อิ่มกาย อิ่มใจ > ร้านดีร้านเด่น
รวมก๋วยเตี๋ยว อาหารแบบเส้นๆ ที่ไม่ธรรมดา
sithiphong:
ผัดไทชาววังตะวันดา ลงทุน 35,000 บาท 1-2 เดือนคืนทุน
-http://money.sanook.com/144189/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B2-%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-35000-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97-1-2-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/-
ผัดไทยไม่ใส่น้ำมัน น้ำปลา และผงชูรส แต่อร่อยได้ !! อร่อยได้อย่างไร เป็นสูตรลับน้ำปรุงของ "ผัดไทชาววังตะวันดา" ที่มีเจ้าของชื่อคุณสุภาดา ตะวันดา
ยิ่งกว่าความลับคือเจ้าของแบรนด์ผัดไทชาววังตะวันดา มีวิธีคิดที่น่าทึ่ง ทั้งในเรื่องการทำธุรกิจที่มองข้ามการหากำไรจากเงินค่าแฟรนไชส์ และมุมมองการทำงานที่ไม่ยอมให้ถูกงานทำ
ที่สำคัญคือการใช้ระบบเป็นตัวนำธุรกิจ เพื่อให้ทำงานง่ายที่สุด !!
ขายจริงมานาน 8 ปี แต่เพิ่งเข้าอบรมในระบบแฟรนไชส์ปีที่แล้ว "เพราะอยากสบาย ไม่อยากเหนื่อย อยากเที่ยว อยากมีเวลา"
ทุกวันนี้ร้านผัดไทชาววังตะวันดา มี 4 สาขา บางใหญ่ (ตรงข้ามวัดคงคา ถนนกาญจนาภิเษก) สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 5 สาขา china world วังบูรพา และดิโอลด์สยาม
ทำไมต้องเปิดสาขาเองหลาย ๆ สาขา แทนที่จะรีบขายแฟรนไชส์ ทั้งที่มีคนสนใจพร้อมโอนเงินให้แล้ว
คุณสุภาดามีเหตุผลว่าเธอจำเป็นต้องเรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผ่านกระบวนการอบรมและทำงานจริง ก่อนที่จะส่งต่อร้านให้กับแฟรนไชซี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
"ถ้าเรายังยืนไม่ได้ จะไม่สามารถประคองคนอื่นให้ลุกได้ ถ้าไม่มีระบบเราก็พัง จึงต้องต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ ไม่รู้ปัญหาอยู่ตรงไหน ร่วงแน่ คนที่ขายแฟรนไชส์แล้วไปไม่รอดเพราะเขาคิดเรื่องเงินก่อน โดยพื้นฐานหรือเป้าหมายไม่แน่น เจ้าของไปต่อไม่ได้ ลูกค้าที่ซื้อไปก็ตายด้วย"
หลังจากศึกษาระบบแฟรนไชส์และรูปแบบธุรกิจจนมั่นใจ คุณสุภาดาตัดสินใจขายแฟรนไชส์ไปบ้างแล้ว คือ สาขาสมุยและ maga วังบูรพา ชั้น 6 รวมทั้งสาขาที่ทยอยเปิดตามมาที่แฟชั่นไอส์แลนด์ และคริสตัลปาร์ค
ภายในปีนี้มีโอกาสเห็นอีกหลายสาขา เช่น ตลาดบกเวิ้งพระนคร ซึ่งเป็นสาขาที่มีคอนเส็ปต์กลิ่นอายไทย สวมทั้งชุดราชประแตนและชุดไทย หรืออาจจะเป็นสาขาพัทยากลาง เชียงใหม่และภูเก็ต
เมนูที่ขายหน้าร้านมีทั้งหมด 7 เมนู ได้แก่ ผัดไทย ขนมผักกาด หอยทอด ซึ่งเป็นจานหลักที่โดดเด่นของร้าน ส่วนเมนูทางเลือก ได้แก่ สปาเกตตี้ มักกะโรนี วุ้นเส้น และเมนูเสริมตระกูลเส้นที่หากินยาก คือ ผัดหมี่ซั่ว
ค่าแฟรนไชส์ 35,000 บาท เป็นตัวเลขที่ไม่สูง เมื่อเทียบกับการให้คำปรึกษา การให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การหาทำเล คุยกับพื้นที่เช่า จัดหน้าร้าน โดยใช้เวลาอบรมประมาณ 2 วัน และทางเจ้าของแฟรนไชส์จะเป็นผู้จัดส่งวัตถุดิบ น้ำปรุง แป้งขนมผักกาด แป้งหอยทอด
