ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 07:41:21 pm »คัดลอกมาจากลิ๊งค์ที่คุณครูบัวส่งมาให้ไงขอรับ
เว็บใต้ร่มธรรม ตั้งขึ้นเพื่อการรวมตัวของสมาชิกและทีมงานเว็บอกาลิโก ให้มาปรึกษาพบปะพูดคุยกันก่อนเดินทางสู่เส้นทางเดิมของอกาลิโกครับ พร้อมที่จะสานต่อความดีบนโลกออนไลน์ใบเล็กๆนี้ ทุกเรื่องราวมีความเป็นไป หากพี่ๆทุกท่านได้รับข่าวสารฉบับนี้ ถ้ามีเวลา..ก็ขอให้แวะมา พักคุยธรรมะปรึกษาหารือกันเช่นกัลยาณมิตรเหมือนที่เคยมา.."ด้วยความคิดถึงอย่างยิ่ง..ถึงที่สุด ธรรมะอวยพรครับ"
รายละเอียด :
Up ถ้าหนัก ก็วางลงซะ...
นอกเหนือจากงานภาพที่ไม่เคยเป็นสองรองใครแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การ์ตูนจากค่ายพิกซ่าร์โดดเด่นเป็นสง่ากว่าผลงานจากค่ายอื่นๆ ก็คือ "บท" จากหนัง 9 เรื่องที่ผ่านมาคงพิสูจน์ให้ทุกคนประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า สิ่งที่ทำให้การ์ตูนจากค่ายพิกซ่าร์สามารถมัดใจคนดูทุกเพศทุกวัยทั่วโลกได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ งานภาพสวยๆ ตัวละครน่ารักๆ หรือมุกตลกฮาๆ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเนื้อหาอันน่าประทับใจ ที่มักจะแฝงอะไรบางอย่างให้คนดูได้ฉุกคิดเป็นการบ้านอีกด้วย ซึ่งใน UP ปู่ซ่าบ้าพลัง ผลงานลำดับที่ 10 ของพิกซ่าร์เรื่องนี้ก็เช่นกัน
หากมองกันเผินๆ จากหนังตัวอย่าง บางคนอาจจะคิดว่า UP คือหนังการ์ตูนที่เล่าเรื่องของ คุณปู่พ่อค้าลูกโป่งท่าทางซังกะตายคนหนึ่งที่นึกสนุกอยากไปเที่ยวอเมริกาใต้ เลยตัดสินใจแผลงๆ ด้วยการเอาลูกโป่งค้างสต๊อกมาผูกกับบ้านเพื่อใช้เหาะไปยังที่หมาย โดยมีลูกเสือสำรองพูดมากคนหนึ่งที่จับผลัดจับผลูมาเป็นลูกเรือของเขาอย่างไม่ตั้งใจ จนนำไปสู่การผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของคู่หูต่างวัยคู่นี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของการ์ตูนเรื่องนี้เท่านั้น
หลังจากได้ดูการ์ตูนสั้นเรื่อง Party Cloudy ที่ว่าด้วยความสัมพันธ์น่ารักๆ ระหว่างนกกระสากับก้อนเมฆ เป็นออเดิร์ฟแล้วเรียบร้อย เรื่องราวของ UP ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยการย้อนกลับไปเล่าตั้งแต่สมัยที่ปู่คาร์ล เฟรดริกเซน ยังเป็นเด็กชายท่าทางเจี้ยมเจี๋ยมซึ่งมีชาร์ลส์ มันต์ช นักผจญภัยชื่อดังเป็นฮีโร่ในดวงใจ และก็เป็นฮีโร่คนนี้นี่แหละที่ทำให้คาร์ล ได้พบกับเอลลี่ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภรรยาสุดที่รักของเขา โดยทั้งคู่มีสัญญาใจกันว่า สักวันหนึ่งจะต้องเดินทางไปยังน้ำตกซึ่งงดงามราวกับสรวงสวรรค์ที่อยู่ในอเมริกาใต้ในจงได้ แต่แล้วเอลลี่ ก็มาตายจากไป ทำให้ปู่คาร์ล เก็บตัวเงียบ ใช้ชีวิตอย่างเปล่าเปลี่ยว จนกลายเป็นคนแปลกแยกในสายตาของสังคม
ช่วงแรกของหนังซึ่งมีอารมณ์แบบโรแมนติกปนดราม่านี่เอง ที่ทำให้คนดูได้รับรู้ว่าปู่คาร์ล กับภรรยานั้นรักกันขนาดไหน และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมปู่คาร์ล ถึงตัดสินใจออกผจญภัยโดยเอาบ้านที่อยู่หลังนี้ไปด้วย ส่วนใครที่อยากรู้ว่าลูกเสือสำรองตัวอ้วน รัสเซลล์ หลงติดขึ้นมาบนบ้านได้ยังไง ไปหาคำตอบกันเองดีกว่า เพราะฉากนี้เป็นฉากหนึ่งที่ทำให้คนดูหัวเราะกันลั่นโรงเลยทีเดียว
