อิ่มกาย อิ่มใจ > ร้านดีร้านเด่น

รวมก๋วยเตี๋ยว อาหารแบบเส้นๆ ที่ไม่ธรรมดา

<< < (12/23) > >>

sithiphong:
วิธีทำขนมจีนน้ำเงี้ยว สูตรอาหารชาวเหนือ

-http://club.sanook.com/13530/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%A7-








ขนมจีนเป็นอาหารจานโปรดของหลายคน การดัดแปลงขนมจีนแล้วแต่ภาคแตกต่างกันไป เช่น ขนมจีนน้ำยาปลาช่อนของภาคกลาง ขนมจีนน้ำยาป่าภาคอีสาน ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ของภาคใต้ ถ้าเป็นภาคเหนือก็จะปรุงเป็นขนมจีนน้ำเงี้ยวก็จะต่างจากการทำน้ำยาของภาคอื่นๆ แทนที่จะใช้เนื้อปลา ก็จะใช้เป็นเนื้อสัตว์อื่นมาปรุงแทน เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ซี่โครงหมู เลือดหมู และรสชาติก็จะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำเงี้ยว
วิธีทำขนมจีนน้ำเงี้ยว

เครื่องปรุงขนมจีนน้ำเงี้ยว
1. ขนมจีน 30 จับ (1000 กรัม)
2. ซี่โครงหมูสับชิ้นเล็ก 500 กรัม
3. เลือดไก่หั่นชิ้น ขนาด 2×2 นิ้ว 500 กรัม
4. เนื้อหมูสับละเอียด 500 กรัม
5. มะเขือเทศลูกเล็ก (มะเขือส้ม) 500 กรัม
6. เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
8. ดอกงี้ว ใส่ตามชอบค่ะ
9. น้ำมัน ¼ ถ้วย (45 กรัม)

เครื่องแกงขนมจีนน้ำเงี้ยว
1. พริกแห้งแกะเม็ดแช่น้ำ 7 เม็ด (15 กรัม)
2. รากผักชีหั่นละเอียด 1 ช้อนชา (8 กรัม )
3. ข่าหั่นละเอียด 5 แว่น (40 กรัม)
4. ขมิ้นสดยาว 1 ซม.3 ชิ้น (15 กรัม)
5. ตะไคร้หั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
6. หอมแดง 7 หัว (70 กรัม)
7. เกลือป่น 1 ช้อนชา (8 กรัม)
8. กระเทียม 3 หัว (30 กรัม)
9. กะปิ (หรือถั่วเน่าย่างไฟ 1 แผ่น)
10. 1 ช้อนชา (8 กรัม)

วิธีทำขนมจีนน้ำเงี้ยว
1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
2. แช่ดอกงิ้วให้นิ่ม
3. ตั้งหม้อใส่น้ำ + ซี่โครงหมู ต้มให้เดือด และนำดอกงิ้วที่แช่ไว้ มาต้มด้วย
4. ใส่น้ำมันในกะทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องแกง ลงผัดให้หอม ใส่เนื้อหมู ผัดให้ทั่ว ผัดพอสุกใส่มะเขือเทศ คลุกให้ทั่ว ตักใส่ในหม้อที่ต้มซี่โครงหมู ตั้งไฟให้เดือดแล้วใส่เลือดไก่
4. ตั้งไฟอ่อนพอให้น้ำเดือดปุดๆ เคี่ยวให้น้ำแกงหอม ซี่โครงหมูนุ่ม ปรุงรสด้วยเกลือ ชิมรส รับประทานกับขนมจีน หรือ เส้นใหญ่หั่นเล็กๆ ตามชอบ
ขนมจีนน้ำเงี้ยว

ขนมจีนน้ำเงี้ยว
สรรพคุณทางยาของขนมจีนน้ำเงี้ยว

1. มะเขือเทศ รสเปรี้ยว เป็นผักที่ใช้แต่งสีและกลิ่นอาหาร ช่วยระบายและบำรุงผิว
2. ผักกาดดอง รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะและลำไส้
3. หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไขหวัด
4. ผักชี ช่วยละลายเสมหะ แก้หัด ขับเหงื่อ ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เจริญอาหาร
5. มะนาว เปลือกผล รสขม ช่วยขับลม น้ำมะนาว รสเปรี้ยวจัดขับเสมหะ แก้ไอ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิต
6. กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคผิวหนัง น้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด
7. พริกขี้หนู รสเผ็ดร้อน ช่วยเจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อย
8. ข่า รสเผ็ดปร่า และร้อน ช่วยขับลม ขับพิษโลหิตร้ายในมดลูก ขับลมในลำไส้
9. ขมิ้นชัน รักษาแผลในกระเพาะอาหาร เจริญอาหาร และขับเหงื่อ
10. ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร และขับเหงื่อ
11. มะพร้าว (กะทิ) รสมัน บำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูก

ประโยชน์ทางอาหาร ขนมจีนน้ำเงี้ยว เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง ให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย
คุณค่าทางโภชนาการของขนมจีนน้ำเงี้ยว