หน้าร้านใช้พนักงานเพียงคนเดียว ด้วยความง่ายเพียงใช้น้ำปรุงเป็นตัวหลักที่ทำให้รสชาติอร่อยแบบเดียวกันทุกจาน
แฟรนไชซีไม่ต้องเสียค่ารายเดือนหรือรายปี หรือค่าการตลาด แล้วทางเจ้าของแฟรนไชส์ยังช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วย เรียกว่างานนี้ลูกค้าคุ้ม
ต้นทุนต่อจานประมาณ 12-15 บาท รายได้จากการขายในห้างฯ วันละ 7-8 พัน สาขาเล็ก ๆ มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 40,000 บาท ส่วนสาขาที่ขายดีมีรายได้หลักแสน แต่ลูกค้าที่ขายในห้างฯ ไม่ใช่แค่มีเงินค่าแฟรนไชส์ ต้องมีสายป่านด้วย เพราะคิดบัญชีเดือนละครั้ง
"คุณต้องพร้อมเรื่องเงินแค่นั้นเอง ค่าแฟรนไชส์ไม่แพง ร้านไม่ต้องเข้า เราต้องการให้เป็นแบบนี้ ทำงานอย่างไรไม่ต้องถูกงานทำ"
ความสำเร็จของ "ผัดไทชาววังตะวันดา" คือลูกค้ารับประทานแล้วแวะกลับมาใหม่ แค่นั้นแหละที่ทำให้ผู้สร้างแบรนด์มีความสุขที่เห็นลูกค้าชอบในรสชาติอาหารของเธอเด็ดแค่ไหนมีกลเม็ดในการชิมง่าย ๆ ชิมแบบไม่ต้องปรุง ปล่อยให้อาหารอยู่ในกระพุ้งแก้มเพื่อลิ้มรสความอร่อย
บอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนที่เดินเข้ามา คุณสุภาดาจะเซเยสทั้งหมด ขอรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.08-7693-5454, 08-6047-2500
แฟรนไชส์ผัดไทชาววังตะวันดา
- ค่าสมัครแฟรนไชส์ 35,000 บาท (ไม่รวมอุปกรณ์)
- ค่าประกันสัญญาฟรี
- ค่าโฆษณาฟรี
- ประชาสัมพันธ์ ฟรี (หลังจากเปิดดำเนินการแล้ว)
- ค่าอุปกรณ์ (ขึ้นอยู่กับลูกค้าและสถานที่ขาย) (ลูกค้าจัดหาเอง หรือ จะให้ทางผัดไทตะวันดาจัดหาให้) รวมถึงการช่วยวิเคราะห์สถานที่ทำเล
- เงินทุนหมุนเวียนภายในร้านโดยเฉลี่ยประมาณ 1,500-2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับสถานที่ดำเนินกิจการของลูกค้า)
- ผัดไทชาววังตะวันดาเป็นผู้จัดส่งวัตถุดิบ แป้งขนมผักกาด น้ำปรุงรส แป้งหอยทอดสูตรโบราณ
- การอบรม ถ่ายทอดความรู้ลงมือจริงในการประกอบอาหารเบื้องต้นจนสามารถทำขายได้
- ให้ความช่วยเหลือเมื่อเริ่มเปิดกิจการ และแนะนำในการดูแลตกแต่งร้านค้า
- แนะนำจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่จำเป็น ให้กับลูกค้า
- ให้เมนูอาหาร สีสวยสดใส เป็นรูปเล่ม
- ให้โลโก้และป้ายผัดไทชาววังตะวันดา
- ให้เสื้อยืดผัดไทชาววังตะวันดา 2 ตัว ผ้ากันเปื้อน 2 ผืน
- ระยะเวลาคืนทุน 1-2 เดือน (ขึ้นอยู่กับสถานที่ดำเนินกิจการของลูกค้า)
- ทำเล ตลาดโต้รุ่งหรือ food terrace ในห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์อาหารทั่วไปตามแหล่งชุมชนขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เช่น ทางเท้าเทศกิจ หมู่บ้านจัดสรร ใกล้สถานศึกษา หรือ มหาวิทยาลัย ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว หรือใกล้กระทรวงต่าง ๆ
sithiphong:
“โก๋ตั้ง”ก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรเด็ดใบไม้ ความอร่อยที่แตกต่าง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2556 14:23 น.
