ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
sithiphong:
วิธีไล่ตัวต่อไปให้ไกลสวน ด้วยมาตรการเบา ๆ
-http://home.kapook.com/view72899.html-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ทั้งผึ้งและตัวต่อ ต่างก็เป็นแมลงที่ชอบมาวนเวียนอยู่ในสวนบ้านเราอยู่บ่อยครั้ง หนักเข้าก็ลามปามมาสร้างรังอาศัยอย่างถาวรกันหน้าตาเฉย บางคนก็อยากไล่ใจจะขาด แต่ถ้าทะเล่อทะล่าเข้าไปกลัวจะโดนต่อยให้เจ็บตัว กลายเป็นเรื่องใหญ่กันอีกนี่สิ ครั้นจะใช้ยาฆ่าแมลงก็เกรงว่าจะเป็นวิธีกำจัดตัวต่อที่รุนแรงเกินไป แถมสารเคมีอาจจะเป็นอันตรายกับเราได้อีกด้วย ตอนนี้ก็เลยดูเหมือนจะปล่อยให้ตัวต่อทำรังในสวนกันอย่างสบายใจเฉิบ เอาล่ะ ! หมดเวลาสนุกของตัวต่อแล้ว เพราะเราจะใช้มาตรการนุ่มนวลไล่ตัวต่อไปให้ไกลด้วยวิธีเด็ด รับรองว่าไม่ต้องเสียเวลานับศพตัวต่อกันแน่นอนจ้า
สเปรย์ไล่แมลงสูตรธรรมชาติ
วิธีที่ง่ายที่สุดในการกำจัดตัวต่อ ให้ไปเลือกซื้อสเปรย์กำจัดแมลงสูตรธรรมชาติ ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ เช่น น้ำมันเปปเปอร์มินต์ เป็นต้น และอย่าลืมดูส่วนประกอบรวมทั้งคำแนะนำในการใช้งานให้ละเอียดด้วย อ้อ ! สเปรย์ไล่แมลงสูตรธรรมชาติอาจจะมีกลิ่นฉุนเท่า ๆ หรือมากกว่าสเปรย์กำจัดแมลงทั่วไป แต่ก็เป็นแค่กลิ่นของน้ำมันสกัดจากธรรมชาติเท่านั้น ไม่ได้มีความรุนแรงเท่าสารเคมีแต่อย่างใดนะคะ
ส่วนวิธีทำก็แค่นำสเปรย์ไปฉีดให้ทั่วรัง แต่ให้เลือกทำในตอนกลางคืน เพราะตัวต่อจะบินออกจากรังไปหากินในช่วงนั้น ดีกว่าเดินเข้าไปฉีดใส่รังแบบโต้ง ๆ แต่ทางที่ดีควรมีชุดป้องกันสักหน่อยด้วยค่ะ
น้ำยาล้างจานก็เอาอยู่
สูตรนี้ก็ง่ายเหมือนกัน แค่เทน้ำยาล้างจาน ¼ ถ้วยตวง ลงในกระบอกสเปรย์สำหรับพ่นยาฆ่าแมลง แล้วก็เติมน้ำเข้าไปจนเต็มกระบอก จากนั้นก็นำไปฉีดที่รังของตัวต่อให้ทั่ว โดยให้ทำในช่วงกลางคืน เพราะตัวต่อจะออกจากรังไปหากิน ทำให้ไม่เป็นอันตรายมาก โดยน้ำยาล้างจานจะเคลือบอยู่ที่ตัวรัง ทำให้ตัวต่อไม่สามารถกลับเข้ารังได้อีก ทั้งนี้ควรจะใส่เสื้อแขนยาว สวมหมวกไหมพรม และยืนห่างจากรังต่อให้มากที่สุดด้วย เพื่อความปลอดภัยของเราเองนะจ๊ะ
ย้ายรังตัวต่อ
การย้ายรังตัวต่ออาจจะต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ เพราะค่อนข้างจะเสี่ยงหากจะลงมือเอง เนื่องจากจะต้องหาถุงขนาดใหญ่ที่มีความหนามาคลุมรังต่อทั้งรังให้มิดชิดที่สุด แล้วค่อย ๆ ใช้ไม้ประกบกันแล้วยกเอารังต่อออกมา หรือบางทีหน่วยกู้ภัยก็จะเลือกใช้วิธีก่อควันไฟรม เพื่อไล่ให้ต่อย้ายรังหนี ซึ่งมีโอกาสจะโดนตัวต่อวกกลับมาต่อยเอาได้
หลอกล่อด้วยรังปลอม
ต่อเป็นแมลงที่มีศักดิ์ศรีกับเขาเหมือนกัน หากเห็นว่ามีต่อตัวอื่นมาทำรังอยู่แล้ว ก็จะไม่สร้างรังต่อซ้ำในบริเวณนั้น และจะบินไปหาแหล่งทำรังที่อื่น ซึ่งเราก็ควรฉวยโอกาสนี้ทำรังต่อปลอม ๆ จากกระดาษมาแขวนไว้ อาจจะแขวนโคมไฟกระดาษสีน้ำตาลก็ได้ เท่านี้ก็จะป้องกันต่อมาทำรังในบ้านแล้วล่ะ
สร้างกับดัก
หลังจากที่ได้ย้ายรังต่อออกไปจากบ้านแล้ว คราวนี้ก็ควรสร้างกับดักตัวต่อสักหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาทำรังในบ้านเราอีก ด้วยการหากล่องพลาสติก หรือกล่องกระดาษที่มีฝาปิดมิดชิด ใส่อาหารสด เช่น เนื้อปลาทูน่า หรือน้ำหวาน เข้าไปในกล่อง แล้วนำไปตั้งในบริเวณพื้นที่โล่ง ๆ จากนั้นก็คอยสังเกตดูว่ามีต่อหรือผึ้งติดกับดักหรือเปล่า ถ้ามีก็ให้รีบไปปิดฝา ขังเจ้าตัวต่อและผึ้งไว้ในนั้น จากนั้นก็ค่อยยกรังไปปล่อยในที่โล่ง ๆ ไกล ๆ บ้าน
