แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น
【誰來叩門 ? .. ใครมาเคาะประตู ?
ฐิตา:
A : ** จิตตถาคตะ !? , ผมหาข้อมูลไม่เจอเลยครับ
ขอความกรุณาท่านโปรดอธิบายให้ฟังสักเล็กน้อยได้ไหมครับ !
.
B : ตถาคตะ ก็คือตถาคต
เป็นไวพจน์กับพระนามของพระพุทธองค์ทั้งหลาย
เพียงแต่เน้นไปสู่สิ่งที่พระองค์ได้บรรลุ คืออนุตตรธรรม
หรือ พุทธจิต นั่นเอง
.
A : อ๋อ จิตตถาคต , ขอรับ !
.
B : หากเรายังไม่สามารถแบกรับภาระหนักของคนอื่นได้
ก็ควรจะระมัดระวัง ที่จะไม่เพิ่มทุกข์เพิ่มโทษให้เขาอีก
.
การสอนผิดนั้นแม้เพียงไม่กี่คำ, หากเขาต้องหลงยึดติดในวิธีการ
เพราะคำบอกเล่าของเราแล้ว ผลของมันย่อมจะเป็นสิ่งน่าเศร้านัก.
.
A : ตรงนี้ละครับ ที่ผมได้มาขอคำแนะนำจากท่าน
วิธีการที่ผมเข้าใจนั้นหยาบแต่ตรง ผมพิเคราะห์ดูแล้วว่าหาแบบเดียวกับผมนั้นยาก
.
B : การรอาสาออกมาโปรดสัตว์เร็วเกินไป ก็ย่อมมักจะพบกับอุปสรรคเช่นนี้แหละ
.
ผมได้ยินมาว่า "หากพบผู้ขอความช่วยเหลือ พึงอย่าเฉยเมยต่อเขา"
ส่วนตัวผมเองยังไม่รู้ว่าจะต้องช่วยอย่างไรดีครับ มีแต่ใจอยากช่วย.
.
B : นี่เป็นจิตอันประเสริฐสุดแล้ว , หากปรารถนาจะช่วยคนตกน้ำ
ท่านก็ควรให้เวลากับการเรียนรู้วิธีการ เพื่อที่จะช่วยคนตกน้ำ.
.
A : ขอรับ
.
B : ผมเคยฝึกกฝนอยู่ในสายวัดป่าทางภาคอีสาน
ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ครูอาจารย์นั้นลึกซึ้งนัก !
.
เราขอโอกาสก่อนล้างเท้า นุ่งห่มสบงจีวร ทั้งช่วยอาบน้ำเช็ดถูเหงื่อไครให้ท่าน
ตามหน้าที่พระใหม่ที่ต้องฝึกอุปัฏฐากวัตรต่อครูอาจารย์ และช่วงนั้นเองผมได้รับ
บางสิ่งที่ไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มันมีความตื้นตันอยู่ในส่วนลึก !
.
ส่วนในที่อื่นๆ ผมเพียงมีโอกาสได้จัดโต๊ะเก้าอี้ ให้หลวงปู่ฯ เขียนหนังสือเท่านั้น
.
ธรรมะหาใช่จะได้มาจากลานหินโค้ง หรือธรรมโฆษ์ชุดใหญ่
หากผมได้ซาบซึ้งท่านในจิตวิญญาณ เมื่อท่านให้ผมเรียนเซน
จากแหล่งต้นกำเนิดของวัฒนธรรมโดยตรง คือจากสายจีน
.
สัจจะแห่งเซน ซ่อนเร้นอยู่ในทุกๆ ขณะของชีวิตประจำวัน นั่นเอง
เมื่อมีความซื่อสัตย์เท่านั้น เราจึงอาจประพิมประพายร่วมกับมันได้ !
.
A : สายสัมพันธ์อาจารย์-ศิษย์ของท่านลุ่มลึก เข้มแข็งมากจากการได้อยู่ร่วมกัน
.
