ผู้เขียน หัวข้อ: พีซีดิ้นหนีตาย !!!  (อ่าน 1163 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
พีซีดิ้นหนีตาย !!!
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 08:16:08 pm »
พีซีดิ้นหนีตาย !!!(Cyber Weekend)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    24 สิงหาคม 2556 11:09 น.
-http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000104911-



ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือเดสก์ท็อปพีซีในประเทศไทย กำลังน่าตื่นเต้นอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะตลาดเริ่มเติบโตสูงจนแซงโน้ตบุ๊ก หรือ แท็บเล็ต แต่กลับเป็นกลยุทธ์ดิ้นหนีตายของผู้ประกอบการมากกว่า
       
       ผลการศึกษาตลาดเดสก์ท็อปของไอดีซีเอเชียแปซิฟิก พบว่าตลาดพีซีของไทยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 มีอัตราการเติบโตที่ลดลง เป็นผลมาจากความต้องการซื้อที่ลดลงโดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคภาคครัวเรือน โดยมีอัตราการเติบโตลดลงถึง 20% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมียอดจัดส่งเพียงแค่ 8 แสนเครื่องเท่านั้น โดยตลาดเริ่มหดตัวลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ ปี 2555 และไอดีซีคาดว่าภาวะซบเซานี้ยังจะคงมีให้เห็นตลอดทั้งปี 2556
       
       'ความต้องการใช้งานเดสก์ท็อปของภาคครัวเรือนได้อ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายไตรมาสแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบตัวแทนจำหน่ายในทุกระดับ ที่ต้องพยายามรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้ มีความพยายามแก้เกมด้วยการลดปริมาณสำรองสินค้าพีซี เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับดีไวซ์ที่ซื้อง่ายขายคล่องกว่าอย่างแท็บเล็ต เข้ามาแทนที่ก่อน' จาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์สายงานศึกษาตลาดไคลเอนท์ ดีไวซ์ ประจำไอดีซีประเทศไทยให้ความคิดเห็นเอาไว้
       
       แต่ปัญหาถดถอยไม่ได้อยู่ที่การสั่งซื้อที่ลดลงเพียงอย่างเดียว เพราะไอดีซียังระบุว่า ที่ผ่านมาเกิดการขาดแคลนชิ้นส่วนหน้าจอระบบสัมผัส ทำให้เวนเดอร์ไม่สามารถนำเดสก์ท็อปพีซีจอทัชสกรีนเข้ามาทำตลาดได้อย่างเพียงพอ จนไม่สามารถกระตุ้นความต้องการซื้อได้มากนัก และส่งผลให้ปริมาณการใช้งานระบบปฏิบัติการใหม่อย่าง Window 8 มีน้อยกว่าที่คาดไว้
       
       แต่ภายใต้หนทางที่มืดมิดก็ยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะยังมีแรงซื้อโดยรวมของกลุ่มธุรกิจที่ยังคงเติบโตเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และภาครัฐที่ยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงซื้อหลักมาจากกลุ่มสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และกลุ่มสถานพยาบาล ส่วนSMEนั้นอาการหนักหน่อยเพราะผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำ
       
       ไอดีซียังเชื่อว่าผู้ค้าต่างๆ ต้องมุ่งขยายตลาดนอกเหนือจากแค่ในหัวเมืองใหญ่ของประเทศ เพื่อเจาะตลาดใหม่ๆ ที่ยังมีความต้องการใช้งาน เพื่อทำให้ธุรกิจเดสก์ท็อปพีซีเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะแม้จะมีการซื้อที่เพิ่มขึ้นจากภาครัฐฯ และองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่แต่คงไม่มากพอที่จะชดเชยกำลังซื้อที่อ่อนลงจากกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก รวมไปถึงภาคครัวเรือนได้
       
       *** เอเซอร์เล็งเพิ่มสัดส่วน All-in-One คาดโตได้อีก 20%
       
       ไอดีซีระบุว่าเอเซอร์กลับมามีส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นอีกครั้งใน ไตรมาส 1 ปี 2556 เนื่องจากคู่แข่งยังประสบปัญหาในเรื่องของสินค้าคงคลัง แต่เอเซอร์คงต้องเผชิญกับแรงกดดันจากคู่แข่งขันที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วอย่าง เลอโนโว และซัมซุง ส่วนเดลล์และเอชพีนั้นยังคงประสบปัญหาในการเจาะตลาดภาคครัวเรือน ถึงแม้เดลล์จะประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางได้ก็ตาม
       
       นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า คาดว่าในครึ่งปีหลังตลาดเดสก์ท็อปพีซีน่าจะคงที่หรืออาจเติบโตขึ้นเพียง 3-5% แต่จะไปเติบโตในกลุ่มสินค้าออลอินวันแทน ซึ่งคาดว่าจะโตขึ้นได้อีกไม่น้อยกว่า 20%
       
       'ตลาดเดสก์ท็อปแบบเดิมจะยังไม่ตาย เนื่องจากยังคงมีการสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องจากองค์กรธุรกิจต่างๆ รวมไปถึงภาครัฐและสถาบันการศึกษา ที่คงต้องใช้งานอยู่และยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเป็นโน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์ในรูปแบบอื่น แต่ตลาดเดสก์ท็อปจะเปลี่ยนรูปแบบเป็น 2 ระดับราคาคือราคาที่ถูกไปเลย และราคาที่แพงไปเลย โดยจะมีออลอินวันพีซีมาแทรกตรงกลาง'
       
       ปัจจุบันเอเซอร์มีสัดส่วนของเดสก์ท็อปอยู่ที่ 80% และออลอินวันอยู่ที่ 20% ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนของออลอินวันให้มากกว่านี้ เพื่อเป็นการตอบสนองเทรนด์ของตลาด ส่วนเดสก์ท็อปแบบเดิมนั้นจะยังมีการใส่เทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์ตลาดต่างจังหวัดและภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพราะยังคงสร้างรายได้และยอดขายให้กับเอเซอร์ได้เป็นอย่างดี
       
       กลยุทธ์ตลาดของเอเซอร์นับจากนี้จะเน้นทำตลาดทั้งในส่วนของลูกค้าทั่วไป และกลุ่มองค์กร โดยในส่วนของคอนซูเมอร์จะเน้นทำตลาดสินค้าในกลุ่มออลอินวัน และในครึ่งปีหลังจะมีสินค้าในกลุ่มนี้รุ่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 รุ่นเพื่อแก้ปัญหาจุดอ่อนของเอเซอร์ที่มีรุ่นออลอินวันน้อยเกินไป โดยจะนำเสนอตั้งแต่ระดับราคาเริ่มต้นที่ 1 หมื่นบาทต้นๆไปจนถึง 3หมื่นบาท
       
       ปัจจุบันเอเซอร์มีสัดส่วนตลาดเดสก์ท็อปในกลุ่มลูกค้าทั่วไป 60% และในกลุ่มองค์กร 40% โดยในกลุ่มองค์กรนี้แบ่งเป็นสัดส่วนภาครัฐ 25% และเอกชน 15% ซึ่งคาดว่าในปีนี้การทำตลาดกับภาครัฐน่าจะง่ายกว่าเอกชน เนื่องจากภาครัฐมีโปรเจ็กต์ที่ชัดเจน ส่วนเอกชนยังคงลังเลเรื่องเศรษฐกิจจึงยังมีความไม่แน่นอน โดยเอเซอร์ตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายเดสก์ท็อปออลอินวันไว้ที่ 15% และวางแผนที่จะโปรโมทและผลักดันสินค้าออลอินวันให้เติบโตขึ้นผ่านทางดีลเลอร์ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 500 ราย
***เอชพีส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ลุยตลาด Replacement
       
       ฐิตพล บุญประสิทธิ์ ผู้อำนวยการธุรกิจ กลุ่มธุรกิจการพิมพ์และคอมพิวเตอร์ เอชพี ประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าภาพรวมของตลาดเดสก์ท็อปในกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปยังทรงตัวและอาจจะถดถอยไปบ้าง แต่สำหรับองค์กรธุรกิจยังดีอยู่ และกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนเครื่องใหม่ (Replacement) ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดีทำให้เอชพีสามารถส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าไปทดแทนและสร้างรายได้ในกลุ่มนี้ให้มากขึ้น โดยในปีนี้ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดของเดสก์ท็อปไว้ที่ 24%
       
