ริมระเบียงรับลมโชย > ล้างรูป

รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ

<< < (3/6) > >>

sithiphong:
ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ พัทยา
-http://www.paiduaykan.com/province/east/chonburi/miniaturethairoyalbarge.html-

ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ พัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จำลองพระราชพิธี กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ด้วยฝีมือการประดิษฐ์ที่ประณีตงดงาม วิจิตรพิสดารโดยอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเิงินไทย บุคคลดีเด่นแห่งชาติปี 2551 แสดงให้เห็น ถึงเอกลักษณ์ประจำชาติอันเป็น มรดกสืบทอดทางประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม และสถาปัตยกรรม อันทรงคุณค่า พร้อมเนื้อหา สาระทางวิชาการให้กับ นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศตื่นตาตื่นใจกับรูปแบบการนำเสนอโดยใช้ ภาพ แสดง สี เสียง ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย แห่งเดียวในโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศที่กล่าวมาข้างต้นเสมือนร่วมอยู่เหตุการณ์ด้วยภาพยนตร์ 4 มิติ ครั้งแรก ของเมืองไทยอีกทั้งชมภาพยนตร์จอยักษ์ 360 องศาแสดงประวัติความเป็นมาของเรือไทย ในรูปแบบภาพยนตร์ Animation จากอดีตถึงปัจจุบันซึ่งหาชมไม่ง่ายในปัจจุบัน
ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ พัทยา
ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นแหล่งทัศนศึกษาแก่คนไทยเพื่อปลูกจิตสำนึกให้มี ความรักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติที่มีความสนใจ ในศิลปวัฒนธรรมและ ประเพณีไทย สืบเนื่องมาจากการที่จะมีโอกาสได้ชมขบวนเรือพระราชพิธีมีโอกาสน้อยมาก ดังเช่นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ พระเจ้า อยู่หัวรัชกาลปัจจุบันในช่วงเวลา 60 ปี ได้มีการจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค (ใหญ่) จำนวน 7 ครั้ง และจัดขบวน พยุหยาตราชลมารค (น้อย) จำนวน 7 ครั้ง ทุกครั้งที่มีการจัดขบวนพยุหยาตรา (ครั้งหลังสุด) เป็นการจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค ในเวลากลางคืนเป็นครั้งแรก โดยใช้คำว่า “ขบวนเรือพระราชพิธี” แทน (เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้ เสด็จฯประทับมา ในกระบวน ฯ ด้วย) จะมีประชาชนเฝ้าชมแน่นขนัดทั้งสองฝั่ง แม่น้ำเจ้าพระยาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ พัทยา
การจัดการแสดงขบวนเรือพระราชพิธีเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะแต่คนไทยเท่านั้น แม้ชาวต่างประเทศซึ่งมีโอกาสได้ เห็นได้ชม ความงามของเรือหรือกระบวนเรือพระราชพิธีทางชลมารค ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นประทับใจทึ่งในความงามความประณีต วิจิตร สิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติของเรา ชาวไทยที่ควรจะต้องภูมิใจและรักษาไว้ให้เป็นเอกลักษณ์ของชาติ อีกทั้ง ขบวนเรือพระราชพิธี ถือว่าเป็นมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่ปัจจุบันเหลือเพียงแห่งเดียวในโลก









รูปติดตามชมในเว็บ http://www.paiduaykan.com/province/east/chonburi/miniaturethairoyalbarge.html



--------------------------------------

ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง4มิติ

http://www.youtube.com/watch?v=JD01of2KbaI

ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง4มิติ
-http://www.youtube.com/watch?v=JD01of2KbaI-

sithiphong:
10 สถานที่สุดฮิตมาแรงครึ่งปี 2013
-http://travel.sanook.com/1390758/10-%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2013/-



1.ดาษดาแกลเลอรี่ รายล้อมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ครบครันทั้งที่พัก และที่เที่ยว เป็นอาณาจักรฟาร์มดอกไม้ที่กว้างใหญ่อีกทั้งเป็นรีสอร์ทท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติที่คุณจะได้ถ่ายรูปกับดอกไม้นานาพันธุ์


[ดาษดาแกลเลอรี่ ]