-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000099352-
บรรยากาศที่นั่งภายในร้าน
หลายวันก่อนมีพรรคพวกส่งรูปก๋วยเตี๋ยวเรือหน้าตาน่ากินมาให้ดู “ผ่านมาแวะกิน” ก็เลยเกิดอาการน้ำลายสอ อยากกินขึ้นมาทันใด พอลองเสิร์ชหาร้านที่ถูกใจก็ได้ไปเจอร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ “โก๋ตั้ง” ที่มีสโลแกนว่าสูตรเด็ดใบไม้
จากชื่อที่สะดุดหู ก็เลยต้องออกเดินทางมาลองลิ้มรสด้วยตัวเองในทันที เมื่อมาถึงร้าน “โก๋ตั้ง” ที่ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 94/1 ก็ได้พบกับ พี่ต้อย นิสาสรณ์ ผลพฤกษาทรัพย์ เจ้าของร้าน มาคอยต้อนรับ โดยพี่ต้อยบอกว่าร้านนี้เปิดมาได้ 14 ปีแล้ว และก๋วยเตี๋ยวเรือของร้านนี้ก็เป็นสูตรพิเศษที่คิดขึ้นมาเอง มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำซุปกลิ่นหอม ส่วนสูตรเด็ดใบไม้ที่บอกไว้ก็คือ ก๋วยเตี๋ยวเรือของที่นี่ต้องกินคู่กับใบโหระพา จะยิ่งให้ความหอมอร่อยที่แตกต่างไปจากก๋วยเตี๋ยวเรือทั่วๆไป มากยิ่งขึ้น
พี่ต้อย เจ้าของร้าน
สำหรับน้ำซุปของที่นี่ จะใช้กระดูกไก่มาเคี่ยวผสมกับเครื่องเทศต่างๆ จากนั้นก็ปรุงรสและเคี่ยวต่อจนได้ที่ ทำให้ได้น้ำซุปที่มีกลิ่นหอมรสเข้มข้นกลมกล่อม และจะแยกหม้อระหว่างก๋วยเตี๋ยวหมูและก๋วยเตี๋ยวเนื้อ
อย่างชามแรกที่ลองชิมนั้นเป็น ก๋วยเตี๋ยวเรือหมู (25 บาท พิเศษ 40 บาท) ที่จะใส่ลูกชิ้นหมู หมูสดที่เลือกใช้หมูสันนอกมาหมักให้นุ่ม ใส่ตับหมูลวกพอสุก และหมูเปื่อยที่เคี่ยวในน้ำซุปจนเปื่อยนุ่ม ลองชิมก๋วยเตี๋ยวชามนี้รสชาติอร่อยดีแล้ว เพราะจะปรุงรสมาให้เสร็จสรรพ ใส่ทั้งน้ำตาลทรายและพริกน้ำส้มที่ทางร้านทำเอง
ก๋วยเตี๋ยวเรือหมู
แล้วหันมาลองชิม ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อ (25 บาท พิเศษ 40 บาท) ก็จะใส่ลูกชิ้นเนื้อ เนื้อสดที่ใช้เนื้อลูกมะพร้าวหมัก ใส่ตับวัวลวกพอสุก และเนื้อเปื่อนจากเนื้อส่วนน่องนำมาตุ๋น โดยผักที่ใส่ในก๋วยเตี๋ยวเรือทั้งเนื้อและหมูจะเหมือนกันคือผักคะน้าและถั่วงอก ซึ่งก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อก็รสชาติกลมกล่อมเข้มข้นเช่นกัน กินคู่กับใบโหระพาและถั่วงอกดิบก็ยิ่งอร่อย แต่ถ้าจะให้ดีต้องสั่ง กากหมู (20 บาท) มากินคู่กับด้วย เพราะกากหมูที่นี่จะเจียวใหม่ๆ ทุกวัน ใช้หนังหมูมาปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อยแล้วเจียวให้เหลือง นำมากินคู่กับก๋วยเตี๋ยวจะได้ความหอมมันเค็ม
ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อ และกากหมู
ส่วนของกินเล่นของที่ร้านก็อยากให้ลองชิม ลูกชิ้นหมูปิ้ง (ไม้ละ 12 บาท) เป็นลูกชิ้นหมูตัวเดียวกับในก๋วยเตี๋ยวที่เคี้ยวเด้งเนื้อนุ่มอร่อยปาก กินคู่กับน้ำจิ้มสูดเด็ดที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ดเคี้ยวกันเพลินๆ แต่ถ้าหากเบื่อลูกชิ้นปิ้งก็ต้องชิม ลูกชิ้นลวก (8 ลูก 20 บาท) ที่นำลูกชิ้นหมูไปลวกให้สุกแล้วใส่มาในน้ำซุปหอมๆ
แถมอีกอย่างสำหรับของกินเล่น ปอเปี๊ยะทอด (40 บาท) ที่ไส้ในเป็นหมูผักรวม นำมาห่อกับแป้งปอเปี๊ยะแล้วทอดให้เหลืองกรอบ กินคู่น้ำจิ้มหวานๆ ปอเปี๊ยะทอดกรอบนอกไส้ได้รสชาติอร่อย
