ผู้เขียน หัวข้อ: เพลงยาวรัตนโกสินทร์  (อ่าน 2064 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
เพลงยาวรัตนโกสินทร์
« เมื่อ: มกราคม 19, 2014, 06:26:38 pm »


เพลงยาวรัตนโกสินทร์

จำจะฝากอักษรบทกลอนสาร
นำคำพยากรณ์ของสมเด็จพระพิชิตมาร มาแถลงแจ้งสารแก่ปวงประชา
จะกล่าวฝ่ายกรุงรัตนโกสินทร์ อันเป็นปิ่นนคราชพระศาสนา
ตั้งแต่ครั้งยังกรุงศรีอยุทธยา สืบพระศาสนามานานไป

ล่วงมาปัจจุบันนั้นมาถึง ซึ่งหลังกึ่งพุทธกาลได้
สืบวงศ์เผ่าพงศ์พระทรงชัย จวบได้มาถึงซึ่งปัจจุบัน
อันเหล่าอาณาประชาราษฎร์ ต่างแช่มชื่นต่างหน้ามิโศกศัลย์
นานนับจะกลับไปลับวัน ผันผ่านมาถึงกึ่งพุทธกาล
จะผิดแตกแยกกันไม่เป็นเรื่อง ซึ่งขัดเคืองก็ไม่แค่นเป็นแก่นสาร
เมื่อถึงครึ่งกึ่งพระพุทธกาล จะเกิดการวิปริตผิดคะเน
เมื่อถึงคราวหน้าฝนกลับไม่ตก วลาหกพากันขมันขะเหม่
ยามแล้งหน้าแล้งไร้ฝนเท เหลือที่จะตกลงมาดิน

ปวงปราชญ์ราชธรรมจะช้ำอก จะวิตกหนักใจไม่หมดสิ้น
คนชั่วจะมล้างด้วยมลทิล ปราชญ์สิ้นเปรื่องจะสูญประยูรวงศ์
อันเหล่าคนพาลจะบีฑา ย่ำยีวงศ์องค์พระราชหงษ์
ผู้เป็นใหญ่จะพลาดผิดจิตคิดปลง จะดำรงคบค้าเหล่าชนพาล

อันศาสนาพระจอมไตร ปวงประชากลับไม่เห็นเป็นแก่นสาร
นับวันจะพากันรำคาญ กลับเกิดการไล่ให้พระศาสน์ตรอม
อันสงฆ์วงศ์นรินทร์ปิ่นศักดิ์ จะถูกหักถูกหาญไม่วายล้อม
จะนองเลือดนองล้าระอาออม จึงเกิดการจลาจลเป็นพ้นไป

โอ้ว่าพระศาสนาพุทธ ไม่ผ่องผุดมาถึงยุคกึ่งสมัย
จะตกอับลับลาแทบดับไป พายุใหญ่ดุจจะโหมโพยมยาม
พระผู้ทรงศักดาวราฤทธิ์ จะถูกพาลคิดกำจัดดังถูกหาม
นับวันเสียสง่าทุกชั่วยาม คนใจทรามจะย่ำยีพระสุริยง

ดังเรื่องพญาเหมรา ฝูงกาย่ำยีพญาหงษ์
ไร้ซึ่งสัจจะมาดำรงค์ ไม่มั่นคงต่อธรรมระกำจน
จะสิ้นสูญปวงปราชญ์ราชบัญฑิต จะถูกปลิดด้วยพาลผู้ใจขน
อีกทั้งพระคัมภีร์แต่นานดล จะป่นไปไร้คนดู

ปวงว่านคุณยาสารพัด จะเสื่อมคุณอันชะงัดจะอดสู
ศิษย์พาลจะมล้างซึ่งคุณครู คนชั่วจะมล้างซึ่งคนดี
จะเป็นถิ่นอธรรมริษยา ไม่ผ่องผุดโสภาระทาศรี
นานวันก็จะกลับไปลับลี้ ใจคนกลับที่จะต่ำลง

ลูกจะทิ้งซึ่งบิดามารดร เคยง้องอนกลับใจทำไสส่ง
ไร้รู้คุณพ่อแม่ที่แก่ลง หลงอารมณ์ว่าไปไม่ผ่อนคลาย
อันพระไตรรัตนาธิยาคุณ จะเกือบสูญเกือบสิ้นแผ่นดินหาย
อาเพศเกิดอยู่มิรู้วาย ด้วยเหตุร้ายชนพาลจะย่ำยี