ขนมจีนน้ำเงี้ยว 1 ชุด ให้พลังงานต่อร่างกาย 3303 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย
- น้ำ 3893.7 กรัม
- โปรตีน 476.4 กรัม
- ไขมัน 69.3 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 176.7 กรัม
- กาก 41.3 กรัม
- ใยอาหาร 8.3 กรัม
- แคลเซียม 1097.2 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 1947.3 มิลลิกรัม
- เหล็ก 509.6 มิลลิกรัม
- เบต้า-แคโรทีน 1865 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 52038 IU
- วิตามินบีหนึ่ง 198.4 มิลลิกรัม
- วิตามินบีสอง 5.4 มิลลิกรัม
- ไนอาซิน 91.7 กรัม
- วิตามินซี 320.2 มิลลิกรัม

.

sithiphong:
ก๋วยเตี๋ยวมหาภัย ตับไตพัง - สมองเสื่อม

-https://www.facebook.com/FoodleNoodle?hc_location=timeline-

ก๋วยเตี๋ยว ถือว่าเป็นอาหาร "คู่ปากคู่ท้อง"ของคนไทยไม่แพ้ข้าว จึงไม่แปลกที่จะมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวผุดขึ้นอยู่ทุกหัวระแหง ขนาดว่ากันว่า "ทุกซอย"ในประเทศไทยจะต้องมีร้านก๋วยเตี๋ยวอย่างน้อย 1 ร้าน

แต่ตอนนี้ "คอก๋วยเตี๋ยว"อาจจะต้อง "ชะงัก" นิดนึง เมื่อนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) ออกมาเปิดเผยข้อมูลอัน"น่าตกใจ"ว่า คคบ. ได้มอบหมายให้
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบและศึกษาอุปกรณ์การบริโภคที่ใช้วิธีเอาสาร"ตะกั่ว"มาบัดกรี แทนการใช้เชื่อมแบบ"อากอน"ที่ปลอดภัยกว่า เช่น หม้อต้มน้ำ และหม้อต้มกาแฟ เป็นต้น

ทั้งนี้เนื่องจากมีการพิสูจน์แล้วว่า อุปกรณ์ที่มีสารตะกั่วมาบัดกรีเมื่อถูกความร้อนอาจ "ปนเปื้อน"กับอาหารได้ และหากร่างกายได้รับสารตะกั่วเกินมาตรฐาน ก็จะเป็นอันตรายทั้งต่อระบบ "สมอง"และระบบ"ประสาท"รวมทั้งยังมรผลต่อสุขภาพในด้านอื่นๆด้วย

หากมีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าอุปกรณ์ร้านอาหารและเครื่องดื่มมีการใช้ตะกั่วในการบัดกรีจริง ก็จะเสนอให้ที่ประชุม คคบ.ประกาศบังคับ"ห้ามจำหน่ายแบบถาวร"ทันที อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม คคบ.ได้มีมติออกคำสั่งห้ามใช้ ห้ามจำหน่าย และซ่อมเครื่องทำน้ำเย็นและน้ำอุ่น ที่ใช้สารตะกั่วในการบัดกรีตัวถัง หรือท่อส่งน้ำในถังในเครื่องทำน้ำเย็นน้ำอุ่นแล้ว

นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ข้อมูลว่า ในธรรมชาติมีสารตะกั่วปนเปื้อนในอาหารและเครื่องดื่ม ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย อย.จึงกำหนดมาตรฐานที่ยินยอมให้ปนเปื้อนในอาหารไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม น้ำดื่มไม่เกิน 0.1 มิลลิกรัมต่อลิตร

"สารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ทั้งการบริโภค การหายใจเอาไอตะกั่ว และสัมผัสเข้าทางผิวหนัง หากได้รับตะกั่วอย่างต่อเนื่องและปริมาณมากๆจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายอย่างเฉียบพลันคือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง เมื่อพิษสะสมเรื้อรังทำให้ระบบประสาทส่วนปลายเสื่อม เป็นอัมพาต อ่อนเพลียคล้ายคนเป็นง่อย เซลล์สมองผิดปกติ เซื่องซึม ความจำเสื่อม สติปัญญาด้อย คิดช้า ซีด อ่อนเพลีย เพราะตะกั่วทำลายเม็ดเลือดแดง"เลขาธิการ อย.กล่าว

มหันตภัย"จากก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้มีเฉพาะอันตรายที่มาจากอุปกรณ์ในการทำก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น แต่มาจาก "วัตถุดิบ" ในการทำก๋วยเตี๋ยวนั้นด้วย นั้นก็คือ "เส้นก๋วยเตี๋ยว"โดยก่อนหน้านี้ ภก.วรวิทย์ กิตติวงสุนทร ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุบลราชธานี ได้ออกมาเปิดเผยผลการวิจัยเรื่อง "ความปลอดภัยในเส้นก๋วยเตี๋ยว ในเขตภาคอีสาน"ว่า

