ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธพจน์  (อ่าน 1419 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
พุทธพจน์
« เมื่อ: มิถุนายน 27, 2013, 06:15:53 pm »



พุทธพจน์

เมื่อบุคคลมีมิตรชั่ว อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดก็ย่อมจะเกิดขึ้น
และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมจะเสื่อมไป
**********

ผู้ใดเห็นสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ
และเห็นสิ่งที่เป็นสาระ ว่าไม่เป็นสาระ
เขามีความเห็นผิดเป็นเครื่องนำทาง จึงไม่ประสบกับสิ่งที่เป็นสาระ
****************

ผู้ใด ห่อปลาเน่าด้วยใบคา ใบคาก็ย่อมเหม็น
การเกลือกกลั้วกับคนพาล ก็ย่อมมีผลเช่นนั้น
**************

ความรู้ที่เกิดแก่คนพาล ย่อมเป็นไปเพื่อ
ทำลายตัวเขาเอง
*************

คนโง่แม้ว่ากำลังทำความชั่วอยู่ก็ไม่รู้ตัว
ต่อเมื่อบาปให้ผลเขาจึงเดือดร้อนเหมือนถูกไฟไหม้
******************

ตนทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง
****************

ความเพลิดเพลินเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
***************

ความทุกข์ไม่เกิดแก่ผู้ไม่กังวล
*************

ความโศกย่อมเกิดมาจากความอยาก
*********

ภัยย่อมเกิดมาจากความอยาก
*********

ความอยากย่อมผลักดันให้คนวิ่งวุ่น
*********

ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์
**************

เมื่อคนทั้งปวงมีเวรกัน เราเป็นผู้ไม่มีเวร
เราอยู่เป็นสุขสบายดีหนอ
********

ผู้ใด ปรารถนาความสุขเพื่อตน แต่ผลักความทุกข์ไปให้ผู้อื่น
ผู้นั้น ย่อมเกลือกกลั้วไปด้วยเวร ย่อมไม่พ้นจากเวร
*****************

ทำกรรมใดไว้ด้วยกาย วาจา และใจ
กรรมนั่นแหละเป็นสมบัติของเรา จะพาเราไป
************



พอใจตามมี ยินดีตามที่ได้ นำสุขมาให้
***************

ผู้ถึงธรรม ย่อมไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว
อีกทั้งยังไม่ฝันเพ้อถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง
ดำรงอยู่ด้วยปัจจุบันธรรม ผิวพรรณจึงผ่องใส
**************

โจรกับโจร คนคู่เวรกัน พบกันเข้า
พึงทำความพินาศให้กันเพียงใด
แต่จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมทำให้เขาพินาศยิ่งกว่านั้น
****************

ศีลเป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง และเป็นบ่อเกิดของความดีทั้งปวง
(เถระ)
****************

ผู้ใดทุศีล มีจิตไม่มั่นคง แม้มีอายุอยู่ร้อยปี
ก็สู้คนมีศีล แม้มีชีวิตอยู่วันเดียวยังดีเสียกว่า
***************

ผู้วางเฉยมีสติทุกเมื่อ ไม่สำคัญตัวว่าเสมอเขา
ว่าวิเศษกว่าเขา ว่าเลวกว่าเขาในโลก
กิเลสของผู้นั้นไม่มีทางฟูขึ้น
************

คนมีปัญญาย่อมเว้นสิ่งไม่เป็นประโยชน์
และถือเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
************

ผู้มีปัญญาย่อมยินดีในความไม่ประมาท
****************

ผู้มีปัญญาควรเว้นความชั่ว บำเพ็ญความดี
***************

ไม่พึงประมาทปัญญา พึงตามรักษาสัจจะ
พึงเพิ่มพูนจาคะ พึงศึกษาสันติเท่านั้น
*************

ผู้มีปัญญาควรตามรักษาจิตที่เห็นได้ยากนัก
ละเอียดนัก มักตกไปในอารมณ์ฝ่ายต่ำ
จิตที่ระวังรักษาดีแล้ว นำความสุขมาให้
****************

ชีวิตของฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี
การบรรพชาเป็นทางปลอดโปร่ง
**********

หญ้าคาที่คนจับไม่ดีย่อมบาดมือ ฉันใด ?
การบวชถ้าปฏิบัติไม่ดีย่อมฉุดไปนรกได้ ฉันนั้น
***************
ภิกษุกลืนกินก้อนเหล็กลุกแดง ยังดีกว่าเป็นผู้ทุศีล ไม่สำรวม
แล้วกลืนกินก้อนข้าวของชาวบ้าน
***************************


มีต่อค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 14, 2014, 04:00:26 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: พุทธพจน์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2013, 06:27:46 pm »




บุคคลผู้ประมาท แม้ว่าจะกล่าวพุทธพจน์ได้มาก
แต่ไม่ทำตามพระพุทธพจน์นั้น ตนเองก็ไร้ผล
เหมือนคนเลี้ยงวัว มัวแต่นับวัวของคนอื่นอยู่
**************

ผู้ประมาทแล้ว ก็เหมือนคนตายแล้ว
************

อายุของคนน้อยนัก คนดีไม่ควรลืมอายุ
ควรระลึกถึงอายุ ดุจคนถูกไฟไหม้ศีรษะ
เพราะการที่ความตายจะไม่มาถึงนั้น ไม่มีเลย
*************

ชีวิตนี้น้อยนัก ไม่ถึงร้อยปีก็ตายกันแล้ว
ถ้าจะอยู่เกินไป ก็ต้องตายเพราะความแก่
***************

ชีวิตนี้เป็นสิ่งคับข้อง เป็นสิ่งเล็กน้อย ประกอบด้วยทุกข์
ใครเล่ายังจะอาศัยชีวิตนี้ ไปสร้างเวรกับผู้อื่น
(โพธิสัตว์ – เตมิยชาดก)
************

คนเราควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ
ที่คอยชี้โทษและกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไป
ว่าผู้นั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์ละ
ควรคบหาบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น
เพราะเมื่อคบหากับบัณฑิตเช่นนั้นอยู่
ย่อมมีแต่คุณอันประเสริฐส่วนเดียว ไม่มีเสื่อมเลย
**************

ภิกษุทั้งหลาย ! เราประพฤติพรหมจรรย์นี้
มิใช่เพื่อหลอกลวงคน เพื่อให้คนบ่นถึง
เพื่อผล คือลาภสักการะและชื่อเสียง
เพื่อเป็นเจ้าลัทธิ เพื่อให้คนทั้งหลายรู้จักเรา
ก็หามิได้ แต่ที่แท้แล้ว เราประพฤติพรหมจรรย์นี้
เพื่อความสังวรระวัง เพื่อละกิเลส
เพื่อคลายกิเลส และเพื่อดับกิเลสเท่านั้น
***********

ดูก่อนอานนท์ !
ผู้ใด จะเป็นภิกษุก็ตาม เป็นภิกษุณีก็ตาม
เป็นอุบาสกหรืออุบาสิกาก็ตาม
ถ้าเป็นผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม
ปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติตามธรรมอยู่
ผู้นั้นแลชื่อว่าได้สักการะ ได้เคารพนับถือ
และบูชาเราตถาคต ด้วยการบูชาอย่างสูงสุด
**************

อานนท์ ! เราจะไม่พยายามทำกะพวกเธอ
อย่างทะนุถนอม เหมือนพวกช่างหม้อ
ทำแก่หม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่
อานนท์ ! เราจะขนาบแล้วขนาบอีกไม่มีหยุด
อานนท์ ! เราจะชี้โทษแล้วชี้โทษอีกไม่มีหยุด
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจะทนอยู่ได้
************

ผู้ใด มีปัญญาทราม อาศัยทิฐิอันลามก
คัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีปกติเป็นธรรม
พฤติกรรมของผู้นั้นย่อมเป็นไปเพื่อฆ่าตน เหมือนขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่
*****************