ปวงประชาพากันใจประมาท ใช้อำนาจไม่เป็นธรรมระกำที่
จะเกิดการกลียุคทุกธานี ท้องปฐพีจะแดงเดือดเลือดไหลรก
ทั่วฟ้าจะมืดไปทั่วทิศ ดุจฉัตรพิษทศกัณฑ์มันโกหก
คราที่ตั้งฉัตรไว้บังยก บดบังอาทิตย์มืดกลุ้มไป

ทั่วทั้งปฐพีในดินแดน อันเป็นแผ่นตั้งมวลประเทศใหญ่
จะมืดคลึ้มตลบไร้แสงไฟ จะเกิดภัยมีต่อนรชน
แม้ในอากาศราชภัย จะเกิดให้ได้เห็นไม่หลีกพ้น
อันทั่วมหาชลาดล โลหิตจะปนเปื้อนพระคงคา

นกเหล็กจะคาบเอาไข่เบื้อ ลงมาเรื่อไล่ล้างไปทั่วหน้า
คือเครื่องบินจะผยองทั้งท้องฟ้า จะเข่นฆ่าทั้งเหล่าประชาชี
อันคนนอกศาสนาสมเด็จพระประทีปแก้ว จะเข่นฆ่ากันแล้วไม่หลีกหนี
จะตามล่าฆ่ากันในทันที จะรบกันฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา

ฝ่ายว่าท้องสมุทรทะเลใหญ่ จะมีปลาใหญ่อยู่หนักหนา
คือเรือดำน้ำตามว่ามา จะเข้ามาทำลายฝ่ายตรงข้ามกัน
อันแผ่นน้ำที่ตรงมหาสมุทร จะเกิดผุดพรายๆทลายลั่น
จะถาโถมเข้าฝั่งอันดามัน ครั้งนี้นั้นจะใหญ่เหลือคณา

ตึกรามพังราบเป็นหน้ากอง ทั่วทั้งผองจะพาอนาถา
เป็นคราววิบัติชัดเต็มตา ที่ลงมาจะมล้างทางแผ่นดิน
จะตีอกร่ำไห้กันทั่วหน้า ถึงคราวิปโยคโศกไม่สุดสิ้น
แผ่นฟ้าแผ่นน้ำและแผ่นดิน จะสะเทือนแทบสิ้นแผ่นดินไป

อันภูเขาไฟประไลลาศ จะเกิดก๊าซทับถมอันนานนับไม่ได้
ลาวาอาจปะทุพายุไฟ อาจจะไหลหลั่งโถมเอาอาคาร
ทั่วทั่งแผ่นดินจะไหวหวั่น ตึกรามจะทรุดยับทับสถาน
อันเหล่าเทวาพรหมมาน จะเกิดการปล่อยให้ชำระกรรม

อันประเทศเขตนครา ที่ได้ทรงพระศาสนาสถาถ้ำ
อาจไม่บอบหรือชอกช้ำ แต่จะได้รับกรรมอันก่อมา
รังสีกัมมันตภาพจะก่อเกิด จะกำเนิดฟ่าฟุ่งแผ่ไปพร่า
อันเมืองใดไม่มีพระจอมเกล้าเจ้าจอมศาสดา หรือไร้ซึ่งพระไตรรัตนาธิยาคุณ

จะกลบพื้นกลืนเมืองจนหมดจบ ดังถูกรบถูกร่ำระกำสูญ
โรคระบาดจะเกิดขึ้นเป็นทุน จะครุกรุ่นด้วยกัมมันตภาพไป
เจ็ดวันมืดมิดเจ็ดราตรี ปฐพีจะสะท้านอาคารไหว
เสียงประหลาดจะดังวังเวงใจ จะบรรลัยทั่วหล้าชาวประชา

อันว่าคนพาลผู้มีศักดิ์ ผู้หาญหักนคราชพระศาสนา
จะถูกล้างถูกผลาญสิ้นชีวา จะสิ้นสูญประยูรพาพาลพงศ์
ครานั้นพระธรรมจะเปล่งแสง จะแจ่มแจ้งเวหาวลาหล
อันพยากรณ์ที่ได้ภิปรายค้น มาจากพุทธพยากรณ์เอย

