ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องจริงของสาวซดน้ำยาล้างห้องน้ำประชดรัก 4 ปี กับความทุกข์ทรมาน  (อ่าน 1898 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เรื่องจริงของสาวซดน้ำยาล้างห้องน้ำประชดรัก 4 ปี กับความทุกข์ทรมาน

-http://hilight.kapook.com/view/99302-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณหมอหมีผู้เหี้ยมโหด

          เรื่องจริงของหญิงสาวที่ซดน้ำยาล้างห้องน้ำหวังฆ่าตัวตายประชดคนรัก ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับสภาพร่างกายที่กลืนอาหารไม่ได้ ผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง อยู่กับสภาพร่างกายที่บอบช้ำเป็นเวลากว่า 4 ปี

          เวลาที่เราได้ยินข่าวหญิงสาวซดน้ำยาล้างห้องน้ำหวังฆ่าตัวตายประชดชีวิตที่ไม่ได้ดังใจ แม้ว่าสุดท้ายหมอจะช่วยล้างท้องให้จนรอดชีวิต แต่ข่าวก็จบแต่เพียงแค่นั้น เราแทบไม่เคยรู้เลยว่า ผู้ที่กลืนกินน้ำยาล้างห้องน้ำลงไปนั้นได้รับความทุกข์ทรมานจากพิษของน้ำยาล้างห้องน้ำมากมายขนาดไหน และมีชีวิตอยู่ในสภาพเช่นไร

          คุณหมอหมีผู้เหี้ยมโหด ได้นำชีวิตจริงของ "ส้ม" หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไข้ของคุณหมอ มาบอกเล่าไว้ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่คิดจะซดน้ำยาล้างห้องน้ำประชดใครก็ตามด้วยอารมณ์ชั่ววูบได้รับรู้ เพราะถึงแม้จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ความทุกข์ทรมานที่ต้องเผชิญกับชีวิตที่เหลืออยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็นเลย

          อย่าง "น้องส้ม" เอง ได้รับความเจ็บปวดจากการที่น้ำยาล้างห้องน้ำไปกัดกร่อนเนื้อเยื่อในหลอดอาหารและกระเพาะจนไหม้ดำ ทำให้เธอไม่สามารถกลืนอาหาร หรือแม้แต่บ้วนน้ำลายได้อีกต่อไป ทุกครั้งที่มีน้ำลายก็ต้องบ้วนทิ้ง เวลาอยากทานอาหารอร่อย ๆ เธอก็จะซื้อมาเคี้ยวให้ลิ้นได้รับรู้รสชาติ ก่อนจะตัดใจคายทิ้ง และหลังจากนั้น เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกหลายครั้ง จนร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก กระทั่งมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด และสิ้นลมอย่างสงบ

          ลองอ่านเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และแชร์บอกต่อ ๆ กัน เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจไม่ให้ใครต้องเผชิญความทุกข์เหมือนกับ "น้องส้ม" เป็นคนต่อไป

         น้ำยาล้างห้องน้ำ เวลาสี่ปี กับหญิงสาวที่ชื่อส้ม โดย หมอหมีผู้เหี้ยมโหด

          "น้องส้มลองเขียนหนังสือดูไหมครับ พี่รู้จักสำนักพิมพ์อยู่หลายที่"

          …คำพูดของผมที่พยายามให้กำลังใจ "น้องส้ม" คนไข้คนหนึ่งของผมให้ลุกขึ้นมาเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจตัวเองอย่างเช่นเคย

          "หนูเขียนไม่ได้หรอกค่ะหมอ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง"

          …ไม่เป็นไรครับส้ม วันนี้พี่เขียนให้ส้มเองครับ...

          ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว ตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรม หญิงสาวสวยคนหนึ่งวัย 25 ปี มีปากเสียงทะเลาะกับแฟนหนุ่มด้วยเรื่องที่เธอไม่เคยเปิดเผยให้ใครฟัง การทะเลาะครั้งนั้นลงเอยที่ห้องน้ำของเธอ

          ส้มตัดสินใจทำสิ่งที่เธอต้องย้อนมองกลับมาเสียใจภายหลัง ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำยี่ห้อดังสีม่วงเข้าไป...

