ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 07:41:21 pm »

คัดลอกมาจากลิ๊งค์ที่คุณครูบัวส่งมาให้ไงขอรับ :47:
ข้อความโดย: ดอกโศก
« เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 07:24:08 pm »

รายละเอียด : 

Up ถ้าหนัก ก็วางลงซะ...

          นอกเหนือจากงานภาพที่ไม่เคยเป็นสองรองใครแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การ์ตูนจากค่ายพิกซ่าร์โดดเด่นเป็นสง่ากว่าผลงานจากค่ายอื่นๆ ก็คือ "บท" จากหนัง 9 เรื่องที่ผ่านมาคงพิสูจน์ให้ทุกคนประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า สิ่งที่ทำให้การ์ตูนจากค่ายพิกซ่าร์สามารถมัดใจคนดูทุกเพศทุกวัยทั่วโลกได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ งานภาพสวยๆ ตัวละครน่ารักๆ หรือมุกตลกฮาๆ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเนื้อหาอันน่าประทับใจ ที่มักจะแฝงอะไรบางอย่างให้คนดูได้ฉุกคิดเป็นการบ้านอีกด้วย ซึ่งใน UP ปู่ซ่าบ้าพลัง ผลงานลำดับที่ 10 ของพิกซ่าร์เรื่องนี้ก็เช่นกัน

          หากมองกันเผินๆ จากหนังตัวอย่าง บางคนอาจจะคิดว่า UP คือหนังการ์ตูนที่เล่าเรื่องของ คุณปู่พ่อค้าลูกโป่งท่าทางซังกะตายคนหนึ่งที่นึกสนุกอยากไปเที่ยวอเมริกาใต้ เลยตัดสินใจแผลงๆ ด้วยการเอาลูกโป่งค้างสต๊อกมาผูกกับบ้านเพื่อใช้เหาะไปยังที่หมาย โดยมีลูกเสือสำรองพูดมากคนหนึ่งที่จับผลัดจับผลูมาเป็นลูกเรือของเขาอย่างไม่ตั้งใจ จนนำไปสู่การผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของคู่หูต่างวัยคู่นี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของการ์ตูนเรื่องนี้เท่านั้น

          หลังจากได้ดูการ์ตูนสั้นเรื่อง Party Cloudy ที่ว่าด้วยความสัมพันธ์น่ารักๆ ระหว่างนกกระสากับก้อนเมฆ เป็นออเดิร์ฟแล้วเรียบร้อย เรื่องราวของ UP ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยการย้อนกลับไปเล่าตั้งแต่สมัยที่ปู่คาร์ล เฟรดริกเซน ยังเป็นเด็กชายท่าทางเจี้ยมเจี๋ยมซึ่งมีชาร์ลส์ มันต์ช นักผจญภัยชื่อดังเป็นฮีโร่ในดวงใจ และก็เป็นฮีโร่คนนี้นี่แหละที่ทำให้คาร์ล ได้พบกับเอลลี่  ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภรรยาสุดที่รักของเขา โดยทั้งคู่มีสัญญาใจกันว่า สักวันหนึ่งจะต้องเดินทางไปยังน้ำตกซึ่งงดงามราวกับสรวงสวรรค์ที่อยู่ในอเมริกาใต้ในจงได้ แต่แล้วเอลลี่ ก็มาตายจากไป ทำให้ปู่คาร์ล เก็บตัวเงียบ ใช้ชีวิตอย่างเปล่าเปลี่ยว จนกลายเป็นคนแปลกแยกในสายตาของสังคม

          ช่วงแรกของหนังซึ่งมีอารมณ์แบบโรแมนติกปนดราม่านี่เอง ที่ทำให้คนดูได้รับรู้ว่าปู่คาร์ล กับภรรยานั้นรักกันขนาดไหน และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมปู่คาร์ล ถึงตัดสินใจออกผจญภัยโดยเอาบ้านที่อยู่หลังนี้ไปด้วย ส่วนใครที่อยากรู้ว่าลูกเสือสำรองตัวอ้วน รัสเซลล์  หลงติดขึ้นมาบนบ้านได้ยังไง ไปหาคำตอบกันเองดีกว่า เพราะฉากนี้เป็นฉากหนึ่งที่ทำให้คนดูหัวเราะกันลั่นโรงเลยทีเดียว