ลูกชิ้นหมูปิ้งและปอเปี๊ยะทอด
ปิดท้ายมาแนะนำเมนูอื่นๆ ในร้านบ้าง อาทิ ไส้กรอกไก่อีสาน (35 บาท) ขนมถ้วย (คู่ละ 5 บาท) ข้าวต้มมัด (ชิ้นละ 7 บาท) น้ำแข็งไส (ถ้วยละ 15 บาท) เป็นต้น
นอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีเมนูเลือกได้ตามใจชอบอีกหลากหลาย ใครที่กินอาหารคาวจนอิ่มแล้ว ก็มากินขนมหวานล้างปากตบท้าย เรียกว่ามาร้านเดียวอิ่มทั้งคาวทั้งหวาน อร่อยกลับบ้านกันไป
ลูกชิ้นลวก
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน “โก๋ตั้ง” ตั้งอยู่ภายในมาตาเซ็นเตอร์ ซอยรามคำแหง 94/1 ถนนรามคำแหง เขตสะพานสูง กทม. การเดินทางใช้ถนนรามคำแหง มุ่งหน้ามายังซอยรามคำแหง 94/1 แล้วเลี้ยวเข้าซอย ตรงไปเล็กน้อยจะเห็นร้านตั้งอยู่ทางซ้ายมือ จอดรถได้ในบริเวณร้าน ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ และมีแฟรนไชส์ขายด้วย ร้านเปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. โทร. 08-9890-9885, 08-9923-1127
รายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน "โก๋ตั้ง"
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 สิงหาคม 2556 17:17 น.
-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000099350-
ชื่อร้าน : โก๋ตั้ง
ประเภทอาหาร : ก๋วยเตี๋ยว
เมนูจานเด่น : ก๋วยเตี๋ยวเรือหมู,ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อ และกากหมู,ลูกชิ้นหมูปิ้งและปอเปี๊ยะทอด,ลูกชิ้นลวก
บรรยากาศร้าน : ตกแต่งโล่ง นั่งสบาย
ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ภายในมาตาเซ็นเตอร์ ซอยรามคำแหง 94/1 ถนนรามคำแหง เขตสะพานสูง กทม. การเดินทางใช้ถนนรามคำแหง มุ่งหน้ามายังซอยรามคำแหง 94/1 แล้วเลี้ยวเข้าซอย ตรงไปเล็กน้อยจะเห็นร้านตั้งอยู่ทางซ้ายมือ
สถานที่จอดรถ : ด้านหน้าร้าน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ : โทร. 08-9890-9885, 08-9923-1127
ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ และมีแฟรนไชส์ขายด้วย
sithiphong:
ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ อาหารพื้นเมืองของพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
-http://www.trendzap.com/reviews/1389-%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%8B%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%AD-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%89%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2?utm_campaign=TZ&utm_source=SFirstpage&utm_medium=travelzone-review-
ผมมักจะต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ เรียกได้ว่าขึ้นเหนือล่องใต้กันเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อผมไปจังหวัดไหน ก็มักจะมองหาร้านอาหารแบบพื้นเมือง ที่ไม่ได้หาทานได้ทั่วไป และที่ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา นี่เอง ที่ผมได้ไปลิ้มลองอาหารพื้นเมืองที่มีมานานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งหากมาถึงที่พนมสารคามแล้วละก็ ต้องมาลอง “ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ” ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของที่นี่
