ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
รวบรวมเตือนภัย และการต่อต้าน แก๊ง เมาแล้วขับรถ
sithiphong:
รวมรวม บทความต่างๆที่เกี่ยวกับการดื่มสุราแล้วขับรถยนต์
แล้วทำให้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องต้องได้รับความเสียหายทั้งชีวิต และทรัพย์สิน
เพื่อเป็นความรู้ในการป้องกันตนเอง
.
sithiphong:
มูลนิธิเมาไม่ขับ
-http://www.ddd.or.th/-
ตามลิงค์ครับ
http://www.ddd.or.th/
.
sithiphong:
กระบะเมาซิ่งลอยข้ามเลนชนวีออส หงายท้องพังยับ หนุ่มสาวตายเกลื่อน 2 ศพ
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM016YzJPVE0yTmc9PQ==&subcatid=-
เมื่อเวลา 03.30 วันที่ 14 ก.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.ท. ประภาส นาศา ร้อยเวร สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งเหตุ ว่ามีอุบัติเหตุ รถชนกันหลายคับบริเวณปากซอย สุขสวัสดิ์ 35 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญทราบก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์โรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุ บนถนนสุขสวัสดิ์ ซึ่งมี 5 ช่องทาง มุ่งหน้าพระประแดงก่อนถึงปากซอยสุขสวัสดิ์ 35 พบรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ชฮ3719 จอดอยู่กลางถนนเลนที่ 3 ในสภาพด้านหน้าเสียหาย ห่างกันเลนที่ 2 พบรถกระบะ อีซูซุ ทีเอฟอาร์ สีดำ ทะเบียน บน 343 ประจวบคีรีขันธ์ ในสภาพหงายท้องพังยับเยิน และ รถเก๋งโตโยต้า วิช สีขาว ทะเบียน ชท 259 กรุงเทพมหานคร เสียหายเล็กน้อย
ในที่เกิดเหตุพบศพนายกิตติพงษ์ กลิ่นจันทร์หอม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 ม.8 ต.คำสะอาด อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และน.ส.สินี ทุยเจริญ อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 43/530 ม.2 แขวงบางมด เขตจอมทอง เสียชีวิตใกล้กับรถเก๋งวีออสคันดังกล่าว ทั้งนี้ยังพบกองเลือดอีกหลายจุดในบริเวณที่เกิดเหตุ ทราบว่าเจ้าหน้าที่ ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่ง ร.พ.ราษฏร์บูรณะและ ร.พ.บางปะกอก 1 ไปก่อนหน้านี้แล้ว
จากการสอบสวนในที่เกิดเหตุทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ พ.ต.ท.กมล นุ่มหอม พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สน.บุคคโล ขับรถโตโยต้า วิช มาจอดริมถนนเพื่อรับประทานอาหาร ส่วนนายเอ ศรีบัวเอี่ยม อายุ 36 ปี ขับรถโตโยต้า วีออส มาจากถนนพระราม 2 มุ่งหน้า ถนนพระปะแดง ในช่องทางที่ 3 และรถกระบะมีคนนั่งมาเต็มกระบะท้าย มุ่งหน้าถนนพระราม 2 ด้วยความเร็วสูง แล้วเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางมาชนรถ โตโยต้า วีออส จนทำให้คนที่นั่งมาในกระบะท้ายกระเด็นออกจากรถได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกระจายเกลื่อนถนน