          จะว่าไปแล้ว UP มีความเป็น Road Movie อยู่กลายๆ เหมือนกัน เมื่อมองจากการที่หนังถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยคู่หูต่างวัยคู่นี้ ที่ยิ่งได้บุกป่าฝ่าดงร่วมกันนานเท่าไหร่ ทั้งคู่ก็ยิ่งรู้สึกผูกผันและเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะสร้างความซาบซึ้งตรึงใจให้บังเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่า หนังการ์ตูนเรื่องนี้ยังได้มอบความสนุก หฤหรรษ์ให้กับคนดูอย่างเต็มที่อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้ตัวละครเด่นอีก 2-3 ตัวอย่าง นกยักษ์, หมาพูดได้ และ ชาร์ลส์ มันต์ช (ในวัยแก่) เข้ามาช่วยกันป่วนจนทำให้ภารกิจของปู่คาร์ล ยากลำบากยิ่งขึ้น ก็ทำให้หนังมีสีสันและทวีความสนุกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

          นอกเหนือจาก คนดูจะรู้สึกอินไปกับความรักอันแสนโรแมนติกของปู่คาร์ลกับภรรยา ได้ซาบซึ้งไปกับมิตรภาพอันน่าประทับใจที่ไม่มีช่องว่างระหว่างวัยมาขวางกั้นของปู่คาร์ล และรัสเซลล์ รวมถึงได้สนุกสนาน ตื่นเต้น ไปกับการผจญภัยสุดระทึกแล้ว UP ยังแฝงประเด็นที่ลึกซึ้งซึ่งเป็นปรัชญาในการดำเนินชีวิตของมนุษย์เอาไว้ด้วยอย่างแยบยล โดยหนังเรื่องนี้พยายามจะสื่อสารกับผู้ชมว่า บางทีคนเราควรจะรู้จัก “ปล่อยวาง”  เสียบ้าง แล้วอะไรๆ ในชีวิตอาจจะได้ดีขึ้น

          ช่วงต้นๆ ของเรื่อง ก่อนที่ปู่คาร์ล จะพาบ้านสุดรักสุดหวงหลังนี้โบยบินสู่ท้องฟ้าเพื่อตามล่าฝัน หนังเปิดเผยให้เรารู้ว่า บ้านหลังอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงถูกพวกนักธุรกิจกว้านซื้อไปหมดแล้ว จะเหลือก็แค่บ้านของปู่คาร์ล หลังเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ยอมขาย หรือตอนที่ไปถึงอเมริกาใต้แล้ว ปู่คาร์ล ก็จะผูกบ้านที่ลอยอยู่ในอากาศไว้กับตัวเสมอ และเวลาที่เงยหน้าขึ้นไปคุยกับบ้านทุกครั้งก็จะเรียกชื่อภรรยาตลอด ซึ่งเปรียบไปแล้ว บ้านหลังนี้ก็คือตัวแทนชีวิตคู่อันแสนสุขและภรรยาสุดที่รักของปู่คาร์ล นั่นเอง ซึ่งปู่คาร์ล ก็ยังคง “ยึดติด” กับภาพวันวานอันแสนชื่นมื่นเหล่านั้นไม่เสื่อมคลาย

          ฉากสำคัญฉากหนึ่งในเรื่องที่น่าจะตอกย้ำประเด็นที่ว่านี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ ตอนที่ปู่คาร์ล กระเสือกกระสนพาบ้านที่เขาและเอลลี่ ช่วยกันสร้างกับมือขึ้นมาตั้งอยู่บนน้ำตกได้สำเร็จแล้ว ภาพที่เราเห็นต่อมาคือ ปู่คาร์ล จัดแจงเอาเก้าอี้ตัวโปรดมาตั้งที่เดิม แล้วหย่อนตัวนั่งลงพร้อมกับหยิบไดอารี่ที่ภรรยาทิ้งไว้ขึ้นมาเปิดดูจนไปพบประโยคเด็ดอันหนึ่งที่เขียนไว้ประมาณว่า “ขอบคุณที่ร่วมผจญภัยกันมา... ออกไปผจญภัยครั้งใหม่ได้แล้ว!”

