อืม...เนื่องในโอกาสที่ เมื่อตะวาน เป็น วันแม่แห่งชาติ
เม้าส์มอยถึง แม่ตัวเอง (คุณนายแก้วดี)
เป็น ควันหลงวันแม่ ( อีกสักครั้ง ) ดีกว่า แฮะ อิอิ
อืม...ในสายตาของ ป้าผ่อง
แม่ป้ามองแร้ว น่าเอ็นดู เหมือน สัตว์ จำพวก กิ้งกือไส้เดือน เลยอ่ะ
อืม....เคยเห็น ไส้เดือนตัวแดง ๆ ใส ๆ
ที่มันคลานกระดึ๊บ...กระดึ๊บ... อยู่บนพื้นถนน ป่ะ
เนี่ย เวลาที่ ป้าไป ช่วยเก็บไส้เดือนพวกนั้น
เพื่อ ไม่ให้มันโดนรถทับ หรือ โดนแดดเผาตาย
ป้ารู้สึกว่า ไส้เดือนพวกนั้น มันช่างบอบบาง
และ ดูไม่มีพิษมีภัยกับใคร จริง ๆ เลยแฮะ
ที่สำคัญ มันช่างปราศจากเขี้ยวเล็บในการสู้รบตบมือ
กับเหล่า ผู้ล่า ใน ห่วงโซ่อาหาร ซะเหลือเกิน
เฮ้ออออ เจ้าไส้เดือน ผู้อ่อนโยน ไม่เคยทำร้ายใคร
ที่ มักจะโดน ผู้ล่าสารพัดรังแกรังคัด เสมอ
เจ้าไส้เดือน ที่ ไม่เคยปริปากบ่น
และไม่เคยไปสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้ใคร
แม้ว่าใคร ๆ จะพากัน มาสร้างความเดือดร้อนให้มัน ก็ตาม
วัน ๆ หนึ่ง เจ้าไส้เดือน มันใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
เที่ยวเสาะแสวงหาอาหาร ประทังชีวิต
ด้วยการกัดกินเศษซากสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว โดยไม่เบียดเบียนใคร
และ ยังประโยชน์กลับคืนสู่โลก ด้วยการถ่ายมูล บำรุงดิน
เฮ้ออ จะว่า ไป ไส้เดือนพวกนั้น ดูจะมีชีวิตที่หมดจดและงดงาม
มากกว่า มนุษย์ขี้เหม็น อย่าง ป้าซะอีกว่ะ
ช่างน่าอับอายขายหน้า เสียนี่กระไร
อิอิ แพล่ม ซะ อย่างกับเป็น สารคดี ชีวิตสัตว์โลก
ใน เนชั่นนอล จีโอกราฟฟิค เรยวุ๊ย ตรู
ป้าก็แค่อยากจะ บอกว่า แม่ของป้า ก็มีวิถีชีวิต
คล้าย ๆ กับ เจ้าไส้เดือนพวกนี้นั่นแหล่ะ
บอบบาง และ ไร้พิษสง ....
( ตรงข้ามกับ ลูกสาวบังเกิดเกล้าของอี ลิบลับ เรยว่ะ )
เฮ้อออ ถ้า แม่ป้า เป็น ไส้เดือนผู้ไม่มีเขี้ยวเล็บ
ป้าผ่อง ก็ต้องเป็น เสือสิงห์กระทิงแรด ที่เขี้ยวยาวลากดิน มั้ง อิอิ
อืม....สำหรับ ป้าบัวฯ
ความประทับใจ ในตัวคุณนายแก้วดี อีกอย่าง
คือ คุณนายเธอว์ ปล่อยวาง
ในเรื่อง ของ โทสะ ได้เก่ง โคตร ๆ เรยอ่ะ
ป้า ไม่ค่อยจะเห็น แม่ป้า โกรธ ใคร เล๊ยยยย
แม้ว่า คุณเธอจะเป็นฝ่าย ถูกเอารัดเอาเปรียบ
หรือ ถูกกระทำย่ำยีข่มขืนทางจิตใจ ต่าง ๆ นานา ก็ตาม
( ถึงได้บอกไง ว่า อิคุณนาย มันเหมือน ไส้เดือน )
ป้าเสียอีก ที่ บางครั้ง เห็นแม่ถูกกระทำ
แล้ว เกิดอาการอาการ ของขึ้น ปรี๊ดแตก แทนแม่ ซะงั้น