          แม้ความแสบร้อนของน้ำยาที่ดื่มเข้าไปจะทรมานสักแค่ไหน แต่ก็ไม่เท่ากับความทุกข์ในใจของเธอ ส้มฝืนทนกลืนน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไปหลายอึกด้วยความเสียใจคิดประชดแฟนหนุ่ม

          น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ทำร้ายร่างกายของเธอจนบอบช้ำ กัดกร่อนเนื้อเยื่อตั้งแต่ช่องปาก หลอดอาหารจนถึงกระเพาะ สร้างความเจ็บปวดแสบร้อนในอกตลอดระยะทางที่เธอถูกนำส่งโรงพยาบาล

          เมื่อถึงโรงพยาบาลกระบวนการช่วยชีวิตต่าง ๆ สามารถช่วยให้สัญญาณชีพของเธอคงที่ ปลอดภัยเพียงพอที่จะส่งตัวไปส่องกล้องเพื่อตรวจดูความรุนแรงของการบาดเจ็บในหลอดอาหารและกระเพาะ

          จากการส่องกล้องเข้าไปดู เนื้อเยื่อในหลอดอาหารและกระเพาะถูกน้ำยาล้างห้องน้ำกัดกร่อนจนไหม้ดำ แต่ยังไม่มีลักษณะที่บ่งชี้ว่าทะลุ จึงให้การรักษาแบบประคับประคอง รอเวลาให้ร่างกายแข็งแรงฟื้นตัวเพื่อการผ่าตัดรักษาในภายหลัง

          แม้การอักเสบของหลอดอาหารและกระเพาะเริ่มดีขึ้น หลอดอาหารที่เคยทำหน้าที่ส่งผ่านอาหารจากปากลงสู่กระเพาะ ก็มีอาการตีบจากพังผืดซึ่งเป็นผลพวงของการอักเสบ แค่การกลืนน้ำลายยังเป็นความลำบากในชีวิตของเธอ ต้องคอยบ้วนน้ำลายทิ้งตลอดเวลา การกลืนอาหารที่ง่ายดายสำหรับคนธรรมดาอย่างเราก็กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ ทำให้ต้องรับอาหารเหลวทางสายยางที่ต่อตรงเข้าสู่ลำไส้เล็ก เฝ้ารอความหวังว่าการผ่าตัดจะช่วยให้เธอกลับมาเป็นหญิงสาวที่ร่าเริงตามเดิม

          เมื่อออกจากโรงพยาบาลไป เธอก็ยังพยายามใช้ชีวิตของหญิงสาววัยรุ่นตามปกติ ไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ และลิ้มลองรสชาติอาหาร แม้จะไม่สามารถกลืนได้เพราะหลอดอาหารตีบ น้องส้มก็ใช้วิธีเคี้ยวเพื่อรับรู้รสชาติแสนอร่อย ก่อนที่จะคายทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย

          จนเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน เธอได้เข้ารับการผ่าตัด เพื่อนำเอาหลอดอาหารที่ตีบตันและใช้งานไม่ได้ออกทั้งหมด รวมถึงกระเพาะอาหารที่โดนเผาไหม้จากน้ำยาล้างห้องน้ำ และตัดส่วนลำไส้ใหญ่โยกย้าย ผ่านทางช่องในทรวงอกขึ้นมาต่อที่คอ เพื่อทำงานทดแทนหลอดอาหารเดิม...และมีชีวิตอย่างเช่นคนปกติ

          หลังผ่าตัดเธอนอนพักฟื้นในห้องผู้ป่วยวิกฤต หรือ ICU อยู่นานเป็นสัปดาห์ มีปัญหาเรื่องหายใจเองไม่ได้ ต้องหายใจผ่านท่อช่วยหายใจที่ต่อกับเครื่องอยู่นาน จนต้องทำการเจาะคอเพื่อให้หายใจทางคอได้