ก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่เป็น "เส้นสด"ที่ค้างหลายวันไมได้ ผู้ประกอบการจึงเติม "สารกันบูด"หรือ"สารกันเสีย"เพื่อยืดอายุเส้นก๋วยเตี๋ยวและยืดระยะเวลาการจำหน่าย ซึ่งสารกันบูดที่นิยมใช้คือ "กรดเบนโซอิก" และ กรดซอร์บิก ถ้าร่างกายได้รับปริมาณสูงเป็นเวลานาน จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของ "ตับ"และ"ไต"ลดลง

ดังนั้น คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานอาหารสากล (Codex) จึงได้กำหนดให้ใช้กรดเบนโซอิกในเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ไม่เกิน 1000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

ผลจากการตรวจวิเคราะห์ "ตัวอย่าง เส้นก๋วยเตี๋ยวใน 4 จังหวัดภาคอีสานคือ จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร และศรีสะเกษ ผลปรากฏว่า ก๋วยเตี๋ยว"เส้นเล็ก"พบปริมาณกรดเบนโซอิกสูงสุด 17,250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม รองลงมาเป็นก๋วยเตี๋ยว "เส้นหมี่"7,825 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม " ก๋วยจั๊บ เส้นใหญ่ "7,358 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม "กวยจั๊บเส้นเล็ก"6,305 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม "บะหมี่โซบะ"4,593 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และ"ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่"4,230 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

ภก.วรวิทย์ กล่าวว่า จากผลวิจัยดังกล่าวทำให้ความเชื่อเดิมที่คิดว่า "เส้นหมี่"ซึ่งมีลักษณะแห้งจะมีวัตถุกันเสียน้อย แต่จะพบมากใน "เส้นใหญ่"ที่มีความชื้นสูงนั้น แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า กลับมีการใส่ตุกันเสียเยอะมากเป็นอันดับ 2 รองจากเส้นเล็ก ส่วนเส้นที่มาพบสารเลยคือ เส้น "บะหมี่เหลือง"เพราะผลิตจากแป้งสาลี ส่วนเส้นอื่นๆจะผลิตจากแป้งข้าวเจ้าที่มีความชื้นสูง ทำให้ราขึ้นง่าย จึงมีการใส่วัตถุกันเสีย ขณะที่วุ้นเส้นไม่มีปัญหาเช่นกัน

"การวิจัยนี้ไม่ได้ตั้งใจทำให้คนแตกตื่น หรือทำลายอุตสาหกรรมก๋วยเตี๋ยว แต่เป็นการวิจัยเพื่อเตรียมแก้ไขปัญหา และสร้างความปลอดภัยในอาหาร เพราะเมื่อคิดค่าเฉลี่ยน้ำหนักผู้บริโภคคนไทย คือ 50 กิโลกรัม ดังนั้นปริมาณสูงสุดที่ควรบริโภคคือไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งการกินก๋วยเตี๋ยว 1 มื้อ จะมีเส้นประมาณ 50-100 กรัม เท่ากับว่าผู้บริโภคจะได้รับกรดเบนโซอิกประมาณ 226-451 มิลลิกรัม ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว และเมื่อรวมกับปริมาณวัตถุกันเสียในอาหารอื่นๆ ที่กินในแต่ละวัน เท่ากับว่าผู้บริโภคจะได้รับสารนี้จำนวนมาก แม้การตรวจวิเคราะห์ในครั้งนี้จะทำเฉพาะในเขตภาคอีสาน แต่คาดว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวทั่วประเทศจะมีปัญหาไม่แตกต่างกัน" ภก.วรวิทย์ ระบุ

เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลอันน่าตกใจดังกล่าวของเส้นก๋วยเตี๋ยว ก็จะทำให้ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับอาหารและยาถึงกับ "เต้น"ได้สั่งการให้นายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เร่งเก็บตัวอย่างเส้นก๋วยเตี๋ยวทั่วประเทศตรวจหาสารกันบูด

นอกจากนี้มีแนวโน้มที่จะกำหนดให้ " โรงงาน " ผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวต้องพัฒนาให้ได้มาตรฐานเกณฑ์การผลิตที่ดี (จีเอ็มพี) คำนึงถึงความสะอาดปลอดภัยของกระบวนการการผลิต ขณะเดียวกัน อย.มีโครงการ "เฝ้าระวัง"การใช้สารกันบูดในอาหารตั้งแต่กลางปี 2548 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

นพ.นิพนธ์ กล่าวอีกว่า สารกันบูดที่ใส่ในเส้นก๋วยเตี๋ยวนั้น ไม่สามารถดูได้ด้วยตาเปล่า อีกทั้งรสชาติของเส้นที่มีสารกันบูดไม่มีความแตกต่างกับเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ไม่มีสารกันบูด และการลวกเส้นด้วยน้ำร้อนก็ไม่สามารถทำลายสารกันบูดได้ เพราะผสมเป็นเนื้อเดียวกันกับเส้นก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว ซึ่งอย.จะเร่งศึกษาข้อมูลเพื่อหาทางคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค

