กระบี่เย้ยยุทธจักร (จีนตัวเต็ม: 笑傲江湖; จีนตัวย่อ: 笑傲江湖; พินอิน: xiào ào jiāng hú) เฉี่ยเหงากังโอ๊ว หรือ เซี่ยวเอ้าเจียงหู ผลงานของกิมย้ง (金庸) เรื่องนี้ น.นพรัตน์ แปลครั้งแรกชื่อเรื่อง ผู้กล้าหาญคะนอง ในปี ค.ศ. 1960 แต่พอต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น เดชคัมภีร์เทวดา ต่อมาจึงเปลี่ยนตามภาพยนตร์โทรทัศน์ว่า 'กระบี่เย้ยยุทธจักร' (เนื้อหาถูกตัดลดลงเหลือเพียง 4 เล่ม)
เฉี่ย แปลว่า ยิ้ม หัวเราะ, เหงา แปลว่า ผยอง หยิ่ง, กังโอ๊ว แปลว่า ยุทธจักร รวมแล้วพอจะแปลเอาความได้ว่า 'ยิ้มผยอง (ใน) ยุทธจักร' หรือ 'ยิ้มผยอง หยันยุทธจักร' ในความหมายของไทย "กระบี่เย้ยยุทธจักร" หมายความว่า "มือกระบี่มือหนึ่งแห่งแผ่นดินเยาะเย้ยความเป็นไปของยุทธจักร และ กฎเกณฑ์อันหลอกลวงของยุทธจักร" อันเป็นผลงานชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งของกิมย้ง และ เรื่องนี้ "กิมย้ง" ยังไม่คล้ายคลึงประวัติศาสตร์ของจีนอย่างตายตัว นิยายเรื่องนี้กิมย้งได้เขียนในเชิงเสียดสีกับการเมืองในช่วงการปฏิวัติทางวัฒนธรรม (Cultural Revolution, ปี ค.ศ. 1966-1976) ของจีน ซึ่งเป็นการต่อสู้ภายในเพื่อแย่งชิงอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงเรื่องของ The Count of Monte Cristo ของ Alexandre Dumas เช่นเดียวกับกระบี่ใจพิสุทธิ์ ซึ่งเขียนก่อนหน้านี้ (แต่ไม่ได้เสียดสีการเมือง)
กระบี่เย้ยยุทธจักร เป็นเรื่องราวการแย่งชิงความเป็นหนึ่งในยุทธจักร ระหว่าง ธรรมะ และ อธรรม ท่ามกลางความขัดแย้งและการแย่งชิงอันรุนแรง เหล้งฮู้ชง จอมยุทธฝ่ายธรรมะ ศิษย์เอกของสำนักหัวซาน เป็นคนเปิดเผย ไม่ยึดติดกฎเกณฑ์ คบหาคนด้วยใจ ไม่สนว่าจะเป็นคนฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายอธรรม จนถูกขับออกจากสำนัก แต่ยังไม่พ้นเข้าไปพัวพันเหตุความขัดแย้งต่างๆ ทั้งการชิงความเป็นใหญ่ภายในของฝ่ายธรรมะ และการชิงความเป็นใหญ่ภายในของฝ่ายอธรรม จนสับสนวุ่นวายว่าใครกันแน่ที่เป็นมาร ใครกันที่เป็นฝ่ายอธรรม และใครที่เป็นฝ่ายธรรมะ เพียงต้องการที่จะเป็นที่หนึ่ง ไม่เลือกวิธีการ งักปุ๊กคุ้ง เจ้าสำนักหัวซาน ผู้ได้ฉายาว่ากระบี่ผู้ดี ถึงกับทรยศครอบครัว และศิษย์ของตัวเอง จ้อแหน้เซี้ยง เจ้าสำนักซงซาน กำจัดทุกคนที่ไม่คล้อยตามตนเอง ก็เพียงต้องการได้ชื่อว่า เป็นอันดับหนึ่งในยุทธภพ
นวนิยายเรื่องนี้ เป็นนวนิยายที่ล้วนแฝงไว้ด้วย แนวคิดปรัชญาการดำรงชีวิต อีกทั้งยังมีการเสียดสีสังคมอยู่ตลอด แต่ก็หาได้ขาดอรรถรสของนวนิยายกำลังภายในไปแต่อย่างใด ในขณะที่เรื่องดำเนินไป จะเกิดคำถามขึ้นตลอดเวลา ถึงเรื่องของความถูกผิดในพฤติกรรมของตัวละครแต่ละตัว ตัวละครฝ่ายธรรมะ หรือตัวละครฝ่ายอธรรม ต่างมีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง โดยมีตัวละคร เหล้งฮู้ชง เป็นตัวดำเนินเรื่อง และเป็นตัวเปรียบเทียบ ว่าความสุขของชีวิตที่แท้จริงนั้น อยู่ที่ไหนกันแน่