       'การเปลี่ยนเทคโนโลยีทำให้พีซีที่อยู่ในองค์กรต้องมีการอัปเกรดขึ้นเรื่อยๆ มีการใช้ออลอันวันและมัลติทัชมากขึ้น รวมไปถึงความต้องการเดสก์ท็อปสมรรถนะสูงสำหรับองค์กรธุรกิจเพื่อการใช้งานในหลายๆ ด้าน ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเอชพีรุ่นใหม่ๆ นั้นนำเสนอความสามารถในการปรับแต่งเพิ่มเติมได้ตามที่ต้องการ ในขณะที่มีรูปลักษณ์ที่เพรียวบางกว่าเดิม และเพิ่มเติมในส่วนของออลอินวันพีซีที่ประหยัดพลังงานและประหยัดพื้นที่มากขึ้น'
       
       นอกเหนือไปจากรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว เดสก์ท็อปพีซีจะมีลูกเล่นใหม่ๆ ที่สร้างความน่าสนใจเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็น พอร์ตที่ชาร์จไฟได้รวดเร็ว ซอฟต์แวร์ HP Wireless Hotspot ที่ช่วยในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ และทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์กลางการทำงานของธุรกิจที่ให้ประสิทธิภาพสูง รวมไปถึงมัลติมีเดีย และระบบรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน
       
       นอกจากนี้ตลาดที่เอชพีจะเข้าไปเจาะเพิ่มขึ้นคือ SME ด้วยการเสริมบทบาทในเรื่องของหน่วยไฟแนนซ์ที่จะให้ความสะดวกสบายในด้านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้า ตอบสนองกับปัจจุบันที่เทรนด์การเช่ามีสัดส่วนที่มากขึ้น รวมทั้งลูกค้าสามารถขยายเวลาการรับประกันได้ตามที่ต้องการ
       
       'เอชพีให้ความสำคัญกับลูกค้าเท่ากันหมดทั้งลูกค้าทั่วไปและลูกค้าองค์กร โดยขึ้นอยู่กับไซเคิลของผลิตภัณฑ์ แต่ปัจจุบันจะเน้นเรื่องตลาดองค์กรมากกว่าเพราะมองเห็นโอกาสการเปลี่ยนเครื่องขององค์กรก่อน เพราะหากย้อนกลับไป 3-4 ปีที่แล้วองค์กรต่างๆ มีการลงทุนในด้านนี้เพิ่มเป็นจำนวนมาก ทำให้ในเวลานี้ถึงเวลาต้องอัปเกรดกันแล้ว'
       
       การปรับตัวของเดสก์ท็อปพีซี นับจากนี้คือจะต้องสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ใช้งานง่าย และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี รวมไปถึงมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม มาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ ให้เลือกใช้ไม่ว่าจะเป็น ทัชอินเตอร์เฟส และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ดีพอ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของธุรกิจให้มากขึ้น
       
       ***เอซุส ดันพีซีทรงพลังเจาะตลาดเกม องค์กร
       
       เอซุส แม้จะมีผลิตภัณฑ์คอมโพเนนท์ต่างๆ ที่ลูกค้ารู้จักกันดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นมาเธอร์บอร์ด กราฟิกส์การ์ด จอภาพ ไปจนถึงเคสที่มีความคงทนเป็นพิเศษ แต่สำหรับพีซีแล้วถือว่าเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดได้ไม่นาน แต่ก็นับว่ามีกลยุทธ์การทำตลาดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างของตัวผลิตภัณฑ์ ความชัดเจนทางด้านราคา และความรวดเร็วกระชับฉับไว
       
       ปกรณ์ พฤทธิบูรณ์สกุล ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจอาวุโส กลุ่มธุรกิจโอเพ่น แพลทฟอร์ม บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดเครื่องประกอบหรือ DIYเริ่มคงที่และลดลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากสินค้ามีแบรนด์ราคาไม่แพงและมีการรับประกันและศูนย์บริการที่เชื่อถือได้มากกว่า ทำให้ผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้งานเดสก์ท็อปที่มีแบรนด์มากขึ้น แต่ด้วยการชะลอตัวของตลาดทำให้ผู้ผลิตต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวเพื่อสร้างยอดขาย
       
       สำหรับเอซุสนั้นแม้ว่าจะมีการเปิดตัวเดสก์ท็อปพีซีมาได้ไม่นาน คือเริ่มราวไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยการที่กลุ่มลูกค้าเดิมที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเอซุส ทำให้กลุ่มลูกค้าอย่าง เกมเมอร์ กลุ่มผู้ใช้งานเฉพาะทาง กลุ่มลูกค้าร้านอินเทอร์เน็ต หรือร้านเกมต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ลังเลที่จะเลือกใช้เดสก์ท็อปพีซีของเอซุส
       