ทั้งนี้ มีข้อแนะนำในการสังเกตว่า ก๋วยเตี๋ยวที่เรากินนั้นใส่สารกันบูดหรือไม่ มีวิธีสังเกตหลายวิธี คือ อย่างแรกถ้าใส่สารเคมี เส้นก๋วยเตี๋ยวจะ"เหนียวหนึบ"กัดไม่ค่อยจะขาดจากกัน หรือถ้าพูดง่ายๆจะมีความเหนียวผิดปกติ อีกทั้งเส้นที่ใส่สารกันบูดเมื่อนำไปลวกในหม้อก๋วยเตี๋ยว สังเกตว่าน้ำที่ลวกจะ "ขุ่น"

นอกจากนี้ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่หรือเส้นสดที่ใส่สารกันบูดทิ้งไว้ 2- 3 วัน จะมีสีสันคงเดิมไม่มี รา ขึ้น แต่เมื่อมาดมดูจะมีกลิ่น เหม็นเปรี้ยว ผิดกับเส้นสดที่ไม่ใช้สารกันบูดเพียงคืนเดียวเส้นก็ขึ้นราและบูดแล้ว

อย่างไรก็ตาม บรรดา สาวกก๋วยเตี๋ยว ก็ไม่ถึงกับต้องหวาดวิตกเกินไป จนถึงกับปฏิเสธ การกินก๋วยเตี๋ยวไปเลย เพียงแต่ก่อนจะคีบเข้าปาก ลองสังเกตสักนิดว่า เส้นก๋วยเตี๋ยว และ อุปกรณ์ การทำก๋วยเตี๋ยวของร้าน มีความผิดปกติ อันจะก่อให้เกิดอันตราย ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นหรือไม่

อีกทั้งถ้าจะว่าไปแล้ว ร่างกายของคนเรามีกระบวนการขับสารที่เป็นพิษออกไปได้หมดภายใน 1 วันอยู่แล้ว ขณะที่ "ผู้ประกอบการ"ที่เกี่ยวกับ ก๋วยเตี๋ยวเอง ก็ควรมี "จิตสำนึก"ต่อความปลอดภัยของ "ผู้บริโภค" ด้วย เพื่อเส้นก๋วยเตี๋ยวจะได้เป็นอาหารยอดนิยมคู่กับ "สังคมไทย"ไปตลอดกาล


ขอขอบคุณที่มา :
สกู๊ปหน้า 1 หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันจันทร์ ที่ 8/10/2550
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

---------------------------------------------------------------------------------------------------


ผลการวิจัย : อันตรายสารพัดโรค จากเส้นก๋วยเตี๋ยว

-https://www.facebook.com/FoodleNoodle?hc_location=timeline-

ก๋วยเตี๋ยวถือว่าเป็นอาหารยอดนิยมของผู้บริโภค ทั้งคนทำงาน เด็ก นักเรียน นักศึกษา เนื่องจากสะดวก หาซื้อทานง่ายและมีราคาไม่แพงแต่กลับกลายเป็นอาหารอันตรายที่ส่งผลต่อสุขภาพคนไทยได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อเร็วๆนี้ มีผลการสำรวจวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยมีนายโสภาค สอนไว และนายบัณฑิต อินณวงศ์ ตัวแทนจากทีมวิจัย ได้ออกมาแถลงถึงมหันตภัยที่แฝงมากับเส้นก๋วยเตี๋ยวว่า

จากการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเส้นก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่ปี 2549-2551 โดยสำรวจกรรมวิธีการผลิตของโรงงานผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยว จำนวน 10 แห่งทั่วประเทศ พบว่า เส้นก๋วยเตี๋ยวที่นำมาประกอบอาหารนั้นมีอันตรายต่อสุขภาพ

โดยเฉพาะเส้นใหญ่จะมีปริมาณน้ำมันที่มาจากการใช้ซ้ำมากที่สุด ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าจะใช้น้ำมันที่มาจากการใช้ซ้ำและการผสมน้ำมันจากหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น น้ำมันปาล์ม น้ำมันจากถั่วลิสง

แต่การใช้น้ำมันเหล่านี้เป็นจำนวนมาก จะทำให้มีการสะสมของสารประกอบมีขั้วหรือสารประกอบโพลาร์ จะส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด

นอกจากนี้น้ำมันที่ทำมาทาเส้นก๋วยเตี๋ยวเพื่อไม่ให้เกาะติดและขยี้แตกเป็นเส้นง่ายง่าย อาจปนเปื้อนของสารอะฟลาท็อกซิน ทำให้เกิดโรคตับอักเสบ มะเร็งตับ รวมไปถึงโรคราย ซินโดรม (REYE's Syndrome) ในเด็กก่อนวัยเรียน โดยจะมีอาการไข้ ปวดท้อง อาเจียน ซัก สมองบวมและเสียชีวิตภายใน 24-72 ชม.

