ในตอนค่ำหลังจากทำวัตรเย็นแล้ว เราก็ไปเวียนเทียนกันที่ศาลากลางน้ำ ซึ่งเป็นที่ศาลาตกแต่งด้วยจิตรกรรมและประติมากรรมที่สวยงามมาก และดูแปลกตาโดยเฉพาะที่เสารอบๆ มีรูปปั้นประดับอยู่ เสียดายเราไปช่วงมีงาน เลยไม่มีเวลาเดินดูอะไรเท่าไหร่เลย ถ้ามีโอกาสคงได้ไปอีก ช่วงเราเดินเวียนเทียน หลวงปู่ก็จะพรมน้ำมนต์ให้พวกเราด้วย และหลวงปู่ก็จะลอยโคมประทีป พร้อมกับมีโคมอื่นๆ อีกหลายโคมบนท้องฟ้า จากนั้นเราก็ไปเวียนเทียนที่ลานโพธิ์ ซึ่งหลวงปู่จะมาไหว้นมัสการรูปปั้นหลวงปู่ทวด และเวียนเทียนพร้อมกับพระที่วัดด้วย
ลานโพธิ์ ที่มีต้นโพธิ์ใหญ่ ว่ากันว่ามีนกคาบเมล็ดมาจากอินเดีย
รุ่งขี้นวันที่ 29 เป็นวันไหว้ครูหมอยาและไหว้ครูพระเวท ที่เขาจะมีการไหว้ครูหมอยาประจำทุกปี เพราะหลวงปู่เชี่ยวชาญเรื่องยาและสมุนไพร และมีพระอาจารย์ที่หลวงปู่เคารพอยู่หลายองค์ เช่น ฤาษีชีวกโกมารทัตย์ ฯ เครื่องเซ่นไหว้ก็เยอะมาก หลวงปู่ทำน้ำมนต์สมุนไพรไว้ด้วย เราได้กลิ่นโชยมา หอมมาก ตอนบ่ายเป็นการไหว้ครูพระกรรมฐาน ที่ต้องใช้ขันครูที่ใส่กรวยดอกไม้ ธูป เทียน และเหรียญ 16 บาทเป็นค่าครู แต่ละปีหลวงปู่จะมีวิธีการรับไหว้ไม่เหมือนกัน ปีนี้หลวงปู่เสี่ยงทายแล้วให้ลูกศิษย์ดู ปรากฎได้วิธีเจิมหน้าผาก หลวงปู่เจิมหน้าผากลูกศิษย์ที่มาไหว้ครู ทั้งผู้ที่บวชเนกขัมมะ และผู้ที่ไม่ได้บวชแต่มาไหว้ครูโดยเฉพาะอีก รวมแล้วสองพันกว่าคนได้ แต่ไม่ได้ยินหลวงปู่บ่นเลย ท่านนั่งโดยไม่ได้ลุกไปไหนเลยตั้งแต่บ่ายๆจนหกโมงเย็น จนเสร็จหมดทุกคน หลังจากนั้นก็จะมีทำพิธีหล่อพระต่อที่โรงหล่อพระด้านหน้าวัด ซึ่งมีขั้นตอนกรรมวิธีมาก พวกเรารอดูกันอยู่ข้างนอก เพราะเตาเผามันร้อน ซึ่งหลวงปู่ได้บอกเมื่อตอนบ่ายว่า กูขอเทวดาไว้ว่าอย่าให้มีฝนตกช่วงทำพิธีหล่อพระ แล้วก็ไม่มีจริงๆด้วย บางคนบอกว่า หลวงปู่สั่งเทวดาได้ด้วยแฮะ เสร็จกิจกรรมวันนี้เราเหนื่อยกันมาก แต่ยังเหนื่อยน้อยกว่าหลวงปู่หลายเท่านัก
เครื่องเซ่นและครูอาจารย์ที่เคารพของหลวงปู่
หลวงปู่ไหว้คุณย่า (คุณแม่หลวงปู่) ที่ท่านบอกว่าเป็น "ครูใหญ่"
หม้อต้มสมุนไพรของหลวงปู่ กลิ่นหอมมาก
นิทรรศการพืชสมุนไพร ที่มาของยาแผนไทยของหลวงปู่และผลิตภัณฑ์สมุนไพร 'หอมจัง'
พิธีไหว้ครู หลวงปู่เจิมพระก่อน
จากนั้นหลวงปู่ก็เจิมผู้บวชเนกขัมมะ และศิษย์ที่มาไหว้ครู
ภาพผู้บวชเนกขัมมะ ให้รู้มาบวชจริงๆนะคะ แต่เห็นแค่ด้านหลัง อย่าเห็นด้านหน้าเลย เพราะศีล 8 เขาห้ามทาเครื่องหอม ดิฉันถือเคร่งไม่ทาอะไรเลย ร้อนก็ร้อน โทรมเชียวค่ะ :-)
[/SIZE][/FONT][/FONT]
[/SIZE][/FONT][/FONT]