ตัวต่อและผึ้งเป็นแมลงมีพิษ ที่สามารถทำร้ายเราได้ถึงชีวิตเลยนะคะ แต่ถ้าเราเลือกที่จะกำจัดเขาแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นได้ก็น่าจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องฆ่าเขาให้บาปติดตัวไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ควรต้องใช้ความระมัดระวังทุกครั้งก่อนจะลงมือ สวมหมวกไหมพรมซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น ใส่แว่น สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวและถุงมือให้มิดชิด ไม่อยากนั้นโดนต่อยไปคงเจ็บปวดน่าดู
sithiphong:
ไฟช็อตเด็ก 9 เดือน อาบน้ำตัวเปียก จับสายไฟเล่น
-http://news.sanook.com/1254002/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81-9-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99/-
สุดสลด! เด็กน้อย 9 เดือน ป้าเพิ่งอาบน้ำให้ มาจับสายไฟเล่น ไฟช็อตร่างดับอนาถก่อนถึงโรงพยาบาล
เมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ บ้านม่วงตารส อ.เมืองนครปฐม ได้รับผู้ป่วยเป็นเด็กน้อย อายุ 9 เดือน ถูกไฟฟ้าช็อตร่างกายเข้ารักษา แต่เกิดเสียชีวิตระหว่างทางจะถึงโรงพยาบาล จึงให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบกรณีดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบศพ ด.ช.ก็อต (นามสมมติ) อายุ 9 เดือน เสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาล พบตามร่างกายมีรอยไหม้ตามผิวหนัง มีบาดแผลฉกรรจ์ที่มือซ้ายและคอซีกขวา ต่อมาจึงได้เดินทางไปตรวจสอบบ้านหลังที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้านพบ พัดลมและเปลนอนเด็กล้มกระจัดกระจาย โดย พัดลมอยู่ในสภาพเก่าชำรุด ใช้สายไฟเก่าดัดแปลงเอามาต่อกับพัดลม
จากการสอบสวน นางสร้อย (นามสมมติ) อายุ 61 ปี มีศักดิ์ย่าของเด็กที่เสียชีวิต ให้การว่า ตนเองเป็นผู้เลี้ยงดูหลานชายคนนี้ เนื่องจากลูกสะใภ้ หรือ แม่ของ ด.ช.ก็อต ต้องไปทำงานที่โรงงาน จึงได้ให้ตนเลี้ยงดูแลให้ในช่วงเวลาไปทำงาน
นางสร้อย เล่าต่ออีกว่า ก่อนเกิดเหตุตนรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงได้ทานยาและเผลอนอนหลับไป โดยมี นางอ้อย (นามสมมติ) ป้าของหลานช่วยดูแลอยู่อีกคน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ทราบว่า นางอ้อยได้อุ้มหลานไปอาบน้ำ ก่อนจะอุ้มมาวางไว้ที่ข้างเปล ซึ่งใกล้เปลมีพัดลมสภาพเก่าตั้งอยู่ ระหว่างที่ป้าเข้าไปเอาผ้าและเสื้อผ้ามาสวมใส่ ด.ช.ก็อต กรีดร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด เมื่อวิ่งออกมาดูก็พบว่าถูกไฟฟ้าช็อต นอนสลบนอนนิ่งลงกับพื้น จึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ทัน
sithiphong:
เป็นข้อสังเกตุ ไม่รู้ว่า ทำไมถึงไม่จัดการให้เรียบร้อย หรือว่า
มีการจ่ายเงินกับหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องไม่ให้เอาเรื่องราว ไม่ให้ดำเนินการจัดการให้เรียบร้อย
ถ้ามีการรับเงิน เพื่อไม่ให้ดำเนินการเอาเรื่องราว การดำเนินคดีต่างๆ
