นิทานชาดกเรื่องนกแขกเต้า
มีนกแขกเต้าสองตัวพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกัน อาศัยอยู่ในป่างิ้วแทบข้างแห่งภูเขา ข้างเหนือลมมีบ้านโจรอยู่ ๕๐๐ ข้างใต้ลมมีอาศรมฤๅษีอยู่ ๕๐๐ ในกาล เมื่อลูกนกแขกเต้าทั้งสอง มีขนปีกยังอ่อนเกิดลมพายุใหญ่พัดมาพารังนกทั้งสองลอยไปในอากาศ
ลูกนกตัวหนึ่ง ไปตกอยู่ในหมู่โจร ๆ เลี้ยงไว้ให้ชื่อว่า เจ้าสัตติคุมพะ เพราะตกอยู่ในระหว่างกองอาวุธ ลูกนกแขกเต้าอีกตัวหนึ่ง ไปตกอยู่ในหมู่ฤๅษีๆ เลี้ยงไว้ให้ชื่อว่า เจ้าปุปผกะ เพราะไปตกอยู่ในระหว่างกองดอกไม้
ลูกนกที่ตกอยู่กับโจรก็เจริญขึ้นในหมู่โจรๆ สั่งสอนในทางพาล ลูกนกที่ตกอยู่กับฤๅษีก็เจริญขึ้นในหมู่ฤๅษีๆ ก็สั่งสอนในทางนักปราชญ์ ฯ
ครั้นกาลล่วงมา ยังมีพระมหากษัตริย์ครองราชย์สมบัติอยู่ในเมืองปัญจาลราช เสด็จออกเที่ยวประพาสยิงเนื้อในป่า จึงรับสั่งแก่หมู่เสนาข้าราชการว่า เนื้อหนีออกไปด้านใครจะปรับไหมแก่ผู้นั้น รับสั่งแล้วให้ล้อมซึ่งพุ่มป่า ครั้งนั้น ยังมีเนื้อทรายตัวหนึ่ง แลเห็นพวกเสนาเข้ามาล้อมก็ตกใจวิ่งออกมาตรงหน้าพระมหากษัตริย์ พระองค์ก็ขัดพระทัยเสด็จขึ้นสู่รถกับนายสารถีขับไล่เพื่อจะจับมฤคีในป่าใหญ่ ครั้นเนื้อทรายหายไป จึงกลับมาหยุดสรงคงคา เสวยวารีที่ริมธารใกล้บ้านพวกโจร แล้วทรงบรรทมใต้ร่มไม้สาขา
ครั้งนั้น โจรทั้งหลายไปเที่ยวป่า ยังอยู่แต่นกแขกเต้ากับพ่อครัว นกแขกเต้าจึงบินออกจากบ้าน เห็นพระยาทรงเครื่องประดับบรรทมหลับอยู่ จึงบินกลับมาบ้านบอกแก่พ่อครัวว่า บุรุษผู้หนึ่งมีเครื่องประดับ มานอนหลับอยู่ เราจะฆ่าให้ตายแล้วเปลื้องเอาเครื่องประดับ จับสองเท้าลากไปทิ้งในที่ไกล
พระมหากษัตริย์นั้นตื่นขึ้น ได้ยินนกพูดกับพ่อครัว ก็มีความกลัวแก่อันตราย รีบเสด็จขึ้นรถกับนายสารถี หนีมาถึงอาศรมศาลาแห่งฤๅษีทั้งหลาย
วันนั้นพระดาบสทั้งหลายไปเที่ยวป่าหาผลไม้ อยู่แต่นกแขกเต้าเฝ้าศาลา นกแขกเต้าเห็นพระมหากษัตริย์เสด็จมา จึงมีวาจาปฏิสันถาร การต้อนรับว่า มหาราชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นพระยาอันประเสริฐ พระองค์เสด็จมาครั้งนี้ดีนักหนา เชิญพระองค์เสด็จมาสู่อาราม ทรงประทับพักพระกายให้สบายอารมณ์ แล้วจึงเสด็จไปเบื้องหน้า ฯ
พระราชา ได้ฟังวาจานกแขกเต้ากล่าวดังนี้ ก็มีพระทัยโสมนัส ทรงสรรเสริญนกแขกเต้าที่อยู่กับฤๅษีมีประการต่างๆ ตรัสติเตียนนกแขกเต้าที่อยู่กับโจรเป็นอันมาก ฯ นกแขกเต้าได้ฟังพระยากล่าวสรรเสริญและนินทาครั้งนั้น จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระยาผู้ประเสริฐ นกแขกเต้าที่ไปอยู่กับโจรนั้น เป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับข้าพเจ้า แต่ไปอยู่ในหมู่โจรๆ ก็สั่งสอนด้วยทางพาล นกนั้นก็เป็นพาลใจบาปหยาบช้า ตัวข้าพเจ้ามาตกอยู่ในหมู่ฤๅษีๆ ก็สั่งสอนในทางปราชญ์ ข้าพเจ้าก็เป็นนักปราชญ์ฉลาดในทางธรรม
ดูก่อนพระยาผู้ประเสริฐ บุคคลใดคบหาสมาคมด้วยนักปราชญ์แล้ว ก็จะเป็นนักปราชญ์ บุคคลคบหาสมาคมกับคนพาลแล้วก็คงจะเป็นพาล อาจารย์เป็นพาลแล้วศิษย์ก็จะเป็นพาล คนพาลเปรียบเหมือนยาพิษ บุคคลใดบริโภคเข้าไปแล้วก็คงจะมัวเมา คนพาลเปรียบเหมือนปลาเน่า เอาใบไม้มาห่อก็พาใบไม้ให้เหม็นเช่นปลาเน่า คบคนพาลพาสันดานให้เป็นบาปหยาบช้า ย่อมชักพาให้ไปสู่อบายภูมิทั้ง ๔ คน พาลย่อมนำมาซึ่งความพินาศ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เมื่อนกแขกเต้ากล่าวซึ่งโทษแห่งคนพาล พระยาปัญจาลราชได้ฟังก็เลื่อมใส สรรเสริญด้วยถ้อยคำมีประการต่างๆ นานา ฯ
ขณะนั้น พระฤๅษีทั้งหลายก็กลับมาแต่ป่า พระมหากษัตริย์ก็ถวายอภิวันทนา แล้วก็พูดวาจาให้เป็นที่ยินดี พระราชาจึงอาราธนาพระฤๅษีทั้งหลายให้เข้าไปในสวนอุทยาน ฤๅษีทั้งหลายก็รับอาราธนา พระราชาก็ลาดาบสไปขึ้นสู่รถกลับยังพระนคร รับสั่งให้อภัยแก่นกแขกเต้าทั้งหลาย ไม่ให้ผู้ใดผู้หนึ่งเบียดเบียนบีฑา ครั้งนั้น พระฤๅษีทั้งหลายก็พากันมาอยู่ในสวนพระราชอุทยาน พระองค์ก็ทรงถวายปัจจัยทานมีอาหารเป็นต้น ครั้นพระองค์สิ้นพระชนม์ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ เสวยสุขตามกุศลวาสนา ดังวิสัชนามาฉะนั้น
.....................................................
http://group.wunjun.com/whatisnippana or http://group.wunjun.com/meditation