สำหรับที่นี่แล้วการหา ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อทานนั้นไม่ยากเย็นเท่าไร เพราะมีขายกันอยู่หลายร้านทีเดียว แต่วันนี้ขอพาไปยังร้านดั้งเดิมที่เปิดมานานนั่นก็คือ “ปากหม้อ เจ๊ติ๋ม” และแน่นอนว่าเมื่อไปถึงร้านแล้วก็จะพบกับเจ๊ติ๋ม นั่งอยู่ที่ร้านคอยต้อนรับลูกค้า ซึ่งบรรยากาศของร้านเป็นบ้านไม้แบบโบราณ ที่นั่งทานเป็นโต๊ะเล็กๆ อยู่ล้อมรอบเจ๊ติ๋ม ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางคอยเสิร์ฟความอร่อยให้กับลูกค้า
ซึ่งความพิเศษของ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ก็คือ เริ่มต้นจะเสิร์ฟด้วยน้ำซุปกระดูกหมู ซึ่งเป็นน้ำก๋วยเตี๋ยว ที่มาพร้อมกระดูกหมูชิ้นโต แล้วก็ลูกชิ้น และหากใครที่ชอบขาไก่ก็สามารถสั่งได้ แต่ผมขอบายนะครับ จากนั้นก็ปรุงรสกันตามใจชอบ รสชาติน้ำซุปนั้นหอม รสชาติดีกลมกล่อมมากๆ แล้วเจ๊ติ๋มก็จะคอยบรรจงทำก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ซึ่งเป็นแป้งบางๆ ห่อกับไส้ต่างๆ 6 ไส้ได้แก่ ไส้หวาน ไส้กุยช่าย ไส้ถั่วงอก ไส้หน่อไม้ ไส้ถั่วฝักยาว ไส้เต้าหู้ ซึ่งที่นี่จะเรียกแต่ละไส้ว่าตัว ซึ่งก็จะคอยแคะก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ทีละตัว ใส่มาในชามน้ำซุปที่เสิร์ฟในตอนแรก ใส่มาเรื่อยๆ จนครบ 1 รอบ ซึ่งเราจะเพิ่มหรือไม่เพิ่มรอบก็ได้นะครับ แต่สำหรับผมแค่รอบเดียวก็อิ่มเต็มที่แล้วครับ ซึ่งความพิเศษของการเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวทีละไส้นั้นก็เพราะว่า ต้องการความใหม่สดของแต่ละไส้ที่ใส่เข้าไปในน้ำซุป ซึ่งจะทำให้แป้งนุ่ม ไม่แข็งตัว และร้อนกำลังดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดีเลยครับ สำหรับเมนูนี้ผมขอบอกว่าแปลก อิ่มอร่อยถูกปากมากครับ สำหรับราคานั้น 1 ชาม ใส่ไส้ทั้งหมด 6 ตัวหรือ 6 อย่าง นั้นเพียง 50 บาท เท่านั้นครับ
ก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋ @ กาญจนบุรี
-http://www.trendzap.com/reviews/3300-%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%8B%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%8B%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%8B-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5?utm_campaign=TZ&utm_source=SFirstpage&utm_medium=travelzone-review-
"ท่าม่วงมีอะไรอร่อย" ผู้เขียนถามคำถามนี้กับน้องที่อยู่จังหวัดกาญจนบุรี หลายคนตอบเหมือนกันว่าก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋ไงพี่ ถ้าคนเมืองกาญจน์อ่ะจะชอบไปกินร้านนี้ แล้วมันอยู่ตรงไหนล่ะ แยกท่าม่วงเลยพีเข้าหน้าโลตัสท่าม่วงก็ได้หรือเข้าทางปั๊มน้ำมันบางจากก่อนแยกท่าม่วงก็ได้ค่ะ พิกัดมาชัดขนาดนี้คนในพื้นที่ก็บอกว่าอร่อย มิเรอะที่สิงห์ตะวันตกตะเวณกินอย่างผู้เขียนจะปล่อยให้ผ่านไป จากเส้นแสงชูโตก่อนถึงสี่แยกท่าม่วงสังเกตุง่ายๆ ตรงเวิ้งที่มีร้านอาหารใต้เยอะๆ ก่อนเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี สังเกตุซ้ายเข้าไว้มีปั๊มน้ำมันบางจากที่ปิดบริการอยู่แห่งเดียวหน้าปั๊มน้ำมันมีติดป้ายว่า "ก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋" ก็เข้าทางปั้มน้ำมันบางจากที่เค้าปิดไว้เลยค่ะ