วันสุดท้าย 30 พฤษภาคม เป็นวันลาสิกขาบท หลวงปู่จะมาให้ปัจฉิมโอวาทด้วย ซึ่งก่อนจะลาสิกขาหลวงปู่ก็ยังเทศน์สอนอีก และก็ให้ฝึกเดินกรรมฐานกันอีกหน่อยก่อนกลับ ตั้งแต่ขั้นที่ 1-6 หลวงปู่นั่งดูพวกเราเดินไปด้วย แลัวก็สอนไปด้วย คอยบอกให้จับจังหวะให้ตรง ไม่ให้ใจลอย ในช่วงเวลาปัจฉิมโอวาท เป็นธรรมเนียมศิษย์ทุกคนจะร้องเพลงมาลาบูชาครูให้หลวงปู่ ส่วนใหญ่จะร้องไห้กัน เพราะซาบซึ้งในความเมตตาของหลวงปู่ เรามาใหม่ยังร้องเพลงไม่ได้ แต่ก็น้ำตาซึมตามเลยอ่ะ
เมื่อถึงเวลาลาสิกขาบท ต้องกล่าวคำลาสิกขาต่อพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ ทำให้เราบ่อน้ำตาแตกเลย เพราะรู้สึกตื้นตันที่แม้เป็นลูกผู้หญิง แต่ก็ได้บวชทดแทนคุณบิดามารดา ปู่ย่าตายาย พอนึกถึงว่าต่อไปนี้จะกลับไปเป็นคฤหัสถ์เหมือนเดิม ต้องกราบลาพระพุทธเจ้า กราบลาพระธรรม มีบทสวดท่อนหนึ่งบอกว่า
" พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งสุดท้ายในโลกของข้าพเจ้า ที่พึ่งอื่นใดในโลกข้าพเจ้าไม่มี " ... เท่านี้แหละน้ำตามันมาจากไหนไม่รู้ .. มีคนบอกว่าบวชเนกขัมมะ ถือศีล 8 นี้ก็ถือว่าเป็นการสร้างบารมีอย่างหนึ่ง ได้บุญมากเหมือนกัน ทำให้เราอยากบวชอีกถ้ามีโอกาส โดยเฉพาะที่ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี สถานที่ปฏิบัติธรรมอีกแห่งของวัดอ้อน้อย คงจะบรรยากาศดีมาก
สิ่งที่ตัวเองสังเกตได้อีกอย่างหลังจากการไปบวชเนกขัมมะคือ การมีวิธีคิดที่ทำให้รู้สึกทุกข์น้อยลง มีความอดทนและใช้อารมณ์น้อยลง อย่างที่หลวงปู่บอกว่า " อย่าใช้อารมณ์นำปัญญา " วิถีคิดก็เปลี่ยนไปจากเดิม อะไรที่ทำให้ทุกข์ก็พยายามจะไม่ไปคิดอีก เรียกว่าวางทุกข์ให้เป็น มีความสุขกับตัวเอง และสิ่งที่เป็นอยู่มากขึ้น ไม่รู้หลวงปู่ให้พลังอะไรมานะเนี้ย พอเวลาอาหารมื้อเย็น ยังอดนึกถึงขณะบวชถือศีล 8 ไม่ได้เลย แล้วก็ไม่รู้สึกอยากกินนั่นอยากกินนี่ด้วย กินแค่พออิ่มและไม่รู้สึกหิว จนแม่ต้องถามว่าเย็นนี้กินข้าวไหม .. เป็นการฝึกตัวเองที่ดีจริงๆ แม้ว่าตัวเองจะยังฝึกกรรมฐานได้แค่ขั้นต้น และเพิ่งเริ่มเรียนรู้ที่จะปฏิบัติธรรม แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่มีค่ายิ่ง
ถ้ามีโอกาสว่าง ตั้งใจว่าจะไปวัดอ้อน้อย เพื่อไหว้หลวงปู่อีก เพราะได้ไหว้ครูเป็นศิษย์หลวงปู่แล้ว และท่านก็เป็นตัวอย่างหลายอย่างสำหรับศิษย์ทุกคน ทั้งเรื่องความเพียร ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ความรักชาติและสถาบัน ซึ่งเวลาหลวงปู่แสดงธรรมจะพูดเรื่องนี้เสมอๆ ถ้าท่านใดสนใจลองติดตามฟังรายการแสดงธรรมที่หลวงปู่พุทธะอิสระไปแสดงได้ทาง ASTV วันศุกร์ เวลา 11.00-12.00 น หรือวันอาทิตย์ช่อง 5 เวลา 05.00-06.00 รายการอาทิตย์สดใสได้ค่ะอบรมขยับกายสบายชีวีวิถีพุทธ มีทุกอาทิตย์ที่สามและเสาร์ที่ 4 ของเดือน สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://www.onoi.org http://www.oknation.net/blog/moonandsun/2010/06/03/entry-1[/FONT][/FONT]