ครั้นพอ ไอ้เรา เริ่ม วีน โวยวาย ร้องหา ฟามยุติธรรม ให้แม่
คุณแม่ที่เคารพ ดั๊น บอกเสียงเนิบ ๆ ห้ามไว้อี๊ก
ประมาณว่า
" ช่างเขาเถอะลูก เค้าก็เป็น ของเค้าอย่างนั้นเอง "
จำได้ว่า ครั้งแรกที่ได้ ฟัง
ป้าก็นึกดูแคลน แม่ตัวเองในใจ นะ
ประมาณว่า
เฮ้ยยย ไรว้าาาาาาาา
ทำงี้มันก็เป็นได้แค่ อิพวกขี้ขลาด
ที่หดหัวอยู่ในกระดองแบ่บ ลูกเต่า อ่ะดิ
ขืน ยอมคนอื่น ไปซะทุกอย่าง งี้
เด๋วพวกนั้นมันก็ได้ใจ แร้วยกโขยงมาโขกมาสับ อีกหร็อก
หูยยยย ยัยแก้วดี ไม่เจ๋ง เรยว่ะ ฯลฯ
น่าขำนะ พอ ป้า ก้าวเข้าสู่วงการ ปฏิบัติธรรม
ป้ากลับ มอง สิ่งที่แม่เคยทำ
ด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง จากเดิมแฮะ
ป้าทึ่ง ในสิ่งที่ แม่ตัวเอง ทำอ่ะ
ป้ารู้สึกว่า แม่ป้า เจ๋ง ว่ะ เฮ้ย แม่ทำได้ไง วะ ?
ทำไม สามารถ ทำใจ ยอมรับ
ความแตกต่างระหว่าง บุคคล ได้เก่งจัง
คำพูด ของแม่ ที่ปลอบใจตัวแม่และ ตัวป้า ที่ว่า
" ช่างเขาเถอะลูก เค้าก็เป็น ของเค้า อย่างนั้นเอง "มันคือ บทสรุปที่เข้าถึงแก่นแท้
ของ คำว่า ตถตา ได้ เป๊ะ ๆ เรยแฮะ
อะโหย ตรู ปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน4 มาแทบตาย
ยัง ทำไม่ได้ เท่าขี้เล็บ ของ สิ่งที่แม่ เป็น เรยว่ะ
(ชักอิจฉา แม่ตัวเอง ซะแระ อิอิ )
ไม่รู้สินะ มีความรู้สึกว่า
แม่ป้าปฏิบัติธรรมจนเป็นปกติ ( ในชีวิตประจำวัน )
แม่มองเห็น ธรรม(ดา)ของโลก
แม่มองเห็น ธรรม ( ชาติ ) ของคน
แม่จึงไม่ค่อยโกรธเคืองใคร
แม่รู้จักปล่อยวาง แม่ไม่ค่อยยึดติด
ดวงจิตของแม่จึงแจ่มใส เสมอ
เพราะ ขันธสันดาน และ ขันธจริต ของแม่
มีคุณภาพสูง มาแต่กำเนิดน่ะ
น่าเสียดาย ที่ แม่ขาดภูมิรู้ ไปหน่อย
และ ต้องมาวุ่นวายกับเรื่อง โลก ๆ หลายอย่าง
( ทั้งเรื่อง หลาน เรื่องลูกชาย ลูกสะใภ้ )
แม่เลยขาดโอกาสในการปฏิบัติธรรม
มันเป็นความทุกข์ของผู้ที่ ไม่สามารถเจริญพรหมวิหาร ได้ครบทั้งสี่เสา
ทุกข์แบบคน ที่มี เมตตา กรุณา และ มุทิตา อันเปี่ยมล้น
แต่ยัง สับสน กับ คำว่า อุเบกขา อยู่
เนี่ย ถ้าแม่เกิดมาเป็น คนสวยใจดำแบ่บป้าผ่อง
ป่านนี้ แม่คงจะทุกข์น้อยกว่านี้ ว่ะ เหอ...เหอ...
แต่ถึงงั้น ป้าก็ภูมิใจในตัว คุณนายแก้วดี แม่ของป้า มากมายนะเธอว์
เพราะ คุณนายแก้วดี เป็น คุณนายแก้วดี งี้ไง
ถึงได้เป็น ผู้หญิงที่ป้า อยาก กอด ตลอดชีวิต
และแม้ คุณนายดี จะไม่ใช่ แม่ ที่ดีที่สุด
แต่ก็เป็น แม่ ที่ รักยัยนู๋บี มากที่สุด ว่ะ