* สิ่งที่หาได้ยาก * สมัยหนึ่ง ในพุทธกาลมีนาคที่เสื่อมใส ในพระพุทธศาสนามากได้แปลงกายแล้วมาบวช พอเวลานอนหลับได้กลายร่างเป็นนาค เมื่อเพื่อนพระภิกษุเห็นจึงเกิดความกลัว จึงได้ไปกราบทูลพระพุทธจ้า พระพุทธเจ้าได้เรียกมาสอบถามพอรู้ว่าเป็นพญานาค ก็ขอให้สึกไปก่อน เพราะนาคบรรลุธรรมไม่ได้ ดังนั้นพระพุทธองค์ทรงเทศนาว่า
“กิจโฉ มนุสสะปฏิลาโภ กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตัง
กิจจัง สัทธัมมัสสวนัง กิจโฉ พุทธานุมุปปาโท
แปลว่า การได้เป็นมนุษย์นั้นยาก การได้มีชีวิตอยู่วันหนึ่งเป็นของหาได้ยาก การได้ฟังธรรม การปฏิบัติ ฟังเรื่องการหลุดพ้นเป็นของหาได้ยาก การที่จะมีพระพุทธเจ้าจะลงมาบังเกิดนั้นหาได้ยาก

พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสว่า..
สติ โลกัสะมิง ชาคะโร สติเป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่ในโลก
บุคคลที่จะตื่นหาได้ยากในโลก การตื่นมี 2 อย่างคือ
1.ตื่นจากหลับ
2.ตื่นจากอวิชชา
ท่านทั้งหลายที่เข้ากรรมฐานนี้เป็นผู้ตื่น และเป็นผู้ที่หาได้ยากเมื่อเราเกิดมาแล้วอย่าให้เสียเวลาควรจะรีบแสวงหาธรรมะ รีบปฏิบัติธรรมทางที่มนุษย์จะไปนั้นมีอยู่ 4 ทาง
1.ไปนรกอบาย 4 เหตุที่จะไปนรกนั้นง่ายนิดเดียว คือ ผิดศีล 5
2.ไปมนุษย์ เหตุ คือ รักษาศีล 5
3.ไปสวรรค์ คือ มีการเจริญวิปัสสนาเจริญสติปัฏฐาน 4 เมื่อได้สัมผัสสติปัฏฐาน 4 นี้แล้ว แม้ยังไม่ได้ มรรค ผล นิพพานก็สามารถไปสวรรค์ได้
4.ไปพรหม เหตุคือ ได้ทำสมถะได้ฌาน หากว่าไม่ทำวิปัสสนาต่อถึงเวลาฌานจะเสื่อมแล้วก็ไปอบายภูมิ 4 ได้ เหมือนลูกสุกรตัวหนึ่งอยู่ใต้นา ตอนที่พระพุทธองค์กับพระอานนท์ได้บิณฑบาตได้เห็นลูกสุกรตัวนั้น พระพุทธองค์ทรงยิ้มแสงพระเขี้ยวแก้วจึงประกายออกมา พระอานนท์เห็นก็แปลกใจพอกลับไปถึงพระเชตวัน วางบาตรแล้วพระอานนท์ก็ไปกราบทูลถาม “พระพุทธองค์ทรงยิ้มด้วยเหตุใดพระเจ้าข้า”พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า “ลูกสุกรตัวนั้น ชาติก่อนเป็นพรหม หมดบุญก็มาเกิดเป็นสุกร” อบายภูมิ 4 ยังปิดไม่ได้ถ้ายังไม่มีมรรคจิตเกิดขึ้นมา มรรคจิตจะเกิดขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นมีการปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐานทั้ง

พระพุทธองค์ทรงบอกทางว่าสติปัฏฐานทั้ง 4 เป็นทางที่ปลอดภัย
พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ใน สติปัฏฐานสูตร ฑีฆนิกายมาหาวรรค ว่า
“เยเนว ยันติ นิพพานนัง พุทธา เตสัญจะ สาวะกา
เอกายะเนนะ มัคเคนะ สติปัฏฐานะสัญญินา”
แปลว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และอรหันตสาวกทั้งหลายได้ดำเนินไปแล้วสู่นิพพานด้วยเส้นทางสายใด เส้นทางสายนั้น คือ สติปัฏฐาน ทั้ง 4 ทางสติปัฏฐานทั้ง 4 นี้มีคุณลักษณะ 5 ประการ
1.เป็นทางที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแต่เพียงองค์เดียว
2.เป็นทางที่มีในพระศาสนานี้แต่เพียงแห่งเดียว
3.เป็นทางที่ต้องไปคนเดียว คือ ต้องไปด้วยตนเองใครไปแทนก็ไม่ได้
4.เป็นทางตรงไม่ใช่ทาง 2 แพร่ง
5.เป็นทางไปสู่จุดหมายแห่งเดียว คือ พระนิพพาน
การเรียนสติปัฏฐาน 4 นี้มี 2 อย่าง
การเรียนโดยอันดับ และการเรียนโดยสันโดษ การเรียนโดยอันดับ คือเรียน ขันธ์ 5 อายตนะ 12 นักธรรมตรี,โท,เอก เปรียญ 9 เป็นต้น
การเรียนโดยสันโดษ มีการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 เป็นต้น.
กิจโฉ มนุสสะปฏิลาโภ
การเกิดเป็นมนุษย์ นั้น แสนยาก
กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตัง
การดำรงชีวิตอยู่ของสัตว์ทั้งหลายนั้น แสนยาก
กิจฉัง สัทธัมมัสสะวะนัง
การได้ฟัง พระสัทธรรม นั้น แสนยาก
กิจโฉ พุทธานะมุปปาโท
การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น แสนยาก

* สิ่งที่หาได้ยาก *
:http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/Dhamma/Dhamma1/17.htm