          แต่ความฝันทุกอย่างที่จะกลับมามีชีวิตปกติก็มาพังทลายลง เมื่อลำไส้ใหญ่ที่โยกย้ายขึ้นมาต่อที่คอ กลับมีการตีบและรั่วเนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง มีภาวะขาดสารอาหาร และมีการติดเชื้อร่วมด้วย

          พลังชีวิตวัยสาวของเธอถูกใช้ไปอย่างมากมาย เพื่อให้เธอรอดชีวิตจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด แม้จะรุนแรงและอันตราย แต่ด้วยความที่ยังมีอายุน้อย ร่างกายสามารถต่อสู้กับภาวะที่วิกฤตเช่นนี้จนผ่านมันมาได้ แต่สภาพร่างกายก็ทรุดโทรมซูบผอมลง ต้องหายใจทางรูเจาะคอ ไม่สามารถกลืนอาหารได้ เพราะลำไส้ใหญ่ที่โยกย้ายขึ้นมาต่อที่คอตีบตันไปหมดแล้ว ต้องได้รับอาหารทางสายยางให้อาหารที่ท้องอยู่เป็นหลัก

          ซ้ำร้ายยิ่งกว่า เมื่อน้องส้มมีของเหลวปนอาหารไหลซึมออกมาที่รูแผลหน้าท้องแห่งใหม่ คาดว่าเกิดจากลำไส้เล็กอีกแห่งหนึ่งที่รั่วจนเกิดทางเชื่อมต่อที่หน้าท้อง ของเหลวปนอาหารเหล่านี้ไหลซึมออกมาทางแผลที่หน้าท้องตลอดเวลาจนทำให้ผิวหนังรอบ ๆ แดงแสบ ต้องเอาถุงครอบลำไส้มาปิดเอาไว้เพื่อกักเก็บของเหลวเหล่านี้

          ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องนอนโรงพยาบาลยาวนานนับปี เพื่อรักษารูรั่วจากลำไส้ที่หน้าท้อง และให้น้ำและสารอาหารทางเส้นเลือด

          ภาพคุ้นตาที่พวกเรามักจะเห็น คือ หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ยิ้มร่าเริง เดินไปมาทักทายหมอและพยาบาลทุกคนในหอผู้ป่วย เพราะสนิทและคุ้นเคยกันมานาน น้องส้มมักจะซื้ออาหารที่เธอชอบ เช่น พิซซ่า ซาซิมิปลาแซลมอน และไก่ทอด KFC มารับประทานด้วยการเคี้ยวรับรสชาติแล้วคายทิ้ง

          ผมชักชวนเธอหลายต่อหลายครั้งให้เขียนหนังสือในระหว่างที่นอนโรงพยาบาล บอกเล่าเหตุการณ์ในชีวิตของเธอ เพื่อเตือนใจคนอีกหลายคนบนโลกใบนี้ถึงความร้ายกาจของน้ำยาล้างห้องน้ำ ผมแอดเฟซบุ๊กและไลน์ของน้องส้มเพื่อกระตุ้นบอกให้เธอเขียนหนังสือเล่าเรื่อง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ น้องส้มได้แต่ตอบผมเสมอว่า ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนอย่างไรดี

          ตลอดมาช่วงเวลาที่น้องส้มนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผมเคยเห็นเพื่อนของน้องส้มมาเยี่ยมเยียนไม่บ่อยนัก แต่คนที่มาเยี่ยมน้องส้มอย่างสม่ำเสมอที่สุด คือคุณแม่ของเธอ

          น้องส้มผ่านการผ่าตัดซ่อมแซมลำไส้อีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อตัดส่วนลำไส้ที่รั่วมีปัญหาอันเดิมออกไป ก็จะมีลำไส้รั่วใหม่เกิดขึ้นทุกครั้ง จนล่าสุดการผ่าตัดไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกต่อไป

          ภายในช่องท้องที่ผ่านการผ่าตัดมาหลายต่อหลายครั้ง เกิดผังพืดรัดลำไส้ทุกส่วน จนไม่สามารถแยกได้ว่าส่วนใดต่อกับส่วนใด คล้ายกับสายยางที่คดพันไปมาอย่างคาดเดาไม่ได้ ยิ่งพยายามจะแยกก็ยิ่งมีเลือดออก ครั้งนี้มีส่วนของลำไส้ที่รั่วออกมา ทำให้ของเหลวปนอาหารบางส่วนรั่วออกมาอยู่ในท้อง ทำให้เธอติดเชื้อในกระแสเลือดอีกครั้ง