          ซึ่งประโยคนี้นี่เองที่ทำให้ปู่คาร์ล ตาสว่าง และลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่สมควรต้องทำ ถึงแม้ต้องลงเอยด้วยการสูญเสียสิ่งที่รักและหวงแหนที่สุดไปก็ตาม แต่สิ่งที่ได้มาแทนที่ก็คือ ความสุขเล็กๆ ในบั้นปลายชีวิต ที่มารอปู่คาร์ลอยู่ตรงเบื้องหน้าแล้ว...

                                                                                                                                          โดย...ชาร์ลี ไฟน์แมน
 
ขอบพระคุณ...คุณครูบัวและที่มาจากที่นี่http://www.majorcineplex.com/movie_update_detail.php?newsid=1895


ข้างบนนี่   นี่สำนวนคุณเล็กเหรอคะ?
 :18:
ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 07:12:04 pm »

รายละเอียด : 

Up ถ้าหนัก ก็วางลงซะ...

          นอกเหนือจากงานภาพที่ไม่เคยเป็นสองรองใครแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การ์ตูนจากค่ายพิกซ่าร์โดดเด่นเป็นสง่ากว่าผลงานจากค่ายอื่นๆ ก็คือ "บท" จากหนัง 9 เรื่องที่ผ่านมาคงพิสูจน์ให้ทุกคนประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า สิ่งที่ทำให้การ์ตูนจากค่ายพิกซ่าร์สามารถมัดใจคนดูทุกเพศทุกวัยทั่วโลกได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ งานภาพสวยๆ ตัวละครน่ารักๆ หรือมุกตลกฮาๆ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเนื้อหาอันน่าประทับใจ ที่มักจะแฝงอะไรบางอย่างให้คนดูได้ฉุกคิดเป็นการบ้านอีกด้วย ซึ่งใน UP ปู่ซ่าบ้าพลัง ผลงานลำดับที่ 10 ของพิกซ่าร์เรื่องนี้ก็เช่นกัน

          หากมองกันเผินๆ จากหนังตัวอย่าง บางคนอาจจะคิดว่า UP คือหนังการ์ตูนที่เล่าเรื่องของ คุณปู่พ่อค้าลูกโป่งท่าทางซังกะตายคนหนึ่งที่นึกสนุกอยากไปเที่ยวอเมริกาใต้ เลยตัดสินใจแผลงๆ ด้วยการเอาลูกโป่งค้างสต๊อกมาผูกกับบ้านเพื่อใช้เหาะไปยังที่หมาย โดยมีลูกเสือสำรองพูดมากคนหนึ่งที่จับผลัดจับผลูมาเป็นลูกเรือของเขาอย่างไม่ตั้งใจ จนนำไปสู่การผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของคู่หูต่างวัยคู่นี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของการ์ตูนเรื่องนี้เท่านั้น

          หลังจากได้ดูการ์ตูนสั้นเรื่อง Party Cloudy ที่ว่าด้วยความสัมพันธ์น่ารักๆ ระหว่างนกกระสากับก้อนเมฆ เป็นออเดิร์ฟแล้วเรียบร้อย เรื่องราวของ UP ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยการย้อนกลับไปเล่าตั้งแต่สมัยที่ปู่คาร์ล เฟรดริกเซน ยังเป็นเด็กชายท่าทางเจี้ยมเจี๋ยมซึ่งมีชาร์ลส์ มันต์ช นักผจญภัยชื่อดังเป็นฮีโร่ในดวงใจ และก็เป็นฮีโร่คนนี้นี่แหละที่ทำให้คาร์ล ได้พบกับเอลลี่  ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภรรยาสุดที่รักของเขา โดยทั้งคู่มีสัญญาใจกันว่า สักวันหนึ่งจะต้องเดินทางไปยังน้ำตกซึ่งงดงามราวกับสรวงสวรรค์ที่อยู่ในอเมริกาใต้ในจงได้ แต่แล้วเอลลี่ ก็มาตายจากไป ทำให้ปู่คาร์ล เก็บตัวเงียบ ใช้ชีวิตอย่างเปล่าเปลี่ยว จนกลายเป็นคนแปลกแยกในสายตาของสังคม