นั่นเป็นการทุรยศต่อแผ่นดิน เป็นการฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นพวกหนักแผ่นดินโดยแท้
-------------------------------------------------------------------------
คลิปรถเมล์สาย 8 ด่าผู้โดยสาร ไล่ลงรถ
-http://news.sanook.com/1254179/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2-8-%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%96/-
https://www.facebook.com/photo.php?v=448622601921701&set=vb.100003218950025&type=2&theater
-https://www.facebook.com/photo.php?v=448622601921701&set=vb.100003218950025&type=2&theater-
รถเมล์สาย 8 ฉาวอีก! ถูกโพสต์คลิปแฉคนขับและกระเป๋ารถเมล์ด่าผู้โดยสาร ไล่ลงจากรถ ท้าโทรร้องเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (5 ต.ค.) ในเฟซบุ๊กของคุณ Patcharee Pk ได้มีการโพสต์คลิปวิดิโอ พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารรายหนึ่งต่อว่าคนขับและกระเป๋ารถเมล์สาย 8 ที่ไม่ยอมรอเธอขึ้นรถเพราะกำลังขนกระเป๋าขึ้นรถ โชคดีที่รถติดไฟแดงเธอจึงขึ้นมาได้ แต่คนขับและกระเป๋ารถเมล์สาย 8 กลับต่อว่าหญิงสาวคนดังกล่าวกลับ พร้อมไล่ให้ลงจากรถ นอกจากนี้กระเป๋ารถเมล์ยังส่งโทรศัพท์มือถือให้ และท้าให้โทรไปร้องเรียนการบริการ
"ถ่ายเองเมื่อเช้า สาย 8 ผู้หญิงคนนี้โบกรถเมล์สาย 8 จอดแต่เธอเดินไปหยิบกระเป๋า 3 ใบจะขึ้นรถ แต่รถไม่รอขับออกไป แต่ติดไฟแดงเธอเลยขึ้นรถมาได้ แล้วเหมือนจะเอาเรื่อง ประมาณว่าทำไมถึงไม่รอเธอประมาณเนี้ยแล้วเธอก็เลยจะโทรร้องเรียน"
ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวได้มีการแชร์ส่งต่อไปทั่วโลกออนไลน์ และยังมีผู้นำไปโพสต์ในเฟซบุ๊กของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ซึ่งเคยได้ขึ้นรถเมล์สาย 8 เพื่อตรวจสอบปัญหารถเมล์ที่ได้รับการร้องเรียนมาด้วย
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊กของคุณ Patcharee Pk
sithiphong:
ไม่มีโลกส่วนตัว ในโลกไซเบอร์ ภัยออนไลน์ที่นักท่องเน็ตควรระวัง
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE1EazJNamd6TWc9PQ==&subcatid=-
เมื่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็น 1 ในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ และนำพาหลายอย่างเข้ามาในชีวิต
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับเครือข่ายพลเมืองเน็ต เปิดเวทีเสวนาประจำปีว่าด้วยเรื่องเทคโนโลยี และสิทธิพลเมือง ในหัวข้อ "หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง : ความเป็นส่วนตัวออนไลน์และการสอดส่องการสื่อสาร (Online Privacy and Communications Surveillance)" เพื่อกระตุ้นเตือนให้เห็นความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยในการใช้อิน เทอร์เน็ต
