ประวัตินางในวรรณคดี หญิงงามในบทประพันธ์
-http://hilight.kapook.com/view/84335-
ชื่อภาพ สังข์ทอง ตอนพระสังข์ถอดรูปเงาะ ผลงานโดย อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก จักรพันธ์ โปษยกฤต (รวมผลงาน)
วรรณคดี ถือเป็นวรรณกรรมหรืองานเขียนที่ได้รับการยกย่องว่า นอกจากจะมีเนื้อหาสาระในเชิงสร้างสรรค์แล้ว ยังมีคุณค่าทางวรรณศิลป์ สามารถทำให้ผู้อ่านคล้อยตามเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ วรรณคดีส่วนใหญ่ มักให้ความสำคัญที่ตัวละคร รวมถึงการดำเนินเรื่อง และสิ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากไม่แพ้เนื้อหา คือ นางในวรรณคดี ที่แต่ละเรื่องที่มีอุปนิสัยแตกต่างกัน ซึ่งนางในวรรณคดีเหล่านี้บ้างก็พบกับโชคชะตาที่ยากลำบาก หรืออุปสรรคต่าง ๆ กระทั่งนำไปสู่บทสรุปที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้อ่านได้นำไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตนั่นเอง
เนื่องจากวรรณคดีมีมากมายหลายเรื่อง ดังนั้นเพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักนางในวรรณคดีมากขึ้น เราจึงนำเรื่องราวของของนางในวรรณคดีจากเรื่องต่าง ๆ มากฝากกันค่ะ ส่วนจะมีใครบางนั้น ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยจ้า
กากี จากเรื่อง กากาติชาดก
นางกากี นอกจากจะมีรูปกายงดงามราวกับเทพธิดาแล้ว ยังมีกลิ่นกายหอมชวนหลงใหล เมื่อชายใดแตะต้องหรือ สัมผัสนาง กลิ่นกายนางก็จะหอมติดชายคนนั้นไปถึงเจ็ดวัน เดิมทีนางกากีเป็นพระมเหสีของท้าวบรมพรหมทัต ซึ่งโปรดการเล่นสกามาก และมีพระยาครุฑเวนไตยซึ่งแปลงร่างเป็นมานพรูปงามมาเล่นสกาอยู่ด้วยเนือง ๆ จนวันหนึ่งท้าวบรมพรหมทัตเล่นสกาเพลิน มิได้ไปหานางกากี นางจึงมาแอบดูและสบตาเข้ากับพระยาครุฑแปลง จากนั้นทั้งสองต่างเกิดอาการหวั่นไหว จนพระยาครุฑได้ตัดสินใจลักพาตัวนางไปอยู่ที่วิมานฉิมพลี ทำให้ท้าวพรหมทัตกลัดกลุ้มพระทัยมาก ดังนั้น คนธรรพ์นาฏกุเวร (คนธรรพ์คือเทวดาชั้นผู้น้อยที่มีความชำนาญด้านดนตรี) ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของท่านท้าวท้าวบรมพรหมทัตจึงอาสาพานางกลับมา โดยการแปลงตัวเป็นไรแทรกอยู่ในขนครุฑเพื่อตามไปที่วิมานของครุฑ
จากนั้นเมื่อพระยาครุฑบินออกไปหาอาหารคนธรรพ์นาฏกุเวรก็ปรากฏกายออกมา แต่แทนที่จะพานางกากีกลับเมือง กลับเกี้ยวพาราสีและเล้าโลมนางจนได้เสียกัน ต่อมาคนธรรพ์นาฏกุเวรกลับมารายงานท้าวบรมพรหมทัตว่า นางกากีจะอยู่กับครุฑและตนได้เสียกับนางแล้วเพื่อให้ท้าวบรมพรหมทัตรังเกียจนาง ซึ่งท้าวบรมพรหมทัตก็โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ เมื่อพระยาครุฑแปลงกายมาเล่นสกาอีกก็ถูกคนธรรพ์นาฏกุเวรเยาะเย้ย เมื่อพญาครุฑทราบเรื่องทั้งหมดก็โกรธนางกากีมาก ถึงขั้นนำนางมาปล่อยไว้ในเมือง ส่วนท้าวบรมพรหมทัตเอง เมื่อเห็นนางก็ต่อว่าถากถางก่อนนำนางไปลอยแพกลางทะเล ระหว่างนั้นนางกากีได้รับความช่วยเหลือจากนายสำเภา ก่อนตกเป็นภรรยาของชายผู้นี้
