บุคคลผู้ประมาท แม้ว่าจะกล่าวพุทธพจน์ได้มาก
แต่ไม่ทำตามพระพุทธพจน์นั้น ตนเองก็ไร้ผล
เหมือนคนเลี้ยงวัว มัวแต่นับวัวของคนอื่นอยู่
**************
ผู้ประมาทแล้ว ก็เหมือนคนตายแล้ว
************
อายุของคนน้อยนัก คนดีไม่ควรลืมอายุ
ควรระลึกถึงอายุ ดุจคนถูกไฟไหม้ศีรษะ
เพราะการที่ความตายจะไม่มาถึงนั้น ไม่มีเลย
*************
ชีวิตนี้น้อยนัก ไม่ถึงร้อยปีก็ตายกันแล้ว
ถ้าจะอยู่เกินไป ก็ต้องตายเพราะความแก่
***************
ชีวิตนี้เป็นสิ่งคับข้อง เป็นสิ่งเล็กน้อย ประกอบด้วยทุกข์
ใครเล่ายังจะอาศัยชีวิตนี้ ไปสร้างเวรกับผู้อื่น
(โพธิสัตว์ – เตมิยชาดก)
************
คนเราควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ
ที่คอยชี้โทษและกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไป
ว่าผู้นั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์ละ
ควรคบหาบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น
เพราะเมื่อคบหากับบัณฑิตเช่นนั้นอยู่
ย่อมมีแต่คุณอันประเสริฐส่วนเดียว ไม่มีเสื่อมเลย
**************
ภิกษุทั้งหลาย ! เราประพฤติพรหมจรรย์นี้
มิใช่เพื่อหลอกลวงคน เพื่อให้คนบ่นถึง
เพื่อผล คือลาภสักการะและชื่อเสียง
เพื่อเป็นเจ้าลัทธิ เพื่อให้คนทั้งหลายรู้จักเรา
ก็หามิได้ แต่ที่แท้แล้ว เราประพฤติพรหมจรรย์นี้
เพื่อความสังวรระวัง เพื่อละกิเลส
เพื่อคลายกิเลส และเพื่อดับกิเลสเท่านั้น
***********
ดูก่อนอานนท์ !
ผู้ใด จะเป็นภิกษุก็ตาม เป็นภิกษุณีก็ตาม
เป็นอุบาสกหรืออุบาสิกาก็ตาม
ถ้าเป็นผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม
ปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติตามธรรมอยู่
ผู้นั้นแลชื่อว่าได้สักการะ ได้เคารพนับถือ
และบูชาเราตถาคต ด้วยการบูชาอย่างสูงสุด
**************
อานนท์ ! เราจะไม่พยายามทำกะพวกเธอ
อย่างทะนุถนอม เหมือนพวกช่างหม้อ
ทำแก่หม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่
อานนท์ ! เราจะขนาบแล้วขนาบอีกไม่มีหยุด
อานนท์ ! เราจะชี้โทษแล้วชี้โทษอีกไม่มีหยุด
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจะทนอยู่ได้
************
ผู้ใด มีปัญญาทราม อาศัยทิฐิอันลามก
คัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีปกติเป็นธรรม
พฤติกรรมของผู้นั้นย่อมเป็นไปเพื่อฆ่าตน เหมือนขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่
*****************
ควรตักเตือนกัน ควรพร่ำสอนกัน
ควรห้ามกันจากธรรมของอสัตบุรุษ
ผู้ที่ทำดังนี้ ย่อมเป็นที่รักของสัตบุรุษ แต่อสัตบุรุษย่อมชัง
**********
ผู้ชี้โทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้
***********
ทรัพย์สมบัติย่อมทำลายคนโง่
********
ผู้ใดประทุษร้ายต่อผู้ไม่ประทุษร้ายตอบ
ซึ่งเป็นผู้หมดจด ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน
บาปย่อมย้อนมาสนองผู้เป็นคนพาลนั้นเอง
*****************
ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้ อันวิจิตรเปรียบด้วยราชรถ
ที่พวกคนโง่เขลาหลงอยู่ แต่พวกผู้รู้หาติดข้องอยู่ไม่
***************
บุคคลผู้ไม่รู้แจ้ง ถูกจิตหลอกลวงแล้ว
ยินดีในสิ่งอันเป็นวิสัยของมาร
ย่อมพากันท่องเที่ยวไปในชาติสงสารมิใช่น้อย
*************
กิเลสย่อมพอกพูนแก่ผู้ที่ชอบเพ่งโทษของผู้อื่น
ให้ความสนใจในการเพ่งโทษของผู้อื่นเป็นนิตย์
บุคคลผู้ประพฤติดังนั้น ย่อมสิ้นอาสวะช้า
***********
เมื่อบาปยังไม่ให้ผล คนโง่ย่อมหลงระเริง
เมื่อบาปให้ผล คนโง่ย่อมระทมทุกข์
*********
ความเป็นผู้มีอายุยืน มีวรรณะผ่องใส มีความสุข มียศ และการไปสู่สวรรค์
ย่อมไม่สามารถจะถึงได้ด้วยการอ้อนวอนหรือปรารถนา
แต่บุคคลย่อมจะถึงสิ่งเหล่านั้นได้
ด้วยการลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้องตามเหตุหรือปัจจัยนั้น ๆ
**************
พระพุทธเจ้าเป็นแต่เพียงผู้บอกทางให้
************
ดอกบัวเกิดและเจริญงอกงามในน้ำ แต่ไม่ติดน้ำ
ทั้งส่งกลิ่นหอม ชื่นชูใจให้รื่นรมย์ฉันใด
พระพุทธเจ้าทรงเกิดในโลกและอยู่ในโลก
แต่ไม่ติดโลก เหมือนบัวไม่ติดน้ำฉันนั้น
:http://board.212cafe.com/FreeForumpradeedee/view/4f0d40f7846567ae050d11fb/page/2