"ทศพล ทรรศนุกุลพันธ์" อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ทุกวันนี้ "กูเกิล" เสิร์ชเอ็นจิ้นยอดฮิต มีสถานะไม่ต่างจาก "สปาย-สายลับ" ที่เข้ามาเก็บข้อมูลผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลาย ต่างกันแค่ว่า "สปาย" ในยุคนี้ใช้ความสะดวก ความต้องการจะใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลายยินยอมที่จะให้เข้ามาล้วงข้อมูลของตนเองที่เป็นส่วนหนึ่งของปริมาณข้อมูลมหาศาลที่ไหลเวียนบนโลกออนไลน์ด้วยการกดคลิกยอมรับเงื่อนไขการใช้งานไปเรื่อย ๆ โดยไม่เคยอ่านข้อตกลงใดๆ ดังนั้นการใช้งานบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีความเป็นส่วนตัว และนี่คือสิ่งที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องยอมรับ
ด้าน "จอมพล พิทักษ์สันตโยธิน" อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัจจุบันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นชื่อ, ที่อยู่, อายุ หรือวันเกิด ต่างไหลเวียนอยู่ในโลกออนไลน์ตลอดเวลา ทำให้เริ่มได้เห็นการนำข้อมูลส่วนตัวที่ผู้ใช้ทิ้งร่องรอยไว้ตามอีเมล์ เว็บบอร์ด แชตรูม และบนโซเชียลเน็ตเวิร์กมาตามรังควานเจ้าของข้อมูล ซึ่งมักทำเป็นขบวนการ โดยการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อคุกคาม ทำให้เหยื่อหวาดกลัว หรือเสียชื่อเสียง อาทิ การสร้างเฟซบุ๊กปลอมเผยแพร่รูปที่ทำให้เหยื่อเสียหาย หรือแม้แต่ต้องการล่อลวงทางเพศ
โดยจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมักตกเป็นเหยื่อจากการรังควานของแฟนเก่า 8.77% เพื่อนร่วมงาน 1.75% ญาติ 15.79% แต่ที่พบมากที่สุดถึง 42.11% คือ บุคคลแปลกหน้าที่เจ้าตัวไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากอินเทอร์เน็ตมีคุณสมบัติที่สำคัญคือปิดบังผู้ใช้งานได้ เมื่อมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น จึงมีหลายกรณีที่ไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำได้ ดังนั้นผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะโซเชียลเน็ตเวิร์ก ควรตั้งค่าเป็นส่วนตัวในการใช้งานไว้ที่ระดับสูง เพื่อให้ยากต่อการเข้าดูข้อมูล ขณะที่การโพสต์รูปภาพต่าง ๆ ควรใช้ภาพที่มีความละเอียดในระดับต่ำ เพื่อให้ยากต่อการนำรูปดังกล่าวไปใช้งานอย่างอื่นได้
ขณะที่ "ภานุชาติ บุณยเกียรติ" อาจารย์สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเสริมว่า เดี๋ยวนี้มีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดมาใช้บนเฟซบุ๊กแล้วนำข้อมูลส่วนตัวที่ผู้ใช้กรอกไว้มาใช้ประโยชน์ในเชิงโฆษณาและการตลาด เช่น การสร้างความน่าเชื่อถือในแบรนด์จากการบอกต่อผ่านเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นต้น
"ในสังคมออนไลน์จะมีลักษณะพิเศษ คือจะเชื่อมโยงกลุ่มกว่า 4-5 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยอนุบาลจนถึงที่ทำงาน โดยผู้ใช้แต่ละคนจะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อของสมาชิกแต่ละกลุ่มที่ทำให้สังคมรู้จักกันทั้งเครือข่าย ทำให้มีการส่งสารถึงผู้คนหลากหลายคนได้ผ่านคนที่พวกเขาเชื่อถือ ดังนั้นความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลจะอยู่ไหนในเมื่อทั้งหมดลิงก์หากันหมด"