นายปิยะณัฐ แสงปก อายุ 19 ปี โชเฟอร์ขับรถกระบะ ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.ราษฏร์บูรณะ ให้การด้วยอาการมึนเมาว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมเพื่อนอีกประมาณ 10 คนชวนกันไปเที่ยวที่ร้าน พ.พระนคร ย่านพระปะแดง หลังจากผับปิด ตนได้ชวนเพื่อนที่บ้านอยู่ใกล้กันกลับมาด้วย และให้นั่งกระบะท้ายจนเต็ม เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ บริเวณแยกไฟแดง ตรงข้ามปากซอย สุขสวัสด์ 35 ขณะที่สัญญาณไฟกำลังจะเปลี่ยนจากไฟเหลืองเป็นไฟแดง ตนได้เร่งเครื่องเพื่อจะให้พ้นไฟแดง เมื่อพ้นมาได้ด้วยความเร็วสูง ได้มีแท็กซี่ที่จอดอยู่พุ่งออกมาจากเลนซ้ายสุดทำให้ตนตกใจหักหลบและเสียหลักชนและข้ามเกาะกลางไปชนรถคันที่ส่วนมา
sithiphong:
10 วิธีแก้อาการเมาค้างแบบง่ายๆ
-http://men.sanook.com/1575/10-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%86/-
หลายคนชอบความสนุกสนาน และก็ไม่พ้นการดื่มพวกของมึนเมา จนบางครั้ง ดื่มมากจนเกิดอาการเมาไม่รู้เรื่อง จนไม่อยากจะกินในครั้งต่อไป แต่หมดกังวลไปเลยเพราะเรามีวิธีแก้อาการเมาค้างแบบง่าย ๆ มาแนะนำ
1. ดื่มน้ำเปล่ามากๆ
ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ทั้งวัน เพื่อให้ความเป็นพิษหมดไปโดยเร็ว
2. ดื่มน้ำหวาน
ดื่มน้ำหวาน เช่น น้ำส้ม (น้ำอัดลม) เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำหวานต่างๆ เพื่อชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไป และช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น
3. ดื่มน้ำผลไม้
ดื่มน้ำผลไม้คั้นที่มีรสเปรี้ยวจัด แก้ไขการอาเจียน เช่น น้ำส้ม หรือน้ำมะนาว
4. ดื่มน้ำผลไม้สดๆ
ดื่มน้ำผลไม้สดๆ หรือผลไม้สดแช่เย็นฉ่ำ ช่วยล้างและแก้อาการ เพื่อชดเชยวิตามินซี เพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด ชดเชยพลังงานที่ร่างกายต้องการ อันจะทำให้ร่างกายสดชื่น (ควรใช้เครื่องคั้นน้ำผลไม้แยกกากยกเว้นบางชนิดที่ควรใช้เครื่องปั่น)
5. สูดกลิ่นหอม
สูดกลิ่นหอม โดยใช้น้ำมันหอมระเหย ว่างไว้ในห้องเผื่อผ่อนคลาย จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
6. ดื่มนมอุ่นๆ
ดื่มนมอุ่นๆ ทีเดียวให้หมดแก้ว แต่ไม่ควรดื่มมากอาจจะอาเจียนหนักขึ้นได้
7. ค่อยจิบเครื่องดื่มร้อนๆ
ค่อยจิบเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น น้ำชา ชามะนาว ส่วนกาแฟอย่าดื่ม ขณะเมาค้าง เนื่องมาจากกาแฟมีคาเฟอีน เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น
8. อย่าปล่อยให้ท้องว่าง
อย่าปล่อยให้ท้องว่าง พยายามรับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ก๋วยเตี๋ยว ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมัน หรือมีรสจัดมากเกินไป เพราะจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการอาเจียนมากขึ้น
9. ไม่ควรนอนจมอยู่บนเตียงทั้งวัน
ไม่ควรนอนจมอยู่บนเตียงทั้งวัน ควรจะลุกขึ้นมา สูดอากาศบริสุทธิ์ เพราะออกซิเจนจะช่วยให้เกิดกระบวนการเมตะบอลิซึมมากขึ้น ทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงจนรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า มากขึ้น
10. ควรนอนหลับ
ควรนอนหลับ นอนพักผ่อนให้ได้อีกสักระยะหนึ่ง ก่อนไปทำงานประเภทขับรถหรือทำงานเครื่องจักรกล
ที่มา : http://www.toptenthailand.com/
sithiphong:
‘เกียร์ออโต้‘ อันตรายถึงชีวิตจริงหรือ?