แต่เคราะห์กรรมนางก็ยังไม่หมด เมื่อถูกโจรลักพาตัวไปเพราะหลงใหลรูปโฉม แต่ปรากฏว่า ในหมู่โจรก็เกิดการแย่งชิงนางเกิดขึ้น เมื่อนางหนีไปได้ก็ได้ไปเป็นมเหสีของท้าวทศวงศ์ กษัตริย์อีกเมืองหนึ่ง เมื่อคนธรรพ์นาฏกุเวรได้ครองเมืองแทนท้าวบรมพรหมทัตที่สวรรคตลง ก็ได้ตามไปชิงนางกลับคืนมาโดยการฆ่าท้าวทศวงศ์ เรื่องจึงจบลง ซึ่งนับดูแล้วพบว่า นางกากีมีสามีถึง 5 คน และต้องตกระกำลำบาก รวมถึงถูกสังคมประณามเนื่องจากมีเสน่ห์มากเกินไป
มโนราห์ จากเรื่อง พระสุธน-มโนห์รา
นางมโนราห์ เป็นธิดาองค์เล็กของท้างทุมราชผู้เป็นพระยากินนร นางมีพระพี่นางอีกหกองค์ล้วนมีหน้าตาเหมือน กันและงดงามยิ่งกว่านางมนุษย์ โดยทุกองค์มีปีกและหางที่ถอดออกได้ เมื่อใส่ปีกใส่หางแล้วกินนรก็สามารถบินไปยังที่ต่าง ๆ ได้ นางมโนราห์และพี่น้องทั้งหกได้ไปเล่นน้ำที่สระน้ำอโนดาต เจอพรานบุญที่ต้องการจับตัวนางกินรีเพราะเห็นว่านางงดงามคู่ควรแก่พระสุธน โอรสแห่งเมืองปัญจาลนคร พรานบุญจึงไปยืมบ่วงนาคบาศจากท้าวชมพูจิต พญานาคราช ทำให้สามารถจับนางมโนราห์ไปถวายแค่พระสุธนได้ พระสุธนเมื่อเห็นนางเข้าก็เกิดหลงรักและพานางกลับเมืองจนได้อภิเษกกัน
ต่อมาปุโรหิตคนหนึ่งได้เกิดจิตอาฆาตแค้นแก่พระสุธน เพราะพระสุธนไม่ให้ตำแหน่งแก่บุตรของตน เมื่อถึงคราวเกิดสงคราม พระสุธนออกไปรบ เมื่อพระบิดาพระสุธนได้ทรงพระสุบิน ปุโรหิตจึงทำนายว่าจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ โดยให้นำนางมโนราห์ไปบูชายัญเพื่อแก้เคล็ด เมื่อท้าวอาทิตยวงศ์ยินยอมตามนั้น นางมโนราห์ที่รู้เข้าก็เกิดตกใจ จึงออกอุบาย ของปีกกับหางขอนางคืน เพื่อร่ายรำหน้ากองไฟก่อนจะตาย เมื่อนางได้ปีกกับหางแล้ว นางจึงร่ายรำสักพักก่อนบินหนีไป ไปเจอฤาษี
จากนั้นนางได้กล่าวกับฤาษีว่า หากพระสุธนตามมาให้บอกว่าไม่ต้องตามนางไป เพราะมีภยันอันตรายมากมาย และได้ฝากภูษาและธำมรงค์ให้พระสุธน เมื่อนางมโนราห์ได้กลับไปที่เมืองก็ได้มีพิธีชำระล้างกลิ่นอายมนุษย์ ฝ่ายพระสุธนที่กลับจากสงครามได้ลงโทษปุโรหิต และติดตามหานางมโนราห์ เมื่อเจอพระฤาษี พระสุธนจึงติดตามนางมโนราห์ต่อไป โดยมีพระฤาษีค่อยช่วยเหลือ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเวรกรรมจากชาติปางก่อน เนื่องจาก นางมโนราห์ คือ พระนางเมรี และพระสุธนคือ พระรถเสน ทำให้พระสุธนได้รับความลำบากมาก
เมื่อพระสุธนมาถึงสระน้ำอโนดาต ได้แอบเอาพระธำมรงค์ใส่ลงในคณโฑของนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งนางกินรีได้นำน้ำนั้นไปสรงให้นางมโนราห์ พระธำมรงค์ได้ตกลงมาที่แหวนของนางพอดี ทำให้นางรู้ว่าพระสุธนมาหานาง นางจึงแจ้งให้พระบิดาและพระมารดาทราบ ดังนั้นเมื่อพระบิดาของนางมโนราห์ต้องการทราบว่าพระสุธนมีความรักต่อนางมโนราห์จริงหรือไม่ จึงได้ทำการทดสอบพระสุธน โดยให้บอกว่า นางไหนคือนางมโนราห์ ซึ่งนางมโนราห์และพี่ ๆ ต่างมีหน้าตาเหมือนกัน ด้านพระอินทร์เกิดเห็นใจจึงให้ความช่วยเหลือจนทำให้นางมโนราห์และพระสุธนได้เคียงคู่กันอย่างมีความสุข
