ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ

รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง

<< < (10/48) > >>

sithiphong:
โดนใบสั่ง ไม่ไปจ่ายค่าปรับ จะเป็นอย่างไร!?!

-http://auto.sanook.com/5720/%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3/-


มีข้อถกเถียงสงสัยกันมานานแล้วว่าเมื่อได้รับใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับ เวลาทำผิดกฎจราจร เช่น ขับรถฝ่าสัญญาณไฟ จอดรถในที่ห้ามจอด ตรวจจับความเร็ว ฯลฯ โดนใบสั่งแบบนี้ถ้าไม่ไปจ่ายจะเป็นไรไหม? ขยำใบสั่งทิ้งได้หรือเปล่า? วันนี้ Dealfish หาคำตอบมาให้

ถ้าไม่ไปชำระค่าปรับตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง โดยไม่มีเหตุอันควร ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ไปชำระค่าปรับตามใบสั่ง มีความผิดอีกข้อหาหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท (มาตรา 155 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ) นอกจากนี้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดการกับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถตามมาตรา 141 ทวิ ดังนี้

1. พนักงานสอบสวนมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนตามสถานที่ วัน และเวลาที่ระบุในหมายเรียกนั้น แล้วพนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย

2. ถ้าพนักงานสอบสวนใช้อำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้วส่งหมายเรียกไม่ได้ พนักงานสอบสวนจะแจ้งไปยังนายทะเบียนรถหรือนายทะเบียนขนส่งทางบกให้งดรับชำระภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้นไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าผู้ได้รับใบสั่งจะมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกและชำระค่าปรับให้เรียบร้อยเสียก่อน พนักงานสอบสวนจึงจะแจ้งไปยังนายทะเบียนให้ทราบเพื่อให้ผู้นั้นชำระภาษีประจำปีสำหรับรถนั้นต่อไป

ดังนั้น เมื่อคุณทำผิดกฎจราจร หรือได้รับใบสั่ง คุณก็มีหน้าที่ต้องไปชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจในเขตท้องที่และภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ ซึ่งปกติแล้วก็มักจะไม่เกิน 7 วัน หรือถ้าใครไม่สะดวกไปจ่ายเองก็อาจจะชำระทางไปรษณีย์ก็ได้ ส่วนกรณีโดนยึดใบขับขี่ไว้ ก็ให้ใช้ใบรับแทนใบขับขี่ไปพลางก่อน เมื่อไปชำระค่าปรับแล้วตำรวจก็จะคืนใบขับขี่ให้

หลายคนคิดว่าไม่ต้องไปจ่ายหรอก ข้อมูลคงไม่ถึง อันนี้ขอแนะนำว่าอย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่า นอกจากจะไม่สามารถต่อทะเบียนรถยนต์ได้แล้ว ยังต้องอาจต้องโทษปรับเพิ่มขึ้นด้วย สรุปให้สั้นๆ นั่นคือ ทำให้ถูกต้องดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง...

sithiphong:
สคบ.คุมถังแก๊สติดรถยนต์
วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556 เวลา 10:09 น.
-http://www.dailynews.co.th/businesss/225463-



ผนึกขนส่งพลังงานลุยตรวจ หวั่นเอกชนโฆษณาเกินจริง

นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สคบ.เตรียมหารือกับกรมการขนส่งทางบก กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบกรณีผู้ประกอบการที่ให้บริการติดตั้งถังแก๊สแอลพีจี และเอ็นจีวีในรถยนต์ว่ามีคุณภาพหรือไม่ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคว่า ปัจจุบันสถานที่ติดตั้งถังแก๊สหลายแห่งอาจรับติดตั้งแก๊สโดยไม่มีมาตรฐานและปลอดภัย เห็นได้จากเหตุการณ์รถยนต์เกิดเพลิงไหม้อยู่บ่อยครั้ง และส่วนใหญ่ก็เป็นรถยนต์ที่ติดตั้งแก๊สเกือบทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ร้านที่ติดตั้งส่วนใหญ่มักโฆษณา โดยอ้างว่า ร้านนี้ติดตั้งแล้วปลอดภัย มั่นใจได้ พร้อมระบุด้วยว่าได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐอย่างถูกต้อง แต่ก็ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างแน่ชัดว่า มีใบรับรองจากภาครัฐจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ติดตั้งจะมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ด้วยหรือไม่ โดยภายหลังจากเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ เพื่อพิจารณาข้อมูลร่วมกันแล้ว ต่อไปจะลงพื้นที่ตรวจสอบร้านที่ติดตั้งอีกครั้ง