"ทวีพร คุ้มเมธา" นักวิจัยระบุว่า จากการศึกษาถึงการคุกคามบนโลกออนไลน์ในประเทศไทยและพม่า พบว่าส่วนใหญ่มาจากความขัดแย้งทางการเมือง เช่น ประเด็นสถาบันกษัตริย์ การเมืองเหลืองแดง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สังคมอยู่ในความหวาดกลัว ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือตั้งคำถาม เพราะเมื่อใดที่มีการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ก็มีการนำข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่ อายุ เพศ สถานที่ทำงาน และญาติที่เกี่ยวข้องออกมาเปิดเผย อาทิ เฟซบุ๊ก social sanction หรือยุทธการลงทัณฑ์ทางสังคมที่มีความเชื่อว่า กลไกยุติธรรมไม่ได้ปราบปรามคนชั่วโดยแท้จริง ปัจจุบันมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้วกว่า 50 คน
"ผลกระทบที่เหยื่อได้รับคือ การถูกรุมโทร.ด่า ส่งจดหมายข่มขู่ โดนกล่าวหาว่าเป็นขบวนการล้มเจ้า และให้ออกจากงาน ร้ายแรงที่สุด คือการโดนดำเนินคดีในฐานความผิด มาตรา 112 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากข้อมูลที่ได้มองว่า เหยื่อที่โดนกระทำโดยส่วนใหญ่ คือนักประชาธิปไตย และพบด้วยว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่นำมาเผยแพร่ บางครั้งหลุดมาจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลแบบสาธารณะ"
ด้าน "นคร เสรีรักษ์" ที่ปรึกษานโยบาย เครือข่ายพลเมืองเน็ต กล่าวว่า ต้องการเสนอให้มีการออกมาตรการหรือข้อปฏิบัติ เพราะปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ โดนหน่วยงานรัฐ สื่อและผู้ประกอบการด้านไอที นำข้อมูลไปทำแผนการตลาด ซึ่งทุกวันนี้มีแต่ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการเท่านั้น ที่ปกป้องข้อมูลส่วนตัวของประชาชนที่อยู่ในมือของหน่วยงานรัฐ ทั้งยังไม่มีมาตรการป้องกันไม่ให้เอกชนเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล ต้องรอให้มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลก่อน ซึ่งยังไม่มีวี่แววว่าจะนำออกมาบังคับใช้
"ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ" สำนักกฎหมายพีแอนด์พี กล่าวว่า เทคโนโลยีทุกวันนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่กฎหมายไทยยังไม่พร้อมรับมือ แถมยังมีเพื่อจัดการกลุ่มแนวคิดต่างทางการเมือง เช่น เสื้อเหลืองเสื้อแดง หรือใช้เพื่อตอบโต้และกลั่นแกล้งระหว่างผู้ที่ไม่ถูกกัน ซึ่งการยกร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับใหม่ไม่ได้แก้ปัญหา เพราะนำแนวคิดเก่ามาใช้ยกร่าง จึงไม่สามารถแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว
ฟาก "วรรณวิทย์ อาขุบุตร" รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สพธอ. กล่าวว่า ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายในด้านนี้คือไม่มีตัวกลางหรือคนกำกับดูแลที่จะขับเคลื่อนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ที่สำคัญคือประชาชนที่ต่อให้มีกฎหมายครอบคลุม แต่ถ้าผู้ใช้ไม่รับรู้หรือตระหนักเรื่องเหล่านี้ จะมีหรือไม่มีกฎหมายก็ไร้ความหมาย
ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/prachachat
ทวิตเตอร์ @prachachat
sithiphong:
กระทู้เตือนภัย -- แก๊งล้วงมือถือที่ป้ายรถเมล์สยาม, โอสถศาลา, มาบุญครอง อาละวาดหน
-http://webboard.hitech.sanook.com/forum/?topic=3768294#-
เห็นเป็นกระทู้ที่น่าสนใจดี เลยขอนำมาเผยแพร่ต่อที่ sanook.com นะครับ จะได้เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์อีกทาง.................