2.ซานโตรินี พาร์ค เป็นสถานที่แห่งสีสันที่จัดให้มีกิจกรรมตลอดทั้งปี ออกแบบพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 3,000 ตารางเมตรให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังได้รังสรรค์บรรยากาศให้เหมาะสำหรับการพักผ่อนต่างสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่สวนที่เปิดโล่ง เพื่อให้สามารถนั่งฟังเพลงจากคอนเสิร์ตเล็กๆ พร้อมวิวสวยๆ รอบตัว การตกแต่งที่นี่เป็นไปอย่างตั้งใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ดูสร้างสรรค์ แปลกใหม่ แล้วยังให้ความสุขใจ เมื่อใครๆ ได้พบเห็นอีกด้วย


[ซานโตรินี พาร์ค]

3.สวิส ชีฟ ฟาร์ม จำลองบรรยากาศแบบยูโรคันทรีของประเทศสวิสเซอร์แลนด์มาไว้ในเมืองไทย ซึ่งเป็นฟาร์มแกะแห่งแรกของ อ.ชะอำ ที่เปิดบริการนั่งรถม้าเที่ยวชมบรรยากาศของทุ่งหญ้าและให้อาหารแกะแบบใกล้ชิด อีกทั้งมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาโอบล้อมไว้เป็นฉากหลัง ให้ได้ถ่ายภาพสวยๆ กลับบ้านไปอวดเพื่อนให้อิจฉาได้อย่างแน่นอน


[สวิส ชีฟ ฟาร์ม]

4.เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์  แหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนใจกลางกรุง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ครบทุกสิ่งทั้งชอป ชิม ชิลล์ ถ้าไม่อยากไปไหนไกลจากกรุงเทพ ลองขับรถมาเที่ยวที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ แหล่งท่องเที่ยวและช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตั้งอยู่ตรงข้าม เจริญกรุง 93 รวบรวมร้านค้าถึง 1,500 ร้านเ พื่อรองรับนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน


[เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์]

5. ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ ตลาดนัดที่มาแรงที่สุดในช่วงนี้ เพลิดเพลินกับบรรยากาศประทับใจ แหล่งรวมเฟอร์นิเจอร์ ของสะสม ของตกแต่งบ้านสุดคลาสสิค รถโบราณ อะไหล่รถคลาสสิค ของสะสมโบราณ เสื้อผ้าวินเทจ ของฝากสุดชิค และอาหารอร่อยๆ กินดื่มชิลๆ กับบรรยากาศเก๋ๆ ของโกดังเก่า ขบวนโบกี้รถไฟสุดเท่ห์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่เย็นๆ ไปจนถึง เที่ยงคืน


6. สวนซ่อนศิลป์ หรือ Secret Art Garden สวนศิลปะแห่งใหม่บริเวณตลาดน้ำศิลปะกลางดงที่ผสมผสานความงดงามของศิลปะและธรรมชาติไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว


[สวนซ่อนศิลป์]

7.art in parsdise  พิพิธภัณฑ์ศิลปะ 3 มิติเปิดใหม่ใหญ่โตอลังการ ของดีของเมืองพัทยาที่เรียกนักท่องเที่ยวให้แวะมาเยี่ยมชมของเล่นใหม่ทางสายตาได้เป็นอย่างมากในตอนนี้


[art in parsdise]

8.mimosa pattaya  (มิโมซ่า พัทยา) ใหม่สดเริ่ดสุดๆ ในพัทยาตอนนี้ต้องยกให้ Mimosa Pattaya ไลฟ์สไตล์มอลล์สุดชิคที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ The City of Love เมืองเเห่งความรัก จำลองบรรยากาศจากเมือง Colmar (โกลมาร์) หรือลิตเติ้ลเวนิสในฝรั่งเศสที่ติดอันดับเมืองโรแมนติก 1 ใน 10 ของโลก


[mimosa pattaya]

9.ตลาดน้ำขวัญเรียม  ตลาดน้ำแห่งใหม่ใจกลางกรุง ที่ตอนนี้ขึ้นแท่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮอตของเขตมีนบุรีไปซะแล้ว


[ตลาดน้ำขวัญเรียม ]