ผมได้ฟังมาว่าอาจารย์ผมท่านเคยบวชสามเณร แต่ไม่ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ
ท่านทำงานสอนภาษาอังกฤษครับ วันหนึ่งผมบ่นๆ เรื่องธรรมกายในหน้าเฟสบุ๊ค
แล้วหลุดคำว่า "สุญญตา" , จากที่เที่ยวจดจำมา ท่านจึงถามว่า "รู้จักคำนี้หรือ" ?
.
ตั้งแต่นั้นมาท่านก็กรุณาต่อผมมาก แม้ไม่เคยรู้จักกันแต่ก็ชี้ทางศึกษาเซนให้ครับ,
ทางเฟสบุ๊ค ได้เจอตัวจริงท่านบ้างเป็นครั้งคราว เพราะท่านใช้ชิวิตแบบฆราวาส
.
ผมไม่มีภูมิปัญญาในเรื่องคำบาลีและเนื้อหาธรรมจากที่พระพุทธองค์สอนเลยครับ
เพราะก่อนนี้เป็นชาวพุทธแค่ในสูจิบัตร แต่ยังไม่รู้เรื่องธรรมะอะไรๆ เลยครับ
.
B : ถึงตอนนี้ ท่านเองก็คงทราบแล้วสิว่า "ไอ้เรือง" ควรจะมีขั้นตอนต่อไปอย่างไร.
.
A : ครับ
.
B : ผมไปที่จีน ยุคหลังปฏิวัติวัฒนธรรม และเพิ่งเริ่มจะเปิดประเทศ
ที่นั่นเพิ่งเริ่มจะฟื้นฟูศาสนา การค้นหาผู้บรรลุเซนที่แน่แท้นั้นยังยาก
ที่วัดเกาหมิน หยางโจ ซึ่งท่านซวีหยูนบรรลุธรรมตอนอายุได้ 56 ปี
ก็เพิ่งจะมีการจัดระบบกันใหม่ๆ จึงเป็นเรื่องของ 規矩 กุยจี๋ กฏระเบียบ
และรูปแบบเสียส่วนใหญ่ จึงดั้นด้นต่อไปถึงเกาหลีใต้ และได้ซบลง
ณ เบื้องบาท ซาบซึ้งเมตตาของท่านซุงซาน และซูบองเซนมาสเตอร์
.
ท่านซุงซานได้กระชากหัวใจของผม ลงไปกองกับพื้น ที่เกาะฮ่องกง
ด้วยเพียงคำถามเดียว , ทำเอา "อัตตา" ที่ศึกษาพุทธวจนะมาร่วมสิบปี
ต้องกระจุยกระจายแหลกละเอียด ไร้ความน่าเชื่อถือ ลงในทันที,
เช่นท่านเซียงเอี๋ยนโดนเข้าจังๆ แบบไม่เกรงอกเกรงใจกันเลยแหละ
.
A : ^ ^ ครับ ส่วนกระผมก็โดนตบ มาหนักเหมือนกันครับ
.
B : ท่านถามว่าผมบวชมานานเท่าไร , เก้าปีขอรับ !, ผมตอบ
ฉันขอถามอะไรสักข้อได้ไหม ? , ท่านรุกถามต่อ
โอ้...แน่นอน. ถามมาเลยครับท่าน , ผมพร้อมรับการท้าทาย !
.
ธรรมะคืออะไร ? What is Dharma ?
.
ผมตอบอย่างมั่นอกมั่นใจในทันที..."ธรรมะก็คือ อริสัจจ์ 4 ,
เรื่องทุกข์ และการดับความทุกข์ นั้นไง " !
.
ท่านสวนกลับทันควัน...
"แม้ว่าเธอได้ศึกษาธัมมะธัมโม มาเป็นเวลาตั้งนานแล้ว
แต่ทำไม "ธรรมะของเธอ" จึงยังมีเหลืออยู่ตั้งมากมาย"
.