เป็นเรื่องของเพื่อนผมนะครับ ซึ่งมันเป็นคนประสบเหตุ เลยอยากจะมาบอกเล่าให้กับทุกคนได้เป็นอุทาหรณ์
ระมัดระวังอย่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพพวกนี้ (ขออนุญาตุ COPY คำจากเพื่อนผมทั้งหมดนะครับ)
"เรื่องมีอยู่ว่าผมเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่อยู่ละแวกสยาม และเป็นคนที่ต้องขึ้นรถเมล์หน้าโอสถศาลากลับบ้านช่วงประมาณ 1-3 ทุ่มเป็นประจำ ซึ่งทุกครั้งที่ระหว่างรอรถเมล์นั้นผมก็มักจะหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นเฟสบุ๊คบ้าง เปิดเพลงเพื่อฆ่าเวลาระหว่างยืนรอบ้าง
ซึ่งทำอย่างงี้มาประจำเป็นเวลาปีกว่าๆ ไม่เคยเจอะเจอเรื่องร้ายใดๆกับตัวเพราะคิดว่าคนที่ยืนรอแถวนั้นก็มักหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเพื่อฆ่าเวลาทั้งนั้น จนมาเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว มีเพื่อนสนิทผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง มาเล่าให้ฟังว่าตัวมัน(ขออภัยหากใช้คำไม่สุภาพบ้าง) จะโดนแก๊งค์ผู้ชายประมาณ 4 คนล้วงกระเป๋า
โดยอาศัยจังหวะที่รถเมล์ที่คนรอเยอะมาๆแล้วพวกมิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะทำทีเหมือนจะแย่งขึ้นเบียดล้อมเรา แต่โชคดีที่เพื่อนผมหันไปเห็นในขณะที่กลุ่มมิจฉาชีพนี้กำลังล้วงมือเข้าไปหยิบ Sumsung S3 ของมันพอดี เลยรอดไป
พอมันเล่ามาถึงตรงนี้ผมก็ขัดถามมันเลยว่า อ้าวว แล้วรู้งี้ทำไมไม่ชกแมร่งเลยวะ เพื่อนมันก็สวนกลับมาว่าคุณห่_ ตัวแม่_ใหญ่ หน้าตาเถื่อนๆ 4 คน ขืนกูทำไรก็ซวยดิ ผมก็แซวมันเล่นๆว่าไรเนี่ย เมิงแม่_ป๊อดว่ะ ไรประมาณนั้นครับ ซึ่งเหตุการณ์นี้ผ่านพ้นแล้วก็ค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของผม
จนกระทั่งเมื่อ สองอาทิตย์ก่อนผมยืนรอรถเมล์สาย 40 อยู่หน้าโอสถศาลาช่วงประมาณ 2ทุ่ม ก็มีชายกลุ่มนึง 4 คน เดินมาแล้วก็พูดกันว่าเฮ้ย เวลาเลิกงานคนเยอะพอดีเลยว่ะ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรตอนนั้นเพราะคิดว่าเค้าคงบ่นที่จะต้องขึ้นไปยืนเบียดบนรถเมลล์กันแล้วผมก็ยืนกดมือถือเล่นเฟสบุ๊คไปตามประสา (ที่ไม่ดี)
จนกระทั่งสาย 40 ที่ผมรอก็มาถึงและจอดอยู่หน้าป้ายรถเมล์ ผมก็ได้ก้าวขึ้นที่ประตูตรงกลางรถ (รถที่มาเป็นรถเมล์แอร์ มี 2 ประตูครับข้างหน้า กับตรงกลาง) ซึ่งในขณะที่ผมก้าวขึ้นนั้นก็มีผู้ชายคนนึงพยายามแทรกเบียดเข้ามาขวางหน้าแล้วขึ้นช้าๆเหมือนจะกั๊กไว้