“ตอนนี้มีเสียงเรียกร้องมาเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ได้โฆษณากันว่า ติดตั้งแก๊สที่นี่แล้วปลอดภัย แต่ไม่รู้ว่าได้รับการตรวจสอบมาตรฐานจากภาครัฐจริงตามที่อ้างหรือไม่ และถ้าเกิดติดตั้งไปแล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น แล้วใครจะรับผิดชอบ ซึ่งผู้บริโภคได้สะท้อนความกังวลเรื่องนี้มาขอให้ สคบ.ช่วยเข้ามาตรวจสอบ คาดว่า ในการหารือครั้งนี้คงจะได้ข้อมูลมากขึ้น เช่น มีผู้ประกอบการรายใดที่เปิดร้านถูกต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานรัฐ มีที่ใดบ้างที่มีความเสี่ยง และอุปกรณ์ที่ติดตั้งมีมาตรฐานต้องใช้ลักษณะอย่างไร หากได้ข้อมูลและลงไปตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบการรายใดไม่มีมาตรฐาน จะถือว่าเป็นการกระทำความผิด และต้องได้รับโทษตามกฎหมายของหน่วยงานที่กำกับดูแลแล้วทันที”

อย่างไรก็ตามนอกจากการหารือกับหน่วยงานภาครัฐแล้ว สคบ.ยังเตรียมเชิญผู้ประกอบการจากสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มารับฟังข้อมูลด้วย เชื่อว่า คงเป็นช่วงหลังจากได้ลงพื้นที่ไปแล้ว โดยการดำเนินการดังกล่าว จะช่วยควบคุมธุรกิจการติดตั้งแก๊สในรถยนต์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน เพราะผู้ประกอบการมักโฆษณาแข่งขันกันว่า ติดตั้งร้านนี้แล้วราคาถูก แต่ไม่ได้ดูว่าราคาถูกแล้ว ผู้บริโภคจะได้รับของที่มีคุณภาพหรือไม่

นายจิรชัย กล่าวว่า หาก สคบ.ได้ลงพื้นที่และได้ตรวจสอบข้อมูลของผู้ประกอบการเรียบร้อยแล้ว พบว่า ผู้ประกอบการรายใดดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎระเบียบ ได้รับการรับรองมาตรฐานเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานที่ดูแลอย่างชัดเจน สคบ.จะพิจารณามอบตราสัญลักษณ์ของ สคบ. เพื่อแสดงให้ผู้บริโภคทราบว่า หากมาใช้บริการที่นี่แล้วมั่นใจได้ว่า ไม่เอาเปรียบผู้บริโภคอย่างแน่นอน

สำหรับเรื่องของการควบคุมธุรกิจรับติดตั้งแก๊สนั้น จะยังไม่ได้เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ สคบ.ได้จัดระเบียบเป็นธุรกิจที่ควบคุม แต่ในอนาคตจะพิจารณาให้ธุรกิจดังกล่าวบรรจุเข้ามาเป็นธุรกิจที่ได้รับการควบคุมด้วย เพราะที่ผ่านมามีเพียงธุรกิจรถยนต์ใหม่ รถยนต์มือสอง ธุรกิจซ่อมรถยนต์ และธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ เท่านั้นที่ได้รับการควบคุม ซึ่งจะติดตราสัญลักษณ์ สคบ.แสดงไว้บนสินค้าหรือบริการที่มีการรับประกันความปลอดภัยให้ผู้บริโภค หากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือได้รับความเสียหายจากการบริโภคสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ของ สคบ. สามารถขอรับค่าชดใช้ความเสียหายจากบริษัทผู้ประกันภัยได้ทันที.

sithiphong:
ซวย ! นักศึกษาหนุ่ม ขี่ จยย. กิ่งไม้ใหญ่หล่นใส่หัวสลบ
-http://hilight.kapook.com/view/89785-






กิ่งไม้หล่นใส่หัวน.ศ.สลบ แม่ค้าหวยช่วยทัน (ไอเอ็นเอ็น)
 
          นักศึกษา ม.แม่ฟ้าหลวง ดวงซวย กิ่งไม้สักหล่นใส่หัวขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ไปรับเพื่อน จนหมดสติ โชคดี แม่ค้าขายหวยช่วยได้ทัน