ที่ประชุมต่างหัวเราะฮากันตึงใหญ่ ทำเอาผมรู้สึกหน้าแตก !
.
นี่เป็นเพราะ ผมรู้เพียงหลักธรรม แต่ไม่รู้จักความร้ายกาจของเซน.
.
หากท่านก็ไม่ได้ทอดทิ้งผม กำชับให้เรียนเซนกับท่านซูบอง
ศิษย์ผู้ผ่านการ 印可 อิ้งเข่อ รับรองการบรรลุเซนจากท่านแล้ว
.
และในเวลาอีกไม่นาน
ผมก็ได้เข้าพบสนทนากับอาจารย์ซูบองผู้นิ่มนวล
.
ท่านถามว่า มีอะไรจะถามท่านไหม ! , ไม่มีครับ ผมตอบ ,
ท่านจึงขอถามผมว่า "คุณมาจากที่ไหน" ? Where are you came from ?
.
คำถามที่ดูเหมือนดาดๆ ธรรมดาๆ แค่นี้เอง
ทำเอาโลกของผม "หยุดชงักลง" ในทันที !
.
A : อ้า...., ทำไมหรือครับ !
.
B : ...!
.
A : หากกระผมรบกวนท่าน บอกได้ทันทีน่ะครับ ,
ทำไมที่จีน เกาหลี ญี่ปุ่นถึงได้จริงจังกับเรื่องนิพพานมากกว่าที่นี่ละครับ
แม้แต่วัดข้างบ้านผม
ก็ไม่มีการพูดคุยถึงเป้าหมายนิโรธของพระพุทธองค์กันเลยสักครั้งเดียว
แต่ที่โน่นหยิบยกขึ้นมาคุย เป็นส่วนหนึ่งกับปัจจุบัน
.
B : ขณะฝึกฝนเซนนั้น กิจวัตรทุกเรื่องทุกขั้นทุกตอน ล้วนชี้ตรงมาที่จิต
.
อาจจะเป็นเพราะสายธารนี้ ได้หรั่งไหลมาจาก "จอมปรมาจารย์ตั๊กม้อ"
ผู้มีเพียงใจที่เกลี้ยงใสดวงเดียว นี้ ก็อาจจะเป็นได้มันจึงเป็นอย่างนี้.
.
และเซนก็ไม่เคยสอนให้สาวกหลบหลีกปรากฏการณ์ แม้สักขณะเดียว
หากแต่ให้ใช้ชีวิตประจำวันอย่างเห็นคุณค่า และไม่ทอดทิ้งสรรพสัตว์.
.
ความนื่งอึ้งตะลึงงัน ที่ท่านซุงซาน ได้ทำให้หัวใจของผมล่มสลายลง
หมดความเชื่อมั่นในภูมิความรู้เชิงพระปริยัติธรรมที่สะสมมา ยังตราตรึง
.
จึงมิอาจกล้าที่จะเผยอปาก ตอบไปว่า มาจากเมืองไทย หรือจากกว่างโจว,
แต่มันก็ยังงุนงง หน้าตึงหัวใจเต้นระรัว ไม่รู้ว่าจะแหยมวาจาสาธกออกไปอย่างไร !
.
ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า ท่านกำลังจะชำแหละ "กึ๋น" ของผมออกมา
จึงได้แต่เพียงนิ่งและเงียบลงสักครู่หนึ่ง เพื่อจะได้หายใจให้ทั่วท้อง,
.
การเงียบลงไม่เปิดปากพูดอะไรอื่นออกมาในช่วงนั้น นั่นเอง
ทำให้เราทั้งสองมีโอกาสพบกับช่วงว่างๆ และมองกันและกันสักครู่,
.
แล้วผมก็จนมุมต่อครูผู้ทั้งสุภาพและอ่อนโยนเช่น 秀峰禪師 ซูบองอาจารย์เซน
ท่านแตกต่างจาก 崇山禪師 ซุงซาน ที่ทั้งดุเดือดและไม่มีความเกรงใจเลย
.