       เช่นเดียวกับตลาดองค์กร ที่เอซุสได้ใช้ทางลัดทั้งการเข้าร่วมประมูลและผลิตเดสก์ท็อปพีซีให้กับโครงการต่างๆ ของหน่วยงานราชการ รวมไปถึงการเป็นพันธมิตรกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในการจัดหาอุปกรณ์พีซีตั้งโต๊ะให้กับหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การดูแลของสพฐ.ทำให้เอซุสเริ่มมีส่วนแบ่งในตลาดนี้มากขึ้น
       
       'เอซุสนำเสนออุปกรณ์ที่ให้สมรรถนะในการใช้งาน และอรรถรสสูงสุดในการเล่นเกม ดูหนังฟังเพลง คอนเทนต์มัลติมีเดียต่างๆ ไปจนถึงการใช้งานในออฟฟิศ โดยมีทั้งเดสก์ท็อปพีซีและออลอินวันพีซีและมีทิศทางชัดเจนว่าจะไม่แข่งขันด้านราคา แต่เน้นมูลค่าเพิ่มไม่ว่าจะเป็นสเปกที่สูงกว่า เน้นการสร้าง TCO (Total Cost of Ownershipหรือต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ) ที่คุ้มค่าและให้ประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า สำหรับเรือธงในปีนี้เอซุสนำเสนอออลอินวันพีซีแบบใหม่ที่สามารถถอดจอออกเป็นแท็บเล็ตแอนดรอยด์ได้ โดยเอซุสจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 11 รุ่นในครึ่งปีหลังนี้'
       
       ***เลอโนโว พักพีซีหันหาสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต
       
       ลี ฮายสมิท นักวิเคราะห์ด้านการแข่งขันธุรกิจเวิลด์ไวด์ เลอโนโว กรุ๊ป กล่าวว่า การแข่งขันในตลาดเดสก์ท็อปอยู่ในยุคที่เรียกว่า 'พีซีพลัส(PC+)' ที่การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ จะต้องมีความหลากหลายและเชื่อมต่อกันในทุกผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นเดสก์ท็อป แทบเล็ต สมาร์ทโฟน และสมาร์ททีวี รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ มีความเป็นโมบิลิตี้ผ่านมือถือและไวไฟ
       
       'แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกวันนี้ถูกผลักดันโดยความต้องการของผู้บริโภค กลยุทธ์ของเลอโนโวจึงหันมามุ่งเน้นสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตให้มากขึ้น เพราะมีแนวโน้มที่ดีแต่ไม่ได้ทิ้งตลาดพีซีไปแม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ถดถอย โดยในปีงบประมาณ 2556 นี้ตั้งเป้ายอดขายสมาร์ทโฟน 50 ล้านเครื่อง แท็บเล็ต 10 ล้านเครื่อง ซึ่งในเดือนก.ย.นี้เตรียมเปิดตัวแท็บเล็ตใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้าคอนซูเมอร์ในไทย 3 รุ่น ราคาเริ่มต้นประมาณ 3,900 บาทจนถึงไม่เกิน 1 หมื่นบาท'
       
       เลอเนอโวจะเน้นการมอบประสบการณ์ที่ดีและใช้งานง่ายให้ผู้ใช้งาน ทั้งในส่วนของคอนซูเมอร์และลูกค้าองค์กร ที่สำคัญรองรับเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นคลาวด์ คอมพิวติ้ง โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในทุกกลุ่มสินค้าด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เป็นตัวสร้างความแตกต่าง
       
       การหาทางออกในช่วงเวลาที่เดสก์ท็อปพีซีเริ่มถึงจุดอิ่มตัวของผู้ผลิตแต่ละราย ส่วนใหญ่จะนำจุดแข็งที่ตัวเองมีอยู่ ปั้นเป็นกลยุทธ์การตลาดเพื่อรักษายอดขายเดิมที่มีอยู่และชดเชยกับรายได้บางส่วนที่ต้องสูญเสียไป พร้อมสร้างเป็นเข็มทิศการทำธุรกิจที่ค่อนข้างชัดเจนว่า ในอนาคตจะมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทใดและเลือกที่จะเดินไปในกลุ่มเป้าหมายไหน เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดอีกต่อไป


http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000104911
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)