นอกจากนี้เส้นก๋วยเตี๋ยวยังมีการใช้สารวัตถุกันเสียเป็นจำนวนมาก เพื่อยับยั้งเชื้อราและจุลินทรีย์อื่นๆ รวมทั้งการปนเปื้อนของสารส้มในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อระบบประสาท การอักเสบของไตและกรวยไต จนมีผลต่อระบบกระดูกได้อีกด้วย

เห็นทีผู้บริโภคอย่างเรา คงจะบริโภคอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลกันหน่อย เพื่อไม่ให้ผู้ผลิตเอาเปรียบเราโดยไม่คำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคอีกต่อไป

sithiphong:
ก๋วยเตี๋ยวหมูสับต้มยำ เมนูเส้นหอม ๆ ชวนน้ำลายสอ

-http://cooking.kapook.com/view76801.html-





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           เมนูก๋วยเตี๋ยวยอดฮิตก็คงต้องยกให้ก๋วยเตี๋ยวหมูสับต้มยำนี่แหละเป็นพระเอก เพราะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คน เปรี้ยวเค็มหวานครบรสความอร่อย แต่ถ้าใครว่าง ๆ แล้วอยากลองทำเองดูล่ะก็เราก็มีสูตรก๋วยเตี๋ยวหมูสับต้มยำ มาฝาก เผื่อมีงานเลี้ยงก็สามารถนำไปทำได้


สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับน้ำซุป)

          กระดูกหมู 500 กรัม

          หัวไชเท้าหั่นเป็นชิ้นหนา 1 หัว

          น้ำ

          รากผักชีทุบ 2 ต้น

          น้ำตาลกรวด 2 ช้อนโต๊ะ

          เกลือป่น สำหรับปรุงรส


วิธีทำ

          1. ใส่กระดูกหมู และหัวไชเท้าลงในหม้อ เติมน้ำลงไปจนท่วม ยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง ต้มจนเดือด (หมั่นช้อนฟองอากาศออก) และน้ำซุปเริ่มใส ใส่รากผักชี น้ำตาลกรวด และเกลือป่น คนผสมให้เข้ากัน ลดไฟอ่อนลงต้มจนเดือด นานประมาณ 1 ชั่วโมง เตรียมไว้






  สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับก๋วยเตี๋ยว)

          เต้าหู้ขาวแบบแข็งหั่น 4 ส่วน 1 ก้อน

          น้ำมันพืชสำหรับทอดเต้าหู้

          หมูสับ 300 กรัม

          ตับหมู 200 กรัม

          ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก (หรือเส้นตามชอบ) 1 ห่อ

          ถั่วงอกเด็ดหาง

          น้ำมันกระเทียมเจียว

          กระเทียมเจียว

          ตั้งฉ่าย

          ถั่วลิสงคั่วบด

          ต้นหอมซอย

          ผักชีซอย

          น้ำมะนาว

          พริกไทย สำหรับโรยหน้า

          พริกป่น


  วิธีทำ

          1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่เต้าหู้ลงทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จากนั้นหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ เตรียมไว้

          2. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางจนเดือด ใส่หมูสับ และตับหมูลงลวกจนสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้

          3. ลวกเส้น และถั่วงอกในน้ำเดือดจนสุก นำใส่ชาม ใส่น้ำมันกระเทียมเจียวลงเคล้าให้ทั่วเส้น จากนั้นใส่เต้าหู้ทอด และตับหมูที่เตรียมไว้ ตามด้วยกระเทียมเจียว ตั้งฉ่าย และถั่วลิสงคั่วบด

          4. ใส่หมูสับ น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกป่นลงในอ่างผสม ตามด้วยน้ำซุปกระดูกหมู คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ตักใส่ลงในชามเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย และผักชีซอย พร้อมรับประทาน

          เพียงเท่านี้ก็ได้ก๋วยเตี๋ยวต้มยำหอม ๆ รสเด็ด ๆ ไว้รับประทานให้อิ่มท้องแล้ว


sithiphong:
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อป้าพิศ เมนูเด็ดหน้าวัด “บางยี่ขัน”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    13 ธันวาคม 2556 17:08 น.

-http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9560000151473-



ก๋วยเตี๋ยวเนื้อป้าพิศ เมนูเด็ดหน้าวัดบางยี่ขัน
       “บางยี่ขัน” เป็นชื่อของย่านหนึ่งในเขตบางพลัด ที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่ต่างไปจากย่านอื่นๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งบางยี่ขัน ถือเป็นอีกย่านหนึ่งที่มีสถานที่สำคัญทางศาสนา เช่น วัดบางยี่ขัน วัดน้อยนางหงษ์ เป็นต้น


ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกบริเวณใต้สะพานพระรามแปด

       ซึ่งวัดที่เป็นจุดเด่นของบางยี่ขันก็คือ “วัดบางยี่ขัน” เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ไม่เพียงแต่วัดวาอารามเท่านั้นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ในบริเวณย่านแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสะพานพระรามแปด และสวนหลวง ร.8 อีกด้วย(คลิกอ่านเรื่องเที่ยวย่านบางยี่ขัน)


ร้านค้าบริเวณลานใต้สะพานพระรามแปด

       และเมื่อเอ่ยถึงเรื่องเที่ยวแล้ว ก็คงจะดูแปลกๆ ถ้าไม่พูดถึงเรื่องอาหารการกิน เนื่องจากบางยี่ขันเป็นย่านเล็กๆ ที่ผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ และสำหรับร้านอาหารนั้นก็อาจจะหายากสักหน่อย แต่เมื่อไปถึงที่แล้วเราก็ไม่ละความพยายามที่จะสรรหาของกินอร่อยๆ มาฝากกัน ส่วนจะมีที่ไหน อย่างไร บ้างนั้น ตามไปอ่านกันเลย