-http://auto.sanook.com/6183/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%89-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD/-
เรามักจะได้ยินข่าวเรื่องของรถที่พุ่งลงแม่น้ำ หรือตกลงมาจากตึก จนเป็นเหตุสลดตามหน้าหนังสือพิมพ์ข่าวอยู่เรื่อยๆ ซึ่งบ่อยครั้งที่มักลงเอยด้วยการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับ 'เกียร์อัตโนมัติ' ได้อย่างไร
รถตกน้ำ-ตกตึก สาเหตุเกิดจากอะไร
ผู้ขับขี่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า หากเราขยับคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D รถจะสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เอง โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ซึ่งปกติรถจะทำความเร็วได้ประมาณ 10 กม./ชม. และอาจมากกว่านั้นหากเป็นทางลาด
สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการเข้าเกียร์โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคันเกียร์สามารถขยับจากตำแหน่งว่าง (N) มาเป็น D ได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม การเอี้ยวตัวไปหยิบสิ่งของในรถ อาจทำให้อวัยวะบางส่วนของร่างกาย ไปเลื่อนตำแหน่งคันเกียร์จาก N ไปยัง D โดยไม่ตั้งใจ รถจึงเคลื่อนที่ได้เองโดยไม่รู้ตัว
หากผู้ขับขี่มีความชำนาญก็จะเหยียบเบรคในทันที ทำให้ไม่เกิดความเสียหายใดๆ แต่ผู้ขับขี่ที่ไม่ชำนาญ อาจตัดสินใจในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ถูก และเผลอไปเหยียบคันเร่งซ้ำเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นเบรค ทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนเกิดอุบัติเหตุตามมา
อีกกรณีหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุคล้ายๆกัน นั่นคือ การจอดรถในตำแหน่งเกียร์ D โดยไม่เหยียบเบรค แต่ใช้ทางเนินลาดชัน หรือร่องถนน หรือที่ห้ามล้อใดๆก็แล้วแต่ (ลองนึกถึงขอบปูนสำหรับถอยหลังเข้าซองตามห้างสรรพสินค้า) เป็นตัวยับยั้งไม่ให้รถเคลื่อน โดยหารู้ไม่ว่าการตัดต่อของระบบคอมเพรสเซอร์แอร์ มีผลทำให้กำลังของรถเพิ่มขึ้น ทำให้เมื่อแอร์ตัด รถจะสามารถเคลื่อนที่ผ่านสิ่งกีดขวางเหล่านั้นได้เอง โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง
อันตรายขนาดนี้วิธีป้องกันทำอย่างไร
จริงๆแล้วการใช้เกียร์อัตโนมัติไม่ได้อันตรายขนาดนั้น เพียงแต่ผู้ขับต้องไม่ประมาท และปฏิบัติขั้นตอนการขับขี่อย่างถูกวีธี
หากผู้ขับจำเป็นต้องเอื้อมหรือหันตัวไปทางด้านข้างหรือด้านหลัง ควรใส่เกียร์ที่ตำแหน่ง P เสียก่อน เพื่อป้องกันการเข้าเกียร์โดยไม่ตั้งใจ และไม่ควรใช้ขอบปูน หรือที่ห้ามล้อใดๆเป็นตัวช่วยไม่ให้รถเคลื่อนโดยไม่เหยียบเบรค เนื่องจากรถยังมีแรงส่งตลอดเวลา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
สำคัญที่สุดคือการใช้รถอย่างชำนาญ เพื่อที่จะสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ถูกวิธี การสับสนกันระหว่างแป้นคันเร่งและเบรคอาจดูเป็นเรื่องตลกสำหรับผู้ชำนาญ แต่เกิดขึ้นจริงกับมือใหม่หัดขับทั้งหลาย ซึ่งต้องได้รับการเรียนรู้จนเกิดเป็นความเคยชิน
ขอบคุณภาพจาก Matichon Online
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version