เข้ามาก็จะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋อยู่หลังปั๊ม ข้างๆ ก็เป็นร้านขายขนมถ้วยอร่อยด้วย (ชิมมาแล้ว) น้องๆ บอกว่าพี่อย่าไปเที่ยงเชียวนะคนเยอะ รู้เวลาแล้วหนิก็เลยไปบ่ายโมงช่วงเวลาคนน้อยพอดีเลยค่ะ ผู้เขียนสังเกตุจากคนที่มานั่งทานส่วนใหญ่เป็นชาวออฟฟิซและคนในพื้นที่แหละ เพราะเป็นนักท่องเที่ยวเนี่ยหายากที่จะหลงเข้าไปแล้วเจอ
มาถึงก็ดูเมนูก่อนเลยต้องรีบสั่งเดี๋ยวคิวยาว ร้านนี้เค้าจะมีทั้งอาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยวดูดี๋ สนนราคา 25 - 35 บาท ราคาตามแต่วัตถุดิบค่ะ ก็ไม่แพงนะ ผู้เขียนก็สั่งก่อนเลย วุ้นเส้นดูดี๋ ขลุกขลิกกระดูกอ่อน สูตรพิเศษอันดามัน ลูกชิ้นน้ำใส ผัดกระเพรากระดูกอ่อน จัดมาไม่ได้กินคนเดียวนะคะ พาคุณเตี่ยกะคุณแม่นักกินมาด้วย สั่งกันกระจาย
ขอบอกว่าไม่ผิดหวังไม่ต้องปรุงเพิ่มเค้าปรุงมาพอดีแล้ว เรียกว่าโปรดสังเกตุป้ายชิมก่อนปรุงด้วยนะคะ ของเค้าอร่อยจริงอะไรจริง ผู้เขียนสอบถามถึงเมนูชื่อแปลกๆ มันต่างกันตรงไหน เจ้าของร้านบอกว่าต่างกันที่ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นหมู และความเผ็ด แหมดูชื่อแล้วก็ดุมาเชียว เอาแบบธรรมดาๆ ดีกว่า เดี๋ยวกระเพาะพังยิ่งช่วงนี้ต้องดูแลสุขภาพอยู่ กระดูกอ่อนที่นี่เค้ากรุบกรอบได้ใจเชียวอ่ะ เรียกว่าติดใจเลยเหอะ ผัดกระเพราก็รสชาติดีทีเดียว แม้ร้านจะดูธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดาหากบ่ายแก่ๆ แล้วไม่ต้องแวะนะคะ หมดแล้วเหอะ
หากใครผ่านมาตอนสายๆ ถึงบ่ายนิดๆ ก็ลองแวะมาทานกันดูแล้วจะรู้ว่าทำไมคนท่าม่วงถึงบอกว่าร้านนี้อร่อย !!
เมนูแนะนำ
ผัดกระเพรากระดูกอ่อน
ขลุกขลิกกระดูกอ่อน
ดู๋ดี๋วุ้นเส้น
By Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com
เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2556
sithiphong:
รีวิว ไปชิมก๋วยเตี๋ยวปลาอินทรีย์ที่บ้านมะละกอ
-http://www.trendzap.com/reviews/473-%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%8B%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD?utm_campaign=TZ&utm_source=SFirstpage&utm_medium=travelzone-review-
สวัสดีค่ะ พาไปชิมก๋วยเตี๋ยวที่อำเภอแกลง จังหวัดระยองกันค่ะ ที่ร้าน "บ้านมะละกอ" ร้านนี้เขาขึ้นชื่อในเรื่องของก๋วยเตี๋ยวปลาอินทรีย์ แต่ว่าอาหารอย่างอื่นของร้านก็อร่อยใช้ได้ จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดระยอง ตรงเข้าบ้านเพ ระหว่างทางจะผ่านสวนสน ตรงไปจนเจอโค้งบังคับเลี้ยว จากสุดโค้งให้ตรงไปประมาณ 1.30 กิโลเมตร จะเห็นร้านบ้านมะละกออยู่ทางด้านซ้ายมือ สามารถจอดรถที่ได้ลานจอดรถหน้าร้านเลยค่ะ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.30 น.