ร้านส้มตำ-อาหารตามสั่ง เยื้องทางเข้าสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา

       เริ่มต้นกันที่ใต้สะพานพระรามแปด บริเวณริมฟุตปาธจะมีร้าน “ก๋วยเตี๋ยวเรือ” ตั้งอยู่หนึ่งร้าน ที่ร้านนี้จะขายเมนูก๋วยเตี๋ยวน้ำตก - น้ำใส มีให้เลือกสั่งทั้งเนื้อวัวและเนื้อหมู ทั้งแบบสด แบบเปื่อย โดยเราเลือกสั่ง “เส้นเล็กหมูน้ำตก” มาลองชิม ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำตก รสชาติอร่อยกลมกล่อม เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อหมู ตับหมู และลูกชิ้นหมูลวก กินคู่กับผักสดอย่างถั่วงอกสด และใบโหระพา สนนราคาชามละ 25 บาท (พิเศษ 30)


คอหมูย่างร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟ

       จากนั้นเดินมาต่อยังบริเวณหน้าทางเข้าสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา เยื้องๆ ทางเข้าจะมีร้านขายส้มตำตั้งอยู่ โดยร้านนี้จะเป็นร้านส้มตำเล็กๆ ในตอนกลางวันจะมีพนักงานมูลนิธิฯ มานั่งกินกันหลายโต๊ะ ที่นี่จะขายเมนูอาหารหลากหลายชนิด ทั้งอาหารไทยตามสั่ง และอาหารอีสาน ได้แก่ ส้มตำ น้ำตก คอหมูย่าง ไก่ทอด ปลาดุกย่าง ฯลฯ สนนราคา 30 – 50 บาท


ส้มตำ อาหารอีสานรสแซบ

       เมื่ออิ่มท้องกันไปแล้ว ต้องล้างปากกันด้วยผลไม้ ที่บริเวณทางเข้าของสวนหลวงร.8 จะมีร้านขายผลไม้ตั้งอยู่หน้าทางเข้าสวนฯ ร้านนี้เป็นร้านรถเข็นขายผลไม้หลากหลายชนิด ทั้งแตงโม สับปะรด มะม่วง ฝรั่ง มะละกอ แคนตาลูป รวมไปถึงของดองมากมาย ได้กินแตงโมเย็นๆ ล้างปาก สดชื่น คลายร้อนได้ดี


ร้านผลไม้หน้าทางเข้าสวนหลวง ร.8

       จากนั้นไปต่อยังวัดบางยี่ขัน บริเวณหน้าพระอุโบสถจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตั้งขายอยู่ โดยมีชื่อร้านว่า “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อป้าพิศ” ที่นี่จะขายเฉพาะเมนูก๋วยเตี๋ยวเนื้อ มีให้เลือกทั้งเนื้อสด เนื้อเปื่อย ตับ หัวใจ และลูกชิ้นเนื้อ โดยเราเลือกสั่ง “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสดเส้นหมี่” ก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมเนื้อสดลวก และลูกชิ้นเนื้อ น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวรสชาติกลมกล่อม เข้ากันดีกับเนื้อสดและลูกชิ้นเนื้อ สนนราคาชามละ 30 - 40 บาท เปิดทุกวัน เวลา 9.00 - 15.00 น. โทร.08-9688-0111


ก๋วยเตี๋ยวเนื้อป้าพิศ

       ปิดท้ายกันด้วยกล้วยทอดหอมอร่อยข้างร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อป้าพิศ ร้านเล็กๆ ริมถนนหน้าวัด ขายกล้วยทอด เผือกทอดร้อนๆ หอมอร่อย สนนราคา 6 ชิ้น 10 บาท นอกจากนี้แล้วบริเวณหน้าวัดบางยี่ขันยังมีร้านอาหารอื่นๆ อีกมากมาย ทั้ง ข้าวราดแกง ข้าวหมูแดง ส้มตำ-ไก่ย่าง ฯลฯ


กล้วยทอดร้อนๆ หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อป้าพิศ

       และย่าน “บางยี่ขัน” ก็เป็นอีกย่านหนึ่งที่มีกิจกรรมให้ทำกันหลากหลาย ทั้งไหว้พระวัดบางยี่ขัน ชมวิวสะพานพระรามแปด เดินเล่นชมดอกไม้สวนหลวงร.8 หรือนั่งชมวิวริมน้ำเจ้าพระยายามเย็น ก็มีให้เลือกมากมาย หากสุดสัปดาห์นี้ใครไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน บางยี่ขัน ก็เป็นอีกย่านหนึ่ง ที่น่าสนใจไม่น้อย!