ระหว่างที่ไร้คำจำนรรจาของทุกคนนั้นเอง ความเงียบก็ปรากฏขึ้น,
ผมรู้สึกได้ว่าภายในใจนี้ ได้ยอมต่อท่านอย่างศิโรราบไม่ทะลึ่งอีก !
.
และพูดออกไปอย่างซื่อๆ ว่า "不識 ไม่รู้ครับ" !
จากนั้นท่านก็ยังคงมอง และพินิจดูผมอยู่อย่างเงียบๆ
สักครู่หนึ่งจึงพูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า ....
.
A.: ว่าอะไรครับ !!!
.
B : แทนที่ผมจะได้ยินเสียงสำเนียงอันน่าชื่นชมของท่านผู้นี้
แต่กลับได้รับการแตะด้วยไม้เซนประจำตัว และกดลงที่หัวเข่าเบาๆ
.
ผมนิ่ง และจดจ่อคอยดูอยู่ว่า...จะมีอะไรตามมาอีกหนอคราวนี้ !
.
"如是 นั้นแหละ ...
我的弟弟 น้องรักของฉัน !
.
ในขณะที่เธอยังไม่รู้จักมัน นั่นแหละ, ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน,
ณ ขณะที่จิตของเธอนิ่งลง ก็เหมือนกับจิตของทุกๆ คนที่ได้นิ่งลง
มันไม่แตกต่างกัน, จิตเซนเป็นจิตเริ่มต้น ที่ยังไม่แล่นไปรู้อะไรเลย.
.
A : โอ้ ! ขอบพระคุณครับ
อันนี้ที่พระอาจารย์ซูบอง พูดเหรอครับ !
.
B : ทันใดนั้นเอง
ผมเกิดความรู้สึกหมุนติ้วๆ ที่ท้องน้อย
และสะอึกสะเอื้อนออกมาเหมือนเด็กๆ
.
มันไม่มีแม้แต่เสียงที่จะเปล่งออกมา เป็นแต่อาการเหมือนกับว่าใจจะขาด
จึงได้เพียงแต่สะอึกสอื้นร้องไห้ โฮ...ออกมาลั่นศูนย์เซนฮ่องกง
ท่ามกลางความงุนงงของผู้คน ที่นั่งสมาธิรอคิวเพื่อเข้าพบอาจารย์เซน
.
นี่อาจจะเป็นจังหวะต่อเนื่องจากคราวก่อน ที่ได้พบท่านซุงซาน
ช่วงหลังจากได้นั่งร่วมวงทานอาหารกลางวัน ในศูนย์ฯ
.
มันเป็นช่วงหลังจากที่ผมได้เลือกการจาริกออกจากไชยา
พร้อมกับจิตที่ลุกโชนเมื่อได้ศึกษาเซนเว่ยหล่าง ฮวงโปมาแล้ว
.
และต่อมาได้รับคำแนะนำท่านซุนซานบ้างเล็กน้อย จากวัดกวนอินที่สิงคโปร์
จากนั้นผมจึงได้มีโอกาสไปเรียนภาษาจีนที่กว่างโจว เมื่อทราบว่าท่านอาจารย์
จะมาแสดงพุทธธรรมแนวเซนที่ฮ่องกง ผมจึงลาโรงเรียนออกมาร่วมในงานนี้
.
A : ครับ
.
B : การพบกันครั้งนั้นมันจุดประกายขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่ไต้หวันอีกสองปี จึงได้ไปกรุงโซน
เพื่อเข้าร่วมงานภาวนาประจำปี winter time 100 วัน
.
เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากสำหรับผมและศิษย์ทุกคน
ที่หลังจากการพบกันกับซูบองครั้งนั้นไม่นาน ท่านก็ละสังขาร
.
ช่วงร้อยวันในงานภาวนาภาคฤดูหนาว winter time
ผมได้มีโอกาสพบกับบุคคลสำคัญในสายธรรมนี้หลายท่าน
และต่อมาท่านเหล่านั้น ก็ได้รับภารกิจอันสำคัญยิ่งสืบมา
.
