีให้เชื่อว่าเด็กจมน้ำเสียชีวิต นายเก้าต่อสู้คดีในชั้นศาลอยู่นานเกือบ 4 ปี ก่อนถูกประหารชีวิตไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2542
................
(หมายเหตุ : พลิกแฟ้ม...5นักโทษประหารคดีฆ่าข่มขืน : ทีมข่าวอาชญากรรม)
sithiphong:
รวบพี่เขยหื่นข่มขืนเด็กหญิง วัย 11 ขวบ
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 11 กรกฎาคม 2557 16:36 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000078488-
ตำรวจบางพลี รวบพี่เขยหื่นข่มขืนเด็กหญิงวัย 11 ขวบ นร. ชั้น ป.4 นานร่วม 2 เดือน เบื้องต้นแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี และข้อหาอนาจาร ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (11 ก.ค.) พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี พร้อมด้วย พ.ต.ท.เชาว์ ป้อมงาม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ธีระยุทธ เสรีนนท์ชัย รอง ผกก.ป. พ.ต.ต.ภูวนาถ แก่นจันทร์ สว.สส. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.บางพลี ได้แถลงข่าวจับกุม นายสันติภาพ หรือ อิฐ เวกสันเที้ยะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 541/106 หมู่ 9 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังจับกุมตัวได้ตามหมายจับของศาล จังหวัดสมุทรปราการ ที่ ส. 449/2557 ลงวันที่ 11 ก.ค. 2557
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2557 เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ได้มี น.ส.เสาวลักษณ์ อยู่เล็ก ซึ่งเป็นพี่สาวผู้เสียหาย ได้เข้ามาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี ว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นน้องสาว อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.4 และอยู่ในความปกครองของตน เนื่องจากบิดาได้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนมารดามีสามีใหม่ และไม่สามารถติดต่อได้ ถูกผู้ต้องหาคือ นายสันติภาพ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขย ก่อเหตุกระทำชำเราและอนาจารในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ตั้งแต่ มิ.ย. - ก.ค. 2557 ต่อเนื่องกันหลายครั้ง ซึ่งตนทราบเรื่องจากน้องสาวที่เล่าเรื่องราวให้ฟัง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.บางพลี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี ได้ลงพื้นที่หาข่าวจนพบตัว นายสันติภาพ ผู้ต้องหา ที่บริเวณกลางซอยจารุสังข์ 3 หมู่ 3 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมแสดงตัวและนำหมายศาลเข้าจับกุม เบื้องต้นนายสันติภาพ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ข่มขืน ด.ญ.เอ (นามสมมติ) จริง จำนวน 4 ครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากคาดว่าน่าจะลงมือกระทำมากกว่านั้น เพราะก่อเหตุต่อเนื่องกันมาถึง 2 เดือน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตั้งข้อกล่าวหาว่า “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ระหว่างนี้ต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์อีกครั้งว่าจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาอะไรเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่
sithiphong:
ช่วยไม่ทัน!! หนูน้อยวัย 12 ถูก "งูพิษ" กัดขณะนอนหลับ
-http://news.springnewstv.tv/51060/%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2-12-%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81-%E0%B8%87%E0%B8%B9%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A-
เกิดเหตุมีงูพิษเข้าไปกัดเด็กชายวัย 12 ขวบ ขณะนอนหลับในที่นอนกลางดึก ก่อนที่ผู้ปกครองจะนำส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลยโสธรและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองป้อง ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร เข้าชันสูตรพลิกศพของ ด.ช.ธนวิทย์ เผ่าเพ็ง อายุ 12 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 8 บ้านโคกยาว ต.ทรายมูล อ.ทรายมูล จ.ยโสธร หลังจากเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 6 ก.ค. 57 ที่ผ่านมา ขณะที่ ด.ช.ธนวิทย์ นอนหลับอยู่ในที่นอนภายในบ้านพักซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวได้มีงูพิษไม่ทราบชนิดเข้าไปกัดที่บริเวณท้ายทอยจน ด.ช.ธนวิทย์ สะดุ้งตื่นและร้องบอกให้พ่อกับแม่ที่นอนอยู่ใกล้กันทราบ หลังจากนั้นพ่อกับแม่จึงได้นำตัว ด.ช.ธนวิทย์ ส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลทรายมูลในช่วงเช้าและถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลยโสธร แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นและอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักมาตลอด จนกระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 9 ก.ค. 2557 ด.ช.ธนวิทย์ จึงเสียชีวิต ซึ่งแพทย์ลงความเห็นสาเหตุการเสียชีวิตว่าระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
ด้าน นางสังวร เผ่าเพ็ง มารดาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในคืนวันเกิดเหตุตนและลูกชายเข้านอนตามปกติ โดยตนกับสามีแยกนอนอีกที่หนึ่ง ส่วนลูกชายนอนคนเดียวแต่อยู่ใกล้ๆ กันภายในบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวและใกล้ๆ บ้านจะมีลำห้วย จนกระทั่งใกล้สว่างตนได้ยินเสียงลูกชายร้องบอกว่าถูกอะไรไม่รู้กัดเข้าที่บริเวณท้ายทอย ตนจึงไปตรวจดูพบว่าที่บริเวณท้ายทอยมีรอยเขี้ยวสองจุด และลูกชายบอกว่ามีอาการชาที่ริมฝีปาก ตนกับสามีจึงรีบนำตัวลูกชายส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลทรายมูล และส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาลยโสธร และนอนรักษาอาการได้ 3 วัน จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version