          ช่วงแรกของหนังซึ่งมีอารมณ์แบบโรแมนติกปนดราม่านี่เอง ที่ทำให้คนดูได้รับรู้ว่าปู่คาร์ล กับภรรยานั้นรักกันขนาดไหน และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมปู่คาร์ล ถึงตัดสินใจออกผจญภัยโดยเอาบ้านที่อยู่หลังนี้ไปด้วย ส่วนใครที่อยากรู้ว่าลูกเสือสำรองตัวอ้วน รัสเซลล์  หลงติดขึ้นมาบนบ้านได้ยังไง ไปหาคำตอบกันเองดีกว่า เพราะฉากนี้เป็นฉากหนึ่งที่ทำให้คนดูหัวเราะกันลั่นโรงเลยทีเดียว

          จะว่าไปแล้ว UP มีความเป็น Road Movie อยู่กลายๆ เหมือนกัน เมื่อมองจากการที่หนังถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยคู่หูต่างวัยคู่นี้ ที่ยิ่งได้บุกป่าฝ่าดงร่วมกันนานเท่าไหร่ ทั้งคู่ก็ยิ่งรู้สึกผูกผันและเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะสร้างความซาบซึ้งตรึงใจให้บังเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่า หนังการ์ตูนเรื่องนี้ยังได้มอบความสนุก หฤหรรษ์ให้กับคนดูอย่างเต็มที่อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้ตัวละครเด่นอีก 2-3 ตัวอย่าง นกยักษ์, หมาพูดได้ และ ชาร์ลส์ มันต์ช (ในวัยแก่) เข้ามาช่วยกันป่วนจนทำให้ภารกิจของปู่คาร์ล ยากลำบากยิ่งขึ้น ก็ทำให้หนังมีสีสันและทวีความสนุกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

          นอกเหนือจาก คนดูจะรู้สึกอินไปกับความรักอันแสนโรแมนติกของปู่คาร์ลกับภรรยา ได้ซาบซึ้งไปกับมิตรภาพอันน่าประทับใจที่ไม่มีช่องว่างระหว่างวัยมาขวางกั้นของปู่คาร์ล และรัสเซลล์ รวมถึงได้สนุกสนาน ตื่นเต้น ไปกับการผจญภัยสุดระทึกแล้ว UP ยังแฝงประเด็นที่ลึกซึ้งซึ่งเป็นปรัชญาในการดำเนินชีวิตของมนุษย์เอาไว้ด้วยอย่างแยบยล โดยหนังเรื่องนี้พยายามจะสื่อสารกับผู้ชมว่า บางทีคนเราควรจะรู้จัก “ปล่อยวาง”  เสียบ้าง แล้วอะไรๆ ในชีวิตอาจจะได้ดีขึ้น

          ช่วงต้นๆ ของเรื่อง ก่อนที่ปู่คาร์ล จะพาบ้านสุดรักสุดหวงหลังนี้โบยบินสู่ท้องฟ้าเพื่อตามล่าฝัน หนังเปิดเผยให้เรารู้ว่า บ้านหลังอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงถูกพวกนักธุรกิจกว้านซื้อไปหมดแล้ว จะเหลือก็แค่บ้านของปู่คาร์ล หลังเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ยอมขาย หรือตอนที่ไปถึงอเมริกาใต้แล้ว ปู่คาร์ล ก็จะผูกบ้านที่ลอยอยู่ในอากาศไว้กับตัวเสมอ และเวลาที่เงยหน้าขึ้นไปคุยกับบ้านทุกครั้งก็จะเรียกชื่อภรรยาตลอด ซึ่งเปรียบไปแล้ว บ้านหลังนี้ก็คือตัวแทนชีวิตคู่อันแสนสุขและภรรยาสุดที่รักของปู่คาร์ล นั่นเอง ซึ่งปู่คาร์ล ก็ยังคง “ยึดติด” กับภาพวันวานอันแสนชื่นมื่นเหล่านั้นไม่เสื่อมคลาย