วันนี้ครูทั้งสองได้สลายกลายเป็นหนึ่งกับธาตุทั้งหลายไปแล้ว
แต่พลังแห่งจิตวิญญาณของเซน ยังอบอุ่นและสืบทอดอยู่ในใจ
.
ผมคิดว่า หากท่านเมตตาจะอนุเคราะห์เพื่อนผู้มีวาสนาร่วมกันแล้ว
ก็อย่าได้ลังเลใจ ชีวิตหนึ่งหากเราสามารถช่วยลูกแมวตกน้ำสักตัว
ก็นับเป็นบุญอันมหาศาล และเราทั้งหลายก็ยังจะต้องได้พบกันอีก
.
อย่างแน่นอน !
.
สสารย่อมไม่สาบสูญไปจากโลกนี้ ฉันใด,
ดวงใจอันเปี่ยมเมตตา ก็ยังรอเวลาพรั่งพรู.
.
ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่าน และครอบครัว
.
ผมต้องขึ้นไทเป เพื่อร่วมภาวนากับวัชรจารย์พักชก รินโปเช คืนนี้
.
ขออานิสงส์ผลบุญอันจะพึงมีในงานสมาธิภาวนาทั้ง 4 วัน นี้
จงแผ่ไปยังสรรพสัตว์อย่างถ้วนหน้า จงทุกท่านทุกชีวิต เทอญ !
.
A : ขอคารวะพระอาจารย์ วันนี้ศิษย์ได้ฟังเรื่องเล่าทั้งหมด
รับมาพิจารณาและปฏิบัติแล้ว , ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพครับ
.
.
เครดิต : เฟสบุ๊ค 9/10/2015 บ่าย ไทจง
Fb : Cherdsak Joomprabut
Page : ชีวิตชีวาเซน-Lively Zen
https://www.facebook.com/livelyzen
ฐิตา:
Page : ชีวิตชีวาเซน-Lively Zen
9.7.2017
เกลือเค็มไหม ?
B : ขณะนี้ เกลือเค็มไหม !
A : เค็มอยู่เสมอ เมื่อเราชิมมันค่ะ
B : เธอแอบอมเกลือไว้ในปากมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
A : ... ^__^ ...
B : อารมณ์สมมุติและบัญญัตินั้น จะว่ากันไปอย่างไรก็ช่างเถอะ
แต่ความเป็นจริงหรือตัวปรมัตถ์แล้ว ถือเอาสิ่งที่กำลังสัมผัสอยู่
เมื่อสติแนบแน่นกับปัจจุบันขณะอย่างต่อเนื่องแล้วเท่านั้น
วิปัสสนิกผู้พากเพียรจึงอาจแจ่มแจ้งความจริงขั้นปรมัตถะ
A : กราบขอบพระคุณค่ะ (-/\-)
B : วันนี้เป็นวันคล้ายวันละสังขาร
ของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ ( 5 กันยายน )
ครั้งหนึ่งที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
ได้มีการสอบอารมณ์ผู้เข้าฝึกกรรมฐาน
ท่านพระมหาวันทอง วิปัสสนาจารย์ชาวลาว
ได้สอบอารมณ์กรรมฐานของอุบาสกพันธ์ อินทผิว
โดยถามถึงความเค็มของเกลือว่า "เดี๋ยวนี้เกลือเค็มไหม ?"
อุบาสกพันธ์ฯ ตอบว่า...
