อันนี้ทางเป็นไปของจิตทางหนึ่ง....
________________________________________
เพราะฉะนั้นในเมื่อสรุปรวมลงไปแล้วว่า
เราจะบริกรรมภาวนาก็ตาม
จะพิจารณาอะไรก็ตาม
การบริกรรมภาวนา เรียกว่าการปฏิบัติตามแบบของสมถะ
การพิจารณา เรียกว่าการปฏิบัติตามแบบของวิปัสสนา
ทั้งสองอย่างนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้จิตสงบเป็นสมาธิ
เพื่อได้เกิดสติปัญญารู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริง
และทั้งสองอย่างนี้ ในเมื่อจิตสงบลงไปแล้วเนี่ย ภาษาคำพูดอะไรต่าง ๆ มันจะไม่มี
ผู้ปฏิบัติแบบสมถะก็ดี
ผู้ปฏิบัติแบบวิปัสสนาก็ดี
ในเมื่อจิตปล่อยวางอารมณ์แล้วมันจะไปนิ่งว่างอยู่เฉย ๆ
ที่นี่จุดที่มันนิ่งว่างเนี่ย ทางหนึ่งวิ่งกระแสออกนอกเกิดภาพนิมิตดังที่กล่าว
อีกทางหนึ่งมันวิ่งตามลมเข้ามาข้างในจะมารู้เห็นอวัยวะในร่างกาย ซึ่งเรียกว่ารู้อาการสามสิบสอง
มันจะไปจนกระทั่งถึงจตุถฌาน......
ที่นี้อีกทางหนึ่งมันไม่เป็นไหนละ
จิตรู้อยู่ที่จิตอยู่เพียงอย่างเดียว ไม่เข้านอก ไม่ออกใน
แล้วจะว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ว่าจิตรู้จิตอย่างเดียว
ถ้ากายยังมีอยู่มันก็จะเห็นอารมณ์ที่เกิดดับ ๆ ๆ อยู่อย่างละเอียด
นี่ทางไปของจิตมันมีอยู่สามทางเท่านี้...
อันนี้ขอฝากนักปฏิบัติทั้งหลายเอาไว้พิจารณา
http://portal.in.th/i-dhamma/pages/8054/http://fws.cc/leavesofeden/index.php?topic=1538.0