ผู้เขียน หัวข้อ: แก๊สน้ำตา วิธีป้องกันแก๊สน้ําตา  (อ่าน 940 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
แก๊สน้ำตา วิธีป้องกันแก๊สน้ําตา

-http://hilight.kapook.com/view/94281-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านการแพทย์ฉุกเฉินไทย

            แก๊สน้ำตา คืออะไร มีวิธีป้องกันแก๊สน้ำตา แบบไหนบ้าง ถ้าอยากรู้ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลย

            ช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในห้วงของความขัดแย้งทางการเมือง มีการประท้วงขับไล่รัฐบาลอย่างดุเดือดจนเกินจะควบคุมนั้น ในส่วนของการปฏิบัติการควบคุมผู้ชุมนุมที่เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการดำเนินการจากเบาไปหาหนัก ไล่ตั้งแต่ การตั้งแต่สกัด การใช้โล่กัน การใช้น้ำแรงดันสูงฉีด การใช้เครื่องขยายเสียงระดับสูง แต่หากสถานการณ์ยังคงรุนแรง แก๊สน้ำตา ก็จะถูกนำมาใช้เพื่อสกัดกั้นหรือสลายม็อบให้ยอมถอยร่นออกไป ก่อนจะถึงขั้นตอนของกระสุนยาง หรือหากเลวร้ายกว่านั้นคือ... กระสุนจริง !

            สำหรับการประท้วงในช่วงส่งท้ายปี 2556 นี้ แก๊สน้ำตา ถูกรายงานสถานการณ์รายวัน มีการยิงใส่ผู้ชุมนุมที่ฝ่าฝืนแนวกั้นต่าง ๆ ซึ่งแก๊สน้ำตาที่เจ้าหน้าที่นำมาใช้ในหนนี้ มีการผสมน้ำ ผสมสี โดยอ้างว่า เป็นยุทธวิธีทางจิตวิทยาเพิ่มความหวาดกลัว แต่แท้จริงแล้ว แก๊สน้ำตา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ควบคุมฝูงชน มีกี่ชนิด มีฤทธิ์เช่นใดบ้าง และ วิธีป้องกันแก๊สน้ำตา มีขั้นตอนอย่างไรบ้างนั้น ไปหาคำตอบกัน..


แก๊สน้ำตา คืออะไร

            แก๊สน้ำตา คือ สารเคมีชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อถูกแก๊สน้ำตาแล้ว จะส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุต่าง ๆ ที่ดวงตา จนทำให้ผู้ถูกแก๊สน้ำตาไม่สามารถลืมตาได้ชั่วขณะหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีอาการน้ำมูก น้ำลายไหล ไอ หายใจลำบาก เป็นต้น อย่างไรก็ดี อาการเหล่านี้ จะหายเองภายใน 1 ชั่วโมง


แก๊สน้ำตา มีกี่ชนิด

            1. ชนิดแป้งฝุ่น
            2. ชนิดกระป๋องขว้าง
            3. สารเคมีผสมน้ำ


สำหรับผู้ที่ถูกแก๊สน้ำตา จะมีอาการ ดังนี้

ดวงตา

            จะส่งผลให้แสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น และมีน้ำตาไหลออกมาตลอด ทำให้ต้องกะพริบตาอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งอาจทำให้ตามองไม่เห็น หรือที่เรียกว่า ตาบอดชั่วคราว นั่นเอง แต่หากโดนในปริมาณมาก ๆ อาจทำให้ตาบอดสนิทได้


จมูก

            ผู้ที่ถูกแก๊สน้ำตา จะรู้สึกแสบจมูก และมีน้ำมูกไหลออกมา


ปากและระบบทางเดินอาหาร

            เมื่อถูกแก๊สน้ำตาแล้ว จะทำให้มีอาการแสบปาก และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียอีกด้วย


ระบบทางเดินหายใจ

            แก๊สน้ำตาจะทำให้รู้สึกแสบคอ มีอาการไอ มีเสมหะ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก รวมทั้ง อาจทำให้หลอดลมตีบจนหายใจไม่ออกอีกด้วย ดังนั้น หากผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด หรือถุงลมโป่งพอง โดนแก๊สน้ำตาเข้าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และหากโดนแก๊สน้ำตาในปริมาณที่มาก อาจมีอาการปอดบวมน้ำได้เช่นเดียวกัน


