ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
รวบรวมเตือนภัย และการต่อต้าน แก๊ง เมาแล้วขับรถ
sithiphong:
กาญจน์ภัสร์ ศิริประทุม หรือ วิเวียน สองสาวเล่าเรื่อง ถูกรถชนดับ คนขับสารภาพเสพยามาก่อนขับรถ
-http://hilight.kapook.com/view/113018-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร บก.02, สปริงนิวส์, ช่อง one
กาญจน์ภัสร์ ศิริประทุม หรือ วิเวียน ครีเอทีฟ สองสาวเล่าเรื่อง ถูกรถชนหน้าตึกแกรมมี่เสียชีวิต ล่าสุดคนขับรถบรรทุกสารภาพเสพยาบ้ามาก่อนขับรถ สุดสลด ผู้ตายเพิ่งแต่งงานเมื่อ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้านญาติรับศพแล้ว เตรียมนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.ขอนแก่น
จากอุบัติเหตุรถบรรทุกฝ่าไฟแดงพุ่งชน นางสาวกาญจน์ภัสร์ ศิริประทุม หรือ วิเวียน อายุ 28 ปี ครีเอทีฟรายการสองสาวเล่าเรื่อง ในเครือแกรมมี่ ที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายหน้าตึกแกรมมี่ บนถนนอโศกมนตรี ก่อนร่างจะถูกลากไปไกลกว่า 5 เมตร สร้างความตื่นตกใจให้กับประชาชนที่เห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก กระทั่งในที่สุด นางสาวกาญจน์ภัสร์ ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 รายการข่าวคืนนี้ ช่อง ONE ในเครือแกรมมี่ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอรายงานข่าวดังกล่าว โดยมีการสัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งระบุว่า รถบรรทุกวิ่งมาด้วยความเร็วมาก เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงปัง ซึ่งตอนแรกคิดว่าอาจจะชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ แต่ก็ได้ยินเสียงคนกรี๊ดกัน ก็รู้แล้วว่าต้องชนคนแน่ ๆ ซึ่งจากจุดที่ผู้ตายเดินลงมา จนถึงจุดที่รถหยุด ก็ประมาณ 10 เมตรได้ วินาทีนั้นก็เดินเข้าไปดูก็เห็นเป็นน้องผู้หญิงถูกชน แล้วเห็นเลือดไหลออกมา
ทั้งนี้ รายการข่าวคืนนี้ ระบุว่า นางสาวกาญจน์ภัสร์ เพิ่งจะเข้าพิธีแต่งงานเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่กลับมาเกิดเหตุสลดขึ้นขณะเดินข้ามทางม้าลายหน้าตึกแกรมมี่
ขณะที่วันเดียวกัน เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร บก.02 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้โพสต์เอกสารแบบรายงานเหตุอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญคดีดังกล่าว โดยมีการระบุว่า ผลการตรวจปัสสาวะของ นายสุริยา สุขบัว อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับรถบรรทุกทะเบียน บม 9367 สระบุรี พบว่ามีสารเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ซึ่งคนขับรถได้ยอมรับสารภาพว่าเสพยาบ้ามาก่อนขับรถจริง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเป็นผู้ขับขี่ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนคนเดินเท้า ถึงแก่ความตาย
ต่อมาในช่วงบ่าย นางทองปัน โฮงคำอุด มารดา พร้อมด้วยนายณัฐวัฒน์ ภาอเนกพันธุ์กุล สามีของนางสาวกาญจน์ภัสร์ และเพื่อน ๆ ได้เดินทางมารับศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า จากั้นได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดประชาสามัคคี อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านเกิด
ทั้งนี้ นายณัฐวัฒน์ ซึ่งยังอยู่ในอาการเศร้าโศกและร่ำไห้ตลอดเวลา กล่าวว่า ตนกับนางสาวกาณจน์ภัสร์ เพิ่งแต่งงานกันเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้วางแผนจะเดินทางกลับบ้านที่ จ.ขอนแก่น ในวันที่ 26 ธันวาคม ครั้งนี้จึงจะพาภรรยากลับบ้าน ไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
ด้าน นางอิสรีย์ ภาอเนกพันธุ์กุล แม่สามีของนางสาวกาณจน์ภัสร์ กล่าวว่า กรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าลูกสะใภ้ตนกำลังตั้งครรภ์นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ตนอยากฝากให้นายจ้างที่ให้ลูกจ้างขับรถ ตรวจสอบให้ดีว่าลูกจ้างติดยาเสพติดหรือไม่ เพราะถ้าปล่อยมาขับรถเช่นนี้จะเป็นอันตรายต่อผู้อื่นมาก