10.the venezia hua hin สัมผัสบรรยากาศสุดประทับใจในแบบของเมืองเวนิส เมืองที่มีมนต์เสน่ห์ในเรื่องของการคมนาคมทางน้ำของประเทศอิตาลี ที่ถูกจำลองมาไว้ในประเทศไทย ซึ่งที่นี่เพื่อนๆ จะได้ชอปชิมชิลล์กับอาคารร้านค้าที่มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรม


[the venezia hua hin]


http://travel.sanook.com/1390758/10-%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2013/

sithiphong:

พระพุทธโลกนาถราชฯ วัดพระเชตุพนฯ
-http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AF_%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%AF/-



"วัดโพธิ์" หรือนามทางการว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร" เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโพธาราม เป็นวัดหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง และที่ใต้พระแท่นประดิษ ฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย
พระอารามหลวงแห่งนี้มีเนื้อที่ 50 ไร่ 38 ตารางวา อยู่ด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง ทิศเหนือจดถนนท้ายวัง ทิศตะวันออกจดถนนสนามไชย ทิศใต้จดถนนเศรษฐการ ทิศตะวันตกจดถนนมหาราช มีถนนเชตุพน ขนาบด้วยกำแพงสูงสีขาวแบ่งเขตพุทธาวาส และสังฆาวาสชัดเจน
มีหลักฐานปรากฏในศิลาจารึกไว้ว่า หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาพระ บรมมหาราชวังแล้ว มีพระราชดำริว่า วัดเก่าขนาบพระบรมมหาราชวัง 2 วัด ด้านเหนือ คือ วัดสลัก (วัดมหาธาตุฯ) ด้านใต้คือ วัดโพธาราม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุนนางเจ้าทรงกรม ช่างสิบหมู่อำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์ เริ่มเมื่อปี พ.ศ.2331

ใช้เวลา 7 ปี 5 เดือน 28 วัน จึงแล้วเสร็จ และโปรดฯ ให้มีการฉลองเมื่อปี พ.ศ.2344 พระราชทานนามใหม่ ว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส"
ทั้งนี้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ นานถึง 16 ปี 7 เดือน ขยายเขตพระอารามด้านใต้และตะวันตก คือ ส่วนที่เป็นพระวิหารพระพุทธไสยาสสวนมิสกวัน สถาปนาขึ้นใหม่พระมณฑป ศาลาการเปรียญ และสระจระเข้ บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ เป็นโบราณสถาน ในพระอารามหลวง ที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้โปรดฯ ให้เปลี่ยนท้ายนามวัดเป็น "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม"
แม้การบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุด เมื่อฉลองกรุงเทพฯ 200 ปี พ.ศ.2525 เป็นเพียงซ่อมสร้างของเก่าให้ดีขึ้น มิได้สร้างเสริมสิ่งใดๆ
เกร็ดประวัติศาสตร์ของการสถาปนาและการบูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์แห่งนี้ บันทึกไว้ว่า รัชกาลที่ 1 และที่ 3 ได้ระดมช่างในราชสำนัก ช่างวังหลวง ช่างวังหน้า และช่างพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญงานศิลปกรรมสาขาต่างๆ ได้ทุ่มเทผลงานสร้างสรรค์พุทธสถาน และสรรพสิ่งที่ประดับอยู่ในวัดพระอารามหลวงด้วยพลังศรัทธา ตามพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านที่ให้เป็นแหล่งรวมสรรพศิลป์ สรรพศาสตร์ เปรียบเป็นมหา วิทยาลัยแห่งสรรพวิชาไทย (มหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรก) ที่รวมเอาภูมิปัญญาไทย ไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานไทยได้เรียนรู้อย่างไม่รู้จบสิ้น