….นาย จักรพันธ์ คงโพธิ์ ผู้ประพันธ์….
>>> F/B Jeng Dhammajaree



กิเลสตัณหา ไม่ได้ทำลายแค่ความเป็นมนุษย์
มันทำลายธรรมชาติ ทำลายระบบศีลธรรม
ทำลายความสงบสุขของสังคม
ความหายนะเกิดขึ้น ล้วนเกิดจากมนุษย์
ที่ไม่รู้จักคำว่าพอ เป็นทาสกิเลสตัณหา ทำทุกอย่าง
เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ส่วนตน มากกว่าส่วนรวม



กลียุค จะเกิดขึ้น
พร้อมกับการล่มสลายของศีลธรรม
เมื่อมนุษย์เห็นแก่ตัวมากขึ้น
ตกเป็นทาสกิเลสตัณหา ไม่รู้จักพอ
สุดท้าย ก็ไม่เหลืออะไร...

>>> F/B อินปั๋น ปัญญาวงค์




เปลวไฟ..

เปลวไฟลาม ควันล่องขึ้นฟ้า
ไฟไหม้ต่อหน้า คนบ้านผิดกั๋น
บ่หาน้ำดับ เพิ่มเจื้อไฟตั๋น
เป็นม่วนเป็นงัน สะใจ๋ข้าเจ้า?

โอ๋ยหนอ...ก่อไฟ ลามไปหลองข้าว
หมดเสี้ยงแดนเนาว์ อยู่ยั้ง
เปลวไฟขึ้นสูง คนมุงก่อซั้ง
ต่างคนต่างตั้ง เจื้อไฟ

หลังคาไหม้แล้ว จักไปอยู่ไหน
เล่นฟืนเล่นไฟ มันย่อมไหม้เสี้ยง...แลนายเหย

๒๐ ม.ค.๕๗
หนานชาติ คนเขียนค่าว




ค่าวดาววีไก่หน้อย

ฟ้ามีดาว กล๋างหาวงามนัก ดาววีคนตั๊ก เจ็ดแก่นเรียงกั๋น
ฟังเนอพี่น้อง จักไขหื้อหัน ประวัติของมัน นั้นมาแต่ต้น
ยามแลงค่ำลง ตุ๊ดงดั้นด้น หวังจักโผดคน รุ่งเจ๊า

สองเฒ่ามีใจ๋ ศรัทธาแต๊เล๊า ว่าจักหาเข้า ยอตาน
โอยหนอเฮานี้ เป็นคนตุ๊กข์ผลาญ ก็หวังสำราญ สร้างบุญไปหน้า
อยู่ตูบมุงคา เฮือนต่ำเปียงหญ้า ยามฝนตกมา ฮั่วย้อย

สองเฒ่าสั่นหนาว จ๊ะต๋าต่ำก๊อย บ่มีลูกหน้อย เลี้ยงดู
หวังสร้างบุญก๊ำ อดเอาเตอะสู บุญคงก๊ำจู จาตินี้จาติหน้า
ปรึกษากั๋น หาของรอถ้า จักหาสังมา ใส่บาตรตุ๊

เขียมของกิ๋น น้ำลายปอปุ๊ น้ำคุขาดน้ำ เติมตวง
บ่าแต๋งหน่วยไม้ แลผักขี้ก๋วง บ่มีสักงวง เหลือแต่ต๋อต้น
ปู่เฒ่ากึ๊ดใจ๋ สอดไปดั้นด้น มีไก่อยู่บน ค้างเล้า

บอกเมียสายใจ๋ ว่าวันพูกเจ๊า จักฆ่าไก่เจ้า เป็นตาน
ไก่แม่ลูกน้อย ได้ยินข่าวสาร เหมือนดั่งวิญญาณ จักขาดปุดห้อง
น้ำต๋าก็ไหล อาลัยเกี่ยวข้อง น้ำต๋าหลั่งนอง บ่ยั้ง

ร้องเรียกบุตต๋า กลั๋วว่าพลาดพลั้ง หกตั๋วลูกตั้ง ใจ๋ฟัง
แม่เกยสอนไว้ ลูกคือความหวัง พี่น้องอย่าจัง ผิดเถียงหน่ายหน้า
อย่าเขี่ยข้าวของ กลั๋วเปิ่นถามฆ่า อย่าขึ้นหลังคา เหนือจั๊น