หน้าร้านค่ะ
ที่นั่งภายในร้าน
เคยได้รับการการันตีความอร่อยมาแล้ว
รายการอาหาร นอกจากก๋วยเตี๋ยวปลาอินทรีแล้ว ที่แนะนำก็จะมีผัดไทยปลาอินทรีย์ ปลาอินทรีย์พล่า ปลาอินทรีย์แดดเดียว ราดหน้าปลาอินทรีย์
เวลาที่จะสั่งอาหาร ต้องเขียนลงกระดาษใบนี้ แล้วยื่นให้พนักงานร้าน
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ปลาอินทรีย์
เกาเหลาปลาอินทรีย์
ปลาอินทรีย์ลวกจิ้ม
ผัดไทยปลาอินทรีย์
ก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นปลาอินทรีย์
โดย ชมจันทร์
www.moonwatcher.bloggang.com และ www.facebook.com/moonwatcherBP
เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2555
เมนูแนะนำ
ก๋วยเตี๋ยวปลาอินทรี ผัดไทยปลาอินทรีย์ ปลาอินทรีย์พล่า ปลาอินทรีย์แดดเดียว ราดหน้าปลาอินทรีย์
sithiphong:
10 อาหารไทยที่ชื่อไม่ไทย
-http://webboard.campus.sanook.com/forum/?topic=3743522-
อาหารหลายอย่างในบ้านเราเป็นที่รู้จักกันอย่างดี เราเห็นเป็นประจำจนคุ้นชินกับมัน แต่มันมาสะกิดนิดนึงตรงชื่อเนี่ยแหล่ะ ว่าเอ๊ะ! ชื่ออาหารบวกหน้าตาแบบนี้มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? นี่คือ 10 อันดับอาหารที่เป็น Thailand Only มีแต่ในบ้านเรา บ้านคนอื่นเค้าไม่มี
1. ข้าวผัดอเมริกัน
หลายคนมีความเข้าใจแบบผิดๆคิดว่านี้คืออาหารพื้นเมืองของชาวอเมริกัน แต่ที่ไหนได้ มันเกิดจากชาวไทยเรานี่แหล่ะ ที่ผัดข้าวผัดให้ทหารอเมริกันคนหนึ่งกินโดยใส่ซอสมะเขือเทศลงไป บวกกับมีไก่ทอด ไส้กรอก แฮม และไข่ดาวให้ดูเป็นสากล แล้วก็เรียกชื่อไปว่าข้าวผัดอเมริกันจนเคยชิน สุดยอดจริงๆ ในประเทศอเมริกาไม่มีข้าวผัดอเมริกัน แต่ประเทศอั๊วะมีฟ่ะ!! Thailand Only!!
2. ขนมจีน
ขนมจีนไม่ใช่ของอาหารจีน แต่จริง ๆ แล้วเป็นอาหารของคนมอญหรือรามัญ คนมอญเรียกขนมจีนว่า คนอมจิน คนอม แปลว่าจับกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน จิน แปลว่าทำให้สุก แต่พี่ไทยเราพูดแผลงกันมาจนถึงปัจจุบันว่า ขนมจีน เลยงงเต๊กกันว่าเอามาจากจีนตอนไหนหว่า?
3. กล้วยแขก
กล้วยแขกหรือว่ากล้วยทอด ไม่มีในประเทศทางแถบตะวันออกกลางที่ไหนสักประเทศนึง ต้นกำเนิดจากพี่ไทยล้วนๆ แต่ที่ชาวไทยเรียกมันว่ากล้วยแขกเนื่องมาจากมันใช้วิธีทอดตามแบบวัฒนธรรมการทำ อาหารของชาวอินเดียที่เน้นการทอดเป็นหลัก ลองไปถามอาบังคงบอก “อีนี่ประเทศฉานไม่มีกล้วยแขกขาย แต่ประเทศไทยมีกล้วยแขกขายด้วย อาบังงงจริงๆ นะนายจ๋า!!”