"ตอนนี้เกลือไม่เค็ม เพราะลิ้นไม่ได้สัมผัสความเค็มของเกลือ"
อารมณ์กรรมฐานนั้นต้อง "สดใหม่เป็นปัจจุบันขณะ" อยู่เสมอ
A : ค่ะ ไม่คว้าเอาอารมณ์อดีตมาตอบ ค่ะ
B :
ความเป็นปัจจุบันขณะนั้น ก็คือไม่มีอารมณ์ใดอาจตั้งค้างคาอยู่
จึงเกิดปัญญาญาณและหลุดออกมาจากอารมณ์สมมุตติทั้งหมด
A : (-/\-)
B :
อดีต ปัจจุบัน อนาคต ล้วนเป็นกาละ และสถานที่ก็เป็นสมมุติ
เป็นการปรุงแต่งของความคิด ที่มันสามารถคิดสร้างขึ้นมา
เมื่อเข้าใจแล้ว ก็อย่าได้เผลอสุดโต่ง กลายเป็นคนขวางโลก
ผู้แจ่มแจ้งควรโอนอ่อนตามสมมุติของโลกบ้างอย่างรู้เท่าทัน
A : กราบขอบพระคุณค่ะ -/\-
6/9/2013 สศอ
..
..
ชีวิตชีวาเซน-Lively Zenรู้สึกผ่อนคลาย
6 กันยายน 2015 ·
. อีกด้านหนึ่งของความมืด 黑暗的另外一邊
B :
การภาวนาแบบโบราณนั้น เป็นไปทุกลมหายใจจนตลอดชีวิต
ให้กลมกลืนกับสรรพสิ่ง เพราะชีวิตนี้ก็เนื่องอยู่กับสิ่งเหล่านั้น
เมื่อพ้นจากอิทธิพลความเห็นขัดแย้งทั้งสองขั่ว ก็อยู่เหนือมัน
สัมมาสมาธิไม่ใช่การกล่อมจิตให้เชื่องลงเหมือนการสะกดจิต
แต่ต้องให้จิตตื่นตัวต่ออารมณ์ที่ผ่านเข้ามากระทบทุก ๆ ขณะ
ข้ามพ้นความสงบแบบสมถะ ทั้งขณะที่นิ่งและขณะเคลื่อนไหว
พบกับความแววไวของพลังสติสัมปชัญญะ
ที่พรั่งพรูไหลออกมาอย่างเหนือการคาดคิด
จงผ่อนคลาย ก้าวเดินไปมาอย่างนิ่มนวล เนิบช้า
ให้จิตคมชัดต่อความจริงของกายใจ อย่ารีบร้อน
ขณะต่อขณะ ความชัดเจนก็จะมีกำลังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
จนสามารถเข้ายึดกุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างทั่วถึง
ยินดีและเชื้อเชิญแขกจร ให้เข้าร่วมสังสรรค์กับเจ้าบ้าน
จากนั้นอารมณ์ก็กลายเป็นเกลอของสติ แล้วเกื้อกูลกัน
เมื่อกราบคารวะนั้น หน้าผากต้องจรดกับพื้น
สองมือคว่ำลงก่อน แล้วค่อยหงายขึ้น
เป็นสัญญลักษณ์ว่า....