ส่วนคนข้างหลังนี่ก็เบียดเข้ามาจนถึงขนาดว่ากึ่งๆจะดันผมให้เหมือนคนแย่งกันขึ้นรถ ซึ่งผมก็งงว่าประตูข้างหน้าก็ว่างจะมาแย่งกูขึ้นทำไมวะ รถก็มีที่นั่งในเวลานั้น
และในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่ามีคนเอามือมาแตะที่กระเป๋า ด้านหน้าช่องซ้ายที่ผมใสมือถือไว้พร้อมกับกระเป๋ากางเกงหลัง แต่โชคยังดีที่วันนั้นเป็นกางเกงเดฟที่ค่อนข้างแน่นจึงทำให้ยากที่จะล้วงอะไรจากกระเป๋าหน้า
และในขณะเดียวกันผมก็เอากระเป๋าสตางค์ไว้ในกระเป๋าถือ จึงทำให้ไม่ได้สูญเสียอะไรไปในวันนั้น พอมิจฉาชีพกลุ่มนี้รู้ว่าไม่ได้อะไรแล้วก็มองหน้าผมด้วยสายตาที่ค่อนข้างแข็ง (อยากจะบอกว่าไม่ได้รู้สึกไปเองมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ)
และเมื่อรู้ว่าไม่ได้อะไรก็รีบโดดลงรถเมล์ป้ายต่อไป (แถวๆหน้าเตรียมอุดม) ทันทีโดยไม่รีรอกระเป๋ารถเมลล์มาเก็บเงิน ซึ่งหลังจากพวกมันลงไปผมก็ได้ทำการ Line, What’s app บอกเพื่อนๆผมในกลุ่ม ซึ่งในนั้นก็มีเพื่อนผมที่โดนล้วงก่อนหน้านี้ด้วย ว่าเฮ้ยกูโดนละว่ะพวก แต่แม่_เอาไรไปไม่ได้แม่_ตบกระเป๋ากูแล้วเจอแต่เหรียญบาทแม่_หน้าเจื่อนเลย 555 (แอบปากดี)
ซึ่งเหตุการ์วันนั้นก็จบลงด้วยดีที่ไม่เสียอะไรไป
จนกระทั่งเมื่อวานนี้วันเสาร์ที่ 28 กันยา 2556 ผมไปทำธุระแถวนั้นและเสร็จประมาณ 3 ทุ่ม ซึ่งก็มายืนรอรถตรงที่เดิม (เป็นช่วงที่พนักงานขายของใน MBK เลิกและกำลังกลับบ้านกันพอดีคนจึงยืนรอเยอะพอสมควร)
ซึ่งตัวผมก็ยืนเล่นมือถือตามนิสัยที่ไม่ค่อยจะเข็ด และได้ทำการเสียบหูฟังฟังเพลงไปด้วย จนรถเมล์สาย 40 มาถึงผมก็ได้ทำการเก็บมือถือไว้กระเป๋าหน้าซ้ายอย่างเคยแต่คราวนี้เป็นกางเกงขาสั้นที่กระเป๋าค่อนข้างใหญ่ (รถที่มาคราวนี้เป็นรถเมลล์ร้อนที่มีประตูกลางที่เดียวประกอบกับคนเยอะพยายามแย่งกันขึ้นจึงทำให้รู้สึกเบียดและผมไม่ได้เอ่ะใจอะไร)
และในจังหวะที่ผมกำลังก้าวขึ้นนั้นเองก็รู้สึกว่าเอ๊ะ! เพลงมันหยุดไปจึงตบไปที่กระเป๋ากางเกงปรากฏว่าเฮ้ย มือถือหายไปแล้ว ซึ่งในจังหวะนั้นผมตกใจมากนึกว่ามือถือตกผมเลยรีบวิ่งฝ่าฝูงชนที่กำลังเบียดกันขึ้นรถไปดูด้านล่างรถปรากฏว่าไม่มี