พระเพื่อน พระแพง จากเรื่อง ลิลิตพระลอ
เจ้าราชวงศ์แมนสรวงกับเจ้าราชวงศ์สรองเป็นปรปักษ์ต่อกัน แต่โอรสและธิดาของ 2 เมืองนี้เกิดรักกันและยอมตายด้วยกัน ฝ่ายชายคือ พระลอ เป็นกษัตริย์แห่งเมืองแมนสรวง มีพระชายาชื่อ นางลักษณวดี สำหรับ พระลอ นั้น เป็นหนุ่มรูปงามเป็นที่เลื่องลือไปทั่วจนทำให้พระเพื่อน พระแพง เกิดความรักและปรารถนาที่จะได้พระลอมาเป็นสวามี พี่เลี้ยงของพระเพื่อน พระแพง ชื่อนางรื่น นางโรย จึงได้ออกอุบายส่งคนไปขับซอยอโฉมพระเพื่อน พระแพง ให้พระลอฟัง และให้ปู่เจ้าสมิงพรายทำเสน่ห์ให้พระลอเกิดความรักหลงใหลคิดเสด็จไปหานาง
แต่เมื่อพระนางบุญเหลือชนนีของพระลอทราบเรื่องเข้าจึงได้หาหมอแก้เสน่ห์ แต่ปู่เจ้าสมิงพรายได้เสกสลาเหิน(หมากเหิน) มาให้พระลอเสวยในตอนหลังอีก ทำให้พระลอถึงกับหลงใหลธิดาทั้งสองมากขึ้น พระลอจึงทูลลาชนนีและพระนางลักษณวดีไปยังเมืองสรอง พร้อมกับนายแก้ว นายขวัญ ที่เป็นพี่เลี้ยง จนกระทั่งพระลอได้พบกับพระธิดาทั้งสอง และได้พวกนางเป็นชายา รวมทั้งนายแก้ว นายขวัญ ก็ได้กับนางรื่น กับนางโรย พี่เลี้ยงเป็นภรรยาด้วยเช่นกัน
ต่อมา เมื่อพระพิชัยพิษณุกร พระบิดาของพระเพื่อน พระแพง ทราบเรื่องก็ทรงกริ้ว แต่พอทรงพิจารณาเห็นว่าพระลอมีศักดิ์เสมอกันก็หายกริ้ว แต่พระเจ้าย่า (ย่าเลี้ยง) ของพระเพื่อน พระแพง โกรธมาก เพราะแค้นที่พระบิดาของพระลอได้ประหารท้าวพิมพิสาครสวามีในที่รบ พระเจ้าย่าจึงถือว่าพระลอเป็นศัตรู และได้สั่งทหารให้ไปล้อมพระลอที่ตำหนักกลางสวน พร้อมทั้งสั่งประหารด้วยธนู ทำให้ พระลอ พระเพื่อน พระแพง ที่ร่วมกันต่อสู้กับทหารของพระเจ้าย่า สิ้นชีพเคียงข้างกันทั้ง 3 พระองค์
ด้านท้าวพิชัยพิษณุกร ทรงทราบว่าพระเจ้าย่าสั่งให้ทหารฆ่าพระลอพร้อมพระธิดาทั้งสององค์ ก็ทรงกริ้วและสั่งประหารพระเจ้าย่าเสีย เนื่องจากมิใช่พระชนนี แล้วโปรดให้จัดการพิธีศพพระลอกับพระธิดาร่วมกันอย่างสมเกียรติ โดยส่งทูตนำสาส์นไปถวายพระนางบุญเหลือ ชนนีของพระลอ ที่เมืองแมนสรวง สุดท้ายเมืองสรองกับเมืองแมนสรวงจึงกลับมามีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน
สุวรรณเกสร จากเรื่อง เจ้าหญิงนกกระจาบ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ชายป่าแห่งหนึ่ง มีนกกระจาบสองผัวเมียพร้อมด้วยลูกเล็ก ๆ อีก 4 ตัวทำรังอาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ แม่นกนั้นคอยอยู่ดูแลลูกอ่อน ส่วนพ่อนกมีหน้าที่บินออกไปหาเหยื่อมาเลี้ยงลูกเมีย วันหนึ่งพ่อนกบินหาอาหารออกไปไกลถึงกลางบึงใหญ่ ซึ่งมีดอกบัวขึ้นอยู่มากมายทำให้พ่อนกเพลิดเพลินจนลืมเวลา ครั้นถึงตอนเย็นดอกบัวก็หุบกลีบเข้าหากันและได้ขังพ่อนกเอาไว้ข้างใน แม้ว่าพ่อนกจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้