http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9560000151473


sithiphong:
อาหารกึ่งสำเร็จรูป เลือกซื้ออย่างไรให้ปลอดภัย

-http://health.kapook.com/view63591.html-





เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม

          อาหารกึ่งสำเร็จรูปทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เส้นหมี่ วุ้นเส้น ก๋วยเตี๋ยว มะกะโรนี กุนเชียง แหนม ฯลฯ ล้วนเป็นอาหารที่หาซื้อมาปรุงทานที่บ้านได้ง่าย ๆ แถมอาหารเหล่านี้ยังถูกปรุงแต่งให้มีรสชาติอร่อยไม่เบา จนหลายคนติดใจชอบซื้ออาหารเหล่านี้ตุนเป็นเสบียงอาหารแห้งติดบ้านไว้

          อ๊ะ...แต่ก่อนจะซื้ออาหารเหล่านี้ เพื่อน ๆ ก็ควรรู้วิธีการเลือกซื้อที่ถูกต้องด้วย เพื่อจะได้อาหารที่มีคุณภาพดี ไม่ใช่ของเก่า หรือมีเชื้อโรคเป็นของแถม อย่างคำแนะนำจาก กองส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ขอหยิบมาฝากเพื่อน ๆ กัน




เส้นหมี่

          เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวเจ้าเพียงอย่างเดียว หรือมีแป้งชนิดอื่นผสมอยู่ด้วยที่บางส่วนมีลักษณะเป็นเส้นกลมขนาดต่าง ๆ ที่ทำให้สุกและแห้งแล้ว
 
ลักษณะเส้นหมี่ที่ดี

          มีสีขาวนวล สม่ำเสมอ

          มีกลิ่นรสตามธรรมชาติ ไม่มีกลิ่นอับหรือรสเปรี้ยว หรือกลิ่นรสไม่พึงประสงค์อื่น

          เส้นต้องนิ่มและเหนียว และไม่เกาะติดกันมาก

          ภาชนะบรรจุสะอาด แห้ง สามารถป้องกันการปนเปื้อนได้



บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

          เป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่เหมาะสำหรับวันที่เต็มไปด้วยความรีบเร่ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปัจจุบันมีวางขายกันทั่วไป และได้รับความนิยมเป็นจำนวนไม่น้อย เพราะมีให้เลือกหลากหลายรสชาติ และสามารถเตรียมเสร็จและรับประทานได้ภายใน 3 นาที ประกอบด้วยเส้นบะหมี่ซึ่งทำจากแป้งสาลี หรือแป้งสาลีผสมแป้งชนิดอื่น และเครื่องปรุงในอัตราส่วนที่เหมาะสม เช่น ซุปแห้ง หรือโปรตีนเข้มข้น เกลือ พริกไทย พริกป่น รวมบรรจุอยู่ในภาชนะถุงเดียวกัน

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

          ประเภทที่ 1 ได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่งเส้นบะหมี่ถูกทำให้แห้ง โดยการทอดในน้ำมัน

          ประเภทที่ 2 ได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่งเส้นบะหมี่ถูกทำให้แห้ง โดยวิธีอื่น ๆ

ลักษณะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ดี

          ต้องมีสีสม่ำเสมอ ไม่มีกลิ่นอับ หรือมีกลิ่นหืน และเมื่อต้มตามเวลาที่กำหนดแล้วเส้นต้องสุก และอ่อนนุ่ม เหมาะที่จะรับประทาน
 
ข้อแนะนำ

          ในการรับประทานควรจะเติมเนื้อสัตว์ และผักสดบางชนิดลงไปด้วย เพราะนอกจากจะเพิ่มรสชาติแล้วยังช่วยเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ร่างกายด้วย



วุ้นเส้น

          เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วนางแดง ถั่วพุ่ม และถั่วดำ เป็นต้น โดยอาจทำจากแป้งถั่วล้วน ๆ หรือทำจากแป้งถั่วผสมกับแป้งบริโภคชนิดอื่น เช่น แป้งมันสำปะหลัง แล้วนำมาทำเป็นเส้นต้มให้สุก แล้วทำให้แห้ง
 
ลักษณะวุ้นเส้นที่ดี

          ลักษณะก่อนต้มเป็นเส้นเล็ก ๆ ที่มีขนาดเส้นสม่ำเสมอตลอด เส้นใส มีสีออกขาวเล็กน้อย ไม่มีกลิ่นอับ ไม่มีรา หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ

          เมื่อต้มแล้วเส้นต้องเหนียว มีความยืดหยุ่น ไม่เกาะติดกันใสเป็นเงาสม่ำเสมอ และมีกลิ่นรสตามธรรมชาติของวุ้นเส้นตามกรรมวิธีการผลิต



กุนเชียง

          เป็นไส้กรอกชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ทำจากเนื้อหมูหรือเนื้อไก่และมัน (โดยไขมันต้องไม่เกินร้อยละ 30 ของน้ำหนัก) นำมาบดหยาบแล้วผสมเครื่องปรุง บรรจุไส้ โดยจะหมักก่อนบรรจุไส้หรือไม่ก็ได้ แล้วทำให้แห้งกุนเชียงเป็นอาหารที่เตรียมเสร็จโดยทำให้สุกแล้วรับประทานได้ทันที หรือจะนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหารชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าวหมูแดง, ข้าวคลุกกะปิ เป็นต้น
 