ควรตักเตือนกัน ควรพร่ำสอนกัน
ควรห้ามกันจากธรรมของอสัตบุรุษ
ผู้ที่ทำดังนี้ ย่อมเป็นที่รักของสัตบุรุษ แต่อสัตบุรุษย่อมชัง
**********

ผู้ชี้โทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้
***********

ทรัพย์สมบัติย่อมทำลายคนโง่
********

ผู้ใดประทุษร้ายต่อผู้ไม่ประทุษร้ายตอบ
ซึ่งเป็นผู้หมดจด ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน
บาปย่อมย้อนมาสนองผู้เป็นคนพาลนั้นเอง
*****************

ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้ อันวิจิตรเปรียบด้วยราชรถ
ที่พวกคนโง่เขลาหลงอยู่ แต่พวกผู้รู้หาติดข้องอยู่ไม่
***************

บุคคลผู้ไม่รู้แจ้ง ถูกจิตหลอกลวงแล้ว
ยินดีในสิ่งอันเป็นวิสัยของมาร
ย่อมพากันท่องเที่ยวไปในชาติสงสารมิใช่น้อย
*************

กิเลสย่อมพอกพูนแก่ผู้ที่ชอบเพ่งโทษของผู้อื่น
ให้ความสนใจในการเพ่งโทษของผู้อื่นเป็นนิตย์
บุคคลผู้ประพฤติดังนั้น ย่อมสิ้นอาสวะช้า
***********

เมื่อบาปยังไม่ให้ผล คนโง่ย่อมหลงระเริง
เมื่อบาปให้ผล คนโง่ย่อมระทมทุกข์
*********

ความเป็นผู้มีอายุยืน มีวรรณะผ่องใส มีความสุข มียศ และการไปสู่สวรรค์
ย่อมไม่สามารถจะถึงได้ด้วยการอ้อนวอนหรือปรารถนา
แต่บุคคลย่อมจะถึงสิ่งเหล่านั้นได้
ด้วยการลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้องตามเหตุหรือปัจจัยนั้น ๆ
**************

พระพุทธเจ้าเป็นแต่เพียงผู้บอกทางให้
************

ดอกบัวเกิดและเจริญงอกงามในน้ำ แต่ไม่ติดน้ำ
ทั้งส่งกลิ่นหอม ชื่นชูใจให้รื่นรมย์ฉันใด
พระพุทธเจ้าทรงเกิดในโลกและอยู่ในโลก
แต่ไม่ติดโลก เหมือนบัวไม่ติดน้ำฉันนั้น


:http://board.212cafe.com/FreeForumpradeedee/view/4f0d40f7846567ae050d11fb/page/2


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: พุทธพจน์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 02:08:01 am »




ความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า

ความชั่ว...ไม่ทำเสียเลยดีกว่า
เพราะระลึกถึงความชั่ว......
บุคคลย่อมเดือดร้อน...ในภายหลัง

ส่วนความดี...ทำไว้เถิดดีกว่า
เพราะทำแล้ว...ระลึกถึงภายหลัง
บุคคลย่อมไม่เดือดร้อน.
************************

เที่ยวไปคนเดียว

หากบุคคลเที่ยวหาคนที่ดีกว่าตน
หรือเสมอกับตนไม่ได้......
ก็ควรถือการเที่ยวไปคนเดียว
......ให้มั่นคง
เพราะจะหาความเป็นเพื่อนในคนพาล
......ไม่ได้เลย.
*****************

ผู้มีปัญญาดี

ผู้มีปัญญาดี......
เป็นผู้ไม่ประมาท......ในเมื่อผู้อื่นประมาท
เป็นผู้ตื่นอยู่......ในเมื่อผู้อื่นหลับ
ย่อมทิ้งคนมีปัญญาทรามไปไกล......
เหมือนม้าฝีเท้าจัด......
วิ่งละทิ้งม้าที่หมดแรงไว้......ฉะนั้น.


:http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thammakittakon&group=21