http://www.youtube.com/watch?v=0-8BKvgnNmk#t=10
-http://www.youtube.com/watch?v=0-8BKvgnNmk#t=10-
คลิป รถชนพนักงานสาวแกรมมี่ เสียชีวิตหน้าตึก GMM แม้จะข้ามถนนบนทางม้าลาย ตามสัญญาณไฟจราจร ก็ไม่ปลอดภัย โพสต์โดย ช่อง one สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
sithiphong:
เรื่องนี้ ผมว่า ต้องปรับทั้งเจ้าของรถ และ คนขับ
ปรับให้หนัก ,ห้ามคนขับรถ ขับรถเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพราะหากขับรถต่อไป อาจจะไม่ได้เกิดเหตุแค่นี้ อาจจะมีคนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บได้
---------------------------------------------------------------------------
สิบล้อไล่ฟัด! 3 คันซิ่งเบียดท้าทาย ถ.บางนา-ตราด
-http://news.sanook.com/1718363/-
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนสายบางนา-ตราด รถบรรทุกสิบล้อ 3 คัน ขับปาดกันไปมา อย่างไม่เกรงใจผู้ร่วมใช้เส้นทาง สร้างความหวาดเสียวกับผู้ที่ผ่านมาเป็นเส้นทางดังกล่าว บ้างก็ระบุว่าเป็นกรณีที่รถบรรทุกสิบล้อหาเรื่องกันเอง
ตามรายงานระบุว่า เพจเฟซบุ๊กชื่อดังและเว็บไซต์ต่างๆ กำลังเผยแพร่คลิปวิดีโอความยาวไม่ถึงนาที ที่มีชื่อว่า "ใหญ่ฟัดใหญ่ บนถนนบางนา-ตราด" แสดงให้เห็นมุมภาพจากกล้องติดหน้ารถคันหนึ่ง ซึ่งกำลังขับมาตามถนน ก่อนจะเริ่มชะลอลง เนื่องจากข้างหน้ามีรถบรรทุกสิบล้อขับปาดช่องจราจรและขวางทาง ในลักษณะขับจี้ละปาดกันไปมา โดยที่มุมภาพระบุวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา
ภาพจากคลิปยังเผยให้เห็นว่า มีรถบรรทุกสิบล้อถึง 3 คัน ปรากฏอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว คันหนึ่งขับเบียดขวางทางอยู่ข้างหน้า ส่วนอีกคันดังกล่าวขับจี้ท้ายรถบรรทุกคอนเทนเนอร์เอาไว้ในลักษณะประกับหัวท้าย ก่อนที่รถบรรทุกคอนเทนเนอร์จะจนมุมและเข้าเกียร์ถอยหลังมาชน รถบรรทุกทั้ง 3 คัน จอดขวางเส้นทางจราจรอยู่ช่องขวาสุด สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ที่สัญจรไปมา
อย่างไรก็ตาม คลิปดังกล่าวยังถูกนำไปโพสต์แชร์ต่อบนแพจเฟซบุ๊ก "ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02" ด้วย โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก บ้างก็บอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าจะเห็นประจำตามถนนเส้นที่มีรถบรรทุกสัญจรไปมา บ้างก็แนะนำว่าให้ยึดใบอนุญาตรถบรรทุกทั้ง 3 คัน ที่สร้างความเดือดร้อน อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อผู้อื่นด้วย
http://www.youtube.com/watch?v=cxrLIGxtJWk#t=31
-http://www.youtube.com/watch?v=cxrLIGxtJWk#t=31-
ใหญ่ฟัดใหญ่ บนถนนบางนา-ตราด truck VS truck
sithiphong:
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ เมาแล้วขับ
กลับเป็นเรื่องที่ดี ที่ยังมีความรู้สึกที่รับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกระทำไม่ดี
------------------------------------------------------------------------------------
:46: :46: :46: :46: :46:
------------------------------------------------------------------------------------
หนุ่มรู้สึกผิดตั้งกระทู้ขอโทษ หลังจอดรถซ้อนคันทำคนเดือดร้อน
-http://hilight.kapook.com/view/113343-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1966825 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
หนุ่มรู้สึกผิด สมัครพันทิปขอโทษ หลังไปจอดรถซ้อนคันไม่ปลดเกียร์ว่าง ทำคนเดือดร้อนต้องยกเลิกนัด
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมรายหนึ่ง ถึงกับต้องตั้งกระทู้ขอโทษยกใหญ่ หลังไปจอดรถซ้อนคันแล้วไม่ปลดเกียร์ว่าง จนทำให้เจ้าของรถที่เขาไปจอดซ้อนคันนั้นเคลื่อนรถไปไหนไม่ได้ จนต้องยกเลิกนัด กลายเป็นอุทาหรณ์ให้เจ้าของรถทั้งหลายรู้ว่าการจอดซ้อนคันโดยไม่ปลดเกียร์ว่างนั้นสร้างความเดือดร้อนแค่ไหน ขณะเดียวกันก็มีสมาชิกพันทิปหลายรายเข้ามาชื่นชมที่ทำผิดแล้วหาทางออกมาขอโทษเช่นนี้