ผิวหนัง

            หากแก๊สน้ำตาถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการแสบ และบวมแดง ยิ่งหากได้สัมผัสแก๊สน้ำตาเป็นเวลานานด้วยนั้น อาจทำให้ผิวหนังตรงบริเวณที่สัมผัสแก๊สน้ำตามีอาการเหมือนถูกไฟไหม้ นอกจากนี้ อาจมีผิวหนังอักเสบจากการ ได้ ซึ่งทำให้เกิดผื่นคัน โดยเกิดหลังจากสัมผัสไปแล้ว 72 ชั่วโมง

            นอกจากอาการที่กล่าวมาในข้างต้นแล้ว ผู้ถูกแก๊สน้ำอาจมีอาการปวดศีรษะ ง่วงซึม, เจ็บหน้าอก ความดันเลือดตก เป็นต้น

แก๊สน้ำตาออกฤทธิ์นานเท่าไหร่

            การออกฤทธิ์ของแก๊สน้ำตานั้น จะออกฤทธิ์ในทันทีที่สัมผัส และจะคงอยู่นานประมาณ 10-30 นาที หลังจากพ้นการสัมผัสนั้น แต่อาจมีอาการอยู่นานได้ถึง 24 ชั่วโมงขึ้นไป และผู้ถูกแก๊สน้ำตาอาจมีอาการรุนแรง และเป็นอันตรายมากขึ้น หากได้รับในปริมาณที่เข้มข้นมากหรืออยู่ในบริเวณที่มิดชิด ไม่มีการถ่ายเทของอากาศ


อุปกรณ์เบื้องต้นในการปฐมพยาบาลผู้ที่ถูกแก๊สน้ำตา
 
           น้ำ (ควรนำมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อใช้ในการดื่ม ล้างแผล หรือล้างตา)

           ถุงมือไวนิล (ใช้ป้องกันเลือดและสเปรย์พริกไทย)

           อุปกรณ์รักษาบาดแผล เช่น ที่ปิดแผล, ผ้าก๊อซขนาด 2x2 และ 4x4, เทปใส และ ยาฆ่าเชื้อ หรือ ยาปฏิชีวนะอื่น ๆ

           ผ้าอนามัยแบบสอดขนาดเล็ก (เหมาะสำหรับการห้ามเลือดกำเดา)

           ที่กดลิ้น

           เสื้อสะอาดที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก (ใช้สำหรับเปลี่ยนในกรณีที่โดนแก๊สอย่างหนัก)

           ที่บังแดด หรือ เสื้อกันฝน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)

           ยารักษาโรคต่าง ๆ เช่น ยาบรรเทาอาการช็อกหรือบาดเจ็บ

           ขนมขบเคี้ยว, ผงไอซิ่งเค้ก หรือ ลูกกวาดชนิดแข็ง (ใช้สำหรับเพิ่มน้ำตาลในเลือด)

           ยาแอสไพริน, ยาไอบูโปรเฟน (ยาต้านการอักเสบ)

 
วิธีที่ดูแลผู้ที่ถูกแก๊สน้ำตาในเบื้องต้น

           ควรหลีกเลี่ยงและออกจากสถานที่ที่มีแก๊สน้ำตา

           ควรไปอยู่ในบริเวณที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และมีลมพัดเพื่อให้สารเคมีนั้นกระจายออกไป

           ถอดเสื้อผ้าที่ถูกสารเคมีและใส่ไว้ในถุงที่ปิดมิดชิด

           ร่างกายที่โดนแก๊สน้ำตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาด

           พยายามอย่าให้เสื้อผ้าเปียกเพราะสารเคมีจะละลายติดตามร่างกาย

           ถ้าสารเคมีเข้าตาให้ใช้น้ำเกลือเจือจางล้างออก แล้วรีบไปพบแพทย์

           อย่าใส่คอนแทคเลนส์ ในพื้นที่ที่เสี่ยงใช้แก๊สน้ำตา เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตา

           อย่าหยิบลูกกระสุนหรือกระป๋องแก๊สน้ำตาชนิดขว้างที่ยังไม่ระเบิด

           ให้เคลื่อนตัวอยู่เหนือลม

           ปกป้องดวงตาด้วยการสวมแว่นตาว่ายน้ำหรือแว่นตาประเภทอื่น ๆ ที่อากาศไม่สามารถเข้าได้

           เตรียมผ้าชุบน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู เพื่อใช้ปิดจมูกและช่วยให้หายใจได้ในเวลาเคลื่อนตัวออกจากพื้นที่

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B2-
, โรงพยาบาลเทพปัญญา-http://www.theppanya.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538717051&Ntype=1-



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)