ณ พระวิหารด้านทิศตะวันออกมุขหลัง เป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธโลก นาถราชมหาสมมติวงศ์ องค์อนันตญาณสัพพัญญู สยัมภูพุทธบพิตร"
พระพุทธรูปองค์นี้พระนามเดิมเรียกว่า "พระโลกนาถศาสดาจารย์" ปรักหักพังทิ้งร้างอยู่ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ หลังจากเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยา
ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธารามเป็นพระอารามกว้างขวางมาก ได้ชะลอพระพุทธรูปยืนพระโลก นาถศาสดาจารย์ ลงมาบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งองค์ ประกอบพิธีบรรจุพระบรมธาตุแล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานในวิหารตะวันออกมุขหลัง
พระพุทธโลกนาถฯ เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ ขนาดสูง 20 ศอก วัสดุโลหะปิดทอง ศิลปกรรมสมัยอยุธยา
จารึกวัดพระเชตุพนฯ ได้พรรณนาพระพุทธโลกนาถฯ ไว้ดังนี้ "พระพุทธรูปยืนสูง 20 ศอก ทรงพระนามว่าพระโลกนาถศาสดาจารย์ ปรักหักพัง เชิญมาแต่วัดพระศรีสรรเพชญ์กรุงเก่า ปฏิสังขรณ์เสร็จแล้วเชิญประดิษฐานในพระวิหารทิศตะวันออกมุขหลัง บรรจุพระบรมธาตุด้วย ผนังเขียนพระโยคาวจร พิจารณาอาศภสิบและอุปรมาญานสิบ"
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเพิ่มสร้อยพระนามพระโลกนาถศาสดาจารย์ ว่า พระพุทธโลกนาถราชมหาสมมติวงศ์ องค์อนันตญาณสัพพัญญู สยัมภูพุทธบพิตร

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก คอลัมน์ เดินสายไหว้พระ หนังสือพิมพ์ข่าวสด

sithiphong:
ไหว้พระ 9 วัดเสริมสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ 2557

-http://horoscope.sanook.com/944157/%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B09%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%882557/-



สำหรับปีใหม่ 2557 ปีมะเมียนี้ ใครที่อยากเสริมเป็นสิริมงคลแก่ตนเองการไหว้พระ 9 วัด ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ค่ะ และวันนี้ทาง Sanook! Horoscope ได้รวบรวมวัดทั้ง 9 รวมไปถึงวิธีการลักการะบูชา การเดินทาง มาไว้ให้ชาว สนุก!ดูดวงได้เตรียมให้พร้อมก่อนไปทำบุญสักการะไหว้พระ 9 วัดกันค่ะ



1. ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร (เวลาเปิด-ปิด 05.30 - 19.30 น.)

ไปสักการะ "เทพารักษ์ทั้ง 5" คือ พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าพ่อเจตคุปต์, เจ้าพ่อหอกลอง เพื่อ "ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนาบารมี" ไหว้ เสาหลักเมืององค์จำลอง ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ผ้าแพร 3 สี ดอกบัว และไหว้องค์จริงด้วยพวงมาลัย

สถานที่ตั้ง อยู่บริเวณหัวมุมสวนหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 47, 53, 64, 80, 82, 91,201, 203 รถปรับอากาศ สาย 503,508, 512



2. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว(เวลาเปิด-ปิด 08.30 - 16.00 น.)

ไหว้พระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เป็นศูนย์กลางความศรัทธาไทย - ลาว เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระแก้วมรกต แก้วแหวน เงินทองไหลมาเทมาตลอดปี" ด้วยธูป เทียน ดอกบัวคู่

สถานที่ตั้ง อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 53, 59, 64, 80, 82,91,201, 203 รถปรับอากาศ สาย 501, 503, 508, 512



3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

นมัสการพระพุทธไสยาสน์อันศักดิ์สิทธิ์ (ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างประดับมุก ลวดลายภาพมงคล 108 ประการ) เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ ร่มเย็นเป็นสุข อยู่ดีกินดีตลอดปี" ด้วยธูป 9 ดอก เทียนแดงคู่ ทองคำเปลว 11 แผ่น

สถานที่ตั้ง หลังพระบรมมหาราชวัง ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 43, 44, 47, 53, 60, 82, 91, 123,รถปรับอากาศ สาย 501, 508



4. ศาลเจ้าพ่อเสือ (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ไปสักการะ เจ้าพ่อเสือ เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม ฯลฯ เพื่อเสริม "อำนาจบารมี" ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ พวงมาลัย 1 พวง "ศาลเจ้าเก่าแก่ของลัทธิเต๋า" หนึ่งในสามมหาสถานของพระนครที่ชาวจีนต้องสักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล "เสริมอำนาจบารมี"