จากกระทู้ "ฝากถึงเจ้าของลายมือนี้ด้วยครับ" ของสมาชิกหมายเลข 1966825 ที่โพสต์เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าของกระทู้ได้บอกเล่าผ่านภาพถ่ายว่า เขาได้ไปจอดรถซ้อนคันโดยไม่ปลดเกียร์ว่าง ทำให้ผู้หญิงเจ้าของรถที่เขาไปจอดซ้อนคันนั้น เขียนกระดาษโน้ตถึงเขาเพื่อบอกว่าเธอเดือดร้อนมากแค่ไหน โดยข้อความในกระดาษระบุว่า
"ทีหลังจอดซ้อนคันต้องปลดเกียร์นะคะ ไม่งั้นจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนมาก ๆ รอเป็นชั่วโมง ๆ แล้ว รปภ. 3-4 คนต้องมาช่วยยกอีก นัดที่มีก็ต้องแคนเซิล เดือดร้อนมากค่ะ ! "
หลังจากที่เจ้าของกระทู้รู้ตัวว่าเขาได้ทำให้ใครบางคนเดือดร้อนเพราะการจอดรถของเขาแล้ว ก็ได้สมัครสมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เพื่อที่จะส่งคำขอโทษถึงเจ้าของรถที่ได้รับความเดือดร้อนว่า
"ผมไม่สบายใจเลย ผมตั้งใจสมัครมาเพื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษครับ" ผมไม่รู้จะไปบอกขอโทษคุณได้ที่ไหน ยังไงผมก็ขอพูดผ่านกระทู้นี้ละกันนะครับ ผมก็ไม่ทราบว่าคุณจะเห็นมันหรือเปล่า ผมขอโทษจริง ๆ ครับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปล. อย่าลืมใส่เกียร์ว่างทุกครั้งที่จอดซ้อนคันนะครับ ถ้าลืมอาจจะทำให้คนคนหนึ่งเดือดร้อนได้"
แน่นอนว่าแม้เจ้าของกระทู้จะทำผิดจริงที่จอดรถซ้อนคันโดยไม่ยอมปลดเกียร์ว่าง แต่หลังจากที่เขาออกมาขอโทษผ่านกระทู้ พร้อมกับเตือนให้เหตุการณ์ที่เขาเจอเป็นบทเรียนให้กับคนขับรถรายอื่น ๆ แล้ว ก็ได้รับการชื่นชมจากหลายความคิดเห็น ขณะที่อีกหลายความเห็นก็บอกว่า เจ้าของกระทู้เจอแค่กระดาษโน้ตเตือนแบบนี้ถือว่าโชคดีมาก ๆ เพราะบางรายอาจเจอวิธีตักเตือนที่รุนแรงมากกว่านี้ เช่น กรีดรถ เจาะลมยาง เป็นต้น
sithiphong:
คลิปลุงโวยใส่ตำรวจด่านตรวจแอลกอฮอล์ บอก เอากับพี่มั้ย
-http://hilight.kapook.com/view/113431-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Social clip สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ชาวเน็ตแห่คลิปลุงโวยใส่ตำรวจด่านตรวจแอลกอฮอล์ บอก เอากับพี่มั้ย แต่สุดท้ายก็ยอมตรวจวัดแอลกอฮอล์โดยดี แถมยังพบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่ากฎหมายกำหนด
วันที่ 29 ธันวาคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คแห่แชร์คลิปลุงโวยใส่ตำรวจด่านตรวจแอลกอฮอล์ บอก เอากับพี่มั้ย กันอย่างกว้างขวาง โดยเหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิปดังกล่าวคือ ภาพเหตุการณ์ที่ตำรวจจราจรจังหวัดพิษณุโลกกำลังปฏิบัติหน้าที่ และขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญผู้ขับขี่รถรายหนึ่งมาตรวจวัดหาปริมาณแอลกอฮอล์ ปรากฏว่า ชายวัยกลางคนดังกล่าวได้พูดจาส่งเสียงดังโวยวายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า อะไรกันหนักกันหนา บ้านพี่อยู่แค่นี้ ตำรวจก็ให้เป่าหลายครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบบอกให้ชายคนดังกล่าวใจเย็น ๆ และขอให้นั่งรอก่อน
แต่ชายคนดังกล่าวกลับพูดจาเสียงดังว่า "จะยังไงต่อก็ว่ากันมา" และใช้มือทุบที่โต๊ะของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างดัง ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ ทำเอาพี่ ๆ ตำรวจต้องรีบเอาน้ำเย็นเข้าลูบด้วยการบอกให้ใจเย็น ๆ จนสุดท้ายชายคนดังกล่าวก็ยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ปรากฏว่า ผลตรวจพบแอลกอฮอล์ 90 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนดที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญมาที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมตั้งข้อหาเมาแล้วขับแล้ว ก่อนที่จะได้ประกันตัว
มนุษย์ลุง กร่าง ใส่ด่านเป่า แอลกอฮอล ตำรวจ โวย เอากับพี่มั๊ย..!?? @พิษณุโลก
-http://www.youtube.com/watch?v=_cgKltAiZ5s-
