ไฟเตือนเครื่องยนต์บนหน้าปัด แค่รู้จักไม่พอ ต้องเข้าใจด้วย
Tip & Technique ครั้งนี้ “นาย T” จะพาไปดูของใกล้ตัวที่เราต้อง มองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ซึ่งถ้าหากทุกอย่างปกติ ไฟเตือนเหล่านี้ก็จะสงบนิ่งไม่แสดงตัวแต่อย่างใดครับ (แต่หลอดไฟต้องไม่ขาดด้วยนะครับ) แต่หากว่าไฟเตือนดวงใดดวงหนึ่งกระพริบหรือติดให้เห็น (ในขณะที่ เครื่องยนต์ทำงาน) ล่ะก็ แสดงว่าอาจจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับตัว เครื่องแล้วล่ะครับ
Warning Light หรือไฟเตือน คือ ไฟที่จะกระพริบหรือติดตลอดเมื่อเกิด ปัญหาขึ้นในระบบ (แล้วแต่ว่าระบบใดจะส่งสัญญาณมา) เพื่อให้เราเตรียม เติมให้เต็มในกรณีที่ของเหลวน้อยกว่าปกติ หรือเปลี่ยนในกรณีที่มีชิ้นส่วนเสียหายหรือชำรุด และแสงจะออกมาเป็นสีส้มหรือแดง ขึ้นอยู่กับระดับความ รุนแรงหรือความสำคัญของระบบหรือชิ้นส่วนนั้นๆ ครับ

เมื่อบิด กุญแจไปที่ตำแหน่ง On ไฟเช็คทุกดวงจะติดหมด เพื่อเช็คความ พร้อมของระบบต่างๆ ดังนั้นจึงควรรอให้ไฟรูปเครื่องยนต์ดับซะก่อนแล้วค่อย สตาร์ทรถ โดยไฟเตือนหลักๆ ก็จะประกอบไฟเตือนต่างๆ ดังนี้

1.Brake System Warning Lightซึ่งจะติดในกรณีที่ดึงเบรคมือค้างไว้หรือปริมาณของน้ำมันเบรคต่ำกว่าปกติ ครับ หากว่ากดเบรคมือลงแล้วและปริมาณน้ำมันไม่ขาด อาจเกิดจากเซ็น เซอร์เบรคมือหรือเซ็นเซอร์วัดปริมาณน้ำมันเบรคชำรุดครับ
2.Seat Belt Reminder Lightไฟเตือนสำหรับระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ที่หลายๆ คนละเลย โดย เลือกที่ที่จะให้ไฟกระพริบ ดีกว่าจะที่โดนเข็มขัดนิรภัยรัดตัวไว้ คาดไปเถอะ ครับ อย่างน้อยๆ จะได้ไม่รำคาญจากการที่ไฟเตือนมันกระพริบ ทั้งนี้ก็เพื่อ ความปลอดภัยของคุณเองนั่นแหละครับ
3.Discharg Warning Lightเป็นการแจ้งให้ทราบว่าเกิดปัญหาขึ้นในส่วนของระบบไฟ ซึ่งอาจเกิดจากการ
ที่ไดชาร์จพัง, สายพานไดชาร์จหย่อน-ชำรุดหรืออาจจะเกิดจากแบตเตอรี่ เสื่อมครับ ถ้าหากไฟดวงนี้ติดขึ้นต้องรีบตรวจเช็คเพื่อทำการแก้ไขโดยเร็ว โดยในกรณีที่เครื่องยังไม่ดับ ให้ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าให้หมด ก็จะยังช่วยให้รถวิ่ง ไปได้อีกหน่อย (เพื่อหาที่ปลอดภัยจอดหรือหาที่พึ่ง) ภายใต้ข้อแม้ที่ว่าช้าๆ เข้าไว้ครับ
4.Malfunction Indicator Lightหรือที่เราๆ ท่านๆ นิยมเรียกกันว่าไฟเช็ค Engine นั่นแหละครับ ถ้าหากว่าไฟ ดวงนี้ติดขึ้นมาในขณะขับขี่ ก็แสดงว่าเกิดปัญหาขึ้นในระบบใดระบบหนึ่ง ต้องรีบเข้ารับการตรวจเช็คจากศูนย์บริการ เพื่อหาข้อบกพร่องดังกล่าวครับ โดยบางรุ่นมี Safe Mode ให้ยังสามารถขับขี่ได้ เพียงแต่จะจำกัดรอบเครื่อง, บูสท์, เกียร์ หรือความเร็ว เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับเครื่องยนต์