วางความยึดติดลงทั้งหมดก่อน แล้วค่อยยกชูขึ้นมาใหม่
วางความโง่หลงทั้งหลายลง แล้วพลิกภูมิปัญญาขึ้น
วางภารหนักของตัวตนแล้วเกื้อกูลสรรพสัตว์ไปอย่างไร้ตัวตน
การช่วยเหลือผู้อื่นในวิถีโพธิสัตว์ ไม่ใช้วีรกรรมของเอกชน
แต่เป็นการเชื่อมโยงของสิ่งดำรงอยู่ แบบมีบูรณาการร่วมกัน
เหมือนสายธารเล็กไหลไปหาแม่น้ำใหญ่ และลงสู่มหาสมุทร
ดั่งหยดน้ำที่ซาบซึ้ง ว่าตัวมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมหาสมุทร
เมื่อสรรพสัตว์ตระหนักว่าพุทธะคือสิ่งนี้ ก็ไม่มีความแตกต่างอีก
กับผู้ที่ยังไม่ได้ทุ่มเทจริงจังนัก ก็อย่ามัวไปเสียเวลาให้มากนัก
การฝึกฝนที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ที่จะสามารถให้ผลเร็ว
แต่ละคนคงต้องการแสวงหาความลงตัวที่พอเหมาะกับตนเอง
เมื่อย้อนเข้ามาดูตัวเอง ในที่สุดก็ไม่วายต้องเลือกทางของตน
ไม่มีบทบาทหลากหลายบนเวที ให้ต้องมาแสดงซ้ำซากหรอก
ถ้ามัวตกร่องอยู่กับความเพลิดเพลินอย่างนั้น นั่นสิ น่าเป็นห่วง
ผู้แสวงหามีสองกลุ่มใหญ่ คือพวกอนุรักษ์กับพวกชอบประยุกต์
จิตวิญญาณแบบเซนนั้น เริ่มต้นที่พระศากยมุนีพุทธเจ้าที่อินเดีย
เซนเป็นสายประยุกต์วิธีการ แล้วมากลมกลืนกับวัฒนธรรมจีน
ซึ่งมีลัทธิเต๋าธรรมชาตินิยม และหลักคุณธรรมขงจื้อเป็นพื้นฐาน
ถึงยุคนี้แล้วหากจะมีกลิ่นอายแบบฝรั่งปะปนก็ไม่นับว่าเลยเถิด
เพราะเดิมทีนั้นเซนเป็นพวกชอบความลัดตรง ฉับไว ไม่เซื่องซึม
แต่นานวันเข้าวิธีการเหล่านั้นเองกลับทำให้เซนเชื่องช้า งุ่มง่าม
A : ค่ะ (-/\-)
B : อย่าลืมนะ ...
หากไร้ความเข้าใจเรื่ององค์รวมความสัมพันธ์แบบบูรณาการแล้ว
การงานทุกอย่างก็ไปต่อยาก หรือไม่มีทางสำเร็จประโยชน์ได้เลย
เหมือนกับปัจจยการของเรื่องธาตุ อายตนะ ผัสสะนั่นแหละ
หากไร้ปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอก และการกระทบกันแล้ว
ก็จะไม่มีวิญญาณการรับรู้ทั้งหกทาง ในท่ามกลางนั้นได้เลย
A : จะจดจำไว้ค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ -/\-
B : หมายความว่า ...
เราต้องขอบคุณความทุกข์ยาก และอุปสรรคทั้งปวง นั่นเอง
เพราะอุปสรรคขวากหนาม ก็คือที่มาของปัญญาและความสำเร็จ
เมื่อเข้าใจจุดนี้แล้ว การวางท่าทีต่อโลกและชีวิตก็เปลี่ยนไป
พระนิพพานนั้นไม่ใช่การหลุดลอยไปอย่างไร้วี่แวว !
สังสารวัฏฏ์ก็ไม่ใช่ฉากโหดร้ายของนิยายเรื่องเศร้า
รสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม หรือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ล้วนเป็นลักษณะหนึ่งในความว่างเปล่าของรูปธรรม
รูปลักษณะต่าง ๆ ล้วนมีปัจจัยมาจากรูปลักษณะอื่น ๆ
นี่คือหลักพื้นฐาน
แม้ปัญญาญาณก็ผุดขึ้นมาเมื่อเคี่ยวกรำทำความเพียร
กว่าโลกในซีกนี้จะสว่าง ก็ต้องรอให้อีกซีกหนึ่งหมุนไปก่อน
แต่แกนกลางของโลกนั้น นิ่งสนิท ! ...นี่เป็นการอุปมา
A : ค่ะ
B : กว่าพลังด้านบวกจะได้โอกาสเปล่งประกาย
พลังด้านลบทั้งหลายก็ต้องอ่อนกำลังลงบ้าง
จึงไม่อาจใจเร็วด่วนได้ แบบหวังจะบรรลุในข้ามคืน
อย่างที่มีบางพวกกำลังฟุ้งซ่าน คิดสูตรสำเร็จขึ้นมา
จงมีความเข้าใจที่แจ่มชัด และประจักษ์แจ้งต่อจิตปกติ
A : จะพยายามค่ะ
6/9/2013 สศอ
..