คลิป มนุษย์ลุง กร่าง ใส่ด่านเป่า แอลกอฮอล ตำรวจ โวย เอากับพี่มั๊ย..!?? @พิษณุโลก
โพสต์โดย คุณ Social clip สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-phitsanulokhotnews.com-
sithiphong:
กฎหมายใหม่ ไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ โดนโทษเท่ากับเมาแล้วขับ
-http://hilight.kapook.com/view/113498-
กฎหมายใหม่ ไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ โดนโทษเท่ากับเมาแล้วขับ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02
กฎหมายใหม่ ! ชี้ชัดฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ให้สันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ และสามารถดำเนินคดีฐานเมาแล้วขับได้เลย
วันนี้ (31 ธันวาคม 2557) ที่เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02 ได้มีการเผยแพร่ ราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับการแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2557 ระบุว่า.. ถ้าผู้ขับไม่ยอมตรวจแอลกอฮอล์ เท่ากับเมาแล้วขับและดำเนินคดีฐานเมาแล้วขับได้ ดังข้อความต่อไปนี้..
โปรดทราบ..ไม่ยอมตรวจแอลกอฮอล์...เท่ากับเมาแล้วขับ
พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่10) พ.ศ. 2557 เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จราจรทางบก 2522 ได้มีผลบังคับใช้แล้ว โดยมีการแก้ไข 2 ประเด็นสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 142 เกี่ยวกับกำหนดข้อสันนิษฐานในกรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบว่าหย่อนความสามารถในการขับขี่โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่ง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมใหม่ จะให้อำนาจเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถ เมื่อเห็นว่ารถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ และในกรณีที่ผู้ขับขี่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าเสี่ยงเมาสุรา หรือขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่
กฎหมายใหม่ระบุอำนาจเจ้าพนักงานจราจรว่า สามารถสั่งให้ผู้ขับขี่ขับรถเข้าช่องทางที่มีกรวยวางตั้งไว้ ให้ไขกระจกเพื่อให้เจ้าหน้าที่ยื่นอุปกรณ์เข้าไปตรวจวัดแอลกอฮอล์เข้าไปในรถได้ หรือเรียกให้ผู้ขับขี่เป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ รวมทั้งสั่งให้ลงจากรถเพื่อดูว่าร่างกายสามารถรักษาสมดุลของการเดินได้หรือไม่ หากผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบ ให้เจ้าหน้าที่สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้นั้นเมาสุรา เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีฐานขับรถขณะเมาสุราได้
สำหรับบทลงโทษหากมีการฝ่าฝืนตามกฎหมายใหม่ กรณีผู้ขับขี่ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานในการทดสอบ เดิมระวางโทษปรับครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท กรณียินยอมให้ทดสอบแต่พบว่าเมาสุราขณะขับรถ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบขับขี่ แต่กฎหมายใหม่ได้ปรับเพิ่มความเข้มงวดในการเอาผิดทางกฎหมาย โดยกรณีไม่ยินยอมให้ทดสอบให้สันนิษฐานว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าเมาไว้ก่อนจะ มีบทลงโทษคือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยผู้ถูกกล่าวหาไปสืบพยานหักล้างในศาลได้
เหตุผลที่ต้องเพิ่มบทลงโทษ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ขับขี่มักปฏิเสธให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ อีกทั้งการขับรถขณะเมาสุรามีโทษน้อยมาก จึงมักละเลยขับรถโดยประมาท ดังนั้นการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมจึงถือเป็นมาตรการป้องปรามและขอความร่วมมือ จากประชาชนเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ทางหนึ่ง
.
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version