จะว่าไปแล้ว UP มีความเป็น Road Movie อยู่กลายๆ เหมือนกัน เมื่อมองจากการที่หนังถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยคู่หูต่างวัยคู่นี้ ที่ยิ่งได้บุกป่าฝ่าดงร่วมกันนานเท่าไหร่ ทั้งคู่ก็ยิ่งรู้สึกผูกผันและเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะสร้างความซาบซึ้งตรึงใจให้บังเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่า หนังการ์ตูนเรื่องนี้ยังได้มอบความสนุก หฤหรรษ์ให้กับคนดูอย่างเต็มที่อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้ตัวละครเด่นอีก 2-3 ตัวอย่าง นกยักษ์, หมาพูดได้ และ ชาร์ลส์ มันต์ช (ในวัยแก่) เข้ามาช่วยกันป่วนจนทำให้ภารกิจของปู่คาร์ล ยากลำบากยิ่งขึ้น ก็ทำให้หนังมีสีสันและทวีความสนุกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
นอกเหนือจาก คนดูจะรู้สึกอินไปกับความรักอันแสนโรแมนติกของปู่คาร์ลกับภรรยา ได้ซาบซึ้งไปกับมิตรภาพอันน่าประทับใจที่ไม่มีช่องว่างระหว่างวัยมาขวางกั้นของปู่คาร์ล และรัสเซลล์ รวมถึงได้สนุกสนาน ตื่นเต้น ไปกับการผจญภัยสุดระทึกแล้ว UP ยังแฝงประเด็นที่ลึกซึ้งซึ่งเป็นปรัชญาในการดำเนินชีวิตของมนุษย์เอาไว้ด้วยอย่างแยบยล โดยหนังเรื่องนี้พยายามจะสื่อสารกับผู้ชมว่า บางทีคนเราควรจะรู้จัก “ปล่อยวาง” เสียบ้าง แล้วอะไรๆ ในชีวิตอาจจะได้ดีขึ้น
ช่วงต้นๆ ของเรื่อง ก่อนที่ปู่คาร์ล จะพาบ้านสุดรักสุดหวงหลังนี้โบยบินสู่ท้องฟ้าเพื่อตามล่าฝัน หนังเปิดเผยให้เรารู้ว่า บ้านหลังอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงถูกพวกนักธุรกิจกว้านซื้อไปหมดแล้ว จะเหลือก็แค่บ้านของปู่คาร์ล หลังเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ยอมขาย หรือตอนที่ไปถึงอเมริกาใต้แล้ว ปู่คาร์ล ก็จะผูกบ้านที่ลอยอยู่ในอากาศไว้กับตัวเสมอ และเวลาที่เงยหน้าขึ้นไปคุยกับบ้านทุกครั้งก็จะเรียกชื่อภรรยาตลอด ซึ่งเปรียบไปแล้ว บ้านหลังนี้ก็คือตัวแทนชีวิตคู่อันแสนสุขและภรรยาสุดที่รักของปู่คาร์ล นั่นเอง ซึ่งปู่คาร์ล ก็ยังคง “ยึดติด” กับภาพวันวานอันแสนชื่นมื่นเหล่านั้นไม่เสื่อมคลาย
ฉากสำคัญฉากหนึ่งในเรื่องที่น่าจะตอกย้ำประเด็นที่ว่านี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ ตอนที่ปู่คาร์ล กระเสือกกระสนพาบ้านที่เขาและเอลลี่ ช่วยกันสร้างกับมือขึ้นมาตั้งอยู่บนน้ำตกได้สำเร็จแล้ว ภาพที่เราเห็นต่อมาคือ ปู่คาร์ล จัดแจงเอาเก้าอี้ตัวโปรดมาตั้งที่เดิม แล้วหย่อนตัวนั่งลงพร้อมกับหยิบไดอารี่ที่ภรรยาทิ้งไว้ขึ้นมาเปิดดูจนไปพบประโยคเด็ดอันหนึ่งที่เขียนไว้ประมาณว่า “ขอบคุณที่ร่วมผจญภัยกันมา... ออกไปผจญภัยครั้งใหม่ได้แล้ว!”
ซึ่งประโยคนี้นี่เองที่ทำให้ปู่คาร์ล ตาสว่าง และลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่สมควรต้องทำ ถึงแม้ต้องลงเอยด้วยการสูญเสียสิ่งที่รักและหวงแหนที่สุดไปก็ตาม แต่สิ่งที่ได้มาแทนที่ก็คือ ความสุขเล็กๆ ในบั้นปลายชีวิต ที่มารอปู่คาร์ลอยู่ตรงเบื้องหน้าแล้ว...
โดย...ชาร์ลี ไฟน์แมน
ขอบพระคุณ...คุณครูบัวและที่มาจากที่นี่http://www.majorcineplex.com/movie_update_detail.php?newsid=1895