          วันที่ 14 สิงหาคม 2556 เจ้าหน้าที่กู้ภัยศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย ได้รับแจ้งว่า มีเหตุกิ่งไม้ขนาดใหญ่ตกใส่ผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ บนถนนพหลโยธิน บ้านป่ากล้วย ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย จึงทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กษข 37 ยะลา ล้มอยู่ข้างถนน เสียหายเล็กน้อย มีหมวกกันน็อกของผู้ขับขี่ตกอยู่สภาพแตกออกเป็น 2 ชิ้น และมีแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลกำลังช่วยประคองชายวัยรุ่นในชุดนักศึกษาที่นอนสลบอยู่ข้างทาง เนื่องจากถูกกิ่งไม้สักขนาดใหญ่ หักจากต้นลงมาใส่ศีรษะคนขับรถจักรยานยนต์ และทำให้รถล้ม ทราบชื่อคือ นายต่วน ยุทธสลี ชาวยะลา อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเชียงราย คณะศิลปศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 4

          นายต่วน กล่าวว่า ตนขับขี่รถจักรยานยนต์มาจาก มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จะไปรับเพื่อนที่สถานีขนส่ง จนมาถึงที่เกิดเหตุเหมือนมีสิ่งของหล่นลงมาใส่ศีรษะ โชคดีที่ตนสวมหมวกกันน็อกอยู่ รถเสียหลักล้มลงและหมดสติไม่รู้สึกตัว จนมาทราบว่า แม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลข้างทางปลุกให้ตื่น จึงรู้ว่าตนถูกกิ่งไม้สักขนาดใหญ่หล่นใส่ ทั้งนี้ กิ่งไม้ที่หักลงมา คาดว่าจะผุกร่อนจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และเมื่อมีลมพัดจึงทำให้กิ่งไม้หักได้ง่าย


ไอเอ็นเอ็น

sithiphong:
ไทยจ่อซิวแชมป์อุบัติเหตุ อึ้ง! ขยับจากอันดับ 6 ขึ้นที่ 3 ของโลก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    14 สิงหาคม 2556 18:42 น.
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000101136-


  ไทยจ่อซิวแชมป์อุบัติเหตุทางถนน หลังขยับจากอันดับ 6 เมื่อปี 2555 ขึ้นเป็นอันดับ 3 ในปี 2556 พบเสียชีวิตมากถึง 38.1 คนต่อประชากรแสนคน สคอ.เร่งกระตุ้นคนไทยรักษาวินัยจราจร พร้อมจัดประชุมหาแนวทางแก้ไขเสนอมาตรการแก้ปัญหาระดับชาติ

   
       วันนี้ (14 ส.ค.) ที่โรงแรมทับขวัญ รีสอร์ทแอนด์สปา จ.นนทบุรี นพ.พรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวในการประชุมเสริมสร้างความร่วมมือ เครือข่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อความปลอดภัยทางถนนครั้งที่ 5 ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้ ปี 2554-2563 เป็นปีแห่งความปลอดภัยทางถนน และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งเป้าลดอัตราผู้เสียชีวิตให้ต่ำกว่า 10 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคนในปี 2563 ซึ่งทางศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) และภาคีเครือข่ายได้เร่งรณรงค์และประชาสัมพันธ์ เพื่อหวังลดอัตราการเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุ ได้เปิดเผยรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลก 2556 ว่า อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก เสียชีวิตถึง 38.1 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน เหตุเมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย และหลับใน
       
       “สำหรับประเทศที่อยู่อันดับ 1 คือ ประเทศเกาะนีอูเอ เสียชีวิต 68.3 ต่อแสนประชากร ซึ่งทั้งประเทศมีประชากรเพียง 1,465 คนเท่านั้น ส่วนอันดับที่ 2 คือ สาธารณรัฐโดมินิกัน มีประชากร 9,927,320 คน มีอัตราผู้เสียชีวิต 41.7 ต่อแสนประชากร ส่วน 6 ประเทศที่สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้อย่างน่าชื่นชม คือ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และอังกฤษ” นพ.พรหมมินทร์ กล่าว
       
       นพ.พรหมมินทร์ กล่าวอีกา สคอ.ได้ดำเนินงานขับเคลื่อนกระบวนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน โดยการประสานภาคีเครือข่ายสร้างการสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ ให้ข้อมูลกับสังคม สร้างกระแสให้เกิดการรับรู้ เกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องขอความร่วมมือไปยังเครือข่ายสื่อมวลชน ช่วยกระตุ้นร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ลดค่าใช้จ่าย ลดความสูญเสีย ให้กับสังคมไทย อย่างไรก็ตาม สคอ.จะนำข้อมูล ข้อเสนอแนะ และแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ได้จากประชุม นำมาสรุป วิเคราะห์ และเสนอไปยังคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เพื่อผลักดันเป็นนโยบายและมาตรการการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุระดับชาติต่อไป
       