4. ลอดช่องสิงคโปร์
นี่ยิ่งเพี้ยนหนัก ลอดช่องหน้าตาธรรมดาๆเหมือนลอดช่องทั่วไป ต่างกันตรงตักใส่แก้วเสริฟให้ลูกค้า ที่เรียกแบบนี้เพราะมาจากสิงคโปร์รึ? No! หากย้อนไปเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ร้านสิงคโปร์โภชนาที่ชายลอดช่องนี้ บังเอิญไปตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงภาพยนต์สิงคโปร์ (เดิม) หรือโรงหนังเฉลิมบุรี บนถนนเยาวราช และเมื่อลูกค้าจะไปทานก็มักจะเรียกว่า “ไปทานลอดช่องหน้าโรงหนังสิงคโปร์” สุดท้ายก็เรียกให้สั้นลงว่า “ลอดช่องสิงคโปร์” แทน ส่งผลให้นี้คือต้นกำเนิดของลอดช่องสิงคโปร์ที่เรียกกันติดปากมาจนถึงปัจจุบัน
5. กะหรี่ปั๊บ
เป็นอาหารสไตล์ตะวันตกผสมกับอินเดีย เริ่มเป็นที่นิยมโดยชาวมุสลิมในประเทศไทย จริงๆต้องเรียกว่า curry puff หรืออ่านว่า เคอรี่-พัฟ ต่างหาก แต่พี่ไทยเราพูดทับซ้ำจนแผลงกลายมาเป็น กะหรี่ปั๊ป!! เออเพี้ยนดีจริงๆ ฟังชื่อแล้วอยากเที่ยว เอ๊ย! อยากกินสักชิ้น
6. ขนมโตเกียว
ขนมโตเกียว น่าจะเป็นขนมที่คนไทยประยุกต์ขึ้นมาเอง เนื่องจากที่ญี่ปุ่นก็มีขนมที่ใช้วิธีทำคล้ายๆขนมโตเกียว ก็ไม่ได้มีที่มาจากกรุงโตเกียวแต่อย่างใด ไปหาซื้อถึงญี่ปุ่นบ้านเค้าก็คงไม่มี แต่บ้านเรามีขนมโตเกียวขายอยู่ทั่วกรุงเทพเลยนะเนี่ย
7. ขนมโมจิ
ขนมโมจิ เป็นขนมหวานแสนอร่อยของชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่นมยาน เอ๊ย! นมนานแล้ว แต่กลายเป็นของดีประจำจังหวัดนครสวรรค์ได้ยังไง งงเลยนะเนี่ย เรื่องมันมีอยู่ว่า มีคนไทยไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นและซื้อขนมโมจิกลับมาเป็นของฝาก พอได้ลองทานดูปรากฎว่า โมจิแข็งและมีรสชาติที่ไม่อร่อยถูกปาก จึงได้มีการดัดแปลงรสชาติความอร่อยให้ถูกปากคนไทย และขนมโมจิได้ถือกำเนิดที่จังหวัดนครสวรรค์เป็นแห่งแรกของประเทศไทยเมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน กลายเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดไปซะเลย...
8. ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง
ขนมหวานไทยๆแต่โบราณกาล เข้ามาในไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยชาวโปรตุเกสเป็นผู้ริเริ่มสอนทำขนมเหล่านี้ให้คนไทย ไปๆ มาๆ จนถึงปัจจุบันขนมอิมพอร์ตจากโปรตุเกสเหล่านี้ก็กลายเป็นขนมไทยไปแบบไม่รู้ตัว อิอิ
9. มัสมั่น
อาหารไทยที่ต่างชาติยอมรับว่าอร่อยติดอันดับโลก แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วต้นกำเนิดของอาหารชนิดนี้อาจไม่ใช่ของคนไทยก็เป็นได้ มัสมั่นเป็นแกงที่มาจากเปอร์เซีย (อิหร่าน) โดยแขกเจ้าเซนซึ่งเข้ามาค้าขายตั้งแต่ในสมัยพระนารายณ์มหาราช ที่นำเข้ามาพร้อมพวกเครื่องเทศต่างๆ จนปัจจุบันมัสมั่นก็กลายเป็นอาหารไทยไปโดยปริยาย
10. ผัดไทย
อาหารยอดนิยมของคนไทยตั้งแต่สมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่ผัดไทยถ้าพูดกันจริงๆแล้วก็คือก๋วยเตี๋ยวผัดดีๆ นี่เอง ซึ่งก๋วยเตี๋ยวประเภทนี้ต้นกำเนิดก็มาจากประเทศจีน แต่เราเอามาดัดแปลงและเรียกเป็นผัดไทยไปซะนั่น
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ที่มา : toptenthailand
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version