          …และมันก็เป็นการติดเชื้อครั้งสุดท้าย ร่างกายที่ทรุดโทรมลง พลังชีวิตทั้งหมดถูกใช้ไปจนหมด การติดเชื้อทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ร่างกายของเธอร้อนดุจไฟด้วยไข้ที่ไม่เคยลดลง

          วันหนึ่งที่ผมเข้าห้องผ่าตัดอยู่ เธอส่งข้อความมาหาผมว่า เธอปวดมาก อยากได้ยาแก้ปวดแบบฉีด ซึ่งผมก็สั่งยาให้เธอตามที่ร้องขอ คาดว่าอาการติดเชื้อในช่องท้องเริ่มเป็นมากขึ้น ยาแก้ปวดช่วยบรรเทาอาการของเธอได้บ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด เย็นวันนั้นเธอส่งข้อความในไลน์มาหาผมอีกครั้ง ขึ้นบนจอมือถือแบบที่สามารถอ่านได้แม้จะไม่ต้องกดเข้าไปอ่านก็ตาม



          " …หนูเครียดอยากกลับบ้าน"

เรื่องจริงของสาวซดน้ำยาล้างห้องน้ำประชดรัก กับความทุกข์ทรมานก่อนสิ้นลม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก คุณหมอหมีผู้เหี้ยมโหด

          ข้อความสุดท้ายที่น้องส้มส่งมาหาผม เหมือนเป็นนัยที่สื่อถึงเหตุการณ์ที่จะตามมาภายหลัง ผมไม่เคยกดเปิดอ่านข้อความนี้เลย อาจเพราะผมสามารถอ่านได้จาก Preview อยู่แล้ว หรือเพราะความสงสารน้องส้มจนไม่อยากเปิดอ่านข้อความ ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ

          ร่างกายที่บอบช้ำ ผ่านการผ่าตัดมาหลายต่อหลายครั้ง ลมหายใจที่รวยรินอ่อนแรง กับหัวใจดวงหนึ่งที่ต่อสู้มาตลอดสี่ปี กำลังอ่อนล้าจนเต้นไม่เป็นจังหวะ บีบสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วทั้งร่างอย่างสุดกำลัง เพื่อจะประคองความดันโลหิตที่กำลังลดต่ำลงทุกขณะนาที จนในที่สุดคืนนั้นหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็หยุดนิ่ง น้องส้มได้หลับพักผ่อนจากการต่อสู้อันยาวนานหลายปี

          ...น้องส้มถูกรับตัวกลับบ้านอย่างสงบในวันต่อมา ไม่เจ็บปวดและทุกข์ทรมานอีกต่อไป

          ผมนำเรื่องนี้มาถ่ายทอดแทนน้องส้มผู้ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนอย่างไร เพื่อบอกเล่าถึงความร้ายกาจของการกลืนกินน้ำยาล้างห้องน้ำ และความทุกข์ทรมานของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลาสี่ปี หลังจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดไปเพียงชั่ววูบ

          หากคุณพบคนรู้จักของคุณคิดตัดสินใจผิดพลาดแบบน้องส้ม โปรดอย่าทำให้อาเจียน เพราะจะทำให้น้ำยาล้างห้องน้ำไหลย้อนกลับมากัดกร่อนและเสี่ยงต่อการสำลักลงปอด อย่าให้ดื่มน้ำ, นม หรือไข่ขาวใด ๆ รีบล้างทำความสะอาดคราบน้ำยาบนเสื้อผ้าและลำตัว แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

          และหากบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับใครสักคน ได้โปรด "แชร์" บทความนี้ออกไป เพื่อเตือนใจใครหลาย ๆ คนเหล่านั้นไม่ให้ตัดสินใจผิดอย่างเช่นน้องส้มอีกเลย





คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)