ซึ่งตอนนั้นเองทำให้ผมรู้ตัวแล้วจึงตะโกนดังๆว่ามือถือผมโดนล้วงครับ หยุดก่อนๆ ซึ่งรถเมล์ก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน ในขณะนั้นเองก็มีชาย 2-3 คนหน้าตาคล้ำตัวสูงประมาณ 175 ซม. มายืนข้างๆผมแล้วบอกว่าเฮ้ยพี่เห็นมันวิ่งไปทางนู้นแล้ว พร้อมชี้กับไปทาง โบนันซ่า
ซึ่งผมก็แปลกใจว่าจังหวะมันแค่ช่วงแป๊บเดียวที่ผมก้าวขึ้นตรงบันไดรถและหันหลังกลับนี่ยังไม่เห็นจะมีใครวิ่งไปไหนเลย ผมจึงฉุกคิดว่าเอาละคุณคนนี้ที่บอกนี่แมร่งแก๊งค์เดียวกันชัวร์
ผมจึงบอกเค้าไปตรงๆว่า ขอโทษทีนะครับพี่ผมเพิ่งเคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว และคนร้ายมีกันเป็นกลุ่มผมไหว้พี่ล่ะ ผมขอค้นตัวพวกพี่นะ พี่เห็นใจผมนะครับ ซึ่งหนึ่งในคนนั้นมันก็ตะโกนขึ้นมาทันใดเลย
คุณ... กูทำดีแล้วไม่ได้ดีถ้าค้นไม่เจออะไรโดนกูต่อยแน่คุณ.... ผมก็ยกมือไหว้เค้าอีกทีบอกพี่เห็นใจผมเถอะผมขอโทษจริงๆแล้วก็พยายามเอามือแตะๆกระเป๋ากางเกงเค้า จนเจอมือถือเครื่องนึงเหลี่ยมๆเหมือนกัน ซึ่งผมก็นึกว่าเป็น I Phone 5 ของผม
แต่หยิบขึ้นมาดูได้นิดเดียวแล้วปรากฏว่าไม่ใช่ ผู้ชายคนนั้นเค้าก็พูดว่าเห็นมั้ยคุณ... แล้วก็ฟันศอกใส่ผมไป 1 ที ส่วนอีก 2คนนั้นผมได้แค่เอามือแตะๆกระเป๋ากางเกงเค้าก่อนที่เค้าจะรีบกระจายตัวไปพร้อมบอกว่าพี่มีธุระ (ช่วงเวลานั้นชุลมุลพอสมควรครับ คนมองกันทั้งป้ายไม่ตำกว่า 20-30 คน)
สุดท้ายแล้วผมก็ไม่มีหลักฐานอะไรต้องปล่อยให้รถเมลล์วิ่งผ่านไปพร้อมความเจ็บใจ เพราะจะให้ขึ้นไปค้นคนบนรถทุกคนคงไม่ไหว ได้แต่วิ่งแจ้นไปสน.ปทุมวันแจ้งความไว้หวังว่าตำรวจคงจะจับมิจฉาชีพกลุ่มนี้ได้ซักวัน เพราะเท่าที่รู้ มันเกิดขึ้นประจำตรงป้ายรถเมลล์นี้ (วินรถตู้บอกผมหลังจากที่รถเมลล์วิ่งผ่านไป)
และตอนที่ผมเองไปแจ้งความที่สน.ก็มีน้องผู้หญิงคิวข้างหน้าผมคนนึงโดนล้วงมือถือไปที่สยามเช่นเดียวกัน ดังนั้นผมจึงอยากเตือนทุกท่านไว้ครับ ว่าแม้เราจะรู้เรื่องและพยายามระวังตัวแล้วก็ตาม แต่เมื่อไหร่ที่เราเผลอ มิจฉาชีพกลุ่มนี้มันมาเอามือถือของคุณไปแน่นอน
***ปล. ถ้าคนที่เอาไปไม่ใช่กลุ่มเดียวกับที่ผมสงสัยก็ต้องขออภัยจริงๆครับ เพราะที่ผมพิมพ์มานี้มันไม่มีหลักฐานอะไรเลย แต่ว่าเหตุการณ์ตอนนั้นมันทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ"
ที่มา: http://pantip.com/topic/31045886
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version