ลักษณะกุนเชียงที่ดี

          มีสีค่อนข้างแดงตามธรรมชาติของกุนเชียง ซึ่งเกิดจากกรรมวิธีการหมักมิใช่เกิดจากการเติมแต่งสีดูสดใหม่สม่ำเสมอ

          ลักษณะเนื้อต้องแน่นคงรูป เนื้อและมันผสมกันอย่างทั่วถึง ไม่มีโพรงอากาศและสิ่งแปลกปลอม

          มีกลิ่นหอม ชวนรับประทาน

          บรรจุในภาชนะที่สะอาด สามารถป้องกันการปนเปื้อน



แหนม

           ปัจจุบันมีการผลิตแหนมออกมาจำหน่ายและนิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหมู ผสมหนังหมู และอาจจะมีหูหมู จมูกหมู และเครื่องปรุงห่อเป็นมัดหรือลักษณะอื่น ๆ หมักจนได้รสเปรี้ยว แล้วอาจนำมาฉายรังสีด้วยก็ได้

           แหนมเป็นอาหารที่ปรุงเสร็จ โดยทำให้สุกแล้วรับประทานได้ทันที หรือนำมาประกอบอาหารได้หลายประเภท
 
ลักษณะแหนมที่ดี

          มีเนื้อแน่น คงรูป เนื้อหมูและส่วนประกอบต่าง ๆ ต้องผสมอยู่อย่างทั่วถึง

          มีสีชมพูตามธรรมชาติของแหนมที่พร้อมบริโภค

          มีกลิ่นและรสดี ปราศจากกลิ่นแปลกปลอม

          วัสดุที่ใช้ห่อหุ้มต้องสะอาด ห่อหุ้มได้เรียบร้อย



อาหารกึ่งสำเร็จรูปประเภทอื่น ๆ

           อาหารกึ่งสำเร็จรูป คือ อาหารที่สามารถเตรียมเสร็จ และสามารถรับประทานได้ทันทีหลังจากผ่านวิธีการทำให้สุกในเวลาสั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากแป้งชนิดต่าง ๆ และเครื่องปรุงอื่นในอัตราส่วนที่เหมาะสม เช่น ซุปแห้ง หรือโปรตีนเข้มข้น น้ำมันบริโภค เกลือ พริกไทย พริกป่น รวมบรรจุอยู่ในภาชนะถุงเดียวกัน ปัจจุบันมีผู้ผลิตออกมามากมายหลายชนิด ได้แก่

ก๋วยเตี๋ยวกึ่งสำเร็จรูป

           เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งประกอบด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากข้าวเจ้าที่นำมาโม่ หรือแป้งข้าวเจ้าเพียงอย่างเดียว นำมาทำให้เป็นแผ่นบาง นึ่งให้สุก ตัดเป็นเส้นแล้วทำให้แห้ง และมีซองเครื่องปรุงในอัตราส่วนที่เหมาะสมรวมบรรจุในภาชนะบรรจุเดียวกัน รับประทานได้หลังจากผ่านวิธีการอย่างง่าย ๆ โดยใช้เวลาสั้น

กวยจั๊บกึ่งสำเร็จรูป

           เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยแผ่นกวยจั๊บที่ทำจากข้าวเจ้า หรือแป้งข้าวเจ้าซึ่งทำให้เป็นแผ่นบาง นึ่งให้สุก นำมาตัดเป็นแผ่นเล็ก ๆ แล้วทำให้แห้ง และมีซองเครื่องปรุงในอัตราส่วนที่เหมาะสม รวมบรรจุในภาชนะบรรจุเดียวกัน รับประทานได้หลังจากผ่านวิธีการอย่างง่าย ๆ โดยใช้เวลาสั้น

มะกะโรนีกึ่งสำเร็จรูป

           เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งประกอบด้วยมะกะโรนีที่ทำจากแป้งสาลีหยาบ ซึ่งได้จากข้าวสาลีชนิดดูรัม และ/หรือชนิดคอมมอน อาจผสมส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น ไข่ แป้งถั่วเหลือง แป้งข้าวโพดหยาบ กลูเทน ผสมกับน้ำนวด นำมาผ่านเครื่องอัดทำให้เป็นรูปร่างที่ต้องการแล้วนำไปอบแห้ง และมีซองเครื่องปรุงในอัตราส่วนที่เหมาะสมรวมบรรจุในภาชนะเดียวกัน รับประทานได้หลังจากผ่านวิธีการทำให้สุกในเวลาสั้น ๆ

ลักษณะของอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ดี

           ต้องมีสีสม่ำเสมอ มีกลิ่นรสตามธรรมชาติ ไม่มีกลิ่นหืน เมื่อต้มแล้วต้องสุกตามเวลาที่กำหนด

ข้อแนะนำ

           ในการรับประทาน ควรเติมเนื้อสัตว์ต่าง ๆ และผักสดบางชนิดลงไปด้วย เพราะนอกจากจะเพิ่มรสชาติให้น่ารับประทานแล้ว ยังช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่มีคุณค่าครบตามโภชนาการให้แก่ร่างกายอีกด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เอกสารคู่มือผู้บริโภค กองส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version