..
ชีวิตชีวาเซน-Lively Zen
21 กันยายน 2013 ·
ชีวิต...เหมือนฟองคลื่นในทะเล
แปรมาจากสิ่งอื่นแล้วเปลี่ยนไปสู่สิ่งอื่น
การใช้ชีวิต...เหมือนงานเลี้ยงที่ต้องมีการเลิกลา
เมื่อคุณเคยได้รับเชิญแล้วก็ควรจะเชิญคนอื่นบ้าง
ความหมายของชีวิต...
คนโง่แสวงหาและสะสมวัตถุ เพลิดเพลินไปวัน ๆ
คนฉลาดมองเห็นเพชรในหิน จึงมุ่งมั่นและอดทน
คุณค่าแห่งชีวิต...
คนเห็นแก่ตัวอยู่อย่างกอบโกยตายไปอย่างอาดูร
คนมีสำนึกอยู่อย่างกลมกลืน จากไปอย่างสงบสุข
21/9/2013 สศอ
..
..
ชีวิตชีวาเซน-Lively Zen
4 ตุลาคม 2013 ·
ดอกไม้สวย เติบโตแล้วจากดิน น้ำ อากาศ ฯลฯ
ภาพสะท้อนที่งดงามก็อาศัยมุมที่เรากำลังมองดู
และจิตที่เปิดออกชื่นชมความงามตามธรรมชาติ
Beautiful flowers grow from soil, water, air, etc.
A nice reflection depends on the aspect we see
and our open mind to appreciate the natural beauty.
Image: Flower story
ฐิตา:
ชีวิตชีวาเซน-Lively Zen ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 3 ภาพ
1 ชม. ·
. ทางสายนั้นจะนำคุณไปสู่ที่ไหน
เมื่อสร้างเงื่อนไขผูกพันขึ้น ก็มักเรียกร้องสนองอัตตา
นั่นคือทางที่พากันจมลงนรก ต้องเจ็บปวดทุกข์สาหัส
หากรู้สิ่งใดแล้วนำมาซึ่งมานะทิฏฐิ ก็อย่ารู้มันจะดีกว่า
ถ้าคุณเลิกนิสัยความเคยชินที่ให้โทษ นั่นแหละธรรมะ
จิตที่ร้าวรานหมักหมมอยู่ด้วยบาดแผล อันระบมขมขื่น
แม้ได้พบเห็นพระศาสดาเอก ก็ยากจะหายขาดในทันที
ทุกข์ที่ย้อมอยู่ภายในมีเช่นไร ก็ตอบสนองโลกเช่นนั้น
แม้ฟ้าครามและสายรุ้งโค้งอยู่ตรงหน้า ก็ยากจะชื่นชม
ทุกข์ไหนอีกเล่าจะเท่าการยึดถือเอาตนเป็นศูนย์กลาง
สุขล้นเหลือหรือสุขริมทาง ล้วนคล้อยลงสู่ความจืดจาง
เกิดเป็นคนแล้วหากไม่ภูมิใจและแทนคุณโลก ก็เสียที
การเป็นหมัดบนตัวหมา ดีกว่าเป็นคนที่ทนทุกข์ไม่วาย
7/9/2013 สศอ
Where does this path bring you to ?
When you create some attachment,
you always demand something to respond your ego.
That is the path to hell. You will be seriously painful.
If knowing brings conceit, not knowing is better.
If you can stop the harmful habit, that is dharma.
With the injurious mind from a bitter wound,
even meet the prophet one is hard to recover at once.
You respond to the world according to how suffering you are.
Even though the blue sky and the rainbow are in front of you,
it is difficult to appreciate.
Which pain is more painful than clinging self as the center.
Abundant happiness or sideway happiness will tend to dissolve.
Born as a human but never be proud and pay back to
the world is so pity.
Be a cootie on a dog is better than endlessly suffering
human being.
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version