ระวังหมูหมา มันจ่างก๊าบกั๊น อย่าได้แอ่วดั้น ดงไพร
พี่จ่วยผ่อน้อง อย่าไปแอ่วไกล๋ ฮุ้งหลวงบินไว จักจับกิ๋นเจ้า
ฟังเนอบุตต๋า แม่บ่อาจเฝ้า จุ่งฟังกำเอา แม่ไว้

ยามราตรี๋ จุ่งนอนสอดไซร้ เป็นหมู่จุมได้ ยังกอน
อย่าได้หนีละ ฟังกำแม่สอน แม่นี้อาวรณ์ บ่อาจอยู่ใกล้
โอ๋ยหนอบุตต๋า น้ำต๋าหลั่งไห้ เป็นกั๋มม์เวร ผ่าม้าง

หกตั๋วเกยนอน ยามมีน้ำค้าง กลั๋วเจ้ากระด้าง ต๋ายวาย
แม่เอาปีกซ้อน เจ้านอนหลวงหลาย วันพูกนี้ไป ไผจักผ่อเฝ้า
ก๋ำพร้าลูกเหย แม่บ่ตันเฒ่า มาต๋ายละวงศ์ หน่อเนื้อ

ลูกหกตั๋ว สั่นกลั๋วเสี้ยงเจื้อ ขาดแม่ใฝ่เอื้อ ผ่อกอย
โอยหน่อแม่ไท้ จักต๋ายเสื่อมถอย ตะวันขึ้นลอย คงบ่หันหน้า
จักหาใผไหน เหมือนดั่งแม่ข้า โอยหนอมารดา แม่นี้

แม่ได้ฟัง ใจ๋ยังบ่ลี้ ดั่งจักป่นปี้ แหลวลง
ค่ำคืนสุดซ้อย แจ้งถอยฟ้าโขง หลับต๋าบ่ลง นอนตึงบ่ได้
แม่ลูกกอดกั๋น เกาะหวันร่ำไห้ โอยหนอกั๋มม์ใด หนีบเน้น

แม่จักตกต๋าย ยามขวายบ่เว้น หัวใจ๋สั่นเต้น เลือดนอง
รุ่งแจ้งยามเจ๊า ปู่เฒ่าขึ้นหลอง ต๋ามโกมมองมอง ยับแม่ไก่หน้อย
แม่ได้เตรียมใจ๋ บ่ดีดดิ้นห้อย ปู่เฒ่าก๋ำลอย ง่ายล้ำ

ลูกไก่หกตั๋ว ร้องเสียงหลงย้ำ เจี๊ยบเจี๊ยบสนั่นห้อง บ้านเรือน
มีดปาดเลือดย้อย โอยหนอดั่งเหมือน สายใจ๋สะเทือน เหมือนจักขาดดิ้น
เปล๋วไฟสุมก๋อง ขนแม่เผาหิ้น ลูกยังได้ยิน แม่ร้อง

ลูกหกตั๋ว สายใจ๋พี่น้อง บินเข้าสู่ห้อง ก๋องไฟ
ดับจิตม้วยม้าง บ่ค้างตั๋วไหน กอดแม่อยู่ใน ไฟสุมไหม้เสี้ยง
ส่วนเฒ่าสองขา บ่อาจจ๋าเกลี้ยง สุดสิ้นสำเนียง กล่าวฟ้อง

เลยตัดสินใจ๋ เอาไปเลี้ยงท้อง ถวายสู่ห้อง บาตรงาม
มหาเถระ บ่เอ่ยปากถาม รู้ว่าไก่งาม จิตกุศลสร้าง
ขอบุญสมปาน กิ๋นตานดั่งอ้าง อานิสงส์วาง วาดไว้

หื้อพ้นตุ๊กข์ผลาญ สำราญบ่ไร้ สมดั่งบุญได้ สร้างมา
ดับจิตล่วงแล้ว ไก่แก้วนั้นหนา เป็นดาวดารา เหนือฟ้าบ่เส้า
เจ็ดแก่นเรียงยาย รูปดั่งวีข้าว ส่องแจ้งงามเงา แต่นั้น

ประวัติดาววี ไก่หน้อยสืบจั๊น บ่ยาวบ่สั้น เล่ามา
ขอวางลา ผญ๋าข้าน้อย ขอยั้งสุดถ้อย เท่านี้สู่กันฟังก่อนแลนายเหยฯ


หนานชาติ คนเขียนค่าว
๑๘ ก.พ.๕๗
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 31, 2015, 12:16:47 pm โดย ฐิตา »