ฝ่ายแม่นกและลูก ๆ รออาหารอยู่ด้วยความหิวโหย บังเอิญคืนนั้นเกิดไฟไหม้ป่า แม่นกไม่สามารถช่วยลูก ๆ หนีภัยได้ จึงทิ้งรังไว้จนลูกนกโดนไฟคลอกตายทั้งหมด ส่วนแม่นกนั้นเกาะกิ่งไม้ร้องไห้ด้วยความอาลัยรักลูก ๆ ของตน พอถึงเวลาเช้าดอกบัวสยายกลีบพ่อนกก็รีบบินกลับรัง ครั้นพบแต่รังที่กลายเป็นเถ้าถ่านรู้สึกเสียใจมากจึงรีบเข้าไปหาแม่นก แต่นางนกกระจาบได้ตัดพ้อต่อว่าหาว่าพ่อนกมัวไปติดพันนางนกอื่นอยู่ไม่ยอมกลับรัง แม้พ่อนกจะพยายามอธิบายอย่างไรนางนกกระจาบก็ไม่ยอมฟัง นางจึงอธิษฐานว่าชาติของให้เกิดเป็นหญิง และจะไม่ยอมพูดกับผู้ชายคนไหนอีกเลย แล้วนางนกกระจาบก็บินเข้าสู่กองไฟตายตามลูก ๆ ไป
พ่อนกเมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็ยิ่งเสียใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ อธิษฐานว่าด้วยความสัตย์จริงในสิ่งที่ตนกระทำลงไปโดยมิได้มีเจตนานอกใจนางนกกระจาบ ขอให้ตนเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่นางนกกระจาบซึ่งไปเกิดใหม่ยอมพูดด้วย แล้วพ่อนกก็โผเข้ากองไฟสิ้นใจตามไปอีกตัว ต่อมานางนกกระจาบได้เกิดใหม่เป็น เจ้าหญิงสุวรรณเกษร ราชธิดาของท้าวพรหมทัต และพระมเหสี ซึ่งมีนามว่า พระนางโกสุมา แห่งเมืองโกสัมพี (บางตำนานว่ามาเกิดเป็นเจ้าหญิงสุวรรณโสภา ราชธิดาของพระเจ้าอุสภราช และพระนางกุสุมพา กษัตริย์ผู้ครองเมือง ศิริราชนคร)
พระธิดาสุวรรณเกสรนั้นเป็นผู้ที่มีรูปลักษณ์สิริโฉมโสภาเกินกว่าหญิงใดในหล้า แต่เมื่อเกิดมาจวบจนถึงวัยครองเรืองนางกลับไม่ยอมเอ่ยปากพูดกับผู้ชายคนไหนทั้งสิ้น แม้แต่ผู้เป็นพระบิดาของตนเอง ท้าวพรหมทัตรู้สึกทุกข์ในพระทัยยิ่งนัก ถึงกับให้มีประกาศไปทั่วทุกแคว้นแดนดินว่า หากชายใดสามารถทำให้พระธิดายอมพูดด้วยก็จะให้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสุวรรณเกสรทันที
บรรดากษัตริย์รวมทั้งเศรษฐีจากเมืองต่าง ๆ ได้ส่งพระโอรสและทายาทของตนมาขอทดสอบ แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนเจ้าหญิงสุวรรณเกสรก็ไม่ยอมเอ่ยปากเจรจากับเจ้าชายหรือทายาทหนุ่มของเศรษฐีคนใดเลยแม้แต่เพียงคำเดียว กล่าวถึงพ่อนกกระจาบซึ่งได้มาเกิดใหม่เป็น เจ้าชายสรรพสิทธิ์ พระโอรสของ พระเจ้าวิชัยราช กับพระนางอุบลเทวี แห่งอลิกนคร เมื่อทราบเรื่องราวเกี่ยวกับ พระธิดาสุวรรณเกษร ทำให้เจ้าชายสรรพสิทธิ์สนใจนึกอยากจะไปทดสอบดู เพราะพระองค์และชานุ ผู้เป็นพี่เลี้ยง เคยไปเรียนวิชาเกี่ยวกับการถอดจิต จึงใช้กลอุบายดังกล่าวจนสามารถทำให้พระธิดาสุวรรณเกษรเอ่ยปากพูดได้ เจ้าชายสรรพสิทธิ์และสุวรรณเกสร จึงได้อภิเษกสมรสกันและครองเมืองอลิกนครอย่างมีความสุข
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
thaigoodview.com