          ฉากสำคัญฉากหนึ่งในเรื่องที่น่าจะตอกย้ำประเด็นที่ว่านี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ ตอนที่ปู่คาร์ล กระเสือกกระสนพาบ้านที่เขาและเอลลี่ ช่วยกันสร้างกับมือขึ้นมาตั้งอยู่บนน้ำตกได้สำเร็จแล้ว ภาพที่เราเห็นต่อมาคือ ปู่คาร์ล จัดแจงเอาเก้าอี้ตัวโปรดมาตั้งที่เดิม แล้วหย่อนตัวนั่งลงพร้อมกับหยิบไดอารี่ที่ภรรยาทิ้งไว้ขึ้นมาเปิดดูจนไปพบประโยคเด็ดอันหนึ่งที่เขียนไว้ประมาณว่า “ขอบคุณที่ร่วมผจญภัยกันมา... ออกไปผจญภัยครั้งใหม่ได้แล้ว!”

          ซึ่งประโยคนี้นี่เองที่ทำให้ปู่คาร์ล ตาสว่าง และลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่สมควรต้องทำ ถึงแม้ต้องลงเอยด้วยการสูญเสียสิ่งที่รักและหวงแหนที่สุดไปก็ตาม แต่สิ่งที่ได้มาแทนที่ก็คือ ความสุขเล็กๆ ในบั้นปลายชีวิต ที่มารอปู่คาร์ลอยู่ตรงเบื้องหน้าแล้ว...

                                                                                                                                          โดย...ชาร์ลี ไฟน์แมน
 
ขอบพระคุณ...คุณครูบัวและที่มาจากที่นี่http://www.majorcineplex.com/movie_update_detail.php?newsid=1895
ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: กันยายน 04, 2010, 09:11:57 pm »

 :12: ชอบเหมือนผมเลยพี่บัว การ์ตูนเรื่องนี้ใสใสดีครับ
ผมชอบเจ้าตูบใส่ปลอกคอที่พูดได้ครับ น่ารักดี กับเจ้านกโดโด้ ^^ ตลกและน่ารักดีครับ

อ้อเมื่อวานผมดู Prince of Persia :The Sands of Time สนุกดีครับ
ได้แง่คิดหลายๆอย่างครับ ^^ ตอนนี้ยังอยู่ในเครื่องอยู่เลย

ข้อความโดย: ดอกโศก
« เมื่อ: กันยายน 04, 2010, 03:46:35 pm »

วันนี้เป็นวันพักผ่อนวันแรกในรอบสามสัปดาห์ที่ต้องทำงานทุกวัน
จึงเลือกการดูหนังเป็นรางวัลแก่ชีวิตค่ะ ^_^


"UP" หนังการ์ตูนภาพสวย และสาระดีๆ ทำให้วันหยุดวันนี้อิ่มใจมากๆค่ะ

หนังเล่าเรื่องผ่านความฝันในวัยเยาว์ของเด็กชายและหญิงสองคน
วันเวลาผ่านเลย ทั้งคู่เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนคู่ชีวิตที่ผูกผันกันด้วยความฝันจากวันเยาว์...

สัจธรรมของโลกนี้...เราก็ต้องจากกันในวันหนึ่ง
เด็กชายคนนั้นในวันนี้จึงเป็นเพียงชายแก่ที่ภรรยาเสียชีวิตแล้วใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในเมืองใหญ่...

การเริ่มต้นเดินทางเพื่อเติมความฝันกับเพื่อนร่วมเดินทางต่างวัยจึงเริ่มขึ้น
ความยากลำบากและเรื่องไม่คาดฝันทำให้มิตรภาพงอกงาม
ความรักและความหวังดีทำให้ชีวิตอยู่รอด
สุดท้าย....เพื่อนและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทำให้ความฝันพลันเป็นจริง
และท้ายที่สุด...ที่ได้เรียนรู้คือความรัก....


ประทับใจกับการ์ตูนเรื่องนี้มากค่ะ ลองหามาดูกันนะคะ  :13:



ขอบคุณภาพจากที่นี่ค่ะ   http://asubtleknife.wordpress.com/2009/09/28/growing-up/up-pixar-movie_l/