ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ : ไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว  (อ่าน 1243 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ : ไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว
-http://www.dlitemag.com/index.php?option=com_content&view=article&id=302:2010-03-10-14-42-10&catid=60:-lite-voyage-


ภาพประกอบจาก -http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=23167-

หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ คือพระสุปฏิปัณโณผู้สร้างวัดเจติยาคีรีวิหาร
ตั้งอยู่ที่ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคาย
ซึ่งเป็นศาสนสถานที่เหมาะสมยิ่งแก่การเจริญภาวนา
ในปี ๒๕๑๒ ท่านริเริ่มการสร้างบันไดวน ๗ ชั้น ขึ้นไปยังยอดภูทอก
ผู้ที่ได้ไปเยือนย่อมรู้สึกอัศจรรย์และซาบซึ้งในภูมิปัญญา ศรัทธา และวิริยะ
ของทั้งพระสงฆ์และผู้ที่มีส่วนร่วมในการรังสรรค์สิ่งก่อสร้างดังกล่าวนี้

หลวงปู่จวนอุปสมบทเมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ในฝ่ายมหานิกาย
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๘๖ ได้บวชในฝ่ายธรรมยุต
พระอุปัชฌาย์คือพระครูทัศนวิสุทธิ (พระมหาดุสิต เทวิโร)
ซึ่งเป็นหลานของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)
หลวงปู่จวนเล่าถึงเหตุที่พระอุปัชฌาย์ตั้งฉายาให้ว่า“กุลเชฏฺโฐ” ไว้ดังนี้

“พอได้รับแต่งตั้งให้เป็นอุปัชฌาย์ได้เพียง ๕ วัน
ก็มาอุปสมบทข้าพเจ้าเป็นนาคแรก
นับว่าข้าพเจ้าเป็นนาคแรกที่สุดของท่าน
ท่านจึงได้ตั้งฉายาให้ข้าพเจ้าว่า “กุลเชฏฺโฐ”
แปลว่า พี่ชายคนใหญ่ที่สุด ของหมู่ของพวกในวงศ์ตระกูลนี้”

หลังจากญัตติเป็นธรรมยุตแล้ว ในพรรษาที่ ๔
หลวงปู่จวนได้มีโอกาสร่วมจำพรรษากับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
ที่วัดป่าบ้านหนองผือ จึงได้รับโอวาทและคำชี้แนะในการปฏิบัติที่มีประโยชน์ยิ่ง
เมื่อออกพรรษา ท่านได้กราบลาท่านอาจารย์เพื่อออกธุดงค์
โดยเดินทางไปจนถึงจังหวัดทางภาคเหนือ
ซึ่งในพื้นที่นี้เอง ท่านต้องเผชิญภัยจากมาตุคาม (ผู้หญิง) อยู่หลายครา
จนถึงครั้งที่หนักหนาสุดเพราะฝ่ายหญิงเป็นผู้มีกิริยาดี
ตลอดจนผู้ปกครองของเธอก็สนับสนุน
ให้ท่านลาสิกขาออกมาเพื่อช่วยกันทำมาหากิน

หลวงปู่จวนซึ่งในขณะนั้นยังเป็นพระหนุ่ม
ได้พยายามเจริญอสุภกรรมฐาน แต่ก็ไม่เป็นผล
ในคืนที่กำลังจะตัดสินใจว่าจะลาสิกขาหรือไม่นั้น ท่านได้อธิษฐานว่า

“...หากข้าพเจ้าจะได้มีวาสนาได้เห็นธรรม เจริญต่อไปในทางพระพุทธศาสนา
ก็ขอให้มีเหตุใดเหตุหนึ่งมาช่วยคลี่คลายเรื่องที่กำลังประสบนี้ด้วยเถิด...”

ในยามเช้าที่ออกบิณฑบาตตามปกติ
ก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น สมดังคำอธิษฐานในคืนที่ล่วงมา

“เช้าวันต่อมาเมื่ออกบิณฑบาต หญิงสาวผู้นั้นก็มายืนรอใส่บาตรตามเคย
ข้าพเจ้าพยายามไม่มองหน้าหญิงนั้นเลย พอเปิดฝาบาตรจะรับบาตร
ก็ให้บังเอิญว่าผ้าประจำเดือนของหญิงนั้นได้หลุดลงที่พื้นดิน
แม้หญิงนั้นจะตกใจ พยายามใช้เท้าเหยียบให้จมโคลน ปกปิดภาพของจริงไว้
แต่ข้าพเจ้าก็ทันเห็นเลือดสีแดงเต็มตา
ในใจเกิดความรู้สึกสลดสังเวชขึ้นมาทันที
ด้วยเห็นถนัดเป็นของปฏิกูลพึงรังเกียจ
ระลึกขึ้นมาได้ว่า เราได้อุตส่าห์สละชีวิตจากเพศฆราวาส มาสู่เพศบรรพชิต
หนีจากของต่ำมาหาของสูงแล้ว เรายังจะย้อนกลับไปหาชีวิตที่เราสละแล้วอีกหรือ”


เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วท่านจึงปิดฝาบาตรทันที กลับไปยังที่พัก เก็บบริขาร
และ หนีออกไปจากที่แห่งนั้น โดยที่ยังไม่ได้ฉันภัตตาหารใดๆ
ต่อมาภายหลังท่านได้เล่าเรื่องนี้ถวายท่านพระอาจารย์มั่น
เมื่อท่านอาจารย์ได้ฟังแล้ว ก็กล่าวว่า

“เป็นธรรมดาของพระหนุ่มที่จะต้องพบเหตุการณ์เช่นนี้
ความสำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องเจริญกรรมฐานต่อสู้
เอาชนะกิเลสมารตัวร้ายนั้นอย่างไรต่างหาก”

หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ได้ต่อสู้กับกิเลสมารอย่างสง่างาม
ครองสมณสารูปอันเป็นที่เคารพเลื่อมใส ตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต


-------------------------------------------------------------------------


เอกสารประกอบการเขียน

“กุลเชฏฐาภิวาท” ที่ระลึกเนื่องในวโรกาสทรงเป็นประธานในพิธีพระราชทาน และเปิดเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ พิมพ์เมื่อปี ๒๕๓๒

“พระธุตังคเจดีย์ เจดีย์แห่งพระอรหันต์” ธรรมบรรณาการเนื่องในงานฉลองพระธุตังคเจดีย์ เจดีย์แห่งพระอรหันต์ และในงานบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๔๗ พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) ๒๒-๓๐ เมษายน ๒๕๕๑

.



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)