สถานที่ตั้ง ถนนตะนาว แขวงเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12, 19, 35, 42, 56, 96



5. วัดสุทัศน์เทพวราราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ไหว้พระองค์ประธาน (พระศรีศากยมุณี) ที่เก่าแก่ ซึ่งอดีตเคยประดิษฐานอยู่ที่วิหารหลวงวัดมหาธาตุของกรุงสุโขทัย เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดสุทัศนฯ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป" ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม ดอกบัวหรือพวงมาลัย

สถานที่ตั้ง บริเวณเสาชิงช้า ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12



6. วัดชนะสงคราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ต้องไปสักการะ "พระประธาน" ในพระอุโบสถ และ "สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา)" ผู้นับถือความซื่อสัตย์ ด้วย ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 1 ดอก มีความเชื่อว่า "จะมีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง" "ไหว้พระวัดชนะสงคราม อุปสรรคร้ายพ่ายแพ้"

สถานที่ตั้ง ถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 3, 6, 9, 15, 30, 32, 33, 43, 53, 64, 65, 82, 123 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 6, 509



7. วัดระฆังโฆษิตาราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

สักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และพระประธานที่วัดระฆัง อ่านคาถาชินบัญชร เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดระฆัง มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี" ด้วยธูป 3 ดอก เทียนคู่ ทองคำเปลว 3 แผ่น หมากพลู

สถานที่ตั้ง ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 19, 57, 83 ท่าเรือ เรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่ารถไฟหรือท่าวังหลังก็ได้ หรือลงเรือข้ามฟากจากท่าช้างไปท่าวัดระฆัง



8. วัดอรุณราชวราราม หรือ วัดแจ้ง (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ไหว้พระปรางค์วัดอรุณฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดอรุณ ชีวิตโรจน์รุ่ง ทุกวันคืน" ต้องไปสักการะ "พระประธาน" ด้วยธูป 3 ดอก เทียนคู่ และต้องไปเดินทักษิณาวัตรรอบ "พระปรางค์" อีก 3 รอบ เพื่อ "ชีวิตรุ่งโรจน์"

สถานที่ตั้ง ข้างกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทางสาย 19, 57, 83 ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าเตียนขึ้นที่ท่าวัดอรุณ



9. วัดกัลยาณมิตร หรือวัดซำปอกง (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ไหว้หลวงพ่อซำปอกง (พระพุทธไตรรัตนนายก) พระโตริมน้ำตามตำนาน กรุงศรีอยุธยา ณ วัดกัลยาณมิตร เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้หลวงพ่อซำปอกง โชคดีมีชัยปลอดภัยตลอดปี" ด้วยธูป 3 ดอก เทียนแดงคู่

สถานที่ตั้ง แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี
การเดินทาง โดยรถประจำทาง สาย 3, 4, 7, 7ก, 9, 21, 37, 56, 82 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 7, 21, 82 (นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างจากโรงเรียนศึกษานารี เข้ามาที่วัดเพราะรถ ประจำทางเข้าไม่ถึง) ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าปากคลองตลาดขึ้นท่าวัดกัลยาณมิตร เพื่อความสะดวกควรเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือบริการขนส่งสาธารณะ เนื่องจากสถานที่จอดรถมีจำกัดมาก


การได้ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนั้นไม่จำเป็นต้องไปในวันพิเศษทางศาสนาเท่านั้น หากสามารถไปนมัสการได้ทุกเมื่อ ซึ่งการไปนมัสการนี้ ไม่เพียงจะก่อให้เกิดความสบายใจเท่านั้น หากยังเป็นกุศโลบายที่สร้างความเชื่อมั่นในการพาชีวิตก้าวเดินต่อไปในอนาคต ด้วยสัญญาใจที่ให้ไว้กับตัวเอง และถ้าไม่มุ่งมั่นในการโกย "มงคล" เกินไป เวลานั้นน่าจะเป็นเวลาทองที่ได้ซึมซับความสงบสุข ความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ได้อีกด้วย

 

ขอบคุณข้อมุลและภาพประกอบจาก wikipedia

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
 :13: อนุโมทนาสาธุครับพี่หนุ่ม ขอบคุณครับผม

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version