5.Low Fuel Level Warning Lightมีวิธีง่ายๆ สำหรับการป้องกันไม่ให้ไฟเตือนปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงนี้ติดก็คือ พยายามไม่ให้ปริมาณน้ำมันต่ำกว่า 1/3 ของความจุถัง นอกจากจะช่วยไม่ให้ ดับกลางทางแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสนิมในถังด้วยครับ
6.Low Engine Oil Pressure Warning Lightไฟเตือนแรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากปริมาณของ น้ำมันเครื่องในระบบต่ำผิดปกติครับ ถ้าไฟดวงนี้ติดในขณะขับขี่ ให้จอดใน ที่ๆ ปลอดภัยและดับเครื่องโดยเร็ว แล้วรอจนน้ำมันเครื่องไหลกลับลงสู่อ่าง น้ำมันเครื่องซัก 10-15 นาที จากนั้นดึงก้านวัดขึ้นมา ถ้าหากไม่มีน้ำมันเครื่อง เลย ห้ามสตาร์ทเครื่องเด็ดขาด ให้หาน้ำมันเครื่องมาเติมจนถึงขีด Max แล้ว ค่อยนำรถ เข้ารับการตรวจเช็คที่ศูนย์บริการต่อไป แต่อย่าใช้ความเร็วสูงขณะ ขับไปศูนย์บริการนะครับ
7.ABS Warning Lightถ้าไฟดวงนี้ติดให้ลดความเร็ว (ถ้าขับอยู่) และนำรถเข้าศูนย์บริการให้เร็วที่สุด ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากเซ็นเซอร์ ABS สกปรก, ผ้าเบรคหมดหรือน้ำมันเบรค หาย อะไรที่เกี่ยวกับระบบเบรคให้รีบตรวจเช็คโดยเร็วที่สุดครับ
8.Open Door Warning Lightถ้าไฟดวงนี้ติด ก็แสดงว่ามีประตูบานใดบานหนึ่งปิดไม่สนิทครับ
9.SRS Warning Lightเป็นไฟแจ้งปัญหาของถุงลมนิรภัย ซึ่งหากรถยังใช้งานได้เป็นปกติ ควรรีบนำ รถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการในทันที หรือหากไฟไม่เคยติด และถุงลมนิรภัย ไม่เคยทำงานเป็นระยะเวลาหลายๆ ปี ก็ควรที่จะนำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะ
ที่ระบุในคู่มือ
10.Timing Belt Replacement Warning Lightเป็นการแจ้งเตือนให้รู้ว่าคุณต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อเปลี่ยนสายพานไท มิ่งได้แล้ว ซึ่งโดยปกติจะต้องเปลี่ยนทุกๆ 100,000 กม. ครับ
11.Fuel Filter Warning Lightเป็นไฟที่คอยเตือนคุณว่ามีปริมาณของน้ำอยู่ในไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงมาก เกิน ต้องถ่ายออก เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับปั๊มและหัวฉีดครับ
สรุปก็คือ ไม่ว่าจะเป็นไฟเตือนแบบไหน ถ้าหากติดหรือกระพริบขึ้นมา ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานล่ะก็ ให้รีบนำรถเข้าศูนย์บริการโดยเร็ว เพราะอาจสร้างความเสียหายให้กับระบบหรือตัวเครื่องนั่นเองครับ
อาจจะมีไฟเตือนบางอย่างที่แม้ติด เครื่องยนต์ก็ยังทำงานเป็นปกติ แต่อย่างไรก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยนะครับ
ขอบคุณที่มาครับ
http://group.wunjun.com/doocom/topic/197168-5196ต้นฉบับ
http://www.thaicartrick.com/webpage/warningligth.html