       อนึ่ง ปี 2555 องค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุ เปิดเผยสถิติอุบัติเหตุของไทยพบว่าสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ด้านมูลนิธิเมาไม่ขับระบุว่า ปี 2555 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยปีละ 12,000 คน บาดเจ็บเฉลี่ยกว่า 1 ล้านคน ติดอันดับประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจาก บราซิล เคนยา อินเดีย และ กัมพูชา
       

sithiphong:
บิณฑ์ เซ็ง ! ลุงร้องไห้ตามหาลูกเผ่นแนบ ที่แท้เป็นพวกมิจฉาชีพ
-http://hilight.kapook.com/view/89882-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

            บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เซ็ง ช่วยส่งลุงขี้เมาอ้างตามหาลูกสาวชื่อ วันเพ็ญ พุทธรักษา ขึ้นรถทัวร์กลับสุรินทร์ มารู้ทีหลังลุงขอโชเฟอร์ลงกลางทางก่อนเผ่นแนบ เชื่อ เป็นพวกมิจฉาชีพสร้างสถานการณ์ให้น่าสงสาร หวังตุ๋นพลเมืองดี เตือนใครเจออย่าช่วยเหลือ

            จากกรณีที่เมื่อวันก่อน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เข้าช่วยเหลือลุงเนียมที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยคุณลุงอ้างว่ากำลังตามหาลูกสาวชื่อ วันเพ็ญ พุทธรักษา ก่อนที่ภายหลังจะพบว่าลุงเนียมเป็นเพียงคนเมาเท่านั้น และไม่ได้มาตามหาลูกสาวจริง แต่ทางบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ก็ยังใจดี ช่วยซื้อตั๋วรถทัวร์ให้ลุงเนียมได้นั่งกลับบ้านที่จังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับฝากฝังคนขับรถทัวร์ให้ช่วยดูแลคุณลุงด้วย และยังควักเงินให้คุณลุงติดตัวไว้ใช้ 5,000 บาท ซึ่งลุงเนียมก็สัญญาว่าจะเลิกเหล้าแน่นอน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

            ล่าสุดดูเหมือนว่าเรื่องจะกลับตาลปัตร เพราะเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 สิงหาคม 2556 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้โพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊กบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ระบุว่า หลังจากคุณลุงเนียมได้ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิตแล้วก็ได้โวยวายกับคนขับเพื่อขอลงกลางทางที่รังสิตทันที ก่อนจะหายตัวไป จึงคาดว่าลุงเนียมน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่สร้างสถานการณ์ให้ตัวเองดูน่าสงสาร เพื่อหลอกลวงพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยเหลือก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนเสียความรู้สึกมาก ๆ ดังนั้น หากใครเจอคุณลุงก็อย่าเข้าไปช่วยเหลือ และต้องขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

            "สวัสดีครับเพื่อน ๆ..ผมขอชี้แจงเรื่องของนายเนียม ที่เมื่อวานก่อนผมดำเนินการเอาตัวลุงเนียม ส่งกลับบ้านที่สุรินทร์ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม เวลา 23.10 น. เมื่อรถออกจากหมอชิต รถได้ขับเลยไปแค่รังสิต ลุงเนียมก็ขอลงทันที โดยบอกคนขับรถให้จอด แต่คนขับรถไม่จอด จึงโวยวาย คนขับรถจึงจอด และได้ขู่กับลุงว่าจะแจ้งให้ผมทราบก่อน แต่ก็ไม่ได้ผล คนขับก็เกรงใจผู้โดยสารท่านอื่น จึงเปิดประตูรถให้ลงไป ทันทีที่ลงจากรถก็วิ่งอย่างเร็วหายไปเลยครับ..."

            "ถ้าท่านใดเจอ อย่าให้การช่วยเหลือนะครับ ผมว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์การสงสารเผื่อให้คนเห็นใจ เพราะวันนั้นมีพยาบาลบอกแล้วว่าเขาหากินอยู่ในกรุงเทพฯ เข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง เพราะมีพลเมืองดีมาส่ง แกล้งเป็นลม แล้วร้องไห้ให้คนสงสาร ผมเองก็เสียความรู้สึกมาก ๆ กับการกระทำของลุงคนนี้ ใครเจออย่าช่วยเหลือนะครับ เพราะลุงยังมีเงินอยู่อีก 5,000 บาท ต้องขอโทษจริง ๆ ครับผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้"



นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version