เนื้อเรื่องย่อโดยสังเขปเหล้งฮู้ชง ศิษย์เอกของสำนักหัวซาน ได้พบและคบหากับ เค็กเอี๊ยง แห่งพรรคมาร โดยบังเอิญ และได้เข้าช่วยเหลือให้ความปรารถนาของ เค็กเอี๊ยง และ หลิวเจิ้นฟง แห่งสำนักเหิงซาน ที่ต้องการล้างมือจากยุทธภพ บรรเลงเพลง เย้ยยุทธจักร ที่ทั้ง 2 แต่งขึ้นเป็นจริงขึ้นมา ทำให้เริ่มขัดแย้งกับจอมยุทธฝ่ายธรรมะ และถูกอาจารย์ลงโทษให้ไปเก็บตัวอยู่บนผาสำนึกตนเป็นเวลา 1 ปี ห้ามลงจากเขาเด็ดขาด ที่ผาฯ นั้นเอง เหล้งฮู้ชง ได้พบกับ ปรมาจารย์สายกระบี่ ฟงชิงหยาง และได้รับการถ่ายทอด เก้ากระบี่ต๊กโกว ทำให้ฝีมือรุดหน้าอย่างรวดเร็ว จนถูกคนเข้าใจผิดว่า เหล้งฮู้ชง ขโมยฝึกวิชา เพลงกระบี่ปราบมาร ของตระกูลลิ้ม
ด้วยเหตุที่ถูกเข้าใจผิด จึงได้มีวาสนาได้ใกล้ชิดกับ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ธิดาเทพแห่งพรรคมารเข้า และก่อตัวเป็นความรัก ยิ่งทำให้ขัดแย้งกับชาวยุทธฝ่ายธรรมะมากยิ่งขึ้นไปอีก จนถูกอาจารย์ขับออกจากสำนักในที่สุด หลังจากนั้น ความรักของทั้งคู่ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อช่วยอาการบาดเจ็บของ เหล้งฮู้ชง หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ยอมบุกเข้าวัดเส้าหลินเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยไม่สนถึงฐานะธิดาเทพของตน ยอมอยู่วัดเส้าหลิน 10 ปี แลกกับความช่วยเหลือ เหล้งฮู้ชง
ต่อมา เหล้งฮู้ชง ได้เข้าช่วยเหลือพ่อของ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ออกจากคุกใต้ทะเลทราย โดยไม่รู้ว่าที่แท้พ่อของนางก็คือ หยิ้นอั้วฮั้ง อดีตประมุขพรรคมาร และได้เรียนวิชา มหาเวทดูดดาว เข้าโดยบังเอิญ เหล้งฮู้ชง ทราบข่าวว่า หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ถูกกักตัวอยู่ที่วัดเส้าหลิน จึงรวบรวมเหล่าชาวยุทธบุกเส้าหลินเพื่อช่วยนางออกมา ต่อมา เหล้งฮู้ชง ได้เข้าช่วยเหลือ หยิ้นอั้วฮั้ง ชิงตำแหน่งประมุขพรรคมารคืนจาก ตงฟางปุ๊ป้าย และได้รับการชักชวนให้เป็นรองประมุขจาก หยิ้นอั้วฮั้ง แต่ว่า เหล้งฮู้ชง ปฏิเสธ แล้วจากมา
ในขณะเดียวกัน จ้อแหน้เซี้ยง เจ้าสำนักซงซาน ผู้นำแห่ง 5 ขุนเขากระบี่ ได้เริ่มดำเนินแผนรวมห้าขุนเขากระบี่เป็นหนึ่ง เพื่อก้าวสู่ความเป็นใหญ่ในฝ่ายธรรมะ แต่ ตึ้งอี้ซือไท้ เจ้าสำนักหานซาน คัดค้านไม่ยอมคล้อยตาม ตึ้งอี้ซือไท้ จึงถูก จ้อแหน้เซี้ยง ลอบทำร้าย โชคดีที่ได้ เหล้งฮู้ชง เข้าช่วยเหลือจึงรอดมาได้ แต่ในที่สุด ติ้งอี้ซือไท้ ก็ถูกสังหารจนได้ โดยคนชุดดำ และได้ทิ้งคำสั่งเสียให้ เหล้งฮู้ชง รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักหานซาน หลังจากรับตำแหน่งเจ้าสำนักหานซาน และชักชวนชาวยุทธให้เข้าสำนักหานซานแล้ว จ้อแหน้เซี้ยง ได้เรียกประชุม 5 สำนัก เรื่องการรวมตัวกันของสำนัก 5 ขุนเขากระบี่ โดยการประลองกระบี่ ผลคือ งักปุ๊กคุ้ง สามารถชนะและสังหาร จ้อแหน้เซี้ยง ลงได้ แต่วิชาที่ใช้นั้น กลับเป็น เพลงกระบี่ปราบมาร ไม่ใช่เพลงกระบี่หัวซานแต่อย่างใด แผนการที่วางมานานของ งักปุ๊กคุ้ง จึงได้ถูกเปิดเผยออกมาในการประลองนี้
หลังจาก งักปุ๊กคุ้ง ได้ตำแหน่งประมุขพรรค 5 ขุนเขากระบี่แล้ว ก็ได้เริ่มแผนการขั้นต่อไป คือกำจัดพรรคมาร เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่ตนเอง งักปุ๊กคุ้ง ชักชวน เหล้งฮู้ชง ให้เข้าร่วมกับตนเพื่อช่วยกำจัดพรรคมาร เหล้งฮู้ชง หลีกเลี่ยง โดยอ้างการส่ง ศิษย์หานซาน กลับสำนักหานซานก่อน แล้วจึงจะมาช่วยงาน พรรค 5 ขุนเขากระบี่ ระหว่างทาง ได้พบเข้ากับ ลิ้มเพ้งจือ กำลังจะสู้กับ อื้อชางไห่ เจ้าสำนักชิงเฉิง และ มู่เกาฟง เพื่อแก้แค้นให้ พ่อแม่ ที่ตายไป โดยเพลงกระบี่ที่ใช้รวดเร็วและร้ายกาจ เป็น เพลงกระบี่ปราบมารนั่นเอง ลิ้มเพ้งจือ มีฝีมือร้ายกาจ แม้ อื้อชางไห่ และ มู่เกาฟง ร่วมมือกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ ในที่สุด แม้ว่า ลิ้มเพ้งจือ จะเอาชนะและสังหารทั้งคู่ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องพลาดท่าถูกเลือดพิษของ มู่เกาฟง ทำให้ตาบอด
หลังจากตาบอด งักเล้งซัง ติดตามดูแล ลิ้มเพ้งจือ อยู่ไม่ห่าง ลิ้มเพ้งจือ เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้นางฟัง รวมทั้งเรื่องการเฉือนความเป็นชายเพื่อฝึก เพลงกระบี่ปราบมาร งักเล้งซัง มีใจรักมั่น แม้เสียใจ แต่นางก็ยังต้องการที่จะดูแล ลิ้มเพ้งจือ ต่อไป แต่เพื่อแก้แค้น งักปุ๊กคุ้ง ที่ขโมย คัมภีร์กระบี่ปราบมาร ไป ลิ้มเพ้งจือ จึงได้ลงมือสังหาร งักเล้งซัง อย่างเลือดเย็น แล้วหนีไปหลบซ่อนตัวเพื่อรอการแก้แค้น งักปุ๊กคุ้งต่อไป
หลังจาก งักปุ๊กคุ้ง ดำเนินการที่จะกำจัดพรรคมาร โดยหวังใช้ เหล้งฮู้ชง มาช่วยตนกำจัด หยิ้นอั้วฮั้ง แต่เมื่อถูก เหล้งฮู้ชง ปฏิเสธ จึงหันกลับมาหวังกำจัดแทน และเข้าขอความช่วยเหลือจาก วัดเส้าหลิน และ สำนักบู๊ตึ๊ง แต่ถูกปฏิเสธ งักปุ๊กคุ้ง จึงต้องสู้กับ พรรคมาร เพียงลำพัง ทางฝ่าย หยิ้นอั้วฮั้ง เองก็ต้องการให้ เหล้งฮู้ชง มาเข้ากับฝ่ายตนเช่นเดียวกัน จึงปล่อยข่าวเรื่องที่ เหล้งฮู้ชงช่วยเหลือ หยิ้นอั้วฮั้ง ถึง 2 ครั้ง 2 ครา หลังจากนั้นก็ได้พาตัว เหล้งฮู้ชง มาที่ ผาไม้ดำ และเสนอเรื่องการแต่งงานกับ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง และรับตำแหน่งรองประมุขพรรคตะวันจันทรา แต่เพื่อไม่ให้ผิดต่อคุณธรรม เหล้งฮู้ชง จึงปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ หยิ้นอั้วฮั้ง โกรธเป็นอย่างมากถึงกับประกาศว่าจะไปถล่มสำนักหานซานด้วยตนเอง เหล้งฮู้ชง จึงจำต้องจาก หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ณ ที่ผาไม้ดำ
ข่าวการปฏิเสธตำแหน่งรองประมุขพรรคตะวันจันทรา และตัดใจจาก หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ของ เหล้งฮู้ชง เป็นที่ชื่นชมไปทั่วในความมีคุณธรรม ถึงกับยอมตัดใจจากคนรัก หลังจากกลับมาถึง สำนักหานซาน ไต้ซือฟางเจิ้นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน และนักพรตชงซีเจ้าสำนักบู๊ตึ๊ง ได้พาศิษย์มาช่วยเหลือต้านการบุกโจมตีของพรรคมาร ไต้ซือฟางเจิ้น ได้มอบ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจาก วิชามหาเวทดูดดาว โดยอ้างว่าเป็นคัมภีร์ของ ฟงชิงหยาง
หลังจากที่ เหล้งฮู้ชง สร้างกระท่อมไม้ไผ่บนเขาหานซาน เพื่อหวังเป็นกระท่อมพักกายอยู่อย่างสงบ หยิ้นอิ๋งอิ๋งได้มาหา เหล้งฮู้ชง หลังจากที่จากกันที่ผาไม้ดำ งักปุ๊กคุ้ง จึงถือโอกาสนี้จับตัว หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ไปหัวซานเพื่อบีบให้ เหล้งฮู้ชง ไปติดกับ ในเวลาเดียวกัน ลิ้มเพ้งจือ เองก็ตรงมายังหัวซานเพื่อแก้แค้นเช่นกัน ในระหว่างการต่อสู้ของ ลิ้มเพ้งจือ กับ งักปุ๊กคุ้ง นั้นเอง ด้วยความช่วยเหลือของ งักฮูหยิน ทำให้ช่วย หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ออกมาได้ แต่แล้วด้วยความหมดอาลัยตายอยากต่อ งักปุ๊กคุ้ง ผู้เป็นสามี จึงได้ฆ่าตัวตาย ระหว่างที่ เหล้งฮู้ชง และ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ฝังศพของ งักฮูหยิน แล้ว ก็เดินทางกลับหานซาน แต่กลับพบว่าสำนักหานซานถูก งักปุ๊กคุ้ง ถือโอกาสโจมตีและบังคับพาตัวศิษย์หานซานไปผาไม้ดำ เหล้งฮู้ชง และ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง จึงตามไปที่ผาไม้ดำ
งักปุ๊กคุ้ง ได้เข้าจู่โจมผาไม้ดำ และได้ประมือกับ หยิ้นอั้วฮั้ง แม้ หยิ้นอั้วฮั้ง และทูตซ้าย เฮี้ยงหมึ่งที จะลงมือพร้อมกัน ก็ไม่อาจเอาชนะ งักปุ๊กคุ้ง ได้ เมื่อ เหล้งฮู้ชง และ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง มาถึงที่ผาไม้ดำ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง เห็นผู้เป็นพ่อกำลังเสียท่า จึงยื่นมือเข้าช่วย แต่สุดท้ายก็ยังสู้ งักปุ๊กคุ้ง ไม่ได้ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง บาดเจ็บ เฮี้ยงหมึ่งที บาดเจ็บสาหัส ส่วน หยิ้นอั้วฮั้ง ต้องจบชีวิตลง งักปุ๊กคุ้ง เหมือนจะได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา คือ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแผ่นดิน และแล้วการต่อสู้ระหว่าง เหล้งฮู้ชง กับ งักปุ๊กคุ้ง ก็เริ่มขึ้น ในครั้งนี้ ทั้งคู่ต่างใช้ฝีมือที่มีอยู่ทั้งหมดเข้าสู้กัน แม้ เพลงกระบี่ปราบมาร จะร้ายกาจ แต่ก็ไม่อาจตั้งรับการบุกโจมตีของ เก้ากระบี่ต๊กโกว ได้ จึงต้องพ่ายแพ้และจบชีวิตไปในที่สุด
หลังจากศึกบนผาไม้ดำจบลง เหล้งฮู้ชง ได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้แก่ อี้ลิ้ม ศิษย์เอกแห่งสำนักหานซาน รับสืบทอดต่อไป และไปใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่ ดื่มเหล้า บรรเลงบทเพลงเย้ยยุทธจักร กับ หยิ้นอิ๋งอิ